วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

27/02/2556


............................................................................................................................


นาย ก : ปตท.นี่สูบเลือดคนไทยนะครับ
นาย ข : ยังไงครับ ?
นาย ก : ดูสิครับ ขายน้ำมันราคาแพง กำไรปีละเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน
นาย ข : ไอ้ผลกำไรนี่ ดูมาจากไหนครับ ?
นาย ก : ก็ดูจากงบการเงินที่มันรายงานทุกๆไตรมาสนะสิครับ
นาย ข : แต่ในรายละเอียด เขากำไรจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันน้อยมากนะครับ
นาย ก : แหม ตัวเลขมันแต่งกันได้ครับ คุณเชื่อไอ้งบการเงินพวกนี้ด้วยหรือครับ
นาย ข : แล้วไอ้ผลกำไรที่ว่า นี่ดูมาจากไหนครับ ?
นาย ก : ก็ดูจากงบการเงินที่มันรายงานทุกๆไตรมาสนะสิครับ
นาย ข : แต่ในรายละเอียด เขากำไรจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันน้อยมากนะครับ
นาย ก : แหม ตัวเลขมันแต่งกันได้ครับ คุณเชื่อไอ้งบการเงินพวกนี้ด้วยหรือครับ


............................................................................................................................


...........................................................................................................................




" ทักษิณ " คุณทำให้ผมอับอายขายหน้าต่างชาติเหลือเกิน
ยูเอ็นเรียกร้องทุกประเทศจัดหลักประกันสุขภาพให้ประชาชน ยกไทยต้นแบบความสำเร็จ !!!!!

สมัชชาสหประชาชาติมีมติเอกฉันท์รับรองวาระหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เรียกร้องทุกประเทศจัดหลักประกันสุขภาพ ป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องล้มละลายและยากจนจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ยกตัวอย่างไทยประเทศกำลังพัฒนาที่ทำสำเร็จ เป็นต้นแบบ ให้จีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ สร้างหลักประกันสุขภาพ

23 ธ.ค. 55 - นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ นสพ.The Guardian ของประเทศอังกฤษ รายงานข่าวว่า ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองวาระหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ Affordable Universal Healthcare ซึ่งเป็นมติที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆจัดระบบบริการสุขภาพสำหรับประชาชนในประเทศ โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการโดยตรง แต่จ่ายทางอ้อมผ่านระบบภาษี และมีกลไกที่รวมความเสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนล้มละลายหรือยากจนจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล มตินี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากประเทศต่างๆทั่วโลก ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แอฟริกาใต้ และไทย

กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวต่อว่า จากการวิจัยที่มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ให้ทุนสนับสนุนพบว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดหรือเศรษฐกิจแบบใด ผลการศึกษาพบว่าแต่ละปี ประชากรโลก 150 ล้านคน ต้องจ่ายค่าบริการสุขภาพแพงมาก เป็นผลให้ 25 ล้านครัวเรือน มีฐานะยากจนลง และมีประชาชนมากกว่า 3,000 ล้านคนต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยเงินของตนเอง ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กจำนวนมากต้องออกจากการเรียนเพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล การรับรองมติดังกล่าวนั้น หมายความว่าต่อไปนี้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเป็นวาระสำคัญของสหประชาชาติ และเป็นเป้าหมายหนึ่งของการพัฒนาหลังปี 2015 (the post-2015 development goals)

นพ.จรัล กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของไทยในฐานะเป็นผู้บุกเบิกการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งครอบคลุมประชาชนทุกคนตั้งแต่ปี 2545 ประชาชนไทยประมาณ 99% ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านบริการสุขภาพที่ครอบคลุม ตั้งแต่การป้องกันโรค /ส่งเสริมสุขภาพ บริการปฐมภูมิ การรักษาพยาบาลทุกระดับ รวมถึงการบริการที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น รังสีรักษา ยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี และมีความก้าวหน้าในการสร้างความเสมอภาคด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว เป็นต้นแบบให้ประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และจีน มีแผนที่ชัดเจนที่จะสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ครอบคลุมประชากรของตน - See more at: http://prachatai.com/journal/2012/12/44364#sthash.zAe82nYc.dpuf


ขอเถอะครับ คุณทักษิณ อย่าทำให้พวกแมงสาป กับสลิ่ม เสียหน้า อับอายชาวโลกไปมากกว่านี้เลยครับ ผมทนไม่ได้
คราวที่แล้ว คุณก็ทำให้คนไทยกลุ่มเล็กๆ อับอายมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยถูกประจานกันไปทั่วโลก ด้วยการรับรางวัล
รัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ The ABLF Statesman Award ประจำปี 2555 แถมองค์การอนามัยโลก ก็บอกจะเอา นโยบาย 30 บาท ไปลอกอีก ผมล่ะเซ็งคุณจังเลย
โปรดหยุดสร้างความอับอายให้กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่อาศัยในประเทศไทยด้วยเถอะครับ คุณทักษิณ


........................................................................................................................





LONDON: WALK ON | รถไฟใต้ดินลอนดอน (หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Tube - ท่อ) เมื่อมีการเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบอื่นด้วย Oyster Card บัตรโดยสารใบเดียวที่ใช้ได้กับทั้งรถไฟใต้ดินและบนดิน รถเมล์ รถราง หรือแม้แต่เรือโดยสาร ทำให้รถยนต์ส่วนตัวกลายเป็นพาหนะที่ไม่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตที่นี่ และยิ่งหมดความหมายไปอีกเมื่อตอนที่เคน ลิฟวิงสโตน นายกเทศมนตรีคนแรกของกรุงลอนดอนออกนโยบายเรียกเก็บค่าจราจรติดขัดจากรถยนต์ที่ขับเข้ามาในโซนชั้นในของลอนดอนเมื่อปี 2003 ... ซึ่งทำให้หลายคนเลิกใช้รถและหันไปขี่จักรยานเพิ่มขึ้นกว่า 3 หมื่นคนในเวลาชั่วข้ามคืน http://creativethailand.org/th/creativecity/creativecity_detail.php?id=46


...................................................................................................................................


อภิสิทธิ์ : ผมแปลกใจจริงๆครับ
นาย ก : อะไรครับ ?
อภิสิทธิ์ : วันนี้มีจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครผู้ว่ากทม.
นาย ก : อืมม.....
อภิสิทธิ์ : เป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องการทุจริต
นาย ก : แล้วยังไงครับ ?
อภิสิทธิ์ : แต่ว่าพงศพัศจากเพื่อไทยไม่ยอมมาร่วมนะสิครับ
นาย ก : แล้วที่นั่งพูดหัวโด่อยู่บนเวทีนั่นละครับ ?
อภิสิทธิ์ : ..... ผมมั่นใจคุณสุขุมพันธ์ต้องได้กลับมารับตำแหน่งอีก ...
นาย ก : เฮ้ย แล้วที่นั่งพูดหัวโด่อยู่นั่นไม่ใช่พงศพัศหรือว่ะครัฟ !!!!
อภิสิทธิ์ : คุณสุขุมพันธ์เป็นคนทำงานจริงไม่มีการสร้างภาพเหมือนผู้สมัครคนอื่น
นาย ก : เอ้า มึงว่าเค้าหนีดีเบตนโยบายทุจริต แต่เขามาร่วมงานไง เฮ้ย !!
อภิสิทธิ์ : 4 ปีที่ผ่านมา ผลงานของคุณสุขุมพันธ์เป็นที่ยอมรับของชาวกทม.......

ลอยหน้าลอยตา ให้ข่าวตีกิน ไม่เคยมีคำว่าขอโทษออกจากปากอภิสิทธิ์....


...........................................................................................................................

http://www.youtube.com/watch?v=Jbp472sp6C8&feature=player_embedded

หลักฐานสำคัญ ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์

.........................................................................................................................

......................................................................................................................




บทเรียนจากกบ

ครั้งหนึ่งมีกลุ่มของลูกกบตัวเล็กๆกลุ่มหนึ่งได้มาร่วมกันจัดการแข่งขันเพื่อจะปีนขึ้นไปยอดเสาไฟฟ้าแรงสูง มีกลุ่มชนชาวกบมากมายมารอชมและเชียร์การแข่งขันครั้งนี

การแข่งขันเริ่มขึ้น...พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีชนชาวกบตัวใดจะเชื่อว่า เจ้ากบตัวเล็กๆ เหล่านั้นจะปีนขึ้นไปจนถึงยอดได้มีเสียงพูดลอยมาให้ได้ยิน เป็นต้นว่า

"เขาไม่มีทางจะขึ้นไปถึงยอดหรอก มันยากลำบากขนาดนั้น" หรือ "เขาไม่มีโอกาสจะประสบความสำเร็จหรอก เสามันสูงขนาดนั้น"

เจ้ากบตัวน้อยๆ เหล่านี้ก็เริ่มที่จะร่วงหล่นลงไปทีละตัว ทีละตัว ... ยกเว้นเจ้าตัวหนึ่งซึ่งยังปีนอย่างมุ่งมั่น สูงขึ้น และ สูงขึ้น

ฝูงกบก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกน "มันยากเกินไป ไม่มีใครทำได้หรอก!"
กบส่วนใหญ่เริ่มเหนื่อยและยอมแพ้...แต่มีกบตัวหนึ่ง ที่ยังตั้งหน้าตั้งตาปีนสูงขึ้น สูงขึ้น...เจ้าตัวนี้ไม่ยอมแพ้!

เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน กบตัวอื่นๆ ต่างยอมแพ้ที่จะปีนสู่ยอดเสาจนหมดสิ้น ยกเว้นกบตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังมันก็สามารถปีนขึ้นสู่ยอดเสาได้

กบทุกๆ ตัวอยากรู้ว่า เจ้ากบตัวเล็กๆ ตัวนี้ทำได้อย่างไร?
กบคู่แข่งขันต่างอยากรู้ว่า เจ้ากบเล็กๆ ตัวนี้ มีพลังในการปีนขึ้นสู่ยอดเสา อันเป็นเป้าหมายจนประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

เรื่องกลับกลายเป็นว่า...กบผู้ชนะตัวนั้นหูหนวก!!!!

---การที่ไม่ได้ยินในสิ่งที่บั่นทอนแรงใจ มีผลให้ความตั้งใจประสบความสำเร็จ---


................................................................................................................

..................................................................................................................

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361957334&grpid=03&catid&subcatid


FATF ประกาศถอน "ไทย" พ้นแบล็กลิสต์ "ฟอกเงิน และการก่อการร้าย" แล้ว



....................................................................................................................




ครั้งแรกในโลก...ป้ายโฆษณา ผลิตน้ำดื่มสะอาดจากอากาศโดยรอบ เพื่อชุมชนแห้งแล้งในเปรู โดยนักศึกษาจาก UTEC...นี่สิ ถึงเรียกว่าระบบการศึกษาที่ทำประโยชน์ได้จริง..ยอดเยี่ยมมากๆๆค่ะ ดูเพิ่มที่ http://www.iurban.in.th/highlight/billboard-that-extracts-clean-drinking-water-from-humid-air/


......................................................................................................................




กา 16 ได้ 16 กา 9 ได้ 9 และผมมีวิธีที่ กา 17 ได้ 17 คนในกรุงเทพฯไม่ได้มีแค่คนเลือกสองพรรคใหญ่ครับ อย่าให้ผมไปอยู่ในความขัดแย้งนั้นเลยครับ ผมจะขายนโยบายจนวันสุดท้ายและอยากให้ท่านเลือกผู้ว่าฯที่นโยบาย ความเห็นทางการเมืองของทุกท่านถูกหมดเห็นไม่ตรงกันได้แต่ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่อย่าห้ามสิทธิ์คนเลือกทางที่ไม่ตรงกับคุณ เขามีสิทธิ์เท่ากับคุณ ต่างคนต่างเชียร์ไป ตอนนี้คนที่มีแนวทางของตัวเองชัดเจนคนสองล้านคนที่หายไปและหนุ่มสาวที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งจะเป็นคนหักปากกาเซียนทุกสำนัก ออกมากันเยอะๆครับ ส่งข้อความที่ท่านต้องการจริงๆถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมืองบ้าง ไม่ใช่พูดอะไรกับเราก็ได้ครับ จบเรื่องเสียงแตกนะบัดนี้ครับ เริ่มต้นความกล้าที่จะก้าวไปทำในสิ่งที่เชื่อ ผมลุยเต็มที่ สู้โว้ย !!!!
เชื่อแบบใหม่ เลือกแบบใหม่ ได้กรุงเทพฯความรู้สึกใหม่
สุหฤท สยามวาลา X17


........................................................................................................................


โอ้...จันทรา!

........................................................................................................................























วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

26/02/2556


..................................................................................................................




เขื่อนห้วยโสมง หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ที่จริงแล้วเขื่อนนี้มีขนาดความจุน้ำมากกว่าเขื่อนแม่วงก์เสียอีก แต่เพราะเป็นเขื่อนในโครงการพระราชดำริ จึงทำให้ไม่ค่อยมีการคัดค้า

เขื่อนห้วยโสมง จะก่อให้เกิดน้ำท่วมป่าในเขตป่าอุทยานฯทับลาน และปางสีดา ซึ่งต่อมาได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก และเป็นที่อยู่อาศัย หากินของสัตว์ป่าหลายชนิด ทั้งเสือ ช้าง กระทิง และอาจมีจระเข้น้ำจืด ฯลฯ

เขื่อนห้วยโสมง ได้รับการอนุมัติ EIA และโครงการ เมื่อปี 2552 และเริ่มลงมือก่อสร้างไปแล้วบางส่วน (แต่ป่ายังไม่ถูกน้ำท่วม) ท่ามกลางความกังวลของคกก.มรดกโลกต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า

ยังไม่สายที่จะทบทวน ชะลอ และกลับมาทบทวนผลดี ผลเสียกันอีกครั้ง และหาทางเลือกอื่นในการพัฒนา - คนอนุรักษ์

ภาพโดย http://www.siamensis.org/webboard/topic/4531
ข้อความบนภาพโดย U no need a dam


...................................................................................................................................



» Q&A กับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ...เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒน

Q : แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มมาจากอะไร ?

A : เริ่มมาจากปัญหาที่เราไปเจอนั่นแหละ โลกเวลานี้ก็บริโภคเสียจนกระทั่งเกินเหตุ แล้วก็เกิดวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าพูดไปแล้วมีตัวเลขน่ากลัวมาก คือว่า...ชาวโลกบริโภคทรัพยากรธรรมชาติไปในอัตรา ๓ ต่อ ๑ คือบริโภคไป ๓ ส่วน แต่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติชดเชยกลับมาได้เพียง ๑ ส่วน 

ถ้าเราบริโภคในอัตราความเร็วอย่างนี้ก็หมด น้ำมันก็เริ่มมีสงครามแย่งน้ำมันกันแล้วใช่ไหม อีกหน่อยก็มีสงครามแย่งน้ำ สงครามแย่งทรัพยากรกัน แล้วก็มันไม่เพียงพอกับประชากรที่เพิ่มขึ้น ๆ ในขณะนี้ ก็คูณไปสิ มากขึ้น ๆ

เพราะฉะนั้นพอมันเป็นอย่างนี้ หันมาดูประเทศไทยมันก็แบบเดียวกันอีก โลกาภิวัตน์...เราก็ตามโลก มุ่งหาความร่ำรวย มุ่งหาความเจริญเติบโต

แล้วถ้าตัวเองไม่สร้างฐานรากทางเศรษฐกิจและสังคมเอาไว้อย่างมั่นคง พอเศรษฐกิจโตแล้วมันก็แตกเป็นฟองสบู่แบบที่เห็นกันมาหลายครั้งแล้ว โตแล้วก็แตก คือไม่ได้สร้างฐานราก

ก็เลยพระราชทานแนวหลักมาว่า ให้ใช้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ชีวิตหลักเช่นทางสายกลาง โดยพระราชทานหลัก ๓ ประการมาให้

◌◌◌◌◌◌◌◌


หลัก ๓ ประการนั่นก็คือว่า...

● ประการที่ ๑ : ทำอะไรต่าง ๆ นั้นใช้เหตุใช้ผลเป็นเครื่องนำทางได้ไหม ?...อย่าเปลี่ยนตามกระแส

คือตามกระแสโลกเราก็รู้อยู่แล้ว โลกทุกวันนี้มันนำไปสู่ความหายนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราก็ไม่ควรจะตาม เราควรจะมีแนวทางของเรา

เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล อย่าไปตามกระแส อย่าไปทำอะไรให้มันล้นไปจนกระทั่งเกิดทุกข์ เพราะคำว่าแตกเนี่ย เศรษฐกิจแตกเพราะเราเป่าให้มันแตก มันต้องโตเสียก่อนแล้วมันถึงจะแตก ลูกโป่งมันต้องเป่าก่อนแล้วมันถึงจะแตก

ฉันใดฉันนั้น ถ้าคิดมันก็เป็นสติเตือนใจ แต่เราไม่ชินกับการทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล

◌◌◌◌◌◌◌◌


● ประการที่ ๒ : ทำอะไรพอประมาณได้ไหม ?

คือต้องตรวจดูสภาพก่อนว่าสภาพตัวเราแข็งแรงแค่ไหนอย่างไร ศักยภาพของเราอยู่ตรงไหน เราแข็งจุดไหนบ้าง เราอ่อนจุดไหนบ้าง ตรวจสอบศักยภาพของเราเสียก่อน แล้วทำตามพอประมาณของเราในขณะนั้น ในระดับใดระดับหนึ่งที่มันเหมาะสมกับขนาดของเรา

ผมมักจะชอบเปรียบเทียบกับมวย เราจะไปถึงแชมป์โลกได้ต้องบอกว่ารุ่นไหน ถ้ารุ่นเล็กนี่มาเลย อันนั้นคือความพอประมาณ ศักยภาพเต็มประมาณของเราอยู่ตรงนี้เราสู้ได้ แต่ถ้าชกรุ่นใหญ่ขึ้นไป เราไปไม่ไหว มันเกินจากเราแล้ว

อันนี้คือความพอประมาณ ต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเรา มันควรจะเอาเรื่องอะไรมาเป็นที่ตั้งหรือเป็นฐาน

◌◌◌◌◌◌◌◌


● ประการที่ ๓ : จะทำอะไรก็ตามนั้นต้องมี...ภูมิคุ้มกัน !!

คือทำอย่างไรให้นึกถึงวันพรุ่งนี้ว่าพรุ่งนี้มันไม่แน่ ต้องมีหลักประกันอยู่ตลอดเวลา ต้องมีเงินออมไว้หน่อยได้ไห

สำหรับระดับบุคคลเนี่ยพรุ่งนี้อาจจะไม่สบายก็ได้ เพราะฉะนั้นมีเท่าไหร่ใช้หมด เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยจะทำอย่างไร

อย่างเรื่องพลังงาน ดีเซลมันแพงขึ้น ๆ เราจะแสวงหาน้ำมันดีเซลจากพืชหรืออะไรต่ออะไรมาเป็นหลักประกันเรา เราจะได้ไม่ต้องพึ่งภายนอก

ชีวิตเราไม่ต้องขึ้นอยู่กับคนอื่นเขามากเกินไปจนกระทั่งมันขาดอิสรภาพไป อันนี้คือภูมิคุ้มกันที่เราต้องมีตลอดเวลา เพราะว่าอะไรกระทบมาเราจะได้ไม่เดือดร้อน อย่างน้อยเรามีเกราะกำบังของเราไว้

◌◌◌◌◌◌◌◌


อันนั้นคือคำหลัก ๓ ประการ มีเหตุมีผล ต้องยึดความพอประมาณ รู้ศักยภาพของเรา และก็มีภูมิคุ้มกัน

แต่ทรงเน้นว่า...ทั้งหลายทั้งปวงนี้ต้องตั้งอยู่บนฐานจริยธรรมคุณธรรม

คือคนเราต้องมีคุณธรรมต้องมีจริยธรรม ถ้าปราศจากข้อนี้แล้วไม่มีประโยชน์ ร่ำรวยไปถ้าสังคมมันเต็มไปด้วยความทุจริต หรือไม่ซื่อตรง หรือคดโกงกัน หรือเอาเปรียบกัน เบียดเบียนกัน มันก็ไม่มีประโยชน์

เพราะฉะนั้นสังคมทั้งสังคมจะต้องมีจริยธรรมคุณธรรม คือคนต้องดี แล้วเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ทรงวางไว้จะได้นำเราไปสู่ "ความร่ำรวยที่ยั่งยืน" ...ไม่ใช่จนลงหรือให้รัดเข็มขัด

ตรงกันข้าม ให้ร่ำรวยแล้วยั่งยืน !!

พระองค์ท่านตรัสว่า เราต้องสร้างรากหรือลงเสาเข็มให้แข็งแรงเสียก่อน แล้วค่อยสร้างบ้าน เพราะฉะนั้นพอบ้านเสร็จแล้วก็จะแข็งแรง

ฉันใดฉันนั้น นี่คือเศรษฐกิจง่าย ๆ เศรษฐกิจพอเพียง แล้วบางคนบอกจะทำเมื่อไหร่ ทำวันนี้พรุ่งนี้ได้เลย ตัวเราเองมีงบเท่านี้ รายได้เท่านี้ ก็อยู่แค่นี้

ไม่ใช่รายได้เท่านี้แต่ไปซื้ออะไรที่มันแพงมาประดับบารมีตามกระแสสังคม ไม่ใช้เหตุใช้ผล มีเงินแค่ซื้อรถคันเล็ก ๆ แต่กลับไปผ่อนรถคันโต ก็แบกไม่ไหว

อาหารการกินก็กินให้มันพอดี กินแพงเกินไป กินมากเกินไปมันก็จุก ไขมันก็เพิ่ม อยู่อย่างเรียบง่ายอยู่อย่างธรรมดาอยู่กับสติอย่างถาวร

◌◌◌◌◌◌◌◌


» บทเสริมท้ายเรื่อง :

ตลอดเวลากว่า ๓๐ ปีที่ ดร. สุเมธได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ท่านได้รับข้อคิดและบทเรียนอันมีค่ามากมายไม่ว่าในแง่การงานหรือการใช้ชีวิต

ทั้งจากพระบรมราโชวาทในวาระต่าง ๆ และจากการที่ได้ทรงกระทำพระองค์เป็นเยี่ยงอย่าง อาทิ

● การทำงานทั้งหลายต้องทำด้วยใจ ทำด้วยความสนุก

● ทำงานด้วยความรู้ ความรู้จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องขวนขวายเก็บบันทึกไว้ ความรู้จะต้องพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ

● ให้สนุกกับการแก้ปัญหา เห็นปัญหากระโดดเข้าใส่

● ตั้งตนอยู่บนพื้นฐานของความเมตตาและสร้างความสุขให้ผู้อื่น

● หัวสมองต้องทำงานอยู่ตลอด ต้องช่างสังเกต ดูสถานการณ์รอบข้าง อย่าปล่อยให้จิตใจเลื่อนลอย ต้องมี-สติติดตัวตลอด เมื่อมีสติก็มีปัญญา ปัญญาทำให้หูตาสว่าง ไม่หลง

● อย่าฉวยโอกาส ต้องซื่อสัตย์สุจริตระหว่างปฏิบัติงานเป็นที่ตั้ง ฯลฯ


หากเหนืออื่นใด การถวายงานรับใช้ใกล้ชิด ยังทำให้ท่านได้เห็นอย่างชัดเจนถึงพระวิริยะอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความสุข” ในการ “ทรงงาน” เพื่อพสกนิกรของพระองค์


◌◌◌◌◌◌◌◌


Credit : นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 256


.....................................................................................................................



...........................................................................................................................


Ahiru Ped 555555555555555

..............................................................................................................................


พอเป็นเฉลิมพูด...ก็ต้องฟังหูไว้หู
รอ DSI น่าจะชัดเจนกว่า
หรือไม่ก็รอดำเนินคดี แล้วค่อยดูข้อมูลชัดๆกันอีกที





‘เหลิม’ยันหลักฐานชัดรวมสัญญาสร้าง 396 โรงพัก ขัดมติครม. ลั่นติดปีกก็หนีไม่รอด
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ดีเอสไอตรวจสอบพบการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ซึ่งความเห็นของสำนักงบประมาณที่ระบุมีการรวมสัญญาการก่อสร้างไว้ที่บริษัทเดียวจนทำให้เกิดปัญหาทิ้งงาน เป็นการขัดมติครม. ว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจน และที่ตนไม่ต้องการพูดตั้งแต่แรกเนื่องจากไม่อยากซ้ำเตม ทั้งที่ตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในสมัยนั้นบอกว่ารวมได้ แต่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังระบุว่าทำไม่ได้ และเมื่อเป็นมติครม.แล้วหากจะกระทำตามมติครม.นั้นก็ต้องทำการยกเลิกมติครม.เดิมก่อน อย่างไรก็ตาม ฉากต่อไปที่ประชาชนต้องการเห็นคือใครสั่งฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ และจากนั้นฉากต่อไปคือประชาชนต้องการเห็นคนติดคุกเรื่องโรงพัก 396 แห่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดังนั้นจึงต้องทำเรื่องเข้าครม.เพื่อขอยกเลิกมติครม.เดิมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ในเมื่อความผิดเกิดแล้ว เพราะถ้าจะทำต้องทำก่อนที่จะอนุมัติ แต่ถึงวันนี้ข้อมูลชัดเจนตามที่น.ส.พ.ข่าวสดได้ลงไปนั้นถูกต้องแล้ว ชัดเจน ติดปีกก็บินหนีไม่ได้ และกรณีที่มีนายตำรวจคนหนึ่งออกมาพูดให้เกิดความสับสนนั้นตนก็รู้ที่มาที่ไปดี
เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการชดเชยให้ประชาชนอย่างไรเพราะล้วนแต่เป็นภาษีประชาชน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ จะชดเชยอย่างไรเพราะเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว


..........................................................................................................................


.........................................................................................................................




การบ้าน เริ่มมีในการศึกษาไทยมานานแค่ไหน? ไม่รู้
แต่คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ในโรงเรียนบ้านนอกขอกตื้อ สะดือจุ่น ไม่คุ้นการบ้าน บางคนอาจไม่เคยรู้จักด้วยซ้
ทำให้สงสัยว่าการบ้านจะเป็นกิจกรรมของโรงเรียนในเมือง และในครอบครัวของสังคมเมืองเท่านั้น
ซึ่งไม่ใช่สิ่งจำเป็นของการศึกษามวลชน แต่มวลชนถูกทำให้เคยชิน เมื่อจะลดการบ้านลงจึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่สบายใจและไม่พอใจ
แต่ประเทศต่างๆในโลกเริ่มต่อต้านการบ้านของลูกหลานที่ครูให้ ดังมีรายงานข่าว (คม ชัด ลึก ฉบับวันพุธ 20 กุมภาพันธ์ 2556 หน้า 11) ดังนี้
น.ส. จุฬาภรณ์ มาเสถียรวงศ์ หัวหน้าสถาบันรามจิตติ เปิดเผยผลการวิจัย “ปรับการเรียน เปลี่ยนการบ้าน ประสบการณ์และแนวโน้มจากนานาประเทศ” โดยสรุปว่า
ผลการวิจัยในต่างประเทศหลายชิ้น ชี้ว่าปริมาณหรือเวลาที่เด็กใช้ทำการบ้านไม่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กอย่างที่เคยเชื่อกันมา แต่ขึ้นอยู่กับตัวแปรอื่นๆ มากมาย ทั้งลักษณะการสอน, การบ้าน, เด็ก, แม้แต่สภาพครอบครัวของเด็ก
การบ้านต้องมีคุณภาพไม่ใช่ดูแต่ปริมาณ การบ้านมากเกินไปไม่ช่วยให้นักเรียนมีคะแนนสอบดีขึ้น แต่ทำให้เด็กทุกข์ เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จะส่งผลร้ายต่อการเรียนรู้มากกว่าผลดี
กระแสต่อต้านการบ้านทั่วโลก
ที่ฝรั่งเศสเกิดธุรกิจรับจ้างทำการบ้าน คิดราคา 1 เหรียญ สำหรับการบ้าน 1 ชิ้นของชั้นประถม นักเรียนผู้ปกครองจึงออกมาเคลื่อนไหวนำไปสู่การประกาศนโยบายยกเลิกการบ้านเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว พร้อมจัดระบบช่วยเด็กทำการบ้าน
สิงคโปร์ก็ประกาศไม่เอาการบ้านเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2555 แต่ทำกิจกรรมการเรียนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตและบุคลิกภาพเด็ก
ประเทศจีนพบนักเรียนเครียดทำร้ายตัวเอง เพราะการบ้านเยอะ กระแสสังคมจีนหนุนให้ลดการบ้าน
ขณะที่อเมริกาเพิ่มการบ้านแบบก้าวกระโดดในช่วง 2 ทศวรรษ ผลการเรียนกลับต่ำกว่าประเทศที่ให้การบ้านน้อย เช่น ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ หรือเดนมาร์ก
น.ส. จุฬาภรณ์กล่าวต่อไปอีกว่า หลายประเทศกระแสสังคมรวมถึงผู้ปกครองยังคงเห็นว่าการบ้านมีความจำเป็น เพราะช่วยปลูกฝัง ฝึกวินัย และฝึกการคิดวิเคราะห์ได้ถ้าออกแบบการบ้านให้ดีพอ แต่ต้องไม่ให้เด็กทำการบ้านมากเกินไป
ดร. อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ กล่าวว่านโยบายลดการบ้านที่ สพฐ. ประกาศนั้น ทุกคนเห็นด้วย แต่อยากเห็นความชัดเจน และน่าจะต้องมีการปรับทั้งกระบวนการ โดยเฉพาะการพัฒนาครูให้เข้าใจการให้การบ้านที่เหมาะสม มีระบบให้ครูทำงานร่วมกันมากขึ้น รวมถึงปรับระบบวัดผลด้วย
รายงานข่าวทั้งหมดที่สรุปเอาเนื้อๆมาบอกต่อนี้ ผมเห็นเป็นเรื่องสำคัญต่อการศึกษาไทยที่เน้นท่องจำตามๆกันมา โดยเอาวิชาในหนังสือเป็นตัวตั้ง (จึงเรียก“เรียนหนังสือ”) เลยให้ความสำคัญต่อการบ้านและการท่องจำ
เมื่อให้ลดการบ้าน เลยพากันไม่พอใจ ทั้งๆที่แท้จริงแล้วกิจกรรมการเรียนด้วยประสบการณ์ตรง ล้วนสำคัญกว่าการบ้าน
ดูหนัง ฟังเพลง และไปเที่ยวแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้องถิ่นต่างๆอย่างรื่นรมย์ บางทีดีกว่าการบ้านที่ไม่เข้าท่า


.....................................................................................................................................




"ค่าเอฟที" ภาระที่ชาวบ้านไม่ได้ก่อ

ประเด็นหนึ่งที่ยังไม่มีใครตั้งคำถาม ทั้งที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรงนั่นคือ ใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ "ค่าเอฟที" ที่เพิ่มขึ้นจากกรณีที่มีการหยุดจ่ายก๊าซจากแหล่งก๊าซธรรมชาติยานาดา และเยตากุนจากพม่า

การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเที่ยวนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะต้องหาเชื้อเพลิงชนิดอื่นมาทดแทน เพื่อไม่ให้มีปัญหาไฟฟ้าตกหรือดับ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคใต้

อาทิ น้ำมันเตาที่ใช้ได้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อน สำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จะต้องใช้น้ำมันดีเซลซึ่งแพงมาก ตกหน่วยละ 8-9 บาท จึงคงไม่นำมาใช้เพราะค่าใช้จ่ายสูงเกินไป

ประเด็นมีอยู่ว่าแล้วค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ ใครควรต้องรับผิดชอบ ปตท.ในฐานะผู้จำหน่ายก๊าซให้กับกฟผ. หรือจะผลักภาระนี้ให้กับประชาชน

เท่าที่ได้ฟังจาก "ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานบอกว่า "การซ่อมบำรุงท่อก๊าซเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องกะทันหัน เขาแจ้งล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเอกสารกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีการคำนวณค่าเอฟที แสดงให้เห็นแล้วว่ามีการปิดซ่อมก๊าซจะน้อยลง ต้องใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น ช่วงนี้ค่าเอฟทีก็จะสูงขึ้น เขาใส่ค่าเอฟทีไปแล้วสำหรับปีนี้"

ประเด็นที่ ดร.ปิยสวัสดิ์ พูดขึ้นมามีวรรคทองที่ต้องขีดเส้นใต้อยู่ 2 วรรค ที่น่าสนใจคือ เรื่องนี้ได้มีการแจ้งล่วงหน้ามานานแล้ว วรรคทองต่อมาน่าสนใจอย่างยิ่งว่า ได้มีการเก็บค่าเอฟทีตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้มีการขึ้นค่าเอฟที สำหรับเดือนมกราคม-เมษายน ไปแล้ว 1.70 สตางค์ต่อหน่วย และในการประชุมครั้งต่อไป คาดว่า จะมีการขึ้นค่าเอฟทีเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม เป็น 2.20 สตางค์ต่อหน่วย

นั่นแสดงว่าได้มีการ "ลักไก่" ขึ้นค่าไฟฟ้าจากกรณีนี้ให้ประชาชนรับภาระล่วงหน้าไปแล้

ถือว่าโยนภาระให้กับประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่มีการชี้แจงสักคำว่าต้นทุนเพิ่มจากอะไร ทั้งที่ไม่ควรเป็นค่าใช้จ่าย หรือความรับผิดชอบของประชาชน แต่ควรจะเป็นภาระของ ปตท.ที่ขายก๊าซเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับ กฟผ.อีกทีหนึ่ง ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ไม่ใช่มัดมือชกแอบลักไก่ขึ้น โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้เรื่องอย่างที่ทำมาตลอด

เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน, ข่าวสดออนไลน์


'Theera Tangtirmthong ก็ไม่ให้สร้างนิวเคลีย์นี่นา รับกรรมตามที่ตัวเองก่อ

Supapong Wanitpongpan ต้องยอมรับว่า ด้วยความไม่เข้าใจหลายๆอย่าง + ความเห็นแก่ตัวของคนหลายกลุ่ม + คุณภาพประชากรในตอนนี้ 

มันก็เลยเดินหน้าอะไรไม่ค่อยได้น่ะ 

เรื่องมันเศร้า...!

.....................................................................................................................................

.........................................................................................................................



ถึงจะเกรียน แต่อันนี้มัน ok เลย ^^


........................................................................................................................




คดี ปรส.หมดอายุความวันที่ 21 มิถุนายน 2556

ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157


...........................................................................................................................




ใครเป็นบ้างป่ะครับ ... ผมแม่งงงมาก อ่านข่าวกะฟีดบนวอล์ผม ช่วงนี้นี่แม่ง เป็นเชี่ยอะไรไม่รู้ มีแต่ "คนดี" (ไม่รู้เหมือนกันใครนิยาม แต่เห็นคนบอก ๆ กันว่าเป็น) ออกมาด่าคนอื่น ไม่งั้นก็ชมตัวเอง ... บางรายแม่งหนัก ต้องเอาประวัติการศึกษา มหาลัยที่จบ รางวัลที่เคยได้ ออกมาอวดกันกระหน่ำ


.......................................................................................................................














วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

25/02/2556


Kung Witoon ดีมีประโยชน์ต่อสังคมแต่ใครจะเป็นคนเก็บไปทิ้งเมื่อถังเต็ม...ไอเดียเก๋

..........................................................................................


...........................................................................................

http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=4869&ap=flase

จังหวะจะเดิน : บทเรียน (24 ก.พ. 2556)

.........................................................................................


.........................................................................................



คุณสมบัติของคุณชายนะครับ แหม่

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใครขออย่าได้เลือกผู้สมัครอิสระ
เพราะจะส่งผลให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างคนที่เคยทำงานกับคนที่ไม่เคยทำงาน
แน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ทำงานมา 4 ปีต้องมีจุดอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธ์
มีจุดแข็งอยู่ 5 ข้อคือ 1 ไม่โกง 2 มีความสุภาพ 3 มีผลงาน 4 เป็นนักต่อสู้ 5 ไม่เล่นการเมือง
1. ไม่โกง
2 มีความสุภาพ
3 มีผลงาน
.
4 เป็นนักต่อสู้
เคราะห์ดีนะครับ ผมเป็นคนเข้าใจชีวิต มิฉะนั้น ผมขัดคำสั่งครับ
คราวหน้า ขอให้ประสานงานในเวลาที่มันศิวิไลกว่านี้หน่อยนะครับ
ขออย่างเดียวนะครับ อย่ามีคำสั่งมาตีหนึ่งหรือตีสองของคืนนี้อีก ขอผมนอนบ้างนะครับ
คุณชายสุขุมพันธุ์กล่าวถึงคำสั่งซ่อมแซมแนวคันกั้นน้ำของ ศปภ
5 ไม่เล่นการเมือง
ทั้งหมดที่ว่ามาคือคุณสมบัติของคุณชายนะครับ แหม่
ปล.ภาพประกอบจากเพจวิวาทะนะครัฟ แหม่


Thianchai Puangsomjit ·  · 35 years old
ขอเพิ่ม สนามหลวงปิดไป 1 ปี ก่อนปิดเสอนโครงการสวยหรู งบ 300 กว่าล้าน พอเปิดออกมา สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีแค่รั่วรอบสนามหลวง กับการเปลี่ยนบล็อกปุพื้นบางส่วน แถม ป้ายจอดแท็กซี่ปัญญาอ่อน งบลงไปเท่าไหร่ บอกว่าจะมี GPS แจ้งว่ารถแท็กซี่อยู่ที่ไหนทุกป้าย ปัจจุบัน มีป้ายไหนมีบ้าง เงียบเป็นเป่าสาก พรรคนี้แม่ม ไม่โกงเลย นิดเดียวไม่โกงนะ.
  • YamiHime Sema Marin ·  Top Commenter
    ปิดสนามหลวงคราวนั้นจำได้ว่าเดือดร้อนมาก เดินก็ลำบาก รถก็จะเฉี่ยวเอา ยืนรอรถเมล์นานแสนนาน หาที่นั่งพักก็ไม่ได้ ปิดหมด

    ใช่ เปิดออกมา ไม่มีเห้** อะไรเลย = =

    ไอ้เราก็คิดว่าจะมีต้นไม้สวยๆ มีที่วิ่งเล่น เป็นสวนสาธารณะงามๆ แบบ แต่นี่แบบ..เห็นแล้วแบบว่า ปิดทำเพื่อ????


แดง แดง แดง · Asd
เราจะให้ สุขุมพันธู์ ทำลาย กทม ต่อไปเหรอ.
(1)อุโมงค์ยักษ์ ใช้งานไม่ได้ ทำให้ กทม น้ำท่วมหนัก แทนที่จะช่วยแบ่งเบา ในภาวะน้ำท่วม.
(2)กล้องวงจรปิด เจอจับได้ว่าเป็น กล้องดัมมี่ ทำให้คน กทม ไม่ไว้วางใจตัว สุขุมพันธ์ เพราะ ทำให้ชีวิต คน กทม ไม่ปลอดภัย.
(3)สนามซุตซอลโลก ทำเสร็จ แบบ ลวกๆๆ ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย(ให้ขึ้นไปดูข้อ 2 ด้วย) และยังแถไปอีก ว่า ทำเพื่อคน กทม ได้ใช้ แต่คงไม่คิดว่า คน กทม ก็อยากดู ฟุตซอลโลก ที่ สนามแห่งนี่(ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ).
(4) สนามกีฬา บางบอน ทำไม่เสร็จ ตามกำหนด แล้วอย่างนี้ ใครจะเชื่อได้ แถม ยังจัดจ้าง ให้ บ.เก็บขยะ มาเป็นคนทำสนาม บริหารงานแบบนี้ คงคิดว่า คน กทม เป็น ขยะ เหรอ.


..................................................................................................



“ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกปิดกั้นเสรีภาพ” กับคำถาม ๓๗ ปีก่อนของพี่ขุม
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

คำถามชวนคิดของอ.สุธิดาทำให้ผมนึกถึงคำถามทำนองเดียวกันที่เคยได้ยินจากพี่ขุม หรือ สุขุม เลาหพูนรังษี นักแต่งบทละครและนักกลอนฝีมือดีของคณะละครตะวันเพลิง ชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ ๓๗ ปีก่อน

สมัยนั้นเราทำกิจกรรมอยู่ด้วยกันที่ธรรมศาสตร์ก่อน ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ในค่ำคืนหนึ่งระหว่างนั่ง ๆ นอน ๆ รอออกไปติดโปสเตอร์กลางดึก ผมก็แว่วเสียงสนทนาระหว่างพี่ขุมกับเพื่อนนักกิจกรรมอีกสักคนสองคนในทำนองว่า:

"ถ้าเกิดเราไปเจอชาวบ้านชนบทที่แห่งหนึ่ง พวกเขาต่างก็มีความสุขกับชีวิตของเขาดี ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกกดขี่ขูดรีดหรือเอารัดเอาเปรียบทางชนชั้นแต่อย่างใด ควรหรือไม่ที่เราจะเอาความเข้าใจของเราเรื่องการกดขี่ขูดรีดทางโครงสร้างสังคมเศรษฐกิจไปบอกอธิบายให้เขาฟัง ในเมื่อพวกเขาก็มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ดีอยู่แล้ว?"

ในฐานะที่ขบวนการนักศึกษาสมัยนั้นสมาทานแนวคิดทฤษฎีสังคมนิยมแบบมาร์กซิสต์ คำถามของพี่ขุมเล่นเอาพวกเราอึ้งไปเลยทีเดียว ผมเองก็อึ้งกิมกี่เหมือนกัน และแม้จะไม่ได้ร่วมอยู่ในวงสนทนาโดยตรง แต่ก็เก็บเอาคำถามของพี่ขุมไปครุ่นคิดอยู่เป็นนานสองนาน.....

ผมคิดว่าในแง่ความหมายนัยที่เป็นฐานคิดบางอย่าง คำถามของพี่ขุมกับคำถามของอ.สุธิดามีพื้นฐานใกล้เคียงกัน กล่าวคือ หากการตีความและเข้าใจทางอัตวิสัยของเจ้าตัว (ชาวบ้านชนบท/คนเขียนคนอ่าน) เป็นแบบหนึ่ง และต่างจากการตีความและเข้าใจของคนอื่นที่มองหรือพิจารณาเข้าไปจากภายนอกวง เราควรมีท่าทีอย่างไร? เคารพยอมรับการตีความและเข้าใจของเจ้าตัวโดยดุษณี หรือเข้าไปถกเถียงแลกเปลี่ยนด้วยเพื่อเปลี่ยนการตีความและเข้าใจของพวกเขา (รวมทั้งอาจส่งผลกระทบด้านกลับมาเปลี่ยนการตีความและเข้าใจของตัวเราเอง) เป็นต้น โดยเฉพาะในกรณีที่เจ้าตัวก็ดูมีความสุข happy go lucky ดี ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกจำกัดกดดันเสรีภาพหรือขูดรีดกดขี่อันใด ทำไมเราสมควรต้องเอาความทุกข์ไปประเคนให้พวกเขาด้วยเล่า?

ส่วนตัวผมได้ตอบตัวเองหลายปีให้หลังว่า มันไม่มีอะไรเสียหายที่จะเข้าไปถกเถียงแลกเปลี่ยนด้วยกับคนเหล่านั้น เพราะหากแม้นเมื่อพวกเขารับรู้และเข้าใจประเด็นการตีความและมุมมองที่ต่างไปของเรา (ที่เห็นว่าเขาถูกกดขี่ขูดรีด หรือไม่มีเสรีภาพเต็มที่ ฯลฯ) แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจำต้องรับเชื่อตาม เขาอาจปฏิเสธเห็นว่ามันมองผิด/งี่เง่า หรือในทางกลับกันเขาอาจเห็นด้วยและเห็นจริงว่ามันเป็นมุมมองการตีความและเข้าใจที่รอบด้านลึกซึ้งถูกต้องแม่นยำกว่าความคิดความเข้าใจแต่เดิมของพวกเขาเองก็เป็นได้ ไม่ว่าในกรณีใด พวกเขาย่อมเป็นผู้เลือกเองว่าจะมองอย่างไรเชื่ออะไรในระหว่างมุมมองการตีความและความเข้าใจที่แตกต่างกันนั้น การเสนอมุมมองที่แตกต่างของเราต่อพวกเขา เป็นการเปิดโอกาสความเป็นไปได้ให้พวกเขารับฟัง เลือกมอง เลือกคิดและเลือกเชื่อ แต่การตัดสินใจสุดท้ายว่าจะเลือกมองเลือกเชื่ออย่างไรเป็นสิทธิ์ของพวกเขาเองอยู่ดี ใช่ว่าเราจะไปกำกับบงการเขาตามใจชอบได้ ตรงกันข้ามหากเราหุบปากเงียบ ไม่เสนอมุมมองที่แตกต่างต่อพวกเขาเลย ก็เหมือนตัดโอกาสที่พวกเขาจะได้ลองมองในมุมที่ต่างออกไปจากเดิมเสียแต่ต้น

ในทางวิชาการสังคมศาสตร์ ความหมายและความเข้าใจทางอัตวิสัยของเจ้าตัว (ชาวบ้านชนบท, คนอ่านและคนเขียน) สำคัญ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของความหมายเท่าที่มีในสังคม เพราะนอกเหนือจาก subjective meanings/subjectivity หรืออัตวิสัยแล้ว ยังมีเงื่อนปมที่พ้นเกินไปจากอัตวิสัยของผู้กระทำการ/ผู้ให้ความหมายที่จะเข้าถึงอยู่เสมอ (ไม่มีอัตวิสัยของใครจะคุมสิ่งเหล่านี้ในสังคมได้หมด) ที่สำคัญคือ unacknowledged motives, unknown conditions, unintended consequences หรือ แรงจูงใจที่เจ้าตัวไม่ยอมตระหนักรับ, เงื่อนไขที่เจ้าตัวไม่รู้, และผลลัพธ์ที่เจ้าตัวไม่ได้เจตนาให้เกิดขึ้น คนเราไม่ใช่พระเจ้าก็เพราะเราอยู่ใต้เงื่อนปมสภาวะอันตัวเราคุมไม่ได้เหล่านี้ และตราบเท่าที่สิ่งเหล่านี้มีอยู่ดำรงอยู่จริง ก็จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ให้แก่ความเป็นไปได้ของความหมายและความคลี่คลายขยายตัวของสภาพการณ์ที่อยู่นอกเหนืออัตวิสัยของเจ้าตัว ไม่จำกัดจำขังตัวเองไว้แต่ในความหมายของเจ้าตัว (ชาวบ้านชนบท, คนเขียนและคนอ่าน) เท่านั้น


...............................................................................................


อีกมุมมองของวันมาฆบูชา

โดยส่วนตัว ผมเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องปาฎิหารย์ในพุทธศาสนาเลย ^^





เขาว่า วันมาฆบูชา เหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น 4 อย่าง ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต
ซึ่งพอลองพิจารณาก็ไม่เห็นว่า มันอัศจรรย์อย่างไร

1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
>> ก็คือวันพระจันทร์เต็มดวงธรรมดา คนสมัยก่อนดูดาวเป็น มีปฏิทินใช้

2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
>> ในจำนวนนี้เป็นคณะของชฎิลสามพี่น้อง 1,000 รูป ซึ่งก่อนหน้านี้นับถือลัทธิบูชาไฟ พำนักอยู่ที่อุทยานเวฬุวัน ที่พระเจ้าพิมพิสารมอบให้เป็นสังฆารามอยู่แล้ว จนกระทั่งพระพุทธเจ้ามาโปรด ทำให้ชฎิลสามพี่น้องเลื่อมใส สาวกทั้งหมดจึงบวชตาม และก็ไม่ได้ไปไหน
ส่วนอีก 250 รูป เป็นคณะของพระสารีบุตร ซึ่งก็เดินทางติดตามพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว

พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แต่
พระพุทธเจ้าอยู่เวฬุวัน ชฎิลสามพี่น้องอยู่เวฬุวัน พระสารีบุตรเวฬุวัน สาวก 1,250 รูป อยู่เวฬุวัน

มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายอย่าง "มหัศจรรย์มาก" เลยครับ แหม่

3. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
>> สมัยพุทธกาลนี่ส่วนใหญ่บวชด้วย วิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ส่วนวิธี ติสรณคมนูปสัมปทา ที่ภิกษุอื่นบวชใช้เฉพาะเมื่อผู้ต้องการบวชเดินทางมาไม่สะดวก หรืออยู่ไกลจากพระพุทธเจ้ามากๆ เท่านั้น
ซึ่งถ้าคนที่แม้แต่มาบวชยังเดินทางมาไม่ได้ ย่อมเดินทางมาชุมนุมฟังโอวาทไม่ได้

การที่มีเฉพาะภิกษุที่บวชด้วยวิธี "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" มา ก็ถูกแล้ว

4. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
>> คือในสมัยพุทธกาลนี่คนอัจฉริยะมากครับ ฟังคำพูด 2-3 ประโยค บรรลุอรหันต์กันหมด พระพุทธเจ้าคงสอนดีมาก คนที่ฟังพระพุทธเจ้าเทศแล้วไม่บรรลุมีน้อยกว่าอีก
ตั้งแต่ตรัสรู้จนถึงวันมาฆบูชา เป็นเวลา 9 เดือน มีพระอรหันต์ทั้งหมด 1,340 รูป ประมาณ 90 รูป เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาที่อื่น ที่เหลือคือ 1,250 ที่มาชุมนุมนี่แหละ (ไม่รวมชฎิลและพระสารีบุตร)

และถ้า ภิกษุที่มามีอภิญา 6 จริง มีตา ทิพย์หูทิพย์ รู้ใจผู้อื่นได้ เหาะได้ ดำดินได้ ความมหัศจรรย์เรื่องมาชุมนุมโดย "มิได้นัดหมาย" นี่แม่งไร้สาระไปเลย เพราะทุกคนรู้ทุกอย่างอยู่แล้วนิ

-----------
สาธุชนผู้เลื่อมใส อาจจะบอกว่า แก่นแท้จริงๆ อยู่ที่ "โอวาทปาติโมกข์"
แต่เวลาโฆษณาเชิญชวนก็เห็นชู "ความมหัศจรรย์" ของจาตุรงคสันนิบาตนำทุกทีเลยนะ

ถ้าไม่มหัศจรรย์จะไม่เลื่อมใสเหรอครับ? ไหนบอกนับถือคำสอนไง?

//Virus


.....................................................................................................

http://www.youtube.com/watch?v=aAIZGfN59Fs


คุยแกมดี! พี่ต่อ ฟีโน



..................................................................................................


..............................................................................................................