วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

03/06/2556



» ทำไม ดร.วรภัทร์ ถึงมองว่า "ผู้บริหาร คือ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา"

ปัจจุบันแนวโน้มการบริหารได้เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ...ผู้บริหาร-ที่ปรึกษา-วิทยากร-นักวิชาการ ฯลฯ ของหลาย ๆ องค์กรนั้น กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเสียแล้ว เป็นเพราะ...

(ก) เราคงจะโดนฝรั่ง ญี่ปุ่น หลอก เรื่องการบริหารเข้าเต็มรัก เพราะ เรื่อง การค้า การขาย ก็ต้องมีการหลอกล่อ ปล่อย “ของปลอม” หรือ “ปล่อยไม่หมด” ออกมา ให้พวกผู้บริหารในประเทศที่ชอบ “ตามก้น” “เห่อ” ของนอก ได้หลงระเริงไป พวกเขาจะได้ขายระบบ ขายที่ปรึกษา ที่น่าเศร้าคือ ขายการประเมิน และ ใบรับรอง

(ข) พวกเขาไม่ได้หลอกเราเลย แต่ เราเองต่างหาก ที่ “ปัญญาไม่พอเพียง” ที่จะไป เก็บ “เคล็ดวิชา”ของเขาออกมาได้ เราถอดรหัสวิชาของเขาไม่ออก เราไปเห็นแต่ “กระบวนท่า” ไม่ได้เอา “ลมปราณ”มาด้วย

เราส่งคนที่ในหัวเป็นแบบ “บ้าอำนาจ” “บ้าสอน” ”บ้าเงิน” “นักล่ารางวัล” “นักสะสมใบรับรอง” ฯลฯ ออกไปศึกษาเรื่องการบริหาร เราก็จะได้ การบริหารแบบที่บิดเบี้ยวไปจากเดิม

จนอาจารย์ญี่ปุ่น ฝรั่ง ส่ายหัวว่า “ฉันไม่สอนแบบนี้สักกะหน่อย” “คนไทย คิดไม่เป็น” “ระบบบริหารอะไรก็ตาม …. มาตายเมืองไทยทุกที” ฯลฯ

::::::::::::::::::


#ผู้บริหาร 2 แบบ :
Newtonian (กรอบความคิด-วิทยาศาสตร์ยุคเก่าแบบ Newton)
vs
Bohmian (กรอบความคิด-วิทยาศาสตร์ยุคใหม่แบบ David Bohm)


1. ผู้บริหารแบบ Newtonian

ผู้บริหารมากมาย ตกอยู่ในแนวคิดแบบ Newtonian คือ เป็นผลของระบบการศึกษาแบบ One size fit all เช่น คิดแบบเสื้อโหล เหมารวม ต้องเหมือนกันทั้งองค์กร

วินัย คือ ทำอะไรเหมือนกัน / สามัคคี คือ ใส่เสื้อสีเหมือนกัน ทำงานพร้อมกัน คิดตรงกับเจ้านาย ใครคิดต่างคือต่อต้าน ฯลฯ

แนวคิดแบบ Newtonian นี้ จะมองอะไร เป็น การผลิตแบบทีละมาก ๆ (Mass production) เช่น กวาดต้อนผู้คน เข้าอบรมคราวละมาก ๆ มองคนในองค์กรไม่ต่างอะไรกับวัตถุดิบ

คนแบบ Newtonian จะเก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งชัดเจน และ เพิกเฉย (Ignore) เรื่องอื่นๆไปหมด เช่น

หลายคนเรียนวิศวะ แพทย์ ทนาย บัญชี ฯลฯ เก่งเฉพาะทาง แต่ ไม่สนใจจิตวิทยา (บริหารแบบโหด ๆ งก ๆ เค็ม ๆ ทั้งกับพนักงาน และ ครอบครัวของตนเอง)

ไม่สนใจธรรมชาติวิทยา ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม (จนโลกเข้าภาวะวิกฤต global warming ก็ยังเฉย ๆ ไม่ทำอะไร นอกจาก จะบ่น วิจารณ์ และ ใช้นิสัยเดิม ๆ ) ไม่สนใจชุมชน ไม่สนใจธรรมะ ฯลฯ

ทำให้ออกมา รู้ลึกแต่ไม่กว้าง กลายเป็น “ฉลาดลึกซึ้ง โง่กว้างขวาง” หรือ ซี้ปังเท้า (Square head)

คนในแนว Newtonian จะมี เป้าหมายเชิงเดี่ยว (ถ้าเป็นการทำไร่นา ก็คือ ปลูกข้าวโพด ก็ข้าวโพดทั้งไร่เลย) หรือ เรียกในทางวิชาการว่า Single bottom line คือ สนใจแต่บรรทัดสุดท้าย คือ เงิน

สนใจแต่ว่าตนเอง จะได้กำไรเท่าไร ได้ผลประโยชน์เท่าไร ลูกหลานตนจะได้ส่วนแบ่งเท่าไร จะไปฮุบกิจการใคร เกษียณแล้วจะไปนั่งเป็นบอร์ดที่ไหน เป็นต้น

คนพวกนี้ แก่แล้ว เกษียณแล้ว แทบจะหา คนระลึกถึงในแง่ดี ๆ ไม่ได้เลย “อยู่ก็โหด ไปก็ไปโหดที่อื่นต่อ”

ในหัวพวกเขามีแต่ Financial วัดความสำเร็จว่าจะได้ไปบริหารก้อนเงินที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากบริหารองค์กรเล็ก ๆ สองสามร้อยล้าน ก็จะเขยิบสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจวิธีการ ไม่ว่าจะ ฮุบกิจการ เลื่อยขาเก้าอี้ กินเล็กกินน้อย เอานักบัญชีตัวโกงติดตัวไปด้วยเสมอ เลี่ยงภาษี จัดฉาก สร้างภาพเก่ง ฯลฯ

คนที่อยู่กับ “ของแข็ง” มาก ๆ อยู่กับเครื่องจักรมาก ๆ จะมี พฤติกรรมที่แข็งกระด้างมากขึ้น ยิ่งเทคโนโลยีสูงขึ้น คนก็จะหยาบมากขึ้น ก็ไม่แปลกอะไร ที่ผู้บริหารหลายท่านมีพฤติกรรม ที่ห่างจากความเข้าใจตนเอง ห่างจากความเข้าใจความเป็นมนุษย์ไปเรื่อย ๆ

----

เราจะโทษ คนพวกนี้ก็คงไม่ได้ เพราะ เขาถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เล็ก ๆ ด้วยระบบการศึกษาที่เน้นคนเก่ง ก็จัดว่าเป็นแนวเป้าหมายเชิงเดี่ยว สังคมไม่ได้ปลูกฝังว่า แค่เรียนเก่งไม่พอเพียง ต้องเป็นคนดีด้วย มีความสุขด้วย และ ทำอะไรอย่างพอเพียงยั่งยืนด้วย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รักษ์โลก

น่าเศร้า ที่ว่า เราจะพบเห็น ผู้บริหาร ผู้คนมากมาย ที่มาแนว Newtonian เยอะมาก หาตัวอย่างคนแบบนี้ได้ในแทบทุกองค์กร พวกเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ การกระทำ วิธีคิด นิสัย ฯลฯ ของเขา กำลังทำให้โลกวิบัติมากขึ้น ทั้งด้านโลกร้อน ศีลธรรมเสื่อม ความทุกข์ น้ำใจ ฯลฯ

ผู้บริหารฝรั่ง ไทย ญี่ปุ่นมากมาย จบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย เป็นโรคร้าย (ก็ดูดบุหรี่กันซะประมาณนั้น) หย่าร้าง อมทุกข์ โรคหัวใจ ฯลฯ

คนแนว Newtonian จะมีปัญญามาก แต่ ขาดสติ ฉลาดมากแต่ไม่เฉลียว เก่งมากแต่แล้งน้ำใจ พวกเขายังตอบตนเองไม่ได้ว่า “เกิดมาทำไม?” เขาอาจจะตอบว่า ถล่มทรัพยากรที่มีน้อยนิดให้สิ้นไป เอาความมันส์ และ สะใจเป็นตัวตั้ง

บ่อยครั้ง ที่ผมมองผู้บริหารแบบนี้ อย่างตรงไปตรงมา ตามความเป็นจริงว่า พวกเขา เจอโรคร้าย ที่ชื่อ ว่า “หลง” ไปเต็มตัว

::::::::::::::::::


2. ผู้บริหารแบบ Bohmian

เพื่อความอยู่รอดจากภัยพิบัติใหญ่ของโลก คือ สภาวะโลกร้อน เราต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ปรับ paradigm (อ่านว่า พาราดาม แปลว่า กระบวนทัศน์) หรือ ความคิดที่ใช้จนเป็นสันดานไปแล้ว แก้ไขได้ยาก เช่น งกๆเค็มๆ บ้าอำนาจ ชอบสั่ง ไม่เห็นใจคนอื่น ดูถูกคนอื่น เห็นคนอื่นโง่กว่า ฟังใครไม่จบ ฯลฯ ให้ออกมาเป็น...

กระบวนทัศน์ที่ทำให้โลกใบเล็ก ๆ นี้ สวยงาม สะอาด มีความสุขอย่างยั่งยืน (Sustainable)

ผู้บริหาร ผู้คนแบบ Bohmian จะ มีลักษณะ ดังนี้...

มีเป้าหมายแบบพหุ หรือ Multiple bottom line นั่นคือ ไม่ได้มองแค่ เงิน อำนาจ เท่านั้น แต่มองไปถึง...

- ต้นทุนทางสังคม (Network or social capital)
- ต้นทุนทางปัญญา (Intellectual capital)
- ต้นทุนทางการมีใจให้กัน (Collaboration capital) ด้วย

พวกเขาไม่ได้เอา “เงิน” เป็นตัวตั้ง ไม่ได้เกิดมาเพื่อ “กิน ขับถ่าย สืบพันธุ์ นอน” เท่านั้น แต่ ห่วงใยลูกหลาน ค้นหาทางพ้นทุกข์อย่างยั่งยืน เรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง เฉลียวใจ (Sensing) เป็นคนที่ ฉลาดและเฉลียว มีสติและปัญญา

แนว Bohmian จะมองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เข้าใจ ความซับซ้อน (Complexity) ซึ่ง Peter Senge (อ่านว่า เซ็งกี้) ได้พยายามสอน ชี้ทาง ให้ ผู้บริหารสมัยใหม่ เข้าใจ complexity ให้ได้

ผมเองก็ใช้เวลานานกว่าจะเข้าถึง (ไม่ใช่แค่ เข้าสมอง หรือ เข้าใจ) เรื่องความซับซ้อนนี้ และ ก็ใช้เวลานานมาก กว่าจะทำให้ผู้บริหารหลาย ๆ ท่าน เข้าถึงเช่นกัน

สมัยก่อน เราชอบมองอย่างแยกส่วน ตามแนว Newtonian (แนวอุตสาหกรรม) หรือ ทวินิยม เช่น นี่สมองซ้าย นี่สมองขวา คนนี้เลว คนนี้ดี คนนี้โรงงาน คนนี้ออฟฟิศ คนนี้ช่าง คนนี้วิศวะ คนนี้เจ้านาย คนนี้ลูกน้อง ฯลฯ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น ลองเอาสิ่งที่ผมแนะนำไว้นี้ ไปสังเกตดูเอง ไปศึกษาแบบลงมือทำ ทดลองทำ (แนว Action learning หรือ Learning by doing) ก็จะค้นพบ เข้าใจ และ เข้าถึง

ถ้าส่ง ผู้บริหารแนว Newtonian ไปเรียนวิชาอะไรก็แล้วแต่ เช่น TQM / TPM / ISO / KPI & BSC / LO & KM / OD ฯลฯ รับรองได้เลยว่า จะ “มองมุมเดียว” ตามนิสัยที่ติดยึดนั้น ๆ

พวกนี้ เป็นคนแบบ hard แข็ง ๆ ทื่อ ๆ หา “ใจ” ตนเองไม่เจอ อยู่ในโลกของทวินิยม ใช้โหมดเร่งรีบมากเกินไป ไม่รู้จะรีบไปไหน รีบจนหา sensing ไม่เจอ เร่ง Result จนพลาดกระบวนการ

ผมคงไม่มองว่า เราต้อง ย้ายมาเป็น Bohmian หรือ Holistic แบบข้ามคืนนะครับ เพราะ มันไม่ง่ายขนาดนั้น การจะเปลี่ยน ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงประจักษ์ การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Constructivism learning) หลายวัน หลายโครงงาน

แนว Bohmian ที่พอจะเห็น ๆ คือ เศรษฐกิจพอเพียง ไร่นาสวนผสม วนเกษตร (ป่า กับ เกษตรกรรม ปนๆกัน) ที่เราเอาแนวคิดเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้ได้ในทุกองค์กร ไม่ว่า จะเป็นโรงงาน หรือ บริการ

::::::::::::::::::


#ดร.วรภัทร์ ฝากทิ้งท้าย...ถึง Newtonian


คนแบบ Newtonian ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในแวดวงผู้บริหาร จะมีโหมดเดียว ทำให้เป็นผู้บริหารที่หลงตนเอง ขี้โม้ เอาแต่ใจตัว ใช้เงินฟาดหัว สร้างภาพ เอาเปรียบสังคม ชอบเอาชนะ แพ้ไม่เป็น ไม่สนใจสภาวะโลกร้อน มีโลกทัศน์แคบ ๆ แม้นว่าจะเดินทางรอบโลกหลายรอบก็ตาม ไม่เข้าใจตนเอง หลอกตนเองว่าเข้าใจ แล้วจะไปเข้าใจคนอื่นได้อย่างไร

ผู้บริหารแนว Newtonian อาจจะเรียนสูง ตำแหน่งสูง เก่ง แต่ ….. ขาดโอกาสในการศึกษา โดยเฉพาะ ศาสตร์ที่ทำให้ ตัวผู้บริหารมีความสุขอย่างแท้จริง

เราทำร้ายธรรมชาติมามากแล้ว ระวังนะครับ ตาธรรมชาติเขาจะเอาคืนแล้ว น้ำแข็งขั้วโลกละลายทุกวัน น้ำแข็งที่ยอดเขา Everest ก็ถล่มลงมาแล้ว สภาวะอากาศทำนายไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว ฯลฯ

รีบเร่ง สร้างกำลังสติ ค้นคว้าศึกษาความคิดและจิตใจตนเองให้มาก ๆ ไว้ เพราะ ตอนนี้ มันสายไปแล้ว!


ด้วยความปรารถนาดี

#ทีมงาน Life 101

::::::::::::::::::


Credit : ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | วารสาร Productivity World

Bordin Tik โดนใจสุด ๆ ๆ

........................................................................................................................



ทำ..แบบเดิม
ชีวิตจึง..เหมือนเดิม

ทำให้..ดีกว่าเดิม
แล้วชีวิตจะ..ไม่เหมือนเดิม

- โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ -

หนังสือ "โคตรคมเปลี่ยนชีวิต"
FB : Coach Siriluck Tansiri
............................................................................................................................

......................................................................................................................

"ทีโออาร์ผิด"ร้ายกว่าคอร์รัปชัน

http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/225883/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99
...............................................................................................................

.............................................................................................................................



ก๊อกน้ำประหยัดน้ำ

ผลงานนี้ออกแบบโดย Dohyung Kim และ Sewon Oh ซึ่งทั้งสองมีการสุ่มวิจัยว่าคนทั่วไปมีการใช้น้ำในการล้างมือเฉลี่ยถึง 6 ลิตร แต่จะล้างมือจริงๆนั้นเพียงแค่1ลิตรเท่านั้น แนวคิดนี้จึงตอบโจทย์ด้วยการดีไซน์ก๊อกน้ำรูปแบบใหม่ที่จะจำกัดน้ำเพียงแค่ 1 ลิตรในการล้างมือ
หลักการของก๊อกน้ำนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่สามารถใช้น้ำล้างมือมากที่สุดได้ครั้งละ 1 ลิตร เมื่อล้างเสร็จ + ปิดก๊อกน้ำ ก็จะมีน้ำเติมขึ้นไปให้เต็มจนครบหนึ่งลิตรเืพื่อใช้ในครั้งต่อไป
...........................................................................................................................



ว่าด้วยเรื่องปืนใหญ่พญาตานีจำลอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และรำลึกถึงประวัติศาสตร์เมืองตานี “จะให้เรารู้สึกอย่างไร เมื่อสิ่งที่ท่านให้มา มันไม่ใช่ของจริง”มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าว
.............................................................................................................................



1st working day of the second half of the year! stressed out of the so many tasks to get done? follow the suggestion and let the magic spell of chocolate get you through the day!
...........................................................................................................................


@ ภาพลักษณ์และความเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญ @

โค้ชเดินผ่านหน้าร้านขายกระเป๋าแบรนด์ดังแห่งหนึ่ง เขาวางกระเป๋าน่ารักๆโชว์ไว้หลายใบ โค้ชชอบบางแบบ จึงเดินเข้าไปดูในร้าน

แต่แปลกใจมาก เพราะพนักงานขายยืนคุยกันเองในร้านเสียงดังทั้งๆที่ลูกค้าก็เดินดูของอยู่ในร้านตั้งหลายคน!?!

ไม่รู้ว่าผู้บริหารองค์กรรู้หรือเปล่าว่าพนักงานตัวเองทำงานแบบนี้ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และภาพลักษณ์ขององค์กรก็ดูแย่ไปด้วย!!

การละเลยไม่เอาใจใส่ในการอบอรมพนักงาน อาจทำให้องค์กรถอยหลังทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ เป็นอันตรายอย่างมากต่อความก้าวหน้าของธุรกิจ

ท่านใดเป็นผู้บริหารหรือเป็นเจ้าของกิจการ โปรดสำรวจดูพนักงานในองค์กรของท่านว่าเขาทำงานกันอย่างมิออาชีพหรือยัง ถ้ายัง ให้อบรมด่วน โดยเฉพาะพนักงานขายและพนักงานให้บริการ เพื่อภาพลักษณ์และการเติบโตของธุรกิจท่านเอง

ด้วยรักและปรารถนาดีจากใจ

โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ
...........................................................................................................................



เวลาล้มไม่เป็นท่า ก็คิดซะว่า เป็นเวลาพัก
.............................................................................................................................



................................................................................................................................

จาก Status: อาจารย์ Kasian Tejapira

บริบทและภูมิหลังกว้าง ๆ ของการเมืองตุรกี
%%%%%%%%%%%%%%%

ผมตามข่าวการประท้วง ปราบโหด และลุกฮือแผ่กว้างในตุรกีมาห่าง ๆ ยังไม่รู้เหตุการณ์ชัดเจน แต่คิดว่าอยากให้ภูมิหลังบริบทการเมืองตุรกีกว้าง ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้สนใจบ้าง (เอาเท่าที่จำได้จากการอ่านค้นแต่ก่อนนะครับ ไม่ได้เช็ค อาจไม่แม่นยำหรือคลาดเคลื่อนบ้าง ต้องขออภัย ยังไม่ว่างค้นเขียนใหม่ตอนนี้ เปิดเทอมแล้วครับ แหะ ๆ)

ผมเคยอ่านค้นมาบ้างเกี่ยวกับประวัติการเมืองตุรกีตั้งแต่สมัยอตาเตอร์กมา บอกได้ว่าเรื่องมันซับซ้อนและไม่ควรด่วนสรุปพระเอก/ผู้ร้ายง่าย ๆ

คณะทหารยังเตอร์ก (ศัพท์นี้เริ่มที่นี่) โค่นจักรวรรดิออตโตมานอิสลามแบบสุลต่านเดิมลงในเงื่อนไขสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยชูธงชาตินิยม ต่อต้านฝ่ายสัมพันธมิตรที่ชนะสงครามและยึดดินแดนออตโตมานไว้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นก็มีด้านที่ก้าวหน้า ต้านจักรวรรดิเก่า รัฐศาสนา ในนามชาตินิยม โลกวิสัยและสาธารณรัฐประชาธิปไตย แต่ในทางกลับกัน ในเวลาไม่นาน แนวโน้มอำนาจนิยมของทหารและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนชาติผู้ต้องสงสัยว่าสมคบข้าศึก (อาร์เมเนีย) ก็เกิดขึ้น พูดได้ว่าสาธารณรัฐโลกวิสัยตุรกีมือชุ่มเลือดและอำนาจนิยมแต่ต้นทีเดียว

ท่าทีของคณะผู้ปกครองทหารใต้การนำของเคมาล ปาชา อตาเตอร์ก แม้ด้านหนึ่งจะชูธงชาตินิยม สาธารณรัฐ รัฐโลกวิสัย แต่ก็เล่นกับความเป็นอิสลามในบางระดับเช่นกัน ระเบียบอำนาจนี้เผชิญการท้าทายสำคัญหลังสงครามโลกครั้งที่สองจากพลังสองกลุ่ม คือกบฎชาวเคอร์ดชนชาติส่วนน้อยบริเวณชายแดนติดอิรักและมากด้วยน้ำม้น และขบวนการฝ่ายซ้ายนักศึกษาปัญญาชน

ทั้งสองกลุ่มถูกปราบแหลก กวาดจับ ทรมานอย่างโหดเหี้ยม บรรดาปัญญาชนมีชื่อเสียง (รวมทั้งผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม Orhan Pamuk) ก็เป็นผลผลิตของการตื่นตัวเคลื่อนไหวทางปัญญาการเมืองช่วงคริสต์ทศวรรษ ๗๐ - ๘๐ นี้ ซึ่งเป็นซ้ายโลกวิสัย ไม่มีกลิ่นอายอิสลาม

ทหารตุรกีจึงกุมการเมืองมายาวนาน มีรัฐประหารเปิดเผยหรือจี้ออกในปี ๑๙๖๐, ๑๙๗๑, ๑๙๘๐ พวกฝ่ายค้านประชาธิปไตยโดยเฉพาะฝ่ายซ้ายพ่ายแพ้ อพยพลี้ภัยไปยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีตะวันตกมากมาย บนซากปรักหักพังของการเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายและชาวเคอร์ดพวกนี้เอง ที่พรรคอิสลามก่อตัวขึ้นมา และกลายเป็นพลังท้าทายเผด็จการทหารโลกวิสัยที่อ้างว่าสืบทอดประเพณีชาตินิยมของอตาเตอร์กมาตลอด

การที่เกิด EU ขึ้นทำให้ตุรกีพยายามปรับตัวเพื่อเข้าร่วม นั่นแปลว่าต้องทำให้ระบอบประชาธิปไตยตั้งมั่น ในบริบทนี้เองที่ความขัดแย้งระหว่างพรรคอิสลามสายกลาง (ไม่ใช่พวกหัวรุนแรง) ที่ลงแข่งขันและชนะเลือกตั้ง vs. ทหารที่อ้างประเพณีมรดกโลกวิสัยชาตินิยมอตาเตอร์ก เกิดขึ้นในรอบสิบกว่ายี่สิบปีหลังนี้

อเมริกาและอียูถือหางพรรคอิสลาม และหวังว่ามันจะเป็นโมเดลสำหรับอิสลามที่อื่น ๆ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง คือเดินสายกลาง เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ลงเลือกตั้งและชนะเลือกตั้ง ขณะที่รัฐบาลพรรคอิสลามที่เข้มแข็งขึ้นก็เริ่มลงมือกวาดล้างซากเดนเผด็จการทหารที่ยังวางแผนรัฐประหารกันอยู่ (เพิ่งเช็คบิลเอาขึ้นศาลรอบใหญ่เมื่อไม่นานมานี้)

ดังนั้นถ้าถามว่ารัฐบาลตุรกีของพรรคอิสลามปัจจุบันอิสลามจัดไหม? ก็คงไม่ใช่ ไม่ถึงขนาดอิหร่านหรืออะไรทำนองนั้น มีความชอบธรรมในการปกครองจากการชนะเลือกตั้งเสียงข้างมาก เดินแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจแบบเข้าหาระบบทุนนิยมโลก แต่ขัดแย้งกับพวกเผด็จการทหารและปัญญาชนเสรีนิยม-โลกวิสัยพอสมควร บริบทอย่างนี้ ไม่ได้แปลว่าประเด็นการต่อสู้เรื่องการจัดสิ่งแวดล้อมเมืองไม่ชอบธรรม และก็ไม่ได้แปลว่าการปราบโหดของตำรวจควรแล้ว แต่ผมคิดว่าต้องดูบริบทโดยรวมด้วย รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดและการปราบปรามเกินกว่าเหตุ แต่ขณะเดียวกัน ผมคิดว่าควรจะระวังแยกแยะระหว่างพลังฝ่ายค้านในท้องถนน กับพวกทหารและฝ่ายขวาชาตินิยมที่หวังโค่นรัฐบาลเสียงข้างมากในนามอุดมการณ์อตาเตอร์ก

ถ้าเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราว ผมก็ต้องกลับไปอ่านค้นใหม่เพื่อให้แม่นยำ ยังไม่พร้อมและไม่อยากอ่ะครับ เอาเป็นว่าแนะนำบริบทกว้าง ๆ ให้จะได้ไม่ด่วนสรุป ตามข่าวต่อไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วกันนะครับ

http://www.guardian.co.uk/world/2013/jun/01/turkey-istanbul-erdogan-demo-protests/print
....................................................................................................................



อลงกรณ์ เป็นผู้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของโลก และความเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้าของระบอบประชาธิปไตย ทั้งในไทย และในโลก

คำอธิบายในภาพนี้ "ระบุถึงความจริงบางอย่าง" ที่อยากให้ได้รับรู้รับทราบร่วมกัน อย่าด่วนอคติ และตัดสินกันไปก่อน

ฟังตามลิงก์ http://www.youtube.com/watch?v=A50Ok_9bq8g
 
..........................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น