‘สมการราคา’
“อนันต์” หรือ “เฮียตึ๋ง” ไปเยี่ยมไซต์งานก่อสร้างคอน โดมิเนียมของบริษัท
เมื่อลูกน้องเห็นหน้า “บอสใหญ่” ก็ตื่นเต้น
คอนโดแห่งนี้ เพิ่งเปิดขายเมื่อ 2-3 วันก่อน
และโชคดีที่ขายหมดเพียงวันเ ดียว ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร ้าง
ดังนั้น เมื่อ“อนันต์”ถามถึงยอดขาย
ลูกน้องก็รายงานด้วยความภาค ภูมิใจว่า
“ขายหมดภายในวันเดียวครับ”
“อนันต์” อึ้งไปนิดหนึ่ง
ใครๆ ก็คิดว่าเขาคงดีใจ
แต่ไม่ใช่
“อนันต์”บอกว่า ถ้าโครงการไหนเปิดให้จองและ ขายหมดภายในวันเดียว
ให้เรียกผู้บริหารโครงการนั ้นมาคุย และบอกเขาเลยว่าสิ้นปีนี้ เขาจะไม่ได้โบนัส และไม่ได้ขึ้นเงินเดือน
“เพราะการขายหมดภายในวันเดี ยว แสดงว่าคุณตั้งราคาผิด
เมื่อตั้งราคาถูกแบบคนซื้อต ัดสินใจง่าย คอนโดจึงขายหมดภายในวันเดีย ว”
การตั้งราคาขายที่ถูกเกินไป สำหรับธุรกิจคอนโดมีเนียมที ่ยังสร้างไม่เสร็จ อันตรายมาก
เพราะเท่ากับว่าเราปิด “ประตู” ของ “รายได้” ลงเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีทางจะขอเพิ่มราคาจากลู กค้าได้เลย
แต่ “ประตู” ของ “รายจ่าย” ยังเปิดอยู่เพราะยังสร้างไม ่เสร็จ
เพราะ "ค่าแรง วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน" ยังพร้อมขยับขึ้นได้ตลอดเวล า
มีลูกน้องบางคนเถียงว่า เขาเตรียมป้องกันปัญหานี้ไว ้แล้ว ด้วยการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากั บผู้รับเหมา
"ต้นทุน" ของโครงการจึงไม่มีทางเพิ่ม จากนี้
เพราะ "ความเสี่ยง" ทั้งหมด "ผู้รับเหมา" รับไป
แต่จากประสบการณ์คนที่ผ่านร ้อนผ่านหนาวมายาวนาน
"อนันต์" บอกว่า ถ้าต้นทุนสูงขึ้น ไม่ว่าวัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมัน หรือค่าแรง
ถ้าสูงมากจนผู้รับเหมาทำแล้ วขาดทุน
รับรองว่า "ผู้รับเหมา" จะทิ้งงานทันที ยิ่งรายเล็กยิ่งทิ้งงานเร็ว
และถ้าจะเดินหน้าก่อสร้างต่ อไปก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้ผ ู้รับเหมา ซึ่งหมายความว่าโครงการนี้ต ้นทุนจะสูงขึ้น
"อนันต์" ยังบอกอีกว่าผู้ประกอบการส่ วนใหญ่คิดว่า "การจอง" ทำให้ได้เงินสดก้อนใหญ่เข้า มาก่อน
แต่เขาถามกลับว่าเงินที่ได้ มาเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของงบล งทุน
น้อยมาก
นอกจากนั้น เขายังเตือนด้วยว่า "การจอง" ไม่ใช่หลักประกันว่าจะขายได ้
ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ลูกค้าก็พร้อมจะทิ้ง "ใบจอง" ทันที
สมการทางความคิดของ “อนันต์” บอกว่า
การขายคอนโดที่ดีที่สุดในฝั น คือการเปิดขายครั้งแรก ต้องขายได้พอสมควร
ระหว่างก่อสร้าง ก็ขยับราคาเพิ่มขึ้น
ค่อยๆ ทยอยขาย
ขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ และขายห้องสุดท้ายแพงที่สุด ในวันที่ก่อสร้างเสร็จพอดี
กราฟ 3 เส้นตัดกันพอดี ณ จุดนี้
คือ การขาย ราคา และการก่อสร้าง
อนันต์ อัศวโภคิน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ ‘ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 20’ โดย หนุ่มเมืองจันท์
“อนันต์” หรือ “เฮียตึ๋ง” ไปเยี่ยมไซต์งานก่อสร้างคอน
เมื่อลูกน้องเห็นหน้า “บอสใหญ่” ก็ตื่นเต้น
คอนโดแห่งนี้ เพิ่งเปิดขายเมื่อ 2-3 วันก่อน
และโชคดีที่ขายหมดเพียงวันเ
ดังนั้น เมื่อ“อนันต์”ถามถึงยอดขาย
ลูกน้องก็รายงานด้วยความภาค
“ขายหมดภายในวันเดียวครับ”
“อนันต์” อึ้งไปนิดหนึ่ง
ใครๆ ก็คิดว่าเขาคงดีใจ
แต่ไม่ใช่
“อนันต์”บอกว่า ถ้าโครงการไหนเปิดให้จองและ
ให้เรียกผู้บริหารโครงการนั
“เพราะการขายหมดภายในวันเดี
เมื่อตั้งราคาถูกแบบคนซื้อต
การตั้งราคาขายที่ถูกเกินไป
เพราะเท่ากับว่าเราปิด “ประตู” ของ “รายได้” ลงเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีทางจะขอเพิ่มราคาจากลู
แต่ “ประตู” ของ “รายจ่าย” ยังเปิดอยู่เพราะยังสร้างไม
เพราะ "ค่าแรง วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน" ยังพร้อมขยับขึ้นได้ตลอดเวล
มีลูกน้องบางคนเถียงว่า เขาเตรียมป้องกันปัญหานี้ไว
"ต้นทุน" ของโครงการจึงไม่มีทางเพิ่ม
เพราะ "ความเสี่ยง" ทั้งหมด "ผู้รับเหมา" รับไป
แต่จากประสบการณ์คนที่ผ่านร
"อนันต์" บอกว่า ถ้าต้นทุนสูงขึ้น ไม่ว่าวัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมัน หรือค่าแรง
ถ้าสูงมากจนผู้รับเหมาทำแล้
รับรองว่า "ผู้รับเหมา" จะทิ้งงานทันที ยิ่งรายเล็กยิ่งทิ้งงานเร็ว
และถ้าจะเดินหน้าก่อสร้างต่
"อนันต์" ยังบอกอีกว่าผู้ประกอบการส่
แต่เขาถามกลับว่าเงินที่ได้
น้อยมาก
นอกจากนั้น เขายังเตือนด้วยว่า "การจอง" ไม่ใช่หลักประกันว่าจะขายได
ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ลูกค้าก็พร้อมจะทิ้ง "ใบจอง" ทันที
สมการทางความคิดของ “อนันต์” บอกว่า
การขายคอนโดที่ดีที่สุดในฝั
ระหว่างก่อสร้าง ก็ขยับราคาเพิ่มขึ้น
ค่อยๆ ทยอยขาย
ขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ และขายห้องสุดท้ายแพงที่สุด
กราฟ 3 เส้นตัดกันพอดี ณ จุดนี้
คือ การขาย ราคา และการก่อสร้าง
อนันต์ อัศวโภคิน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ ‘ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 20’ โดย หนุ่มเมืองจันท์
.............................................................................................
เจ้าชายสิทธัตถะ มิได้หนีออกบวชกลางคืนกับนายฉันนะ หากออกบวชกลางวัน ต่อหน้าพระราชบิดาและพระราชมารดา
บทความพิเศษเสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผมเคยพูดกับเพื่อนๆ หลายคนว่า คนที่ศึกษาพุทธศาสนา ถ้ามีภูมิหลังเป็นนักประวัติศาสตร์แล้วจะศึกษาได้ลึกซึ้งและกว้างขวางกว่าคนที่บวชเรียนนักธรรมบาลีโดยตรงอย่างผมแน่นอน
เหตุผลหรือครับ ศาสดาใดก็ตาม จะบัญญัติหลักคำสอนหรือคิดค้นเทคนิคการสอนไปแนวไหน อย่างไร แบ๊กกราวนด์ของศาสดานั้นมีส่วนในการกำหนดไม่น้อย
ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้า เมื่อ เมื่อพระองค์ตั้งคณะสงฆ์ขึ้นแล้ว พระองค์มอบอำนาจทางการปกครองให้พระสงฆ์จัดการกันเอง การตัดสินปัญหาต่างๆ พระพุทธองค์มิได้เป็นผู้บงการหรือชี้นำ พระสงฆ์ตัดสินกันเอง โดยระบบ "ถือเสียงข้างมาก"
หรือที่ภาษาเทคนิคเขาเรียกว่า เยภุยยสิกา
สังฆกรรมของสงฆ์จึงดำเนินไปโดยระบบประชาธิปไตย ไม่มีอภิสิทธิ์ ไม่มีเผด็จการ
เช่น ใครจะเข้ามาบวช อุปัชฌาย์ จะใช้สิทธิ์รับเข้ามาเอง โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากพระสงฆ์ทั้งหมดไม่ได้
ผู้ที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ ก็จะสรุปเอาง่ายๆ ว่า พระพุทธเจ้าทรงคิดค้นวิธีปกครองแบบประชาธิปไตยพระพุทธศาสนาเท่านั้นมีการปกครองแบบประชาธิปไตยก่อนใครทั้งหมด
แต่ถ้ามองจากสายตาของนักประวัติศาสตร์ เราก็จะทราบว่า ระบบเยภุยยสิกาของพระพุทธเจ้า พระองค์มิได้คิดค้นมาจากไหน พระองค์ก็เอามาจากภูมิหลังที่พระองค์เคยประสบพบเห็นอยู่ก่อนเสด็จออกบรรพชานั่นเอง
อินเดียสมัยนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ภูมิภาคแถบเชิงเขาหิมาลัยมีกลุ่มหรือเผ่าชนที่มีระบบการปกครองไม่เหมือนเผ่าอื่นจำนวนหนึ่ง เท่าที่นักประวัติศาสตร์ยืนยันก็มี พวกลิจฉวีแห่งไพศาลี มัลละ แห่งปาวาและกุสินารา ศากยะแห่งกบิลพัสดุ์ โกลิยะแห่งเทวทหะ พวกนี้จะเลือกตั้งผู้ปกครองขึ้นมาโดยการลงคะแนนเสียงรัฐสภา ซึ่งเรียกกันสมัยนันว่า "สัณฐาคาร"
คนที่ได้รับเลือกตั้งโดยผ่านเสียงข้างมาก เรียกตามศัพท์เทคนิคว่า "กษัตริย์" กษัตริย์จะบริหารประเทศโดยทางรัฐสภา มีปัญหาอะไรจะต้องหารือวินิจฉัยในสภา เสียงข้างมากออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้นและกษัตริย์มีเทอม (มากน้อยแล้วแต่กำหนด) หมดเทอมแล้วก็เลือกตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ทำหน้าที่สืบต่อไป
ไม่ใช่ว่า กษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาด ในความหมายที่เราเข้าใจกัน
กษัตริย์ปกครองศากยะสมัยนั้นชื่อ สุทโธทนะ
สุทโธทนะได้รับเลือกให้เป็นประมุขชาวศากยะ มีเทอมหรือกำหนดเวลาหมดเทอมคนอื่นก็ขึ้นมาแทน คนที่ขึ้นมาแทนอาจมิใช่เจ้าชายสิทธัตถะ พระโอรสของท่านก็ได้
เพราะเขามิได้ใช้ระบบสืบรัชทายาทอย่างที่เราเข้าใจกัน ที่เราเรียนพุทธประวัติตอนหนึ่งว่า พอเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ โหรทำนายว่า ถ้าพระกุมารเสด็จออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกในโลก แต่ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระจักรพรรดิมีแสนยานุภาพมากมายไพศาลนั้น ไม่แน่เสมอไป หรอกครับ เจ้าชายสิทธัตถะท่านอาจไม่ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์ต่อจากสุทโธทนะเลยก็ได้
เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมรัฐสภา
เมื่อมองในแง่ประวัติศาสตร์แล้ว ก็ขอมองต่อไปอีกสาเหตุให้พระองค์ออกบวช ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จะชี้ข้อเท็จจริงออกมาดังนี้ครับ
1. เจ้าชายสิทธัตถะ มิได้เสด็จหนีออกบวชเวลากลางคืนโดยที่ใครๆ ไม่รู้เห็นเหมือนดังที่พุทธประวัติเขียนกัน
2. เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกบวชเพราะแรงผลักดันทางการเมือง
ทั้งสองข้อนี้ออกจะกลับ "ตาลปัตร" กับที่เคยรู้เคยเรียนมา บางท่านคงจะรับไม่ได้ ไม่เป็นไรครับ รับไม่ได้ก็อย่ารับ
แต่ขอเรียนว่า ข้อสรุปข้างต้นนี้ผมมิได้นั่งเทียนเขียนเอาเองนะครับ มีหลักฐานอ้างอิงอย่างหนักแน่นเชียวแหละ (อ่านจบ จะรู้เอง ผมได้หลักฐานมาจากไหน)
พุทธประวัติเขียนไว้ เจ้าชายเสด็จหนีกลางคืนพร้อมนายฉันนะมหาดเล็กคนสนิท แต่พุทธประวัติก็ดี ปฐมสมโพธิก็ดี อาจารย์รุ่นหลังเขียนกันทั้งนั้น พระไตรปิฎก ซึ่งเป็นตำราชั้นต้นจริงๆ ไม่มีที่ไหนพูดว่าเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จหนีบวชตอนกลางคืน
ในพระสูตรสูตรหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสถึงการออกบวชของพระองค์ว่า พระองค์ทรงคำนึงถึงความเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วคิดหาทางหลุดพ้น จึงถือเพศบรรพชิตออกบวช ในขณะที่พระบิดามารดา มีน้ำตานองหน้า ร้องไห้คร่ำครวญอยู่
สังเกตคำที่เขียนนั้นไหมครับ ตัวท่านเองตรัสว่าท่านมิได้หนีพ่อแม่ไปบวช บวชทั้งๆ ที่พ่อแม่เห็นๆ อยู่ ร้องห่มร้องไห้อาลัยอาวรณ์
และสังเกตท่านพูดถึง "แม่" ท่านด้วย อาจหมายถึงว่าพระนางสิริมายา ยังไม่ทิวงคตหลังจากเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้เจ็ดวันดั่งที่เราเรียนมาก็ได้
หรือ "แม่" ในที่นี้อาจหมายถึงแม่เลี้ยงก็ได้
แต่ช่างเถิด เราละประเด็นนี้ไปก่อน ขอพูดถึงการหนีบวชไม่หนีบวชกันดีกว่า
ถ้าตามพระดำรัสนี้ แสดงว่าเจ้าชายสิทธัตถะมิได้เสด็จหนีบวชในเวลากลางคืนแน่ แต่บวชขณะที่พระราชบิดา (และ พระราชมารดา) รู้เห็นอยู่ แต่ไม่อยู่ในฐานะทัดทานได้
เรื่องนี้มีพระสูตรจากพระไตรปิฎก 8 แห่งข้อความตรงกันกับที่ขีดเส้นใต้ข้างบนคือ
1. ปราสิสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 12)
2. มหาสัจจกสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 12)
3. โพธิราชกุมารสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 13)
4. จังกีสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 13)
5. สังคารวสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 13)
6. โลณทัณฑสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 9)
7. กูฏทันตสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 9)
8. สารีปุตตนิทเทส (พระไตรปิฎกเล่มที่ 19)
("ในกาลต่อมา เราตถาคตยังหนุ่มแน่น แข็งแรง เกศาดำสนิท อยู่ในปฐมวัย เมื่อพระราชมารดา (พระมารดาเลี้ยง) และพระราชบิดาไม่ทรงปรารถนาให้ผนวช มีพระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร ทรงกรรแสงอยู่ จึงโกนผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกจากวังบวชเป็นบรรพชิต")
ถ้าถามต่อไปว่า ทำไมจึงทัดทานไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากให้โอรสบวชก็ต้องตอบตามสมมุติฐานข้อสอง นั้นคือเจ้าชายสิทธัตถะถูกผลักดันให้ออกไปจากประเทศ พระเจ้าสุทโธทนะจึงจะเป็นกษัตริย์ประมุขชาวศากยะในขณะนั้น ก็ไม่อยู่ในฐานะช่วยโอรสตนเองได้ ในเมื่อเป็นมติของนภาตัดสินออกมา
ถามต่อไปว่า เรื่องอะไรล่ะ ที่ทำให้ชาวศากยะถึงต้องลงมติผลักดันให้เจ้าชายสิทธัตถะออกจากเมือง ก็ต้องโยงถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของศากยวงศ์เรื่องหนึ่ง คือ "ศึกชิงน้ำ"
เชื้อสายของพระพุทธเจ้าแบ่งเป็นสองกลุ่มตั้งเมืองอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่งชื่อ "โรหิณี" ศากยะแห่งกบิลพัสดุ์อยู่ฟากหนึ่ง โกลิยะแห่งเทวทหะอยู่อีกฟากหนึ่ง ทั้งสองตระกูลเป็นพวกที่หยิ่งในสายเลือดของตัวเองมากจึงแต่งงานในระหว่างญาติพี่น้องกันเอง (ซึ่งผิดกฎเมนเดลเป็นอย่างมากอาจเพราะเหตุนี้ก็ได้ที่ทำให้ชาติพันธุ์ของพระพุทธเจ้าสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์เร็วกว่ากำหนด นอกเหนือไปจากทำสงครามล้างผลาญกันเอง ซึ่งจะกล่าวข้างหน้า)
ทั้งสองตระกูลนี้มีอาชีพหลักคือกสิกรรมอาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีทำนามีการกระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการแย่งทดน้ำไปทำนาบ่อยครั้ง เป็นปัญหาเรื้อรังมานมนาน จนกระทั่งถึงสมัยที่เจ้าชายสิทธัตถะอยู่ในวัยฉกรรจ์ ความวิวาทบาดหมางได้ทวีความรุนแรงขึ้น ถึงขั้นศากยะแห่งกบิลพัสดุ์เรียกประชุมตัดสินชี้ขาดในสภา
เสียงส่วนมากในที่ประชุมเสนอว่า สมควรใช้มาตรการสุดท้ายคือยกทัพไปรบกับ โกลิยะแห่งเทวหะให้รู้แล้วรู้รอดกันเสียที
แต่เจ้าชายสิทธัตถะ (อาจมีสมาชิกอื่นด้วย) ไม่เห็นด้วยกับที่พี่น้องกันเองจะล้างผลาญกัน เมื่อโหวตเสียงปรากฏว่าแพ้มติที่ประชุม ทั้งๆ ที่แพ้มติที่ประชุมเจ้าชายไม่ยอมเลิกลา ยืนขึ้นคัดค้านกระต่ายขาเดียวอยู่นั่นแล้ว
นับว่าปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับของสภาอย่างร้ายแรง จึงถูกขับออกไปในที่สุด
แต่การให้เจ้าชายสิทธัตถะออกจากเมืองมิใช่เรื่องเล็กน้อย พวกศากยะเป็นประเทศราชขึ้นอยู่กับพระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งรัฐโกศลอีกต่อหนึ่ง (มิได้เป็นประเทศอิสระใหญ่โต อย่างที่ชาวพุทธไทยเราเชื่อกัน) พวกเขากลัวว่า ถ้าปเสนทิโกศลเจ้านายเหนือหัวทราบเรื่องเข้า อาจยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องได้ จึงตกลงกันให้ระงับศึกชิงน้ำไว้สักพักหนึ่งก่อน และขอคำมั่นจากเจ้าชายสิทธัตถะว่าจะต้องไม่ให้ปเสนทิโกศลรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด
สิทธัตถะรับปาก และเพื่อให้พวกศากยะวางใจยิ่งขึ้น จึงถือเพศบรรพชิตออกไปให้เห็นประจักษ์กับตาเลยทีเดียว
(ไม่ว่าสมัยนั้น หรือสมัยไหน เพศบรรพชิตถือว่าไม่มีพิษภัยกับใครในประวัติศาสตร์ไทย ผู้ที่หนีราชภัยออกบวช ย่อมไม่ได้รับการรบกวนจากกษัตริย์ผู้มีอำนาจ นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่โบราณกาล)
ดูตามแผนที่เมืองกบิลพัสดุ์อยู่ไม่ไกลจากเมืองสาวัตถีเมืองหลวงของแคว้นโกศลเท่าไหร่ แต่เจ้าชายสิทธัตถะไม่เสด็จไปทางนั้น กลับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกผ่านแคว้นมัลละของมัลลกษัตริย์ ข้ามแม่น้ำอโนมาเข้าไปยังเขตมคธรัฐซึ่งมีมหาราชชื่อพิมพิสารปกครองอยู่ ทรงบำเพ็ญเพียรที่นั่นตรัสรู้ที่นั่นและวางรากฐานพระพุทธศาสนาที่นั่นเช่นกัน
หลังจากนั้นหลายปี พระองค์จึงเหยียบย่างไปยังแคว้นโกศล ทั้งหมดนี้ อาจเพราะว่าพระองค์ทรงรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับพวกศากยะอย่างเคร่งครัดก็ได้
เมื่อพระพุทธองค์ทรงวางรากฐานพุทธศาสนาที่แคว้นมคธมั่นคงแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเข้าไปหาพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระองค์แล้วเกิดเลื่อมใส มอบตนเป็นสาวกคนหนึ่ง
พอถึงตอนนี้พวกศากยะซึ่งแต่เดิมดูถูกเหยียดหยามพระองค์ พลอยเห็นความสำคัญของพระพุทธเจ้าขึ้นมาบ้าง
ศึกแย่งน้ำปะทุขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พระญาติทั้งสองฝ่ายยกพลมาหมายขยี้ให้แหลกไปข้างหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องเสด็จมาห้ามทัพไว้ทัน เทศนาสอนให้พวกเขาเห็นโทษในการล้างผลาญสายเลือดเดียวกันจนยุติเลิกรากันได้ในที่สุด
การห้ามสงครามเลือดครั้งนี้เป็นเหตุสำคัญในประวัติศาสนา จึงมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นปางหนึ่งเป็นอนุสรณ์ เป็นรูปยืนยกพระหัตถ์ขวาขึ้นในท่าห้ามปราม เรียกว่า พระพุทธรูปปางห้ามญาติ
เข้าใจว่า เผ่าศากยะสมัยนั้น คงมีจำนวนไม่มากมายเท่าไรนัก ศึกล้างโคตรกันเอง โดยวิฑูฑภะครั้งนั้น คงไม่สามารถฆ่าได้หมดทุกคน ที่หลบหนีภัยครั้งนั้นก็คงมีไม่น้อย ได้แตกลูกแตกหลานสืบกันมาเป็นจำนวนมาก
แม้ปัจจุบันนี้ที่ประเทศเนปาล ถิ่นมาตุภูมิของพระพุทธเจ้า ก็ยังมีตระกูล "ซาเกีย" ซึ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่มากตระกูลหนึ่ง เขาอ้างว่าสืบมาจาก ศากยะสมัยพุทธกาลนั่นเอง
ดูหน้าตาคนเนปาลแล้วอดแปลกใจไม่ได้ ไม่มีเค้า "อารยัน" หรือ "ฝรั่ง" เอาเสียเลย พวกนี้ผิวเหลือง (คล้ายคนไทย) เป็นเชื้อสายมองโกเลีย
ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นบรรพบุรุษของคนเนปาลปัจจุบันนี้ พระองค์ก็ต้องเป็นมองโกเลีย
หมายเหตุ : ทัศนะที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นชาวมองโกล อ่าน เดช ตุลวรรธนะ เรียนพระพุทธศาสนาอย่างปัญญาชน เล่ม 3 พุทธประวัติฉบับมองโกล, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์กรมยุทธศึกษาทหารบก, 2525 และที่ว่าเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชด้วยเหตุผลทางการเมือง โปรดอ่าน B.R. Ambedkar. The Buddha and His Dhamma. Bombay: Siddharth College Publication I. 1957 และ เสฐียร พันธรังสี, พุทธประวัติมหายาน (พุทธประวัติฉบับค้นพบใหม่) กรุงเทพฯ : แพร่พิทยา, 2525 น่าสังเกตว่า ในพระสูตรกล่าวถึงมหาปุรสลักษณะ 32 ประการข้อหนึ่งว่า "สุวณฺณวณฺโณ" พระพุทธเจ้าทรงมีสีผิวดั่งทอง (ผิวเหลือง)
.................................................................................................................
เพจนี้เค้าหลงตัวเองจังนะคร ับ เอะอะก็เหมาว่าเป็นเพราะกระ แสของพวกตัวเองหมด 5555 http://tinyurl.com/cdv7kq2
เรื่องของเรื่องก็คือการปรั บเงินสมทบกองทุนน้ำมันเชื้อ เพลิง-ไม่ว่าเพิ่มหรือลดนั้ นเค้าจะปรับกันอยู่ตลอดเพื่ อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันอ ยู่แล้วครับ ถ้าราคาในตลาดโลกปรับลด ก็อาจเพิ่มเงินสมทบเพื่อรัก ษาสถานะทางการเงินของกองทุน แต่ถ้าราคาในตลาดโลกสูงขึ้น มาก ก็อาจลดการสมทบเพื่อไม่ให้ก ระทบกับราคาขายปลีกในประเทศ นี่เป็นวัตถุประสงค์ของการม ีกองทุนน้ำมันอยู่แล้วครับ
ย้อนกลับไปไม่กี่วันก็จะเห็ นว่ากบง.เพิ่งมีมติปรับเพิ่ มเงินสมทบกองทุนฯที่เก็บจาก ดีเซลเพิ่มไป เพราะช่วงนั้นราคาดีเซลในตล าดโลกปรับลดลงhttp://www.naewna.com/ business/49355
(พวกทวงคืนน่าจะเจียดเวลาทำ ภาพเลอะเทอะทั้งหลาย มานั่งอ่านข้อมูลให้รอบด้าน และครบถ้วนหน่อยนะครับ)
สรุปก็คือการเพิ่มหรือลดเป็ นไปตามกลไกอยู่แล้วครับ ไม่ได้เกี่ยวกับกระแสทวงคืน จอมปลอมอะไรทั้งสิ้น เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว
เรื่องของเรื่องก็คือการปรั
ย้อนกลับไปไม่กี่วันก็จะเห็
(พวกทวงคืนน่าจะเจียดเวลาทำ
สรุปก็คือการเพิ่มหรือลดเป็
...............................................................................................................
.............................................................................................................
หลัก The Supremacy of Parliament ในพระราชบัญญัติธรรมนูญการป กครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช ๒๔๗๕
%%%%%%%%%%%%%%%%%
บทสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่าง อ.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย กับ อ.ณัฐพล ใจจริง ทำให้ผมลองเอาข้อสังเกตน่าส นใจของอ.ณัฐพลว่าหลัก The Supremacy of Parliament มีปรากฎในพรบ.ธรรมนูญฯ ๒๔๗๕ ไปเปิดอ่านทบทวน พรบ. ดังกล่าวคร่าว ๆ (ดูได้ที่ http:// www.parliament.go.th/ ewtadmin/ewt/ parliament_parcy/ewt_w3c/ ewt_dl_link.php?nid=7233) พบข้อน่าสนใจดังนี้ครับ
พรบ.ธรรมนูญฉบับนี้ อ.ปรีดี พนมยงค์ยกร่างขึ้นในนามคณะร าษฎร (และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงยอมรับโดยเติ มแค่คำว่า “ชั่วคราว” แม้ไม่มีมาตราหนึ่งมาตราใดร ะบุออกมาโต้ง ๆ (เท่าที่ผมเห็น) ถึงหลัก The Supremacy of Parliament ในพรบ.ธรรมนูญฯ ๒๔๗๕ แต่ผมคิดว่าข้อตีความของอ.ณ ัฐพล สามารถประมวลขึ้นได้จากมาตร าต่าง ๆ ต่อไปนี้ในพรบ. ได้แก่ มาตรา ๑, ๒, ๖, ๘, ๙, ๓๓, ๓๔ และ ๓๙
-มาตรา ๑ ยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประ เทศเป็นของราษฎร
-มาตรา ๒ ให้มี ๔ บุคคลและคณะบุคคลเป็นผู้ใช้ อำนาจแทนราษฎรได้แก่ กษัตริย์, สภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการราษฎร (รัฐบาล/ครม.), ศาล
-คำถามน่าสนใจคือสัมพันธภาพ ทางอำนาจระหว่างบุคคลและคณะ บุคคลทั้ง ๔ นี้ เป็นอย่างไร? ใครมีอำนาจใหญ่กว่าหรือเป็น ต้นเค้าที่มาของอำนาจฝ่ายอื ่นที่อำนาจฝ่ายอื่นนั้นต้อง พร้อมรับผิดต่อ?
-ในกรณีความสัมพันธ์ทางอำนา จระหว่าง สภาผู้แทนราษฎร กับ กษัตริย์ ปรากฏในมาตรา ๖ และ ๘
-ในกรณีความสัมพันธ์ทางอำนา จระหว่าง สภาผู้แทนราษฎร กับ คณะกรรมการราษฎร ปรากฏในมาตรา ๙, ๓๓ และ ๓๔
-ในกรณีความสัมพันธ์ทางอำนา จระหว่าง สภาผู้แทนราษฎร กับ ศาล ปรากฏในมาตรา ๘, ๙ และ ๓๙
-โดยเฉพาะมาตรา ๓๙ น่ารักมาก เพราะเป็นมาตราเดียวในหมวด ๕ เรื่องศาล มีข้อความแค่นี้เท่านั้นว่า "มาตรา ๓๙ การระงับข้อพิพาทให้เป็นไปต ามกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลานี ้"
(ภาพประกอบ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั ้งแรกของสยาม)
%%%%%%%%%%%%%%%%%
บทสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่าง อ.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย กับ อ.ณัฐพล ใจจริง ทำให้ผมลองเอาข้อสังเกตน่าส
พรบ.ธรรมนูญฉบับนี้ อ.ปรีดี พนมยงค์ยกร่างขึ้นในนามคณะร
-มาตรา ๑ ยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประ
-มาตรา ๒ ให้มี ๔ บุคคลและคณะบุคคลเป็นผู้ใช้
-คำถามน่าสนใจคือสัมพันธภาพ
-ในกรณีความสัมพันธ์ทางอำนา
-ในกรณีความสัมพันธ์ทางอำนา
-ในกรณีความสัมพันธ์ทางอำนา
-โดยเฉพาะมาตรา ๓๙ น่ารักมาก เพราะเป็นมาตราเดียวในหมวด ๕ เรื่องศาล มีข้อความแค่นี้เท่านั้นว่า
(ภาพประกอบ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั
..........................................................................................................
โปรด Click: http:// thaisocialwork.files.wordpr ess.com/2013/04/ fax-022951154_2013-04-218.p df เพื่อ download ฉบับจริงแล้วลงนามส่งกลับมา ทาง Fax 02.295.1154 หรือ Email: thaiappraisal@gmail.com ภายในวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2556 นี้นะครับ
จดหมายเปิดผนึกร่วมคัดค้านร ่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานค ร พ.ศ.2556
22 เมษายน 2556
เรื่อง คัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุง เทพมหานคร พ.ศ.2556
เรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกา รคลัง
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไ ทย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาค ม
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพั ฒนาสังคมและความมั่นคงของมน ุษย์
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสา หกรรม
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงก ารคลัง
นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงม หาดไทย
พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงม หาดไทย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงค มนาคม
พลเอก พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงค มนาคม
นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอ ุตสาหกรรม
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเม ือง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เนื่องด้วยขณะนี้กรุงเทพมหา นครพยายามเสนอต่อกระทรวงมหา ดไทยเพื่อผลักดันร่างผังเมื องฉบับใหม่ออกมาประกาศใช้ แต่ร่างดังกล่าวมีข้อบกพร่อ งมากมาย หากนำมาใช้จะสร้างปัญหามากก ว่าจะช่วยสนับสนุนการวางแผน พัฒนาเมืองให้มีความเป็นระเ บียบเรียบร้อย พวกข้าพเจ้าจึงขอคัดค้านร่า งดังกล่าวดังนี้:
1. ในพื้นที่ธุรกิจใจกลางเมือง ถูกจำกัดการก่อสร้างทั้งที่ ควรให้พัฒนาในแนวสูง เพื่อใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่า และเก็บภาษีได้มาก เช่นพื้นที่ ย.9 ย.10 แถวสุขุมวิทสามารถสร้างได้เ พียง 7-8 เท่าของขนาดที่ดิน และต้องมีอัตราส่วนของที่ว่ างต่อพื้นที่อาคารรวมถึง 4.5-4% ตามลำดับ หากเจ้าของที่ดินมีที่ดินแป ลงหนึ่งขนาด 1 ไร่ ก็ต้องเว้นพื้นที่โดยรอบถึง ราว 32% หรือหนึ่งในสาม กรุงเทพมหานครมักอ้างว่ามีไ ฟไหม้อาคารขนาดใหญ่บ่อยครั้ ง ซึ่งไม่จริง ในช่วง พ.ศ.2550-5 อาคารเหล่านี้ เกิดเพลิงไหม้ลดลงจาก 9% เหลือ 1% อาคารเหล่านี้มีระบบป้องกัน ไฟไหม้ที่ดี กรุงเทพมหานครควรปรับปรุงปร ะสิทธิภาพในการดับเพลิง แทนที่จะนำมาอ้างเพื่อกีดขว างการพัฒนา
2. ร่างผังเมืองนี้ทำให้เมืองข ยายออกไปในแนวราบ รุกทำลายสิ่งแวดล้อมและพื้น ที่เกษตรกรรม สิ้นเปลืองงบประมาณขยายสาธา รณูปโภคไม่สิ้นสุด ยังทำให้ประชาชนเสียเวลาและ ค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งเป็นการผลักภาระและปัญห าไปสู่จังหวัดอื่น เช่น
2.1 ในพื้นที่ ย.3 ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหล ายร้อยตารางกิโลเมตรและมีอะ พาร์ตเมนต์ให้บริการผู้มีรา ยได้น้อยมากมาย กรุงเทพมหานครกลับห้ามสร้าง อะพาร์ตเมนต์ขนาดเกิน 1,000 ตารางเมตรหากถนนผ่านหน้าที่ ดินมีความกว้างไม่ถึง 30 เมตร ทั้งที่รู้ว่าในความเป็นจริ งไม่มีซอยใดที่จะมีความกว้า งเช่นนี้
2.2 ในพื้นที่ ย.2 ห้ามสร้างทาวน์เฮาส์ ทั้งที่บริเวณเหล่านี้มีทาว น์เฮาส์สำหรับผู้มีรายได้ปา นกลางและรายได้น้อยอยู่มากม าย ดังนั้นต่อไปประชาชนโดยเฉพา ะผู้มีรายได้น้อยและรายได้ป านกลางต้องระเห็จออกไปอยู่น อกเมือง โดยตามรอยตะเข็บเขตสมุทรปรา การ นนทบุรี ปทุมธานี กลับมีโครงการใหญ่ๆ ประเภทอาคารชุดและทาวน์เฮาส ์มากมาย เพราะไม่สามารถสร้างในเขตกร ุงเทพมหานครได้
3. ตามร่างผังเมืองใหม่ก็ไม่ได ้กำหนดให้มีแผนการป้องกันน้ ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมเพราะ ไม่ได้ทำถนนและเขื่อนริมแม่ น้ำเจ้าพระยา ระบบเปิดปิดน้ำกันน้ำทะเลหน ุน และระบบคลองระบายน้ำใหม่ๆ เป็นต้น ยิ่งกว่านั้นกรุงเทพมหานครค วรดำเนินการอย่างมีบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานอื่น
4. ผังเมืองที่ออกมาไม่สอดคล้อ งกับความจริงในหลายประการ เช่น
4.1 ถนนบางเส้นไม่จำเป็นต้องสร้ าง เช่น ถนน ง.2 หนองจอก เพราะสภาพเป็นทุ่งนา แต่บางเส้นเล็กและคดเคี้ยวก ลับไม่ตัดถนน เช่นทางเข้ามหาวิทยาลัยเทคโ นโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตบางขุนเทียน
4.2 กำหนดการใช้พื้นที่ไม่เป็นจ ริง เช่น พื้นที่พาณิชยกรรม พ.1-12 ถนนนวมินทร์กลับมีสภาพจริงเ ป็นหมู่บ้านจัดสรร หรือพื้นที่ อ.1-4 ถนนเทียนทะเลที่กำหนดให้เป็ นเขตอุตสาหกรรมเฉพาะ 200 เมตรแรกที่ติดถนน (ฝั่งซ้าย) และ ตลอดแนวคลองที่ขนานกับถนน (ฝั่งขวา) แต่ในความเป็นจริง พื้นที่โดยรอบก็มีโรงงานมาก มาย ผังเมืองจึงวางอย่างละเอียด รอบคอบกว่านี้
4.3 ในข้อ 36 ของร่างผังเมืองฉบับนี้กำหน ดว่าที่ดินที่ติดถนนน้อยกว่ า 12 เมตร หรือที่ดินลึกจากถนนเกิน 200 เมตรไม่สามารถนำมาใช้ประโยช น์ได้ ทำให้ที่ดินเหล่านี้ต้องปล่ อยรกร้างหรือทำประโยชน์ได้จ ำกัด และสำหรับที่ดินที่อยู่ติดถ นนที่มีความกว้าง 12, 16 หรือ 30 เมตร ต้องกว้างตามนั้นโดยตลอดเส้ น หากส่วนใดของถนนเส้นนี้มีผู ้บุกรุกหรือสร้างล้ำเกิน แม้ทะเบียนถนนจะระบุชัดว่าก ว้างตามกำหนด ก็ถือว่าไม่ได้ กรณีทำให้เจ้าของที่ดินที่ส ุจริตหมดโอกาสพัฒนาที่ดิน
5. แผนก่อสร้างและปรับปรุงถนน 140 สายตามร่างผังเมืองรวมนั้น หลายสายก็วาดไว้ตั้งแต่ผังเ มืองฉบับปัจจุบันที่ประกาศใ ช้ในปี พ.ศ.2549 แต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง บางสายก็วาดต่างไปจากเดิม ที่สำคัญก็คือ งบประมาณก่อสร้างถนนตามที่ว าดไว้ยังไม่มีการจัดหาไว้ ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอน
6. ผังเมืองกรุงเทพมหานครขาดกา รพัฒนาสวนสาธารณะ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่เพียง 4.65 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทีย บกับมหานครทั่วโลก ที่สำคัญพื้นที่สวนสวนสาธาร ณะ 26 ตารางกิโลเมตรยังรวมสวนในหม ู่บ้านเอกชน เกาะกลางถนน บึงน้ำ พื้นที่ว่างของกองทัพ ฯลฯ เข้าไปด้วย นอกจากนี้สวนสาธารณะส่วนมาก จะสร้างในเขตรอบนอกซึ่งมีคว ามจำเป็นน้อย ไม่มีการวางแผนสร้างสวนสาธา รณะใจกลางเมือง ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าผังเ มืองจะทำให้กรุงเทพมหานครเป ็นเมืองสีเขียว (Green City) จึงไม่จริง
7. ร่างผังเมืองนี้พยายามเสนอข ้อดีบางประการ ซึ่งไม่เป็นจริง เช่น
7.1 จะเพิ่มการควบคุมกิจกรรมที่ ขัดต่อสุขลักษณะ 5 กิจกรรม เช่น สนามแข่งม้า สนามแข่งรถ และสนามยิงปืนนั้น ในความเป็นจริงไม่ได้มีผลใน ทางปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะแทบไม่มีการขออนุญาต
7.2 การแจก "แจกโบนัส 5-20%" คือให้สร้างเพิ่มเติมกว่ากฎ หมายปกติกำหนด ในรัศมี 500 เมตรรอบสถานีรถไฟฟ้านั้น ก็ใช้ได้เฉพาะสถานีที่สร้าง เสร็จแล้ว ไม่ใช่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผลอะไร
7.3 การพัฒนาศูนย์เมืองย่อย เช่น ในย่านมีนบุรีที่แนวรถไฟฟ้า สายสีชมพู-สีส้มมาบรรจบกัน ย่านพระรามที่ 2 ใกล้กับถนนกาญจนาภิเษก และย่านรามอินทราใกล้จุดตัด ถนนรัชดา-รามอินทรา เป็นต้น หากร่างผังเมืองนี้ได้ประกา ศใช้ในปีนี้และหมดอายุในปี 2560 ก็ยังไม่แน่ว่ารถไฟฟ้าทั้งส องสายจะได้สร้างเสร็จ
โดยสรุปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าร่างผังเมือง นี้ เป็นการแก้ปัญหาเมืองแบบซุก ปัญหาไว้ใต้พรม เพราะแทนที่จะจัดระเบียบการ ใช้ที่ดินที่ดี กลับปัดปัญหาออกไปนอกเมือง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ปร ะชากรของกรุงเทพมหานครลดลงใ นระยะหลายปีที่ผ่านมา เพราะประชาชนไม่สามารถอยู่อ าศัยในกรุงเทพมหานครได้ เพราะความพยายามทำเมืองให้ห ลวม กรุงเทพมหานครควรคิดใหม่ ทำเมืองให้หนาแน่น (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowded) แต่ปัจจุบันกลับทำในทางตรงก ันข้าม
ประเด็นหนึ่งที่กรุงเทพมหาน ครเองไม่สามารถจะแก้ปัญหาขอ งเมืองและวางแผนการพัฒนาเมื องได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ เพราะขณะนี้ความเป็นเมืองขอ งกรุงเทพมหานครได้ขยายออกนอ กเขตบริหารของกรุงเทพมหานคร แล้ว ยิ่งกว่านั้นกรุงเทพมหานครย ังขาดการประสานแผนกับหน่วยง านที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ผังเมืองกับการขยาย ตัวของสถานศึกษา พื้นที่ปกครอง กิจการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ราคาประเมินของทา งราชการ ก็ไม่ได้ยึดโยงกับผังเมือง
ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยในฐาน ะหน่วยงานที่รับผิดชอบการวา งผังเมืองจึงควรดำเนินการวา งแผนภาคมหานคร ซึ่งรวมพื้นที่กรุงเทพมหานค รและปริมณฑล และให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันวางผังนี้ให้เป็นแผน แม่บทในด้านการปกครอง สาธารณูปโภคและอื่นๆ ในระหว่างนี้ให้ประกาศใช้ผั งเมืองฉบับเดิมไปก่อน และให้มีกรอบเวลาการทำผังภา คมหานครให้แล้วเสร็จใน 2 ปี สำหรับสาระสำคัญดังนี้:
1. ในพื้นที่เขตธุรกิจชั้นในขอ งกรุงเทพมหานคร ควรอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารข นาดใหญ่และสูงพิเศษ แต่ให้เว้นพื้นที่ว่างให้มา กเพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขีย วใจกลางเมือง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ให้สิทธิพิ เศษ เพราะกรุงเทพมหานครควรจัดเก ็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับก ารก่อสร้างอาคารได้สูงหรือใ หญ่พิเศษ เพื่อนำเงินไปเข้ากองทุนพัฒ นาระบบคมนาคม เช่น รถไฟฟ้ามวลเบา ผ่านเข้าสู่ถนนสายต่างๆ เพื่อการระบายการจราจร
2. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เช่น ประสาน
2.1 กับกิจการไฟฟ้า ประปา ทางหลวง รถไฟฟ้า ช่วยกันร่างผังเมืองนี้เป็น แผนแม่บทของหน่วยงานของตน ส่วนในพื้นที่อนุรักษ์ชนบทจ ะห้ามก่อสร้างถนนหรือขยายไฟ ฟ้า ประปาไปบริเวณดังกล่าว
2.2 กับการเคหะแห่งชาติและหน่วย งานอื่นโดยควรใช้วิธีจัดรูป หรือเวนคืนที่ดินชานเมือง เช่น เขตหนองจอก ราว 10,000 – 20,000 ไร่ สร้างเมืองใหม่แบบปิดล้อมแต ่มีระบบขนส่งมวลชนเข้าสู่ใจ กลางเมืองโดยตรง แล้วจัดสรรที่ดินที่มีสาธาร ณูปโภคครบ (serviced land) เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ศูนย์ธุรกิจ เป็นต้น
2.3 กับกรมธนารักษ์เพื่อนำที่ดิ นใจกลางเมืองมาพัฒนาเป็นศูน ย์ธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีการรวมศูนย ์ สาธารณูปโภคไม่ต้องขยายตัวอ ย่างไร้ขอบเขต เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธ ุรกิจด้วยกันเองในพื้นที่
2.4 กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งปร ะเทศไทย เพื่อจัดสร้างนิคมให้โรงงาน ได้ใช้ในราคาถูกเพื่อส่งเสร ิมอุตสาหกรรม และเพื่อห้ามการก่อสร้างโรง งานตามท้องนาหรือย่านชานเมื องเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบั น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถือ
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
จดหมายเปิดผนึกร่วมคัดค้านร
22 เมษายน 2556
เรื่อง คัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุง
เรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกา
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาค
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพั
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสา
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงก
นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงม
พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงค
พลเอก พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงค
นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอ
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เนื่องด้วยขณะนี้กรุงเทพมหา
1. ในพื้นที่ธุรกิจใจกลางเมือง
2. ร่างผังเมืองนี้ทำให้เมืองข
2.1 ในพื้นที่ ย.3 ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหล
2.2 ในพื้นที่ ย.2 ห้ามสร้างทาวน์เฮาส์ ทั้งที่บริเวณเหล่านี้มีทาว
3. ตามร่างผังเมืองใหม่ก็ไม่ได
4. ผังเมืองที่ออกมาไม่สอดคล้อ
4.1 ถนนบางเส้นไม่จำเป็นต้องสร้
4.2 กำหนดการใช้พื้นที่ไม่เป็นจ
4.3 ในข้อ 36 ของร่างผังเมืองฉบับนี้กำหน
5. แผนก่อสร้างและปรับปรุงถนน 140 สายตามร่างผังเมืองรวมนั้น หลายสายก็วาดไว้ตั้งแต่ผังเ
6. ผังเมืองกรุงเทพมหานครขาดกา
7. ร่างผังเมืองนี้พยายามเสนอข
7.1 จะเพิ่มการควบคุมกิจกรรมที่
7.2 การแจก "แจกโบนัส 5-20%" คือให้สร้างเพิ่มเติมกว่ากฎ
7.3 การพัฒนาศูนย์เมืองย่อย เช่น ในย่านมีนบุรีที่แนวรถไฟฟ้า
โดยสรุปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าร่างผังเมือง
ประเด็นหนึ่งที่กรุงเทพมหาน
ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยในฐาน
1. ในพื้นที่เขตธุรกิจชั้นในขอ
2. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยว
2.1 กับกิจการไฟฟ้า ประปา ทางหลวง รถไฟฟ้า ช่วยกันร่างผังเมืองนี้เป็น
2.2 กับการเคหะแห่งชาติและหน่วย
2.3 กับกรมธนารักษ์เพื่อนำที่ดิ
2.4 กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งปร
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
ชื่อ-สกุล _____________________ เลขที่บัตรประชาชน ____________________ ลายมือชื่อ________________
................................................................................................
เหงา MV Harmonica Sunrise เร็วๆ นี้ นะจ๊ะ
..................................................................................................................
ก่อนที่คุณจะยอมแพ้ ลองถามตัวเองดูก่อน ว่าคุณได้ลองและพยายามทำให้
............................................................................................................
นิพพานสำหรับทุกคน
ท่านจะต้องสนใจให้ดี ให้เข้าใจเรื่องของนิพพาน จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบ ริษัท และพระพุทธศาสนาก็จะมีประโย ชน์แก่ทุกคนหรือทุกท่าน
มันเป็นสิ่งที่มีสำหรับทุกค น ไม่ใช่มีสำหรับสองสามคนหรือ ไม่กี่คน; ถ้ามีได้เฉพาะแก่พระอรหันต์ แล้ว พระอรหันต์ก็มีไม่กี่คน พุทธศาสนาก็ไม่มีประโยชน์แก ่คนทั่วไป มีแก่คนไม่กี่คนอย่างนี้ มันไม่คุ้มค่า;
พุทธศาสนาจะต้องเป็นประโยชน ์แก่ทุกคนไม่มากก็น้อย เหมือนกับว่าสระน้ำใหญ่ สระน้ำใหญ่ที่ใครขุดไว้ มันก็มีประโยชน์แก่สัตว์ทุก ชนิดและทุกขนาด สัตว์ตัวโตๆ เช่นช้าง มันก็ลงไปกินไปอาบได้ สัตว์ตัวเล็กๆ เช่น กบเขียดหรือเล็กกว่าเขียด มันก็ลงไปกินไปอาบได้; มีประโยชน์แก่สัตว์ทุกชนิดห รือทุกขนาดดังนี้ มันก็คุ้มค่า.
พระนิพพานก็เหมือนกัน เหมือนกับเป็นสระที่พระพุทธ เจ้าท่านขุดไว้ ก็เป็นประโยชน์ได้แก่ทุกคนต ามมากตามน้อย โดยสมบูรณ์เต็มที่หรือโดยบา งส่วน ก็ตาม มันก็เรียกว่ามีประโยชน์ด้ว ยกันทั้งนั้นแหละ.
ฉะนั้นขอให้นึกให้ถูกต้องว่ า ถ้าเป็นพุทธบริษัทต้องได้รั บประโยชน์จากพระนิพพาน ตามมากตามน้อย และเพราะว่าพระนิพพานนั้นสา มารถให้สำเร็จประโยชน์เช่นน ั้นได้จริง, ขอให้พยายามทำความเข้าใจเกี ่ยวกับเรื่องนี้ และมันยังจะไปไกลถึงกับว่า
แม้คนโง่ไม่รู้จักพระนิพพาน เอาเสียเลย เขาก็ยังลงไปกินไปอาบในสระแ ห่งนิพพานนั้นได้โดยไม่รู้ส ึกตัว ข้อนี้ก็เพราะว่า พระนิพพานเป็นธรรมชาติที่มี อยู่ในที่ทั่วไป เมื่อบุคคลไม่มีความร้อนใดๆ ก็หมายความว่า กำลังดื่มกินพระนิพพาน.
ทีนี้ก็จะพูดกันถึงความร้อน ความร้อนทั่วๆไป อย่างไฟอย่างนี้ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เดี๋ยวนี้หมายถึง ความร้อนในจิตใจ ที่มันเกิดมาจากกิเลส เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เป็นความร้อนแห่งไฟคือกิเลส , ถ้าเมื่อใดความร้อนจากไฟคือ กิเลสมันไม่มี เมื่อนั้นก็มีภาวะแห่งนิพพา น.
นี่เป็นหลักที่สำคัญที่สุดท ี่จะต้องกระทำไว้ในใจว่า เมื่อใด ไม่มีไฟ คือ ราคะ โทสะ โมหะ ไม่มี, ก็มีความเย็นอย่างนิพพาน, ถ้ามันไม่มีชั่วคราว มันก็เป็นความเย็นชั่วคราว. ถ้ามันมีนิดหนึ่ง มันก็เป็นความเย็นนิดหนึ่ง และมันคงเป็นความเย็นนั่นเอ ง; ถ้ามันเป็นความเย็นแล้ว ก็มีความหมายแห่งนิพพาน เป็นเรื่องความเย็นในทางจิต ใจ ขอให้สนใจดูให้ดีว่า เรามีความร้อนเมื่อไร มีความร้อนใจเมื่อไร มันก็หมายความว่า มีความร้อนที่เกิดมาจากกิเล สเมื่อนั้น;
เมื่อใดความร้อนชนิดนั้นไม่ มี มันก็มีสิ่งที่เรียกว่า นิพพานไม่มากก็น้อยอยู่ในจิ ตใจ.
คัดจาก หนังสือ นิพพานสำหรับทุกคน
โดย พุทธทาสภิกขุ
พิมพ์ ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๕
โดย ธรรมทานมูลนิธิ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ
http://www.buddhadasa.com/ shortbook/nippanforall.html
ท่านจะต้องสนใจให้ดี ให้เข้าใจเรื่องของนิพพาน จึงจะไม่เสียทีที่เป็นพุทธบ
มันเป็นสิ่งที่มีสำหรับทุกค
พุทธศาสนาจะต้องเป็นประโยชน
พระนิพพานก็เหมือนกัน เหมือนกับเป็นสระที่พระพุทธ
ฉะนั้นขอให้นึกให้ถูกต้องว่
แม้คนโง่ไม่รู้จักพระนิพพาน
ทีนี้ก็จะพูดกันถึงความร้อน
นี่เป็นหลักที่สำคัญที่สุดท
เมื่อใดความร้อนชนิดนั้นไม่
คัดจาก หนังสือ นิพพานสำหรับทุกคน
โดย พุทธทาสภิกขุ
พิมพ์ ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๕
โดย ธรรมทานมูลนิธิ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ
http://www.buddhadasa.com/
........................................................................................................
ทหารยิงกันเอง ศาลสั่งคดี 'พลฯณรงค์ฤทธิ์' เหยื่อกระสุนสลายชุมนุมแดง
ภาพประกอบจาก Maha-arai
วันนี้ (30 เม.ย.) เวลา 9.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 811 ศาลอาญารัชดามีสั่งในคดี อช.4/2555 ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ (ได้รับเลื่อนยศเป็น ร้อยตรี หลังเสียชีวิต) อดีตทหารสังกัด ร.พัน. 2 พล.ร. 9 จ.กาญจนบุรี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุการณ์การปะทะกันของตำรวจ ทหาร กับผู้ชุมนุม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เขตบางเขน ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2553
โดยศาลมีคำสั่งว่าผู้ตายคือ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ ตายที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 เม.ย.53 เวลาประมาณ 15.00 น. เหตุและพฤติการณ์การตายคือ ถูกระสุนปืนความเร็วสูง ซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ โดยกระสุนถูกที่ศรีษะด้านซ้ายหางคิ้วผ่านทะลุกระโหลกศรีษะทำลายเนื้อสมองเป็นเหตุให้เสียชีวิต
อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่ :
- ณรงค์ฤทธิ์ สาละ
- และข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) ที่ ข้อมูลพื้นฐานกรณีนี้ และ บันทึกไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ร.ต.ณรงค์ฤทธิ์ สาละ(ยศเดิมพลทหาร)
......................................................................................................
สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญในมา ตรา ๖๓ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ --> มาตรา ๖๘ ของรัฐธรรมนูญ๒๕๕๐
%%%%%%%%%%%%%%%%%
ม. ๖๘ ในรธน.๒๕๕๐ สืบสาวย้อนไปได้ถึงมาตราเนื ้อหาทำนองเดียวกันในรธน. ๒๕๔๐ (ม.๖๓) พวกสสร.๒๕๔๐ ที่สร้างมาตราทำนองนี้ขึ้นแ ล้วให้มีการกลั่นกรองข้อกล่ าวหาโดยทางอัยการก่อน ก็เพราะต้องการป้องกันการกล ั่นแกล้งกล่าวหากันเลื่อนลอ ยแบบ ๖ ตุลาฯ ๒๕๑๙ (ที่เพื่อนพ้องน้องพี่คนรุ่ นผมโดนเข้ากับตัวเองจนถูกฆ่ าหมู่กลางสนามหลวงข้างคณะเก่าของอ.บรรเจ ิด สิงคะเนติและอดีตอธิการบดีส ุรพล นิติไกรพจน์ อย่างนอกกฎหมายป่าเถื่อนไร้ มนุษยธรรม) และในที่สุดเมื่อใช้มาตรา ๖๘ แบบตีความกินอำนาจสภาโดยศาล รธน. ไปรับคำร้องของเหล่าสว.และส ส.และบุคคลที่คัดค้านการแก้ ไขรธน.ว่าจะล้มระบอบฯ ก็ปรากฏในที่สุดว่าเป็นการก ล่าวหาที่เลื่อนลอยและศาลรธ น.เองลงมติให้ตกไป
นอกจากนี้ มาตรา ๖๘ เช่นเดียวกับมาตรา ๖๓ แต่ก่อน มุ่งห้ามปรามบุคคล/ พรรคการเมือง แต่การประยุกต์ใช้ของศาลรธน .ชุดนี้ กลับสั่งการต่อรัฐสภา ซึ่งไม่ใช่บุคคล และก็ไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็นอำนาจอีกฝ่ายอีกสาขา ในโครงสร้างรัฐธรรมนูญ มันจึงเป็นการขยายอำนาจเกิน ขอบเขตของฝ่ายตุลาการไปกินล ่วงเกินอำนาจสาขาอื่น หากยอมให้ทำแบบนี้ ระบบก็พังหมดต่อไปข้างหน้า
ในนามอะไรหรือครับ? สิทธิเสรีภาพของบุคคลพลเมือ ง? แต่บรรดาพวกที่ยื่นฟ้องต่อศ าลรธน.ครั้งก่อนและครั้งนี้ ก็คือกลุ่มอำนาจชนชั้นนำฝ่า ยหนึ่งซึ่งผมไม่ว่าอะไรนะคร ับจะเป็นกลุ่มอำนาจหรือชนชั ้นนำ แต่การใช้วิธีรัฐประหารยึดอ ำนาจ สถาปนาตัวเองขึ้นมา มันรับไม่ได้ และสร้างเกมกติกาที่บิดเบี้ ยว กรรมการสำคัญมีที่มาอันเอนเ อียงแต่ต้น อย่างนี้จะเดินหน้าไปอย่างไ ร?
พรรครัฐบาลที่เข้มแข็งอย่าง เพื่อไทยต้องมีฝ่ายค้านที่เ ข้มแข็ง จำเป็นต้องมี ไม่งั้นเหลิงอำนาจ อาจฉวยใช้ในทางมิชอบ..... ใช่และจริง แต่ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งต้อง มีฐานที่มาของอำนาจโดยชอบถึ งจะเข้มแข็งได้ ไม่ใช่เล่นนอกระบบ หรือเอามรดกรัฐประหารที่ไข่ เพาะทิ้งไว้ในระบบเป็นฐานอำ นาจสืบต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้ มีแต่แพ้กับแพ้ มีแต่ค้านไม่อยู่กับค้านไม่ อยู่ เพราะยิ่งค้าน ยิ่งไม่ชอบธรรม ยิ่งโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อย ๆ นี่มันหลักรัฐศาสตร์เบื้องต ้นนะครับ ไม่รู้กันบ้างหรือ?
ผมคิดว่าที่เมืองไทยต้องการ ไม่ใช่การปลุกผีฮิตเล่อร์มา ใช้ปกป้องมรดกที่ไร้น้ำยา ขาดความชอบธรรมของคปค. แต่คือการสร้างฝ่ายค้านที่เ ข้มแข็งขึ้นในระบบการเมือง มีแต่ไอ้นี่เท่านั้นจะชอบธร รมพอสู้เขาได้ ถ้าไม่ตั้งหน้าตั้งใจทำวิธี นี้ วิ่งอยู่แต่ในวังวนรัฐประหา รและอ้างศาลอ้างเจ้า ด้วยความเคารพ ไม่มีอนาคตในการค้านรัฐบาลเ สียงข้างมากที่เข้มแข็งครับ
%%%%%%%%%%%%%%%%%
ม. ๖๘ ในรธน.๒๕๕๐ สืบสาวย้อนไปได้ถึงมาตราเนื
นอกจากนี้ มาตรา ๖๘ เช่นเดียวกับมาตรา ๖๓ แต่ก่อน มุ่งห้ามปรามบุคคล/
ในนามอะไรหรือครับ? สิทธิเสรีภาพของบุคคลพลเมือ
พรรครัฐบาลที่เข้มแข็งอย่าง
ผมคิดว่าที่เมืองไทยต้องการ
......................................................................................................
รถไฟเหาะเอื้ออาทร
...........................................................................................................
ศาลรัฐธรรมนูญสำคัญแค่ไหนคุ ณควรอ่าน..!!!
เช้าวันนี้ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๖ ผมได้เห็นอาจารย์ผู้ที่ผมศร ัทธาจากการติดตามเรื่อง การเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ท่านได้เขียนสั้นๆเกี่ยวกับ เรื่องการประท้วงศาลรัฐธรรม นูญอย่างระมัดระวังว่า
“ขอแสดงความวิตก และไม่เห็นด้วยกับการเล่นกา รเมืองแบบนี้”
เมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม ผมได้มีโอกาสฟัง ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสต ร์ (NIDA) ผมขอเล่าจากความจำผสมกับข้อ มูลและความคิดเห็นของตัวเอง ดังต่อไปนี้
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์ได้อ้างความเป็นเสี ยงข้างมากในสภา นำพาประเทศเข้าสู่สงครามโลก ครั้งที่สอง เยอรมันประสบกับความหายนะจา กสงครามครั้งนี้อย่างไรคงไม ่ต้องเอ่ยถึง (ขนาดเกือบสูญความเป็นชาติไ ปเลยก็ว่าได้-ผู้บันทึก) ประชาชนเยอรมันเองไม่อยากจะ เอ่ยถึงประวัติศาสตร์ส่วนนี ้ของตัวเองมากนัก แต่เขาได้ใช้บทเรียนจากสงคร ามโลกได้อย่างคุ้มค่า เขาสรุปว่าจะปล่อยให้ฝ่ายบร ิหารใช้อำนาจตามลำพังเช่นที ่ฮิตเลอร์นำพาประเทศเข้าสู่ สงครามไม่ได้อีกแล้ว จึงพยายามร่างรัฐธรรมนูญให้ มีการ ‘ถ่วงดุลแห่งอำนาจอธิปไตย’ (ลำพังการจำแนกใช้อำนาจอธิป ไตยสามทางที่เราท่องมาตลอดช ีวิต - นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ - ไม่เพียงพอเสียแล้ว) จึงจำเป็นต้องมีอะไรเข้ามาถ ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร นั่นก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญ นั่นเอง
ศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบันน่าจะ เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด ที่ทำให้กลุ่มทุนทั้งในและน อกประเทศที่รุมตักตวงผลประโ ยชน์อย่างเห็นแก่ตัวจากประเ ทศชาติและประชาชนไทยขณะนี้ไ ม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได ้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะฉะนั้นจึงมีความพยายาม แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปใน ทางที่ตัวเองต้องการอย่างเต ็มที่ ไม่ต้องคำนึงว่า การกระทำหรือนโยบายที่ใช้อย ู่นั้นจะทำความเสียหาย หรือบั่นทอนศักยภาพของประเท ศและคนในประเทศที่จะต้องอยู ่ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์อย่ างไร ขอแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการค ือ อำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ โดยอ้างเพียงแต่ตัวเองได้รั บเสียงข้างมาก เท่านั้น
นี่มิพักต้องพูดถึงว่า เสียงข้างมากนั้นได้มาอย่าง ไร
ถึงแม้เสียงข้างมากได้มาแบบ ชอบธรรม ก็มิได้หมายความว่า จะใช้อำนาจบริหารได้ตามอำเภ อใจ ทุกอย่างต้องมีการถ่วงดุลแห ่งอำนาจถ้าจะปกครองด้วยระบอ บประชาธิปไตยอันมีพระมหากษั ตริย์เป็นประมุข
ในภาพยนต์เรื่อง The Lord of The Ring ก็อุปมาอุปไมยให้เราเห็นแล้ วว่า ถ้าอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย ู่ที่ใครแล้ว หายนะของมนุษยชาติก็มาเยือน ได้ทุกเมื่อ
ทุกวันนี้เศรษฐกิจในกลุ่มสห ภาพยุโรปง่อนแง่นเพียงใดเรา ดูได้จากค่าเงินยูโร แต่มองให้ลึกอีกนิดจะพบว่า เยอรมันน้ียังแข็งแกร่งอย่า งยิ่ง นั่นเป็นเพราะ สมดุลแห่งอำนาจอธิปไตย
จึงฝากข้อคิด ทั้งความวิตกกังวลในแบบของอ าจารย์หมอ และทั้งเป็นการสนับสนุนผู้ท ี่จะไปคัดค้านผู้ประท้วงในว ันพรุ่งนี้มา ณ ที่นี้
(กรุณา Like and Share ให้กว้างขวางที่สุดครับ)
cr พีรวัศ กี่ศิริ
เช้าวันนี้ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๖ ผมได้เห็นอาจารย์ผู้ที่ผมศร
“ขอแสดงความวิตก และไม่เห็นด้วยกับการเล่นกา
เมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์ได้อ้างความเป็นเสี
ศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบันน่าจะ
นี่มิพักต้องพูดถึงว่า เสียงข้างมากนั้นได้มาอย่าง
ถึงแม้เสียงข้างมากได้มาแบบ
ในภาพยนต์เรื่อง The Lord of The Ring ก็อุปมาอุปไมยให้เราเห็นแล้
ทุกวันนี้เศรษฐกิจในกลุ่มสห
จึงฝากข้อคิด ทั้งความวิตกกังวลในแบบของอ
(กรุณา Like and Share ให้กว้างขวางที่สุดครับ)
cr พีรวัศ กี่ศิริ
..................................................................................................
.............................................................................................................
.............................................................................................................
กทม.ดีเดย์ เปิดสถานีจักรยานปันปั่น ให้บริการยืมเช่า-คืน12สถาน ี-เริ่ม1พ.ค.นี้...
รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป โครงการจักรยานสาธารณะปันปั ่นของกรุงเทพมหานคร จะเปิดให้บริการสถานีจักรยา นปันปั่น จำนวน 12 สถานี ได้แก่ สถานีจามจุรีสแควร์ สถานีสยามสแควร์ สถานีสยามเซ็นเตอร์ สถานีจุฬาฯ (หน้าคณะวิทยาศาสตร์) สถานีจุฬาฯ 2 (ตรงข้ามเตรียมอุดม) สถานีมาบุญครอง สถานีสยามพารากอน สถานีเซ็นทรัลเวิลด์ 1 (ถ.พระราม 1) สถานีเซ็นทรัลเวิลด์ 2 (ถ.ราชดำริ) สถานีกรุงศรีฯ (เพลินจิต) สถานีคอนแวนต์ (สาทรเหนือ) และสถานีอาคารรัจนาการ (สาทรใต้) โดยเริ่มให้บริการยืม เช่า และคืนรถจักรยานให้กับประชา ชนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัค รสมาชิกและติดต่อสอบถามเจ้า หน้าที่ประจำสถานีได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมไ ด้ที่www.punpunbikeshare.com และ www.facebook.com/ Punpunbikeshareหรือสายด่วน 08-7029-8888.
รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร
...............................................................................................................
............................................................................................................
"เขาไม่ได้ด่าประเทศไทย เขาด่าพวกมึง" - มิตรสหายท่านหนึ่ง
............................................................................................................
"..สถาบันนิติวิทย์ฯจะใช้เค รื่องจีที 200 ต่อไป.."
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ASTVผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/ Politics/ ViewNews.aspx?NewsID=953000 0022483
"ผ่านมาหลายปี ก็ยังคงไม่มีการแสดงความรับ ผิดชอบใดๆจากหมอพรทิพย์ที่เ อา gt200 ไปจับประชาชนในสามจังหวัดภา คใต้เข้าค่ายกักกันเพราะสงส ัยเป็นผู้ก่อการร้ายเนื่องจ ากติ้วกำมะลออย่าง gt200 หมุนติ้วไปมา"
- จ่าพิชิต ขจัดพาลชน, 30 เม.ย.56
https://www.facebook.com/ jarpichit/posts/ 10151413158748379
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ASTVผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/
"ผ่านมาหลายปี ก็ยังคงไม่มีการแสดงความรับ
- จ่าพิชิต ขจัดพาลชน, 30 เม.ย.56
https://www.facebook.com/
................................................................................................................
ตำรวจคนนี้ ร้องเพลงหาเงินช่วยเหลือเด็
# ขอชมเชยคนดี ที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคม..
CR เพจสถานีคลายเครียด
................................................................................................................
.................................................................................................................
• เพื่อนฝากคุณซื้อของ คุณซื้อมาแล้วเก็บในตู้โดยไ ม่บอกเขา เพราะคุณรู้ว่าตัวเองเก็บมั นไว้ในตู้ ไม่ได้นึกว่าเพื่อนจะไม่รู้ เท่าคุณ
• เพื่อนกำลังขับรถ คุณอ่านแผนที่ หันหน้าไปทางที่จะต้องเลี้ย วแล้วบอกเพื่อนว่า “ไปทางนี้” ไม่ได้นึกว่าเพื่อนกำลังมอง ถนนอยู่
อาการ egocentric ทำให้คุณไม่กลัวการเข้าใจผิ ด คุณจึงเข้าใจผิดและถูกเข้าใ จผิดเสมอ เพราะคุณคิดว่าทุกคนเข้าใจแ บบเดียวกับคุณ เมื่อพูดจึงไม่ได้ใส่ใจที่จ ะสื่อสารให้ชัดเจน เมื่อฟังจึงไม่ใส่ใจที่จะถา มคอนเฟิร์มจนเข้าใจตรงกัน
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรั บคนที่ติดอยู่ในนั้น egocentric ทำให้คุณอยู่ในโลกที่กว้างใ หญ่นี้คนเดียว เพราะคุณรู้จักความคิดของคน อื่นน้อยมาก โลกของคุณสร้างขึ้นจากความค ิดของคุณเกือบทั้งหมด ถ้าอยากจะออกมา ก็แค่เริ่มสนใจมุมมองคนอื่น ตระหนักว่ามุมมองคนอื่นนั้น ต่างจากเรา เพราะถ้าคุณไม่ได้เป็นออทิส ติคและอายุเกิน 4 ขวบ คุณจะมีทักษะนั้นอยู่แล้ว คุณแค่ปิดกั้นมันไว้เท่านั้ น
—
http://en.wikipedia.org/ wiki/Sally-Anne_test
รูปจาก http:// www.hausarbeiten.de/ faecher/vorschau/ 184964.html
• เพื่อนกำลังขับรถ คุณอ่านแผนที่ หันหน้าไปทางที่จะต้องเลี้ย
อาการ egocentric ทำให้คุณไม่กลัวการเข้าใจผิ
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรั
—
http://en.wikipedia.org/
รูปจาก http://
.....................................................................................................
..........................................................................................................
.........................................................................................................
จักประสบการณ์ชีวิตที่อยู่เ
Hennessy Iima จิงค่ะ!!555
.................................................................................................................
พรุ่งนี้รวย พรุ่งนี้รวย
มุกวิทย์ เหี้ย เหี้ย จาก Sirinat ThePirate
https://www.facebook.com/
..................................................................................................................
............................................................................................................