» ทำไม ดร.วรภัทร์ ถึงมองว่า "ผู้บริหาร คือ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา"
ปัจจุบันแนวโน้มการบริหารได ้เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป ็นหลังมือ ...ผู้บริหาร-ที่ปรึกษา-วิท ยากร-นักวิชาการ ฯลฯ ของหลาย ๆ องค์กรนั้น กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเสียแล ้ว เป็นเพราะ...
(ก) เราคงจะโดนฝรั่ง ญี่ปุ่น หลอก เรื่องการบริหารเข้าเต็มรัก เพราะ เรื่อง การค้า การขาย ก็ต้องมีการหลอกล่อ ปล่อย “ของปลอม” หรือ “ปล่อยไม่หมด” ออกมา ให้พวกผู้บริหารในประเทศที่ชอบ “ตามก้น” “เห่อ” ของนอก ได้หลงระเริงไป พวกเขาจะได้ขายระบบ ขายที่ปรึกษา ที่น่าเศร้าคือ ขายการประเมิน และ ใบรับรอง
(ข) พวกเขาไม่ได้หลอกเราเลย แต่ เราเองต่างหาก ที่ “ปัญญาไม่พอเพียง” ที่จะไป เก็บ “เคล็ดวิชา”ของเขาออกมาได้ เราถอดรหัสวิชาของเขาไม่ออก เราไปเห็นแต่ “กระบวนท่า” ไม่ได้เอา “ลมปราณ”มาด้วย
เราส่งคนที่ในหัวเป็นแบบ “บ้าอำนาจ” “บ้าสอน” ”บ้าเงิน” “นักล่ารางวัล” “นักสะสมใบรับรอง” ฯลฯ ออกไปศึกษาเรื่องการบริหาร เราก็จะได้ การบริหารแบบที่บิดเบี้ยวไป จากเดิม
จนอาจารย์ญี่ปุ่น ฝรั่ง ส่ายหัวว่า “ฉันไม่สอนแบบนี้สักกะหน่อย ” “คนไทย คิดไม่เป็น” “ระบบบริหารอะไรก็ตาม …. มาตายเมืองไทยทุกที” ฯลฯ
::::::::::::::::::
#ผู้บริหาร 2 แบบ :
Newtonian (กรอบความคิด-วิทยาศาสตร์ยุ คเก่าแบบ Newton)
vs
Bohmian (กรอบความคิด-วิทยาศาสตร์ยุ คใหม่แบบ David Bohm)
1. ผู้บริหารแบบ Newtonian
ผู้บริหารมากมาย ตกอยู่ในแนวคิดแบบ Newtonian คือ เป็นผลของระบบการศึกษาแบบ One size fit all เช่น คิดแบบเสื้อโหล เหมารวม ต้องเหมือนกันทั้งองค์กร
วินัย คือ ทำอะไรเหมือนกัน / สามัคคี คือ ใส่เสื้อสีเหมือนกัน ทำงานพร้อมกัน คิดตรงกับเจ้านาย ใครคิดต่างคือต่อต้าน ฯลฯ
แนวคิดแบบ Newtonian นี้ จะมองอะไร เป็น การผลิตแบบทีละมาก ๆ (Mass production) เช่น กวาดต้อนผู้คน เข้าอบรมคราวละมาก ๆ มองคนในองค์กรไม่ต่างอะไรกั บวัตถุดิบ
คนแบบ Newtonian จะเก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งช ัดเจน และ เพิกเฉย (Ignore) เรื่องอื่นๆไปหมด เช่น
หลายคนเรียนวิศวะ แพทย์ ทนาย บัญชี ฯลฯ เก่งเฉพาะทาง แต่ ไม่สนใจจิตวิทยา (บริหารแบบโหด ๆ งก ๆ เค็ม ๆ ทั้งกับพนักงาน และ ครอบครัวของตนเอง)
ไม่สนใจธรรมชาติวิทยา ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม (จนโลกเข้าภาวะวิกฤต global warming ก็ยังเฉย ๆ ไม่ทำอะไร นอกจาก จะบ่น วิจารณ์ และ ใช้นิสัยเดิม ๆ ) ไม่สนใจชุมชน ไม่สนใจธรรมะ ฯลฯ
ทำให้ออกมา รู้ลึกแต่ไม่กว้าง กลายเป็น “ฉลาดลึกซึ้ง โง่กว้างขวาง” หรือ ซี้ปังเท้า (Square head)
คนในแนว Newtonian จะมี เป้าหมายเชิงเดี่ยว (ถ้าเป็นการทำไร่นา ก็คือ ปลูกข้าวโพด ก็ข้าวโพดทั้งไร่เลย) หรือ เรียกในทางวิชาการว่า Single bottom line คือ สนใจแต่บรรทัดสุดท้าย คือ เงิน
สนใจแต่ว่าตนเอง จะได้กำไรเท่าไร ได้ผลประโยชน์เท่าไร ลูกหลานตนจะได้ส่วนแบ่งเท่า ไร จะไปฮุบกิจการใคร เกษียณแล้วจะไปนั่งเป็นบอร์ ดที่ไหน เป็นต้น
คนพวกนี้ แก่แล้ว เกษียณแล้ว แทบจะหา คนระลึกถึงในแง่ดี ๆ ไม่ได้เลย “อยู่ก็โหด ไปก็ไปโหดที่อื่นต่อ”
ในหัวพวกเขามีแต่ Financial วัดความสำเร็จว่าจะได้ไปบริ หารก้อนเงินที่ใหญ่ขึ้นเรื่ อย ๆ จากบริหารองค์กรเล็ก ๆ สองสามร้อยล้าน ก็จะเขยิบสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจวิธีการ ไม่ว่าจะ ฮุบกิจการ เลื่อยขาเก้าอี้ กินเล็กกินน้อย เอานักบัญชีตัวโกงติดตัวไปด ้วยเสมอ เลี่ยงภาษี จัดฉาก สร้างภาพเก่ง ฯลฯ
คนที่อยู่กับ “ของแข็ง” มาก ๆ อยู่กับเครื่องจักรมาก ๆ จะมี พฤติกรรมที่แข็งกระด้างมากข ึ้น ยิ่งเทคโนโลยีสูงขึ้น คนก็จะหยาบมากขึ้น ก็ไม่แปลกอะไร ที่ผู้บริหารหลายท่านมีพฤติ กรรม ที่ห่างจากความเข้าใจตนเอง ห่างจากความเข้าใจความเป็นม นุษย์ไปเรื่อย ๆ
----
เราจะโทษ คนพวกนี้ก็คงไม่ได้ เพราะ เขาถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เล็ ก ๆ ด้วยระบบการศึกษาที่เน้นคนเ ก่ง ก็จัดว่าเป็นแนวเป้าหมายเชิ งเดี่ยว สังคมไม่ได้ปลูกฝังว่า แค่เรียนเก่งไม่พอเพียง ต้องเป็นคนดีด้วย มีความสุขด้วย และ ทำอะไรอย่างพอเพียงยั่งยืนด ้วย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รักษ์โลก
น่าเศร้า ที่ว่า เราจะพบเห็น ผู้บริหาร ผู้คนมากมาย ที่มาแนว Newtonian เยอะมาก หาตัวอย่างคนแบบนี้ได้ในแทบ ทุกองค์กร พวกเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าก ำลังทำอะไรอยู่ การกระทำ วิธีคิด นิสัย ฯลฯ ของเขา กำลังทำให้โลกวิบัติมากขึ้น ทั้งด้านโลกร้อน ศีลธรรมเสื่อม ความทุกข์ น้ำใจ ฯลฯ
ผู้บริหารฝรั่ง ไทย ญี่ปุ่นมากมาย จบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย เป็นโรคร้าย (ก็ดูดบุหรี่กันซะประมาณนั้ น) หย่าร้าง อมทุกข์ โรคหัวใจ ฯลฯ
คนแนว Newtonian จะมีปัญญามาก แต่ ขาดสติ ฉลาดมากแต่ไม่เฉลียว เก่งมากแต่แล้งน้ำใจ พวกเขายังตอบตนเองไม่ได้ว่า “เกิดมาทำไม?” เขาอาจจะตอบว่า ถล่มทรัพยากรที่มีน้อยนิดให ้สิ้นไป เอาความมันส์ และ สะใจเป็นตัวตั้ง
บ่อยครั้ง ที่ผมมองผู้บริหารแบบนี้ อย่างตรงไปตรงมา ตามความเป็นจริงว่า พวกเขา เจอโรคร้าย ที่ชื่อ ว่า “หลง” ไปเต็มตัว
::::::::::::::::::
2. ผู้บริหารแบบ Bohmian
เพื่อความอยู่รอดจากภัยพิบั ติใหญ่ของโลก คือ สภาวะโลกร้อน เราต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ปรับ paradigm (อ่านว่า พาราดาม แปลว่า กระบวนทัศน์) หรือ ความคิดที่ใช้จนเป็นสันดานไ ปแล้ว แก้ไขได้ยาก เช่น งกๆเค็มๆ บ้าอำนาจ ชอบสั่ง ไม่เห็นใจคนอื่น ดูถูกคนอื่น เห็นคนอื่นโง่กว่า ฟังใครไม่จบ ฯลฯ ให้ออกมาเป็น...
กระบวนทัศน์ที่ทำให้โลกใบเล ็ก ๆ นี้ สวยงาม สะอาด มีความสุขอย่างยั่งยืน (Sustainable)
ผู้บริหาร ผู้คนแบบ Bohmian จะ มีลักษณะ ดังนี้...
มีเป้าหมายแบบพหุ หรือ Multiple bottom line นั่นคือ ไม่ได้มองแค่ เงิน อำนาจ เท่านั้น แต่มองไปถึง...
- ต้นทุนทางสังคม (Network or social capital)
- ต้นทุนทางปัญญา (Intellectual capital)
- ต้นทุนทางการมีใจให้กัน (Collaboration capital) ด้วย
พวกเขาไม่ได้เอา “เงิน” เป็นตัวตั้ง ไม่ได้เกิดมาเพื่อ “กิน ขับถ่าย สืบพันธุ์ นอน” เท่านั้น แต่ ห่วงใยลูกหลาน ค้นหาทางพ้นทุกข์อย่างยั่งย ืน เรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง เฉลียวใจ (Sensing) เป็นคนที่ ฉลาดและเฉลียว มีสติและปัญญา
แนว Bohmian จะมองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เข้าใจ ความซับซ้อน (Complexity) ซึ่ง Peter Senge (อ่านว่า เซ็งกี้) ได้พยายามสอน ชี้ทาง ให้ ผู้บริหารสมัยใหม่ เข้าใจ complexity ให้ได้
ผมเองก็ใช้เวลานานกว่าจะเข้ าถึง (ไม่ใช่แค่ เข้าสมอง หรือ เข้าใจ) เรื่องความซับซ้อนนี้ และ ก็ใช้เวลานานมาก กว่าจะทำให้ผู้บริหารหลาย ๆ ท่าน เข้าถึงเช่นกัน
สมัยก่อน เราชอบมองอย่างแยกส่วน ตามแนว Newtonian (แนวอุตสาหกรรม) หรือ ทวินิยม เช่น นี่สมองซ้าย นี่สมองขวา คนนี้เลว คนนี้ดี คนนี้โรงงาน คนนี้ออฟฟิศ คนนี้ช่าง คนนี้วิศวะ คนนี้เจ้านาย คนนี้ลูกน้อง ฯลฯ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น ลองเอาสิ่งที่ผมแนะนำไว้นี้ ไปสังเกตดูเอง ไปศึกษาแบบลงมือทำ ทดลองทำ (แนว Action learning หรือ Learning by doing) ก็จะค้นพบ เข้าใจ และ เข้าถึง
ถ้าส่ง ผู้บริหารแนว Newtonian ไปเรียนวิชาอะไรก็แล้วแต่ เช่น TQM / TPM / ISO / KPI & BSC / LO & KM / OD ฯลฯ รับรองได้เลยว่า จะ “มองมุมเดียว” ตามนิสัยที่ติดยึดนั้น ๆ
พวกนี้ เป็นคนแบบ hard แข็ง ๆ ทื่อ ๆ หา “ใจ” ตนเองไม่เจอ อยู่ในโลกของทวินิยม ใช้โหมดเร่งรีบมากเกินไป ไม่รู้จะรีบไปไหน รีบจนหา sensing ไม่เจอ เร่ง Result จนพลาดกระบวนการ
ผมคงไม่มองว่า เราต้อง ย้ายมาเป็น Bohmian หรือ Holistic แบบข้ามคืนนะครับ เพราะ มันไม่ง่ายขนาดนั้น การจะเปลี่ยน ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้เ ชิงประจักษ์ การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Constructivism learning) หลายวัน หลายโครงงาน
แนว Bohmian ที่พอจะเห็น ๆ คือ เศรษฐกิจพอเพียง ไร่นาสวนผสม วนเกษตร (ป่า กับ เกษตรกรรม ปนๆกัน) ที่เราเอาแนวคิดเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้ได้ในทุกองค์ก ร ไม่ว่า จะเป็นโรงงาน หรือ บริการ
::::::::::::::::::
#ดร.วรภัทร์ ฝากทิ้งท้าย...ถึง Newtonian
คนแบบ Newtonian ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในแ วดวงผู้บริหาร จะมีโหมดเดียว ทำให้เป็นผู้บริหารที่หลงตน เอง ขี้โม้ เอาแต่ใจตัว ใช้เงินฟาดหัว สร้างภาพ เอาเปรียบสังคม ชอบเอาชนะ แพ้ไม่เป็น ไม่สนใจสภาวะโลกร้อน มีโลกทัศน์แคบ ๆ แม้นว่าจะเดินทางรอบโลกหลาย รอบก็ตาม ไม่เข้าใจตนเอง หลอกตนเองว่าเข้าใจ แล้วจะไปเข้าใจคนอื่นได้อย่ างไร
ผู้บริหารแนว Newtonian อาจจะเรียนสูง ตำแหน่งสูง เก่ง แต่ ….. ขาดโอกาสในการศึกษา โดยเฉพาะ ศาสตร์ที่ทำให้ ตัวผู้บริหารมีความสุขอย่าง แท้จริง
เราทำร้ายธรรมชาติมามากแล้ว ระวังนะครับ ตาธรรมชาติเขาจะเอาคืนแล้ว น้ำแข็งขั้วโลกละลายทุกวัน น้ำแข็งที่ยอดเขา Everest ก็ถล่มลงมาแล้ว สภาวะอากาศทำนายไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว ฯลฯ
รีบเร่ง สร้างกำลังสติ ค้นคว้าศึกษาความคิดและจิตใ จตนเองให้มาก ๆ ไว้ เพราะ ตอนนี้ มันสายไปแล้ว!
ด้วยความปรารถนาดี
#ทีมงาน Life 101
::::::::::::::::::
Credit : ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | วารสาร Productivity World
ปัจจุบันแนวโน้มการบริหารได
(ก) เราคงจะโดนฝรั่ง ญี่ปุ่น หลอก เรื่องการบริหารเข้าเต็มรัก
(ข) พวกเขาไม่ได้หลอกเราเลย แต่ เราเองต่างหาก ที่ “ปัญญาไม่พอเพียง” ที่จะไป เก็บ “เคล็ดวิชา”ของเขาออกมาได้ เราถอดรหัสวิชาของเขาไม่ออก
เราส่งคนที่ในหัวเป็นแบบ “บ้าอำนาจ” “บ้าสอน” ”บ้าเงิน” “นักล่ารางวัล” “นักสะสมใบรับรอง” ฯลฯ ออกไปศึกษาเรื่องการบริหาร เราก็จะได้ การบริหารแบบที่บิดเบี้ยวไป
จนอาจารย์ญี่ปุ่น ฝรั่ง ส่ายหัวว่า “ฉันไม่สอนแบบนี้สักกะหน่อย
::::::::::::::::::
#ผู้บริหาร 2 แบบ :
Newtonian (กรอบความคิด-วิทยาศาสตร์ยุ
vs
Bohmian (กรอบความคิด-วิทยาศาสตร์ยุ
1. ผู้บริหารแบบ Newtonian
ผู้บริหารมากมาย ตกอยู่ในแนวคิดแบบ Newtonian คือ เป็นผลของระบบการศึกษาแบบ One size fit all เช่น คิดแบบเสื้อโหล เหมารวม ต้องเหมือนกันทั้งองค์กร
วินัย คือ ทำอะไรเหมือนกัน / สามัคคี คือ ใส่เสื้อสีเหมือนกัน ทำงานพร้อมกัน คิดตรงกับเจ้านาย ใครคิดต่างคือต่อต้าน ฯลฯ
แนวคิดแบบ Newtonian นี้ จะมองอะไร เป็น การผลิตแบบทีละมาก ๆ (Mass production) เช่น กวาดต้อนผู้คน เข้าอบรมคราวละมาก ๆ มองคนในองค์กรไม่ต่างอะไรกั
คนแบบ Newtonian จะเก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งช
หลายคนเรียนวิศวะ แพทย์ ทนาย บัญชี ฯลฯ เก่งเฉพาะทาง แต่ ไม่สนใจจิตวิทยา (บริหารแบบโหด ๆ งก ๆ เค็ม ๆ ทั้งกับพนักงาน และ ครอบครัวของตนเอง)
ไม่สนใจธรรมชาติวิทยา ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม (จนโลกเข้าภาวะวิกฤต global warming ก็ยังเฉย ๆ ไม่ทำอะไร นอกจาก จะบ่น วิจารณ์ และ ใช้นิสัยเดิม ๆ ) ไม่สนใจชุมชน ไม่สนใจธรรมะ ฯลฯ
ทำให้ออกมา รู้ลึกแต่ไม่กว้าง กลายเป็น “ฉลาดลึกซึ้ง โง่กว้างขวาง” หรือ ซี้ปังเท้า (Square head)
คนในแนว Newtonian จะมี เป้าหมายเชิงเดี่ยว (ถ้าเป็นการทำไร่นา ก็คือ ปลูกข้าวโพด ก็ข้าวโพดทั้งไร่เลย) หรือ เรียกในทางวิชาการว่า Single bottom line คือ สนใจแต่บรรทัดสุดท้าย คือ เงิน
สนใจแต่ว่าตนเอง จะได้กำไรเท่าไร ได้ผลประโยชน์เท่าไร ลูกหลานตนจะได้ส่วนแบ่งเท่า
คนพวกนี้ แก่แล้ว เกษียณแล้ว แทบจะหา คนระลึกถึงในแง่ดี ๆ ไม่ได้เลย “อยู่ก็โหด ไปก็ไปโหดที่อื่นต่อ”
ในหัวพวกเขามีแต่ Financial วัดความสำเร็จว่าจะได้ไปบริ
คนที่อยู่กับ “ของแข็ง” มาก ๆ อยู่กับเครื่องจักรมาก ๆ จะมี พฤติกรรมที่แข็งกระด้างมากข
----
เราจะโทษ คนพวกนี้ก็คงไม่ได้ เพราะ เขาถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เล็
น่าเศร้า ที่ว่า เราจะพบเห็น ผู้บริหาร ผู้คนมากมาย ที่มาแนว Newtonian เยอะมาก หาตัวอย่างคนแบบนี้ได้ในแทบ
ผู้บริหารฝรั่ง ไทย ญี่ปุ่นมากมาย จบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย เป็นโรคร้าย (ก็ดูดบุหรี่กันซะประมาณนั้
คนแนว Newtonian จะมีปัญญามาก แต่ ขาดสติ ฉลาดมากแต่ไม่เฉลียว เก่งมากแต่แล้งน้ำใจ พวกเขายังตอบตนเองไม่ได้ว่า
บ่อยครั้ง ที่ผมมองผู้บริหารแบบนี้ อย่างตรงไปตรงมา ตามความเป็นจริงว่า พวกเขา เจอโรคร้าย ที่ชื่อ ว่า “หลง” ไปเต็มตัว
::::::::::::::::::
2. ผู้บริหารแบบ Bohmian
เพื่อความอยู่รอดจากภัยพิบั
กระบวนทัศน์ที่ทำให้โลกใบเล
ผู้บริหาร ผู้คนแบบ Bohmian จะ มีลักษณะ ดังนี้...
มีเป้าหมายแบบพหุ หรือ Multiple bottom line นั่นคือ ไม่ได้มองแค่ เงิน อำนาจ เท่านั้น แต่มองไปถึง...
- ต้นทุนทางสังคม (Network or social capital)
- ต้นทุนทางปัญญา (Intellectual capital)
- ต้นทุนทางการมีใจให้กัน (Collaboration capital) ด้วย
พวกเขาไม่ได้เอา “เงิน” เป็นตัวตั้ง ไม่ได้เกิดมาเพื่อ “กิน ขับถ่าย สืบพันธุ์ นอน” เท่านั้น แต่ ห่วงใยลูกหลาน ค้นหาทางพ้นทุกข์อย่างยั่งย
แนว Bohmian จะมองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เข้าใจ ความซับซ้อน (Complexity) ซึ่ง Peter Senge (อ่านว่า เซ็งกี้) ได้พยายามสอน ชี้ทาง ให้ ผู้บริหารสมัยใหม่ เข้าใจ complexity ให้ได้
ผมเองก็ใช้เวลานานกว่าจะเข้
สมัยก่อน เราชอบมองอย่างแยกส่วน ตามแนว Newtonian (แนวอุตสาหกรรม) หรือ ทวินิยม เช่น นี่สมองซ้าย นี่สมองขวา คนนี้เลว คนนี้ดี คนนี้โรงงาน คนนี้ออฟฟิศ คนนี้ช่าง คนนี้วิศวะ คนนี้เจ้านาย คนนี้ลูกน้อง ฯลฯ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น ลองเอาสิ่งที่ผมแนะนำไว้นี้
ถ้าส่ง ผู้บริหารแนว Newtonian ไปเรียนวิชาอะไรก็แล้วแต่ เช่น TQM / TPM / ISO / KPI & BSC / LO & KM / OD ฯลฯ รับรองได้เลยว่า จะ “มองมุมเดียว” ตามนิสัยที่ติดยึดนั้น ๆ
พวกนี้ เป็นคนแบบ hard แข็ง ๆ ทื่อ ๆ หา “ใจ” ตนเองไม่เจอ อยู่ในโลกของทวินิยม ใช้โหมดเร่งรีบมากเกินไป ไม่รู้จะรีบไปไหน รีบจนหา sensing ไม่เจอ เร่ง Result จนพลาดกระบวนการ
ผมคงไม่มองว่า เราต้อง ย้ายมาเป็น Bohmian หรือ Holistic แบบข้ามคืนนะครับ เพราะ มันไม่ง่ายขนาดนั้น การจะเปลี่ยน ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้เ
แนว Bohmian ที่พอจะเห็น ๆ คือ เศรษฐกิจพอเพียง ไร่นาสวนผสม วนเกษตร (ป่า กับ เกษตรกรรม ปนๆกัน) ที่เราเอาแนวคิดเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้ได้ในทุกองค์ก
::::::::::::::::::
#ดร.วรภัทร์ ฝากทิ้งท้าย...ถึง Newtonian
คนแบบ Newtonian ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในแ
ผู้บริหารแนว Newtonian อาจจะเรียนสูง ตำแหน่งสูง เก่ง แต่ ….. ขาดโอกาสในการศึกษา โดยเฉพาะ ศาสตร์ที่ทำให้ ตัวผู้บริหารมีความสุขอย่าง
เราทำร้ายธรรมชาติมามากแล้ว
รีบเร่ง สร้างกำลังสติ ค้นคว้าศึกษาความคิดและจิตใ
ด้วยความปรารถนาดี
#ทีมงาน Life 101
::::::::::::::::::
Credit : ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | วารสาร Productivity World
........................................................................................................................
ทำ..แบบเดิม
ชีวิตจึง..เหมือนเดิม
ทำให้..ดีกว่าเดิม
แล้วชีวิตจะ..ไม่เหมือนเดิม
- โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ -
หนังสือ "โคตรคมเปลี่ยนชีวิต"
FB : Coach Siriluck Tansiri
ชีวิตจึง..เหมือนเดิม
ทำให้..ดีกว่าเดิม
แล้วชีวิตจะ..ไม่เหมือนเดิม
- โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ -
หนังสือ "โคตรคมเปลี่ยนชีวิต"
FB : Coach Siriluck Tansiri
......................................................................................................................
"ทีโออาร์ผิด"ร้ายกว่าคอร์รัปชัน
http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/225883/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99...............................................................................................................
.............................................................................................................................
ก๊อกน้ำประหยัดน้ำ ผลงานนี้ออกแบบโดย Dohyung Kim และ Sewon Oh ซึ่งทั้งสองมีการสุ่มวิจัยว หลักการของก๊อกน้ำนี้ไม่มีอ |
ว่าด้วยเรื่องปืนใหญ่พญาตาน
1st working day of the second half of the year! stressed out of the so many tasks to get done? follow the suggestion and let the magic spell of chocolate get you through the day! |
...........................................................................................................................
เวลาล้มไม่เป็นท่า ก็คิดซะว่า เป็นเวลาพัก
................................................................................................................................
....................................................................................................................
อลงกรณ์ เป็นผู้ตระหนักถึงความเปลี่
คำอธิบายในภาพนี้ "ระบุถึงความจริงบางอย่าง" ที่อยากให้ได้รับรู้รับทราบ
ฟังตามลิงก์ http://www.youtube.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น