วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

11/06/2556


อย่าได้ทำพระพุทธเจ้าให้กลายเป็นผีเสีย

แม้แต่ในประเทศไทยนี้ก็อย่าได้ทำพระแก้วมรกตให้กลายเป็นผี ที่ชอบฉันท์ไข่กับปลาร้าเสีย เป็นที่น่าสลดสังเวชและน่าละอายเป็นอย่างยิ่งสำหรับพุทธบริษัทเราถ้าทำไปในลักษณะเช่นนั้น พระพุทธรูปบางองค์ศักดิ์สิทธิ์แต่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำนองของผี ไม่ใช่ศักดิ์สิทธิ์ไปในทำนองของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

นี่ก็เพราะสาวกของอวิชชาในนามของพระพุทธบริษัทนั้นได้ทำขึ้นมา แม้แต่เศียรของพระพุทธรูปให้เป็นผีไปได้ พระเครื่องรางก็กลายเป็นผีศักดิ์สิทธิ์ไปได้ ทั้งที่เป็นรูปพระพุทธรูปเพราะว่าได้ไปทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์ในทำนองนั้นขึ้นมา ผสมกับว่าคนสักร้อยคนสามร้อยคนมีความเชื่อจริงว่าพระเครื่องรางองค์นี้ มีอนุภาพอย่างนั้นอย่างนี้เข้าแล้วชิ้นวัตถุเล็กๆนั้น ก็จะมีกระแสจิตที่โง่เขล่าอย่างยิ่งนั้น ฝังอยู่จริงๆเหมือนกัน แล้วก็จะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งในทางดีทางร้ายก็ตาม ได้เช่นนั้นเหมือนกัน

นี่คือการทำพระพุทธรูปให้กลายเป็นผีชนิดหนึ่งไปแล้ว แต่แล้วเค้าก็เรียกว่าพระพุทธเจ้า เรียกว่าอนุภาพของพระพุทธเจ้า เรียกว่าพระพุทธคุณนี่เป็นการกบฏทรยศซึ่งปล้นเอาไปซึ่งๆหน้า ไม่ใช่เรื่องของพุทธบริษัท ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าแต่ประการใด

หวังว่าพวกเรา จะได้สนใจเป็นพิเศษด้วย อย่าให้ถูกปล้นเอาพระพุทธเจ้าไปซึ่งๆหน้า และเอาไปทำให้เป็นผี เป็นเทวดา อย่างใดอย่างหนึ่งไป เหมือนที่เห็นกันอยู่และเชื่อกันอยู่ อย่างนี้มันเป็นการทำพระพุทธรูปให้กลายเป็นผี หรือ รูปเจว็ดไปในที่สุด พระพุทธรูปจะต้องเป็นวัตถุอนุสรณ์แห่งพระพุทธเจ้า แห่งพระพุทธองค์สำหรับส่งกระแสจิตของเราผ่านสิ่งไปทะลุไปยังพระพุทธเจ้าพระองค์จริง ซึ่งยังคงอยู่โดยพระคุณ จะเป็นผีหรือเป็นเจว็ดอะไรไปไม่ได้

และเราจะไม่ทำให้พระพุทธศาสนาอันประเสริฐสุดของเรานี้ ให้กลายเป็นลัทธิเชื่อวิญญาณ อย่างคนที่โง่เขลางมงายก่อนพระพุทธกาลขึ้นมาอีก การเชื่อเรื่องในทำนองมีผี มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือมีอะไรทำนองนั้น มันไม่ควรจะมีมาปะปนในพระพุทธศาสนา ถ้าจะมาเกี่ยวข้องกันพัวพันกันพระพุทธรูปหรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนาแต่ประการใดเลย

ถึงแม้ว่าเรื่องราวในพระไตรปิฎกของเราจะมีกล่าวถึงผีถึงวิญญาณอะไรทำนองนั้น ก็ขอให้เข้าใจในว่าผีเป็นจิตสัมพันธ์ของความเชื่อ ที่เป็นไปอย่างรุนแรงด้วยอำนาจของอวิชชาดังที่กล่าวมาแล้ว มันแสดงออกมาทางคนนั้นคนนี้ตามเรื่องตามราวของมัน จะขจัดไปได้ก็ต้องขจัดด้วยวิชชาหรือสัมมาทิฎฐิเสมอไป

พุทธทาส อินทปัญโญ
๒๔ เมษายน ๒๕๑๐
...........................................................................................................................

.............................................................................................................................



Sometimes I can't control my face.
.............................................................................................................................


17 คำคมเพื่อการลงทุน

1. "การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดคือ การลงทุนในความรู้" (Benjamin Franklin)

2. "จุดต่ำสุดในโลกของการลงทุน ไม่หยุดอยู่แค่ จุดต่ำสุดในรอบ 4 หรือ 5 ปี มันอาจจะจบที่ จุดต่ำสุดในรอบ 10 หรือ 15 ปี ฉะนั้นจงเตรียมใจที่จะเห็น หุ้นราคาตกลงไปอีก ก่อนที่มันจะสร้างผลตอบแทนให้ในภายหลัง" (Jim Rogers)

3. "ผมจะบอกให้ว่าคุณจะรวยได้อย่างไร จงกลัวในเวลาที่ทุกคนกำลังโลภ และจงโลภในเวลาที่ทุกคนกำลังกลัว" (Warren Buffett)

4. "ตลาดหุ้นมีแต่คนที่รู้ราคาของทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่เคยรู้มูลค่าของมันเลย"(Phillip Fisher)

5. "ในการลงทุน การทำอะไรอย่างสะดวกสบาย ไม่ค่อยสร้างผลตอบแทนที่ดีได้"(Robert Arnott)

6. "คุณรู้จักเศรษฐีสักกี่คนที่รวยขึ้นมาจากดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์"(Robert G. Allen)

7. "ลงทุนในตัวคุณ อาชีพของคุณเป็นที่มาความมั่งคั่งของคุณ"(Paul Clitheroe)

8. "มีบางครั้ง ตลาดจะทำเรื่องงี่เง่าสุดๆ ถึงขนาดที่คุณแทบจะหยุดหายใจ ฉะนั้นจงเตรียมพร้อมรับตลาดขาขึ้นและลง" (Jim Cramer)

9. "นักลงทุนรายย่อยควรทำตัวเป็นนักลงทุน ไม่ใช่นักเก็งกำไร"(Ben Graham)

10. "มันไม่ใช่ว่าคุณทำเงินได้เท่าไหร่ แต่คุณเก็บเงินไว้เท่าไหร่ เงินมันทำงานให้คุณหนักแค่ไหน และคุณเก็บมันไว้เพื่อให้ผลตอบแทนไปอีกเท่าไร"(Robert Kiyosaki)

11. "จงรู้ว่าคุณถืออะไรอยู่บ้าง และจงคิดว่าคุณถือมันไปทำไม" (Peter Lynch)

12. "อิสระภาพทางการเงินไม่ใช่การครอบครองสิ่งของใดๆ มันคือการปรับวิถีชีวิตให้ใช้น้อยกว่าที่คุณหาได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถสละเงินนั้นและมีเงินเพื่อลงทุนต่อ คุณจะไม่ประสบความสำเร็จจนกว่าคุณจะทำเช่นนี้ได้"(Dave Ramsey)

13. "การลงทุนควรเป็นเหมือนกับการเฝ้ารอสีแห้งหรือเฝ้าดูต้นหญ้างอกงาม แต่ถ้าคุณอยากได้ความตื่นเต้นก็แค่พกเงิน 800 เหรียญไปที่ลาสเวกัส"(Paul Samuelson)

14. "ผมจะไม่จ่ายก่อน ผมจะลงทุนและปล่อยให้การลงทุนจ่ายแทน"(Dave Ramsey)

15. "คำ 4 คำที่อันตรายที่สุด ในการลงทุนคือ มันเปลี่ยนไปแล้ว" (Sir John Templeton)

16. "การกระจายความเสี่ยงที่เยอะๆ จะจำเป็นก็ต่อเมื่อนักลงทุนไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่"(Warren Buffett)

17. "คุณจะต้องเจอเศรษฐกิจถดถอย คุณจะเจอตลาดหุ้นตกต่ำ ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้น แสดงว่าคุณยังไม่พร้อม คุณจะทำได้ไม่ดีในตลาดหุ้น"(Peter Lynch)
............................................................................................................................



เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัลลา คูดร์ยาฟเซวา นักเทนนิสสาวชาวรัสเซียออกมาโพสต์ข้อความชื่นชมสปิริตของ แทมมี่ แทมมารีน ธนสุกาญน์ นักหวดหญิงขวัญใจชาวไทย ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว หลังจากที่ แทมมี่ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ที่แม้ว่าจะทำให้ตัวเองได้เปรียบและมีโอกาสคว้าชัยชนะก็ตาม ในศึกเทนนิสรายการเอกอน คลาสสิก 2013 ที่สนามหญ้า เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ
สำหรับเกมการแข่งขันนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยแทมมี่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ก่อนในเซตแรก 6-3 จากนั้นแทมมี่มีโอกาสได้แมตช์พอยต์ และชนะในแมตช์นี้ แต่แทมมี่กลับเดินไปยืนยันกับผู้ตัดสินชี้ชาดในสนามว่า คะแนนที่กรรมการขานให้ตนเองควรเป็นคะแนนเสีย หลังจากนั้นกรรมการก็กลับคำตัดสินตามนั้น ก่อนที่คูดร์ยาฟเซวาจะพลิกแซงคว้าชัยไปใน 2 เซตหลัง 7-5 และ 6-3

โดย อัลลา คูดร์ยาฟเซวา โพสต์ข้อความระบุว่า "แทมมี่ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ที่สุดเท่าที่ฉันรู้จัก เธอทักท้วงผู้ตัดสินทัั้ง ๆ ที่ เธอจะได้แมตช์พอยต์ มันน่าอัศจรรย์มาก ฉันไม่สามารถลืมสิ่งนี้ได้เลย เธอเป็นคนที่มหัศจรรย์จริง ๆ คนที่ฉันรู้จักไม่เคยมีใครทำแบบนี้ ฉันหวังว่าสักวันฉันจะมีโอกาสได้ทำสิ่งที่ถูกต้องนี้บ้างเช่นกัน"
CR: Tamarine Tanasugarn
......................................................................................................................

555++
ชอบๆ ^_^
"เรื่องมันวุ่นวายมาก ผมจะสรุปเรื่องราวให้ฟังนะครับ

ตอนแรกเนี่ยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนอดีต CIA มันปล่อยข้อมูลมาแฉอเมริกาก่อน

ทาง CIA ก็เลยสั่งให้มิตซูโอะ เควสโกสปายฝีมือดีที่แฝงตัวมานานแล้วไปตามเก็บเอ็ดเวิร์ด (คือจะเก็บคนเคยเป็น CIA มันส่งคนธรรมดาไปไม่ได้หรอกครับ ต้องส่งยอดฝีมือไป) นี่คือเหตุผลให้พระมิตซูโอะเลยสึกหายไปเงียบๆ เพื่อทำภารกิจนี้ และคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นสปายในคราบพระแทนก็คือฮาร์ดเวิร์ด หวังที่เพิ่งบวชไป

ทีนี้เนี่ย เอกยุทธ์ไปรู้ความลับของมิตซูโอะโดยบังเอิญ เอกยุทธก็เลยโดนเก็บ ไอ้คนขับรถที่เก็บเนี่ยเป็นแพะให้กับปฏิบัติการณ์ของ CIA อีกที"

--- มิตรสหายท่านหนึ่งว่าไว้
........................................................................................................................



"เราเรียนรู้อะไรบ้างทุกครั้งที่เกิด Thailand Grand Sales?" ...หนึ่ง เราได้รู้ว่า แนวทางของเราไม่ชัดเจน พอวิกฤตก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเล่นยาวหรือเล่นสั้น "Cut Loss ปั๊บดีดขึ้น พอซื้อปั๊บ ลงทันที" (ทำอะไรไม่ถูก ก็กอดหุ้นปั่น รูดลงทั้งน้ำตา) ..สอง อยากซื้อหุ้นพื้นฐานดีใจจะขาด แต่ดันไม่มีตังค์ เพราะ 100% อยู่ในหุ้นที่ติดดอยอยู่ (ได้รู้แล้วว่า ทำไมต้องทำ Stock Wish List แล้วรอซื้อยามวิกฤต ..วันนี้ดวงตาเห็นธรรมว่า ทำไม!!) ..สาม ได้รู้จักตัวเอง เมื่อเรารับว่าเราผิด เราก็จะสร้างประสบการณ์อันมีค่า ที่จะทำให้เรามั่งคั่งในครั้งต่อไป ..."ยอมรับผิด แล้วเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตน จึงเกิดปัญญา" --- แค่จักรยานล้ม ถลอกบ้าง ก็ลุกขึ้นมาขี่ใหม่ซิครับ ..ตลาดหุ้นมันคือ "การปลูกความมั่งคั่ง" จึงอาศัย ปัญญา เวลา และ ความอดทน !! ..สู้ ๆ ครับ
..........................................................................................................................

หลังจากได้เห็นข่าว ฝนตกแล้วน้ำท่วมมา 2 รอบ
ให้ความรู้สึกว่า ดีแล้วที่มาอยู่เชียงใหม่

ตอนที่เกิดรอบแรก ก็ยังรู้สึกเฉยๆ ติดตามผลงานให้โอกาสแก้ตัว
อย่างน้อยต้องรู้แล้วว่า มีโอกาสเกิดปัญหาได้ และควรลงมือแก้ไขอย่างเร่งด่วน
แต่พอเกิดซ้ำ นั่นแสดงว่า ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไข หรือมาตราการยังไม่ดีพอ!
ถ้ามันเป็นเหตุที่แก้ไขยากอย่างริมแม่น้ำปิงก็ว่าไปอย่าง
แต่ถึงอย่างนั้น นายกเทศบาลเชียงใหม่ก็พยายามแำก้ไขอย่างเต็มที่

ช่วงนี้เข้าหน้าฝน หากเกิดซ้ำเป็นรอบที่ 3
ก็ต้องขอแสดงยินดีด้วยกับคนกรุงเทพฯ สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเร่งด่วนของผู้ว่ากทม.คนใหม่ ที่พวกคุณส่วนใหญ่เลือกเข้าไป
ในเมื่อผลงานที่ผ่านมา แม้ไม่เข้าตาเลย แต่ก็ยังพยายามเลือกเข้าไป
^_^

  • Phongsakorn Thavornan ผมไม่เลือกกกกกก แต่แม่งก็ท่วมหน้าบ้านเนี่ย

  • Phon Petklai 555 เลือกไว้กันหมา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์

.........................................................................................................................



พี่ชาย ชั้นหนาว...


...................................................................................................................................



อย่างงี้ต้องลาออก?!

สวัสดีครับ

ตอนนี้ผมอึดอัดกับสถานที่ทำงานมากเลยครับ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1.ต้องทำงานที่ไม่อยากทำ (งาน Edit หนังสือแปลภาษาอังกฤษ) ไม่อยากทำแล้ว เพราะต้องกลัวเกรงตลอดเวลาว่า จะทำงานต้นฉบับของคนอื่นเสียหรือเปล่า ไม่มีอิสระ ต้องถูกจำกัดอยู่ในกรอบ ทั้งกรอบของต้นฉบับและกรอบความต้องการของสำนักพิมพ์

2.วัฒนธรรมองค์กรที่น่าอึดอัด ผมรู้สึกว่าทุกคนที่ทำงานที่นี่เป็นหุ่นยนต์ ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริง ไม่สามารถพูดคุยกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน หรือไม่สามารถปรึกษาเรื่องส่วนตัวอะไรกับใครได้ ไม่มีใครสนใจใคร (ทั้งที่ผมเปิดใจแล้ว และพยายามเข้าหาคนอื่นๆ แล้ว) ในองค์กรมีพนักงานแค่ 15 คน แต่ บรรยากาศนั้นไม่ชวนให้ทำงานเลย เพราะดูเหมือนทุกคนจะเกลียดกันอยู่ตลอดเวลา

3.เจ้านายที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อง เจ้านายของผมเก็บตัวอยู่ในห้องตลอดเวลา นั่งตรวจหนังสือที่ลูกน้องทำเสร็จ นอกจากออกไปกินข้าวตอนพักเที่ยง ก็ไม่มีใครมีโอกาสได้พบเห็นอีก ไม่มีใครได้พูดคุย ทราบความต้องการหรือทราบความรู้สึกของเจ้านาย ไม่มีการประชุมหรือแจ้งนโยบาย หรือแนวทางการดำเนินงาน ไม่มีอะไรเลย นอกจากให้ลูกน้องก้มหน้าก้มตานั่งทำงานงก ๆ อยู่หน้าจออย่างเดียวก็พอ

4.กฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด การห้ามใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ต้องใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสเล็กให้ดูภูมิฐาน การห้ามทานขนมนอกเวลาพักบ่ายไม่เกิน 10 นาที การห้ามพักผ่อนในเวลางาน ห้ามออกไปเดินเล่น ต้องอยู่ทำงานหน้าจอตลอดเลาเพื่อพิสูจน์ถึงความขยัน

5.ความรู้สึกว่าอยู่ที่นี่แล้วเสียเวลาชีวิต ไม่คุ้มค่าเลย แอบคิดเอาเองว่าถ้าไปทำงานที่อื่น หรือหาประสบการณ์ใหม่อาจจะเจริญเติบโต หรือพัฒนาตัวเองให้เก่งกว่านี้ได้ หรืออาจถึงขั้นพบงานในฝัน ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า จะทำงานที่นี่ไปจนตายหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่า ไม่มีทางแน่นอน

นี่คือเหตุผลอย่างละเอียด 5 ข้อที่ทำให้อยากลาออกครับ

ส่วนเหตุผลที่ไม่ควรลาออกก็คือ...

1.ถ้าอดทนต่อไป ก็จะมีประสบการณ์ด้านการเป็นบรรณาธิการมากขึ้น ต่อไปในอนาคตก็มีโอกาสมากขึ้น

2.ถ้าลาออกก็จะไม่มีเงินเดือน

3.ถ้าอดทนต่อไปก็จะพิสูจน์ได้ว่า ตัวเราเป็นคนที่มีความอดทนสูง สามารถรับแรงกดดันและทำงานได้ในทุกสถานการณ์

ทั้งหมดเป็นเหตุผลง่ายๆ ที่ไม่ควรลาออกครับ ง่ายแต่ชัดเจน

ตอนนี้ผมกำลังสับสน และคิดเรื่องนี้ไม่ตก ขออนุญาตเอาเรื่องปวดนี้มาปรึกษาอาและขอคำแนะนำด้วยครั

...หนุ่มเหนือ

ตอบ...

ในความเห็นส่วนตัวของผม ตรรกะของคุณแปลก ๆ นะครับ เพราะมองต่างมุมได้

"ถ้าอดทนต่อไป ก็จะมีประสบการณ์ด้านการเป็นบรรณาธิการมากขึ้น ต่อไปในอนาคตก็มีโอกาสมากขึ้น"...เป็นไปได้ไหมว่าหากทำงานที่เกลียด ผลงานก็อาจแย่จนโอกาสในอนาคตหดหาย?

"ถ้าลาออกก็จะไม่มีเงินเดือน"...ใจคอจะไม่ทำงานอีกแล้วหรือในชาตินี้?

"ถ้าอดทนต่อไปก็จะพิสูจน์ได้ว่า ตัวเราเป็นคนที่มีความอดทนสูง สามารถรับแรงกดดันและทำงานได้ในทุกสถานการณ์"...เป็นไปได้ไหมว่ารับแรงกดดันจนเป็นโรคหัวใจ ตามมาด้วยสมองวูบกลายเป็นเจ้าชายนิทรา?

หากคุณไปจ้างสำนักโพล (ที่ไม่มั่วเหมือนโพลการเมือง) ถามคนทำงานสักล้านคน 99 % จะบอกเหมือนข้อ 1-5 ของคุณ ที่แย้งมานี้ไม่ได้บอกว่าควรลาออกหรือไม่ควร แค่บอกว่าวิธีคิดแบบนี้ประหลาด มองแค่จุดจุดเดียว

ความเห็นของผมคือ คุณควรลืมเรื่ององค์กรที่คุณกำลังทำงานอยู่ ลืมเจ้านายคนนี้เสีย แล้ววิเคราะห์สถานการณ์รวมว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่

เพราะหากวันพรุ่งนี้บริษัทคุณเปลี่ยนเจ้านายเป็นคนใหม่ที่นิสัยดี ให้กินขนมทั้งวัน ให้โบนัสปีละ 20 เดือน แปลว่ามันเป็นองค์กรที่คุณควรอยู่หรือ คำตอบคือไม่จำเป็น มันอาจจะยังคงไม่เหมาะกับคุณ เพราะในระยะยาวคุณอาจจะไปไม่เต็มศักยภาพของคุณ

ดังนั้น น่าจะมองไปไกลกว่าแค่ที่ทำงานอึดอัดหรือไม่ แต่มองไปไกลว่าคุณจะเป็นอะไรในอนาคตอีก 10-20 ปี และการไปถึงจุดนั้นต้องการอะไรบ้าง ต้องมีประสบการณ์อะไรบ้าง ต้องอัพเกรดตัวเองอะไรบ้าง ต้องเรียนต่อหรือเปล่า ที่ที่กำลังทำงานอยู่นี้รองรับแผนการของเราหรือไม่ ฯลฯ

มองแบบนี้จึงจะเห็นชัดว่าจะลาออกดีหรือไม่

คนจำนวนมากทำงานในที่ที่ให้เงินเดือนดี สวัสดิการดี แต่ในระยะยาวไม่มีอนาคต ที่ไม่ลาออกหรือขยับตัวไปทำอะไรก็เพราะเคยชินกับความสบาย พอถึงจุดที่นึกได้ว่ายังไปไม่ถึงจุดที่ฝัน ก็อาจช้าเกินที่จะเปลี่ยนอะไรอย่างได้ผลแล้ว

นี่ก็คือเหตุผลที่เราต้องวิเคราะห์ตัวเองเสมอๆ ไม่งั้นวันหนึ่งก็หลุดจากวงโคจรทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เพราะตามโลกไม่ทัน
----------------------------------
คุยกับวินทร์, 26 มีนาคม 2556
http://www.winbookclub.com/takedetail.php?quizid=3131
..............................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น