วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

04/06/2556


เคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วแต่ขอพูดซ้ำอีกสักที

ในฐานะที่เกิดและใช้ชีวิตอยู่ในเอเชีย เรามักไม่ค่อยรู้สึกถึงคุณค่าของคำว่า “การเติบโตของ GDP” เราลืมไปว่าการที่เราอยู่ในประเทศ/ภูมิภาคที่ GDP เติบโตอย่างต่อเนื่องติดๆกันหลายสิบปี มันหมายถึงงานใหม่ๆและโอกาสในชีวิตมากมาย ตัวเราเองอยากเปลี่ยนงานก็ทำได้ง่าย ลูกหลานเราอยากร่ำเรียนอะไรก็เลือกได้ เรียนจบออกมาก็หางานทำง่าย หรือถ้าหาไม่ได้ รับงานฟรีแลนซ์ก็ดำรงอยู่ชีวิตได้ เอาเงินเก็บไปลงทุนเงินก็งอกเงยได้ไม่โดนเงินเฟ้อกินหมด

ในทางกลับกัน ถ้าเราอยู่ในภูมิภาคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยเติบโตอย่างยุโรปหรืออเมริกา เราจะรู้ซึ้งเลยว่าเศรษฐกิจมันกระทบกับชีวิตเราแค่ไหน ถ้าคุณอายุ 45 คุณจะกลัวมากที่อาจต้องตกงานหรือเปลี่ยนงาน เพราะการหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องทำได้ง่ายๆในประเทศที่ GDP โต 1-2% หรือถ้าคุณเป็นคนหนุ่มสาว การหางานที่ตัวเองรักชอบ ก็ทำไม่ได้ง่ายๆเช่นกัน บางทีคุณอาจได้งานแบบชั่วคราวเป็นรายปี หรือไม่ก็อาจต้องไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านที่มีโอกาสดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงคำใหญ่ๆโตๆอย่าง “ความมั่นคงของครอบครัว” อะไรเทือกนั้นเลย

ในประเทศที่เศรษฐกิจอิ่มตัวแล้ว คำว่า “ประสิทธิภาพ” จึงสำคัญมาก การจ้างคนหนึ่งคนนั่นหมายถึงภาระค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้นคนๆนั้นก็ต้อง “เพิ่มมูลค่า” ให้หน่วยงานของตนเอง ไม่เหมือนในเอเชียที่เศรษฐกิจโตสมำ่เสมอแถมยังมีแรงงานราคาถูกมากมายในเลือก คำว่า “ประสิทธิภาพ” จึงไม่มีอยู่ในพจนานุกรมบ้านเรา
..........................................................................................................................



อุปสรรคและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น จนทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ "ย่ำแย่" อาจจะเป็นแค่เรื่อง "ธรรมดา" ที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อเป็นบททดสอบมนุษย์

หากแต่ธรรมชาตินั้นก็ได้สร้าง "อาวุธ" ที่จะทำให้ผ่านพ้นความย่ำแย่นั้นไปได้ ซึ่งอาวุธนั้นก็มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สติปัญญา ความอดทน ความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ และอีกมากมาย

เพียงแต่ธรรมชาตินั้นไม่ได้สอนว่าต้องใช้อาวุธชิ้นไหนอย่างไร เพราะนั่นคือหน้าที่ของคุณที่ต้องเรียนรู้ในการใช้อาวุธแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง

ผู้ที่รู้จักใช้อาวุธแต่ละอย่างได้อย่าง "ถูกวิธี"
แล้วความสำเร็จจะหนีคุณไปไหนได้
........................................................................................................................



รางรถไฟเปลี่ยนโลก

เป็นที่ทราบกันดีว่า ขนาดเศรษฐกิจเอเชียจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจอเมริกาเหนือและยุโรปรวมกัน และโลกจากนี้ไปจะพึ่งพาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนามากกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และคาดการณ์ว่า ประชากรโลกไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จะอาศัยอยู่ในเมืองเพราะความเจริญไปปูทางไปสู่การเกิดขึ้นของเมืองใหม่ๆ ทั่วโลกแล้วในขณะนี้

ยิ่งภาพลักษณ์ของเออีซีที่จะเกิดขึ้นในปี 2015 จะมีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน ระบบเศรษฐกิจมีมูลค่ามากกว่า 60 ล้านล้านบาท และพื้นที่เพาะปลูกรวมกันกว่า 400 ล้านไร่ และหากรวมเข้ากับเศรษฐกิจจีน จะหมายถึงโอกาสทางการค้า และการลงทุนของประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคนเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผู้นำจีนตัดสินใจด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ด้วยการขีดเส้น "รถไฟสายใหม่" ทั้งรถไฟรางและรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อจากจีนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ เรียกว่า ด้านหนึ่งลงมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกด้านหนึ่งบุกยุโรป

และนี่คือ เครือข่ายรถไฟที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบไปสู่โฉมหน้าใหม่ ที่เชื่อมต่อยุโรปกับเอเชีย โดยมีจีนเป็นศูนย์กลางของโลก ซึ่งว่าไปแล้วผู้นำจีนแต่ละรุ่นจนมาถึง "สี จิ้นผิง" ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน คิดการใหญ่มากที่จะสร้างจีนก้าวไปสู่ "ความเป็นที่หนึ่ง" ในทุกๆ ด้าน

ตามแผนยุทธศาสตร์ของจีน จะสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง "แนวทิศเหนือ-ใต้ 4 เส้น แนวทิศตะวันออก-ตะวันตก 4 เส้น " โดยแนวทิศเหนือ-ใต้ 4 เส้นมีเส้นปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เชื่อมเขตปักกิ่งเทียนจินกับเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำฉางเจียง ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจเจริญทั้ง 2 แห่ง เส้นปักกิ่ง-อู่ฮั่น-กวางโจว-เซินเจิ้น เชื่อมโยงภาคเหนือกับภาคใต้จีน เส้นปักกิ่ง-เสิ่นหยาง-ฮาร์ปิ้น (ต้าเหลียน) เชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับกรุงปักกิ่งและเส้นเซี่ยงไฮ้-หางโจว-หนิงโปฝูโจว-เซินเจิ้น เชื่องโยงเขตเศรษฐกิจเจริญที่อยู่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้

ส่วนแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก 4 เส้นมี เส้นสุยโจว-เจิ้นโจว-หลานโจว เชื่อมภาคตะวันออกกับภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน , เส้นหางโจว-หนานชาง-ฉางซา-กุ้ยหยาง-คุนหมิง เชื่อมภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ,เส้นชิงต่าว-สีเจียจวง-ท่ายหยวน เชื่อมภาคเหนือกับภาคตะวันออกของจีน และเส้นหนานจิง-อู่ฮั้น-ฉงฉิ้ง-เฉิงตู เชื่อมภาคตะวันตกเฉียงใต้กับภาคตะวันออกจีน

ทั้งหมดนี้กำลังทยอยก่อสร้างและเปิดให้บริการ ซึ่งต้องบอกว่า ปัจจุบันความยาวรางรถไฟความเร็วสูงที่เปิดใช้บริการของจีนมีทั้งสิ้นกว่า 7,500 กิโลเมตร ถือว่าครองอันดับ 1 ของโลก และตามแผนการพัฒนาเครือข่ายรถไฟในระยะกลาง-ยาวของจีน ระบุว่า "จีนจะก่อสร้างรางรถไฟความเร็วสูงทั้งสิ้น 16,000 กม.ภายในปี 2563"

เป็นยังไงครับ ยิ่งใหญ่อลังการมากสำหรับกลยุทธจีนที่เชื่อมเอเชีย และยุโรป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจีนได้ต่อรางรถไฟจากมณฑลฉงชิ่งไปยังเมืองลอดซ์ โปแลนด์ โดยจะพาดผ่าน 5 ประเทศคือ จีน คาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส และโปแลนด์

"ก่อนหน้านี้ จีนได้สร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อการขนส่งจากนครเฉิงตู ไปยังดุยส์บวร์ก เยอรมนีอยู่แล้ว"

นอกจากนี้ จีนยังเปิดใช้งานเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างมณฑลยูนนาน กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่เรียกว่า เครือข่ายรถไฟสายแพน-เอเชีย และยังเข้าไปลงทุนในประเทศลาวมากกว่า 200,000 ล้านบาท สร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงยาว 420 กิโลเมตร เชื่อมจากจีนตอนใต้ ผ่านภาคเหนือของลาว ต่อไปยังเวียงจันทน์ และเชื่อมต่อกับหนองคายในอนาคตด้วย

ที่น่าสนใจยังมีสิงคโปร์ กับมาเลเซีย ได้จับมือและลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2020 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างเมืองหลวงของทั้ง 2 ประเทศเหลือเพียง 90 นาที จากเดิมใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง หากเดินทางด้วยรถยนต์

เรื่องนี้ถึงกับมีข่าวว่า นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ "ลี เซียนลุง" ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า "ต่อไปคนสิงคโปร์จะสามารถรับประทานอาหารเที่ยงกับมิตรสหายที่กัวลาลัมเปอร์ และหลับมาบ้านภายในวันเดียวกันได้"

ด้วยเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่เกิดขึ้นเท่ากับว่า จีน เอเชีย และยุโรปได้ขีด "แผนที่ใหม่" ขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต ทั้งในระดับมหภาค และระดับชุมชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

จากเดิมที่เคยพึ่งพาการค้าผ่านท่าเรือ และท่าอากาศยาน แต่ต่อไปรูปแบบการค้าใหม่จะเกิดขึ้นคือ พึ่งพาการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ฯลฯ ผ่านระบบรางที่วางเครือข่ายไว้ทั่วเอเชีย

หมายถึงว่า วิถีการค้าใหม่จะเกิดขึ้น เมืองต่างๆ จะเริ่มคึกคัก ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ตามสถานีของระบบรางๆ ที่วางไว้ หรือเมืองเล็กๆกลางทะเลทรายที่อดีตไม่มีความสำคัญ หรือถูกทอดทิ้งราวกับเมืองร้าง ต่อไปจะพลิกฟื้นเป็นเมืองที่มีชีวิต หรือเมืองการค้าที่เจริญรุ่งเรือง

โมเดลลักษณะนี้ของจีน เคยเกิดขึ้นกับเนเธอร์แลนด์เหมือนกันคือ ประเทศนี้ในอดีตเคยเป็นเจ้าเมืองท่าทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ แต่ปัจจุบันได้ปักธงให้กรุงอัมสเตอร์ดัม เป็นจุดศูนย์กลางระบบขนส่งผ่านระบบราง เพื่อเชื่อมต่อกับยุโรปได้สำเร็จ

โดยเฉพาะระบบรางที่เชื่อมถึงกัน อย่างเช่นที่จีนกำลังวางหมากเข้าไปยึดพื้นที่เอเชีย และยุโรปให้มากขึ้น จะเกิดเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคกับภูมิภาค เมืองกับเมือง สถานีกับชุมชน ซึ่งจะผลักดันให้ความเจริญหลั่งไหลเข้าไปตลอดเส้นทางของรถไฟ ไม่ว่าจะการผลิต บริการ ขนส่ง หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยวที่จะเฟื่องฟูมากในอนาคตอันใกล้นี้

นี่คือ ภาพแห่งอนาคตที่จะเกิดขึ้น และถึงขั้นจะพลิกโฉมหน้าโลกการค้าเลยทีเดียว ยิ่งเทคโนโลยีระบบรางรถไฟที่มีการพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็ว ยิ่งจะทำให้การเชื่อมต่อจากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนึ่งใช้เวลาเดินทางสั้นลงเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่เดินเป็นวันจะเหลือเพียงชั่วโมง และจากที่เคนเดินทางหลายๆ ชั่วโมง จะลดเพียงหลักนาทีเท่านั้น

ก็ต้องบอกว่า เครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นนี้กำลังจะเปลี่ยนโลกทั้งใบไปสู่ "โอกาสทอง"ทางการค้าที่ฟู่ฟ่าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และขั้วอำนาจที่สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจเพียงประเทศเดียว ก็จะเปลี่ยนไปสู่ขั้วอำนาจใหม่ที่ร่วมมือกันในรูปแบบของพันธมิตรระหว่างประเทศต่าง

คอลัมน์ วิถีโลกวิถีธุรกิจ, โดยโฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 22 พฤษภาคม 2556
.....................................................................................................................



แด่สภานักศึกษา ม.อ.ผู้นั้น ผู้ที่เหยียบป้ายของข้าพเจ้า และผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ

แผ่นป้ายแผ่นนี้ถูกวางไว้ที่หน้าตึกกิจ บนพื้น เพื่อให้ใครที่ผ่านมาผ่านไปได้อ่านกัน และทางกลุ่มก็ได้สังเกตพฤติกรรมคนที่ผ่านมาอ่านเหล่านั้น

และได้เผื่อใจสำหรับการโดนเหยียบย่ำ การเอาไปทิ้ง หรือการทำลายจากคนที่คลั่งโซตัสไว้เรียบร้อยแล้ว

แต่ที่ทำให้ทางกลุ่มเกิดอาการช๊อก ตกใจ หดหู่ใจ คือคนที่จงใจเดินเหยียบ คือ คนที่เราเข้าใจว่าเขาคือคนที่ต้องผดุงความยุติธรรม และสิทธิแก่นักศึกษา กลับเป็นคนที่มาเหยียบย่ำเสียเอง

เขาได้บอกว่า "เขาไปสัมนาหลายที เขาพบว่า ม.อ.โซตัสเบาที่สุด"

ก็ไม่อาจทราบได้สิ่งที่หุ้มสมองชิ้นนั้นคือกะโหลกหรือกะลากันแน่ ถึงทำเช่นนี้

กิจกรรมโซตัสที่มีคำว่า s ที่มาจาก spirit หรือ stupid กันแน่

กิจกรรมที่บอกให้น้องอดทน แต่ตนเองกลับไม่อดทนแม้แต่ป้ายแผ่นเดียว ก็ยังรับไม่ได้

แล้วจะสอนน้องให้น้องอดทนไปเพื่ออะไร

หรือจะบอกว่าเราเอาป้ายไปตั้งโดยไม่ได้ขออนุญาต หากเช่นนั้น เราก็ขอร้องเรียนว่า พวกเขาต่างตะโกนก่นด่า ทั้งในห้องเชียร์ ทางเดินไปหอพัก และส่งเสียงโหวกเหวก เช่นนี้ พวกเขาได้รับการอนุญาตด้วยหรือ

ข้าพเจ้าเสียใจ แต่ข้าพเจ้าก็จะไม่ท้อ


แอดมินกุ๊กไก่
.....................................................................................................................


เขาว่าทำไมประเทศไทยไม่นำ คอนเดนเสท และ ก๊าชโซลีน มาเข้าโรงกลั่นให้หมด เรามีคำตอบ

http://www.facebook.com/vinai.kall/posts/536125716434732
.....................................................................................................................



ประชาชนทั่วสารทิศเดินทางเยี่ยมชม "ปืนใหญ่พญาตานี" จำลองที่บ้านกรือเซะ จ.ปัตตานี


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1370273485&grpid=02&catid&subcatid
...........................................................................................................................

..................................................................................................................


ถาม บางวันชีวิตเหมือนโดนห่าฝนกระหน่ำซัดเข้าหาแบบไม่ทันตั้งตัว บางวันเหมือนเป็นวันซวยจริงๆ แต่จะมีอะไรแย่ไปกว่า เราคิดว่ามันแย่และไม่คิดจะสู้ต่อไปอีกไหมคะ? 

ตอบ มองด้านที่ดีว่า เปียกฝนแล้วก็แห้งได้ และฝนก็ไม่ตกทุกวัน #วินทร์ เลียววาริณ
...................................................................................................................



กระต่ายกับเต่า ภาคสุดยอดวิชา (บทความแนะนำ)
1st Round?กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่ง ทั้งคู่จึงกำหนดเส้นทางแข่งและเริ่มการแข่งขัน??เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึงก่อนแข่งต่อก็คงดี ไป ๆ มา ๆ ก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว?นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้า ๆ แต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้ (เหมือนกัน)?
นี่เป็นเวอร์ชั่นเดะ ๆ ที่เราคุ้นหูกัน??ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชั่นใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง?
2nd Roundเจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็รมบ่จอยตามระเบียบที่แพ้ มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเองมันก็พบว่าความมั่นใจในตนเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้ ถ้ามันไม่เผลอหลับซะอย่าง เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้ มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้ง และเต่าก็ยินยอม แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอยเราได้ข้อคิดอะไรล่ะ…ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอ ถ้าเราเปรียบเทียบคนทั้งสองคนในองค์กรของเรา คนนึงช้าจริง ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไร ๆ ไม่เคยพลาด ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขา เทียบกับอีกคนนึงที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ คนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้น ๆ มากกว่า?ไอ้ช้าแต่ชัวร์น่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและเชื่อถือได้นี่ดีกว่า
เรื่องยังไม่จบแค่นี้…
3rd Round?คราวนี้ถึงตาเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันก็พบว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะชนะเจ้ากระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้ มันก็คิดอยู่ซักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่ แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งซะหน่อย เจ้ากระต่ายก็ว่าย่อมได้อยู่แล้วเพ่ พอการเริ่มแข่งเริ่มปุ๊บ เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้อออกไปเต็มสปีดเลย จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง??เฮ้ย!!!.. เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงล่ะคราวนี้?)?เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เลยเจ้ากระต่ายมัวแต่งงว่าจะทำไงดี จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย?นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้ตนเองได้เปรียบมากที่สุด
ยัง??ยังเร็วไปที่จะจบเพียงแค่นี้ ยังมีต่อ…
4th Round?ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกันการแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น ดังนั้นพวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์คเริ่มต้นด้วยเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำ เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน ผลการแข่งขันครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย มากกว่าการแข่งขันครั้งก่อน ๆ หน้านี้?นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊งในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง
ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้น ๆ เป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วงสถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา
นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่าย ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความล้มเหลวได้เกิดขึ้น กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยการทำงานที่หนักขึ้นและเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่ เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้วในชีวิต เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม บางครั้งเราก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไปและในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย
นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคลแล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้น
โดยสรุป เรื่องราวของกระต่ายกับเต่าสอนเราในหลาย ๆ อย่าง ความรวดเร็วเสมอต้นเสมอปลายชนะความอืดอาด?การดึงศักยภาพในตัวของเราออกมาและทำงานร่วมกันเป็นทีมย่อมดีกว่าการทำงานคนเดียว อย่ายอมแพ้เมื่อพบกับความล้มเหลว และสุดท้ายคือจงแข่งกับสถานการณ์ ไม่ใช่กับตัวบุคคล
...................................................................................................................



[Art Space] : ห้องสมุดของเมืองชตุทท์การ์ท ที่เปิดให้ประชาชนสามารถยืมผลงานศิลปะไปตกแต่งในที่พักอาศัยได้ไม่ต่างกับการยืมหนังสือไปอ่านที่บ้าน โดยสามารถยืมชิ้นงานศิลปะที่สนใจได้ยาวนานถึง 1 ปี

ทั้งหมดนี้ด้วยเชื่อว่า เมื่อผู้คนได้ใกล้ชิดและซึมซาบในงานศิลปะ พวกเขาจะได้แรงบันดาลใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และนั่นจะทำให้วงการศิลปะเติบโตได้ในทุกๆ ที่

อ่านบทบรรณาธิการเรื่อง "ประชาธิปไตยในโลกศิลปะ" แบบเต็มๆ ต่อได้ที่http://creativethailand.org/th/magazine/detail.php?id=62&p=1 นะคะ
.................................................................................................................

Noam Chomsky on Democracy and Education in the 21st Century and Beyond

http://www.truth-out.org/opinion/item/16651-noam-chomsky-on-democracy-and-education-in-the-21st-century-and-beyond
.........................................................................................................................



เพราะประเทศเรานี้เป็นของราษฎรทั้งหลาย และเสียงของราษฎรคือ "เสียงสวรรค์"

เราจึงไม่เป็นกลาง แต่เข้าข้างราษฎร



- Admin AC & Ao
 
.........................................................................................................................



ไอเดียออกแบบนามบัตรกินขาดไป 3 โลก ^^
...........................................................................................................................



"หวานซ่อนเปรี้ยว"
รองเท้าที่ดีไซน์ให้สองสิ่งมารวมกันได้อย่างกลมกลืน ^^
..........................................................................................................................

ตกลง P4P นี่ผมก็ยังงงต่อไป
ตามข่าวที่ได้ค้นหา ศึกษาอ่าน ก็เห็นว่าไม่ลดเงินเหมาจ่ายของแพทย์ชนบท
แต่แพทย์ชนบทก็มาบอกว่าลด
เหมือนไม่เข้าใจกัน ผมเลยพลอยไม่เข้าใจไปด้วย

ผมเองก็ไม่ใช่แพทย์ น้องชายเป็นแพทย์ก็ไม่ได้อยู่ชนบทอีก
เลยไม่รู้ต้องไปถามใครดี - -"


13 สมาคมชมรมวิชาชีพแพทย์สุดทน! ออกโรงป้องรัฐบาล สับ "แพทย์ชนบท" วาระซ่อนเร้น

http://www.go6tv.com/2013/06/13.html
....................................................................................................................

ข้อมูลไว้ตรวจสอบ
อยากรู้รายละเอียดของการขาดทุน 2.6 แสนล้้านเช่นกันว่าคำนวณหรือหาตัวเลขมาอย่างไร?

เรื่องโครงจำนำข้าว ความจริงปรากฎออกมาแล้วว่า ยอดการขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจาก มีการตัดยอดบัญชี เมื่อเดือนกันยายน 55 และมีการรวมเงิน ขาดทุนสะสมจากโครงการ ในปีอื่น ๆ มาด้วย ซึ่งมีหลายรัฐบาล ทั้งโครงการ "ประกันราคาข้าว" มาด้วย ซึ่ง ไม่ใช่แค่โครงการจำนำข้าว แต่เพียงอย่างเดียว

และจากยอดบัญชีที่คาดการณ์ เฉพาะโครงการ "จำนำข้าว" ไม่ น่าเกิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับโครงการประันราคาข้าว แต่ชาวนาได้ประโยชน์มากกว่า รวมทั้ง รัฐสามารถจัดเก็บภาษีจากการ หมุนเวียนของเงินและภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า 5 รอบ

และจากข้อมูลปัจจุบัน ขายข้าวในฤดูกาลผลิต ปี 54/55 ที่ผ่านมา ทั้งจากการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี และขายให้กับเอกชน ที่ ณ สิ้นเดือนกันยายน มีเม็ดเงินจากการขายข้าวประมาณ 180,000 ล้านบาท และยังมีข้าวเหลือใน สตอกข้าวมีอยู่ประมาณ 5 ล้านตัน เป็นปลายข้าว 3 ล้านตัน

ดังนั้นผมจึงเชื่อใจรัฐบาลนี้ต่อไป ส่วนใครจะบิดเบือนอย่างไร พูดจริงครึ่งเดียว ผมรอดูผลประกอบการ สิ้นปีนี้

ที่มาข้อมูล http://www.citsonline.utcc.ac.th/index.php/th/cits-news/1865--32
http://www.thairath.co.th/content/eco/348906
......................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น