วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

06/06/2556


» 6 เคล็ดลับความสำเร็จของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
» สรุปโดย...อาจารย์ จาก Harvard Business School

เมื่อ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศอำลาการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากทำหน้าที่ผู้จัดการทีมมายาวนานถึง 26 ปีครึ่ง

โดยสร้างผลงาน...ครองแชมป์ต่างๆ ถึง 38 รายการ ( แชมป์พรีเมียร์ ลีก ถึง 13 ครั้ง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก 2 ครั้ง เอฟเอ คัพ 4 ครั้ง และลีกคัพ 1 ครั้ง )

จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ อนิต้า เอลเบิร์ส และ ทอม ดาย อาจารย์คณะบริหารธุรกิจของ ฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สกูล (Harvard Business School) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นคณะบริหารธุรกิจอันดับ 1 ของโลก ทำการศึกษาถึง `เคล็ดลับความเป็นผู้นำ´ ของเซอร์อเล็กซ์ ในการบริหารทีมจนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของโลกจากการประเมินตัวเลขของนิตยสาร ฟอร์บส์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โดยมีมูลค่า 3,165 ล้านดอลลาร์หรือ 95,000 ล้านบาท เป็นรองอันดับหนึ่งคือสโมสรฟุตบอลเรียล แมดริดของสเปนเล็กน้อย (ฟอร์บส์ประเมินมูลค่าเรียลแมดริด ไว้ที่ 3,300 ล้านดอลลาร์ หรือ 99,000 ล้านบาท)

::::::::::::::::::


อนิต้า เอลเบิร์ส และ ทอม ดาย เดินทางไปสัมภาษณ์เซอร์อเล็กซ์ ที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อปีที่แล้วเพื่อหาคำตอบว่าอะไรคือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของเซอร์อเล็กซ์

หลังจากสัมภาษณ์ เซอร์อเล็กซ์ อนิต้า เอลเบิร์ส และ ทอม ดาย ได้ร่วมกันเขียนรายงานการศึกษาชื่อ Sir Alex Ferguson : Managing Manchester United

แล้วเดือนธันวาคม ปี 2012 เซอร์อเล็กซ์ได้เดินทางไปฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สกูลในฐานะอาจารย์รับเชิญ เพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาเรื่องการบริหารจัดการ

จากรายงานการศึกษาและการเล็กเชอร์ที่เซอร์อเล็กซ์สอนนักศึกษาฮาร์วาร์ดเมื่อปีก่อนสามารถสรุปหัวใจในการบริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ประสบความสำเร็จติดต่อกันยาวนานเกือบสามสิบปีได้ดังนี้....


1. ให้ความสำคัญกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีม

เซอร์อเล็กซ์จะไม่ยอมให้นักเตะคนหนึ่งคนใดคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์เป็นดาวเด่นของทีมเหนือกว่าเพื่อนนักเตะร่วมทีมคนอื่น ๆ หรือ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าแมนยู เรื่องนี้ เดวิด เบ็กแค่ม ซาบซึ้งดี คาดกันว่า เวย์น รูนี่ย์ จะเป็นคนต่อไป

--


2. รู้จักชมนักเตะเมื่อทำผลงานได้ดี

เซอร์อเล็กซ์กล่าวว่า สำหรับนักฟุตบอลและมนุษย์ทุกคน ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้มีความรู้สึกดีใจ ภาคภูมิใจมากไปกว่าการได้รับคำชมว่า well done หรือทำได้ดี คำคำนี้ เป็นคำที่ดีที่สุด ไพเราะที่สุดในโลกของกีฬา

หลังการแข่งขันแม้นักเตะจะเล่นได้ไม่ดี ผู้จัดการทีมก็ไม่ควรจะตะโกนดุด่านักเตะไปหมดทุกครั้ง เพราะการดุด่าไม่อาจใช้ได้เสมอไป ไม่มีใครอยากถูกต่อว่า

แต่เมื่อถึงล็อกเกอร์ รูม การชี้ข้อผิดพลาดให้นักเตะเห็นเป็นสิ่งที่ต้องทำทันที อย่ารอให้ถึงวันจันทร์แล้วถึงบอก และเมื่อชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในการเล่นนัดนั้นจบแล้วก็จบกัน ไม่เก็บเอามาว่ากล่าวซ้ำอีก ให้คิดถึงการแข่งขันนัดต่อไ

เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตำหนินักเตะในเรื่องที่ผ่านมาแล้วและแก้ไขไม่ได้-ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นอกจากนี้ เซอร์อเล็กซ์บอกอีกว่าเขาไม่เคยตำหนินักเตะต่อหน้าสาธารณะ ซึ่งนักเตะทุกคนในทีมทราบดี มีอะไรไม่พอใจจะพูดคุยกันภายในทีมเท่านั้น

--


3. การลงโทษ

หากนักเตะคนไหนไม่ทำตามกฎ จะถูกปรับเงิน เป็นวิธีการควบคุมความประพฤตินักเตะที่มีเงินระดับมหาเศรษฐี และการปรับเงินของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยเปิดเผยให้คนนอกทราบ

--


4. พัฒนานักเตะรุ่นใหม่

เซอร์อเล็กซ์จะพัฒนานักเตะรุ่นใหม่ของสโมสรให้มีคุณภาพ มาตรฐานในระดับเดียวกับที่นักเตะรุ่นก่อน ๆ ทำไว้ ทั้งนี้ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงตลอดไปให้กับสโมสร

การสร้างนักเตะหน้าใหม่ให้มีฝีเท้าดีเยี่ยมจนสามารถลงเล่นเป็นตัวจริงได้ เซอร์อเล็กซ์ถือว่าเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับสโมสรสืบต่อไป

เซอร์อเล็กซ์กล่าวว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของผู้จัดการทีมที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมใหม่ทำก็คือ ซื้อนักเตะที่มีประสบการณ์ ที่เคยเล่นกับทีมที่ตัวเองเคยเป็นผู้จัดการทีมมาก่อนเข้ามาร่วมทีม เพราะต้องการให้ทีมชนะ และตัวเองจะได้คุมทีมต่อ ซึ่งไม่ใช่วิธีการของเขา

--


5. การฝึกซ้อม

สิ่งที่เซอร์อเล็กซ์อบรมสั่งสอนนักเตะทุกคนในทีมคือการขยันซ้อม มีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับการซ้อมนั้นถือเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งเช่นกัน

นักเตะในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องฝึกหนักกว่านักเตะทีมอื่น ๆ หากทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเป็นนักเตะทีมแมนยู เพราะตัวเขาสนใจเฉพาะนักเตะที่ฝึกซ้อมอย่างหนัก ต้องการเก่งจนผู้จัดการทีมต้องเลือกให้ลงเล่น และไม่ต้องการเป็นผู้แพ้เท่านั้น

--


6. การเลิกจ้าง

หากจะเลิกสัญญาจ้างกับนักเตะคนใดก็ตาม เซอร์อเล็กซ์จะเป็นคนบอกด้วยตัวเอง จะไม่ส่ง SMS บอกเลิกแบบผู้จัดการทีมหลายคนที่ทำกันสมัยนี้

เซอร์อเล็กซ์บอกว่า.. สิ่งที่เขาพูดกับนักเตะเวลาบอกเลิกสัญญานั้นจะไม่พูดทำร้ายจิตใจให้นักเตะเสียความมั่นใจ แต่เขาจะบอกว่าที่เลิกจ้างเพราะสไตล์ของผู้เล่นคนนั้นไม่ตรงกับกลยุทธ์ในการสร้างทีม

ประโยคที่เซอร์อเล็กซ์จะกล่าวออกตัวอยู่บ่อยๆ คือ "ผมอาจจะตัดสินใจผิดที่เลิกสัญญาจ้างกับคุณ แต่ผมคิดว่า ณ วันนี้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีม"

ใครที่เป็นแฟนแมนยู และติดตามการทำงานของเซอร์อเล็กซ์มาตลอด อ่านทั้ง 6 ข้อก็จะทราบว่าเซอร์อเล็กซ์ปฏิบัติตามทั้ง 6 ข้อจริง ๆ ด้วย

หัวใจในการบริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้ง 6 ข้อ ผมคิดว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารทุกองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี

::::::::::::::::::

Credit : คอลัมน์ คลุกวงใน โดย พิศณุ นิลกลัด
...................................................................................................................



“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมงบประมาณมีเพื่อนๆ ทางพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยพูดสรุปตรงกันว่า คุณทักษิณกลัวการปฏิรูปของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะจะทำให้แข่งด้วยยากมาก แต่ว่าคนประชาธิปัตย์บางส่วนกลับกลัวการปฏิรูปมากกว่าคุณทักษิณ”
- อลงกรณ์ พลบุตร
5 มิ.ย.56, รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการนำเสนออร่าง “พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรค” ในวง "กาแฟปฏิรูป" กับ บก.ลายจุด
ที่มา : จิบ‘กาแฟปฏิรูป’ แก้วแรกกับ อลงกรณ์ นัดหน้าเล็ง ภูมิธรรม-ธิดาhttp://prachatai.com/journal/2013/06/47095
......................................................................................................................



"สื่บเนื่องจากการที่ครูในจังหวัดบุรีรัมย์ปลูกฝังอคติส่วนตัวให้กับเด็ก
ผมเองนั่งคิดแล้วคิดอีก

ว่าทำไม เค้าไม่ทำแบบนี้? มันจะโคตรเท่ สมเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพ

คิดไม่ถึง หรือว่าอคติบังตา?"

ผู้สันทัดกรณีท่านหนึ่ง
.............................................................................................................................


"ปรีดาแห่งชีวิต"
จากหนังสือ"เท่าดวงอาทิตย์"ของประภาส ชลศรานนท์

ท่านผู้อ่านรุ่นกระทงท่านหนึ่งตั้งคำถามสั้นๆกับผมก่อนที่จะรับหนังสือที่ผมเซ็นให้แล้วกลับไป “สิ่งใดคือปรีดาแห่งชีวิต”

ใครจะไปเชื่อว่าอยู่ๆจะมีคนมาพูดภาษากวีท่ามกลางความแออัดยัดเยียดของผู้คนนับพันในศูนย์ประชุมฯ เขาพูดประโยคนั้นออกมาจริงๆครับ หลังจากอึ้งๆอยู่และยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ ชายหนุ่มผมยาวเจ้าของคำถามก็ก้มหน้ามุดๆเดินเลี่ยงแถวผู้คนออกไป ผมมองตามไปก็เห็นแค่รองเท้าแตะที่เขาสวมอยู่ลากพื้นดังแปะๆ

ผมเองก็เคยตั้งคำถามนี้กับตัวเองบ่อยๆ
และผมก็เชื่อว่าคนหนุ่มคนสาวทุกคนที่ผ่านชีวิตมาสักช่วงหนึ่ง ก็จะต้องมีคำถามที่ถามถึงความปรารถนาของชีวิต หลายคนถึงขั้นเดินทางเสาะหาว่าความปิติจากสิ่งใดในชีวิตเล่าที่จะเติมวิญญาณตัวเองได้เต็มที่สุ

สองพันกว่าปีก่อน ปราชญ์เฒ่าผู้มีชื่อเสียงยืนยาวมาถึงทุกวันนี้ก็ถูกตั้งคำถามจากศิษย์หนุ่ม

“ท่านโสเครติส สิ่งใดคือความต้องการในชีวิตของข้าพเจ้ากันแน่” นักเรียนผู้มาจากตระกูลอันมั่งคั่งถามปราชญ์แห่งกรุงเอเธนส์ “เงินทอง ชื่อเสียง หรือภรรยาผู้เลอโฉม”

และไม่ว่าโสเครติสจะอธิบายว่า แต่ละสิ่งที่พูดมานั้นย่อมมีความหมายต่อชีวิตไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน มันขึ้นอยู่กับห้วงเวลา ศิษย์ผู้สงสัยในชีวิตผู้นั้นก็ยังคงพะเน้าพะนึงโสเครติสเพื่อหาคำตอบให้ได้ดั่งใจตัวเอง
เมื่อทนความรบเร้าไม่ไหว โสเครติสจึงตัดสินใจจูงมือศิษย์หนุ่มไปยังริมแม่น้ำ

“ท่านจะพาข้าฯไปแห่งใด” ศิษย์ถามขึ้นด้วยความสนเท่ห์
“เจ้าอยากรู้มิใช่หรือว่า สิ่งใดคือปิติแห่งชีวิตเจ้า” โสเครติสพูดพลางดึงมือลูกศิษย์ลงไปในแม่น้ำ

“ที่นี่มีคำตอบหรือ” ศิษย์หนุ่มถามเมื่อทั้งคู่เดินลุยน้ำมาจนถึงระดับเอว
ไม่ทันขาดคำ โสเครติสก็ใช้มือทั้งสองข้างผลักลูกศิษย์ขี้สงสัยจมลงไปในน้ำ ผลักไม่ผลักเปล่าหนำซ้ำยังใช้มือกดหัวให้จมน้ำอยู่อย่างนั้น ศิษย์หนุ่มถูกกดน้ำก็พยายามดิ้นทุรนทุราย โสเครติสเห็นลูกศิษย์ดิ้นก็ไม่ยอมปล่อย กลับออกแรงกดมากขึ้น อ่านมาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านคงเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมครับว่าโสเครติสเป็นบ้าไปหรือเปล่า

ครั้นพอคะเนได้ว่าลูกศิษย์ตัวเองเริ่มจะหมดลมหายใจ โสเครติสก็ปล่อยมือ
ทันทีที่ทะลึ่งพรวดขึ้นมาหายใจได้ ศิษย์จึงรีบต่อว่าต่อขานโสเครติสอย่างหนัก “ท่านอาจารย์จะสังหารข้าฯหรืออย่างไร”
“ตอนที่ข้าเอามือกดหัวท่านไว้ ท่านหายใจออกไหม”โสเครติสถามหน้าตาเฉย
ลูกศิษย์รีบตอบ “ท่านวิกลจริตหรือเปล่า ท่านโสเครติส ใครจะไปหายใจออกเล่า”
โสเครติสรุกต่อ “แล้วตอนที่ท่านกำลังจะหมดลม ท่านต้องการสิ่งใดมากที่สุดในชีวิต” คำถามนี้ไม่ว่าใครก็ตอบได้ ว่าแล้วโสเครติสก็ตอบเอง“อากาศใช่ไหม”
“ตอนนี้ท่านได้มันแล้วนี่ ท่านดีใจไหมที่ได้อากาศหายใจ แล้วทีนี้ท่านรู้หรือยังว่า ชีวิตต้องการอะไร”
.......................

ผ่านมาอีกกว่าพันปี

ปราชญ์อีกคนหนึ่งชื่อนัสรูดิน ก็ได้ทำอะไรแปลกๆเพื่อตอบคำถามของผู้ต้องการพบกับความปรีดาแห่งชีวิต

นัสรูดินเป็นปราชญ์ที่บางคนให้คำจำกัดความที่น่างุนงงว่า “คนโง่ที่ฉลาดที่สุด” ด้วยเป็นคนที่มีวิธีคิดวิธีพูดที่ผิดแผกจากผู้คนทั่วไป จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขาเป็นคนชาติใดกันแน่ เพราะชาติต่าง ๆ ก็กล่าวอ้างว่านัสรูดินเป็นคนของชาติตนทั้งฝรั่งเศส กรีก อาหรับ เปอร์เชีย ตุรกี รัสเซีย ฯลฯ
เรื่องเล่าของนัสรูดินมักเป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาปากต่อปาก รวมทั้งเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังเรื่องนี้ด้วย

วันหนึ่งนัสรูดินเดินทางมาพบชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ทางเท้า มือข้างหนึ่งหยิบทรายขึ้นมาโปรยเล่นอย่างไร้จุดหมาย
“เธอเป็นอะไรหรือ”นัสรูดินถาม “ดูเธอหดหู่มาก เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ”
“เปล่าเลย ชีวิตข้าปรกติดี” ชายหนุ่มตอบ “ปรกติดีเกินไปด้วยซ้ำ ข้ามีงานที่ดี มีชีวิตสุขสบายดี แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ” ชายหนุ่มยังคงใช้มือกอบทรายขึ้นมาโปรยเล่น “ข้าเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเพื่อจะค้นหาว่าชีวิตมันต้องมีอะไรมากกว่านี้ที่จะทำให้ข้ารู้สึกปิติ หรือท่านรู้ว่าอะไรคือความยินดีของชีวิต”

นัสรูดินไม่ตอบโต้สิ่งที่ชายหนุ่มคร่ำครวญ เขามองไปที่กระเป๋าสะพายหลังที่ชายหนุ่มถอดวางพิงไว้ข้างตัว แล้วนัสรูดินก็หยิบกระเป๋าของชายหนุ่มขึ้นมาแล้วก็เอามาสะพายไว้ที่หลังตัวเอง

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง นัสรูดินก็ออกวิ่งไปพร้อมกับกระเป๋าที่สะพายอยู่ข้างหลัง
“ท่านจะเอากระเป๋าข้าฯไปไหน” ชายหนุ่มตะโกน
นัสรูดินไม่ฟังยังคงวิ่งต่อไป ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก และทันทีที่พอจะตั้งสติได้เขาก็รีบออกวิ่งตามนัสรูดินไป
“เอากระเป๋าข้าฯคืนมา”ชายหนุ่มวิ่งไปพลางตะโกนไปพลาง

ด้วยความที่เป็นคนรู้จักถนนหนทางแถวนั้นเป็นอย่างดี นัสรูดินจึงวิ่งลดเลี้ยวเข้าซอกเข้าซอยอย่างชำนาญ ส่วนตัวชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายามที่วิ่งให้ทันนัสรูดินให้ได้ แต่ดูเหมือนนัสรูดินจะแกล้ง เพราะทันทีที่ชายหนุ่มทำท่าจะวิ่งทัน นัสรูดินก็จะเร่งฝีเท้าเข้าตรอกหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไรที่นัสรูดินทิ้งห่างชายหนุ่มมากเกินไป นัสรูดินก็จะชลอฝีเท้าลงให้ชายหนุ่มเจ้าของกระเป๋าได้มองเห็นหลังไวๆ

หลังจากวิ่งวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ นัสรูดินก็วิ่งมาถึงจุดเดิมที่ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่

แล้วจู่ๆนัสรูดินก็วางกระเป๋าสะพายหลังของชายหนุ่มลงที่เดิม แล้วก็ไปแอบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ในบริเวณนั้น

เมื่อชายหนุ่มมาถึงและเห็นกระเป๋าตัวเองวางอยู่ สีหน้าของชายหนุ่มแสดงความยินดีอย่างออกนอกหน้าที่ได้พบกระเป๋าของตัวเองที่ดูเหมือนเพิ่งถูกวิ่งราวไปเมื่อกี้ เขาเอากระเป๋าขึ้นสะพายหลังและทำท่าเหมือนจะกระโดดด้วยความปรีด

นัสรูดินซึ่งแอบมองอยู่เห็นดังนั้น ก็ค่อยๆเดินเลี่ยงหลบออกไป

เรื่องเล่าของนัสรูดินก็จบลงเพียงนี้
อ่านจบแล้วทั้งสองเรื่องท่านผู้อ่านคิดว่าปราชญ์ทั้งสองท่านบอกอะไรเรา
.....................................
.............................................................................................................

ผมจะรอดูข้อมูลว่าเป็นอย่างไรกันแน่ครับ
เพราะตอนนี้ก็เห็นแต่พูดกันว่า ขาดทุน 260,000 ล้าน โดยที่ไม่เห็นวิธีคำนวณด้วยว่าตัวเลขนี้มาจากไหน
คราวก่อนก็มีข้อมูลแย้งตัวเลขนี้ที่ผมแชร์มา แต่ผมก็ยังหาข้อมูลที่มาของตัวเลขนี้ไม่เจอครับ - -"
วันศุกร์นี้ รมต ที่เกี่ยวข้องจะให้ข้อมูลและตัวเลขเรื่องการจำนำข่าว เราจะได้รู้ว่าตัวเลขขาดทุน 260,000 ล้านมันโคมลอย ซึ่งผู้บิดเบือนจะได้ลอยคอก็คราวนี้ครับ
...........................................................................................................................

............................................................................................................................



ถ้าไม่ลงมือทำ คุณก็จะไม่มีวันรู้ผลลัพธ์
.......................................................................................................................



"คำคมจากหนุ่มอิสลามท่านหนึ่ง" ผู้สันทัดกรณีท่านหนึ่ง

Ice Nachai เข้าใจ แต่เป็นกันเยอะนะ "-_

...........................................................................................................................

.............................................................................................................................

..............................................................................................................................



"ขณะนี้กองทัพไอโฟนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบซัมซุงให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย"
..........................................................................................................................

75 ปีผ่านไป ทำไมเด็กๆฟินแลนด์ถึงยังต้องนอนในกล่องกระดาษ?

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1370425692&grpid=01&catid&subcatid
...........................................................................................................................



[เรียนเพื่อสอบหรือสอบเพื่อเรียน หรือเรียนเพื่อเรียน]

ในหน้าที่คณบดีที่ธรรมศาสตร์ มีอาจารย์บางท่านปรารภกับผมว่าที่อาจารย์สอนอยู่นั้น ใคร่จะมีการทดสอบเก็บคะแนนไว้บ้างสำหรับนักศึกษาในระหว่างที่สอนอยู่ เอาไปบวกกับคะแนนสอบไล่ปลายภาคการศึกษา ผมก็เรียนถามอาจารย์นั้นว่า เพราะเหตุใด มักจะได้คำตอบว่า ถ้ามีการทดสอบละก็นักศึกษามักจะขมักเขม่น ขยันอ่านตำราและฟังคำบรรยาย ถ้าไม่มีการทดสอบนักศึกษามักจะเนือยๆ ไป อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ถ้าเป็น เช่นนี้จริง ผมก็ปลงสังเวชว่า นี่เขาสอบเพื่อให้เรียน แล้วก็เรียนเพื่อสอบ ไม่ใช่เรียนเพื่อแสวงวิชา

พอปลงสังเวชดังๆ ให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ท่านก็ต้องตอบว่านักเรียนของเราไม่เหมือนนักเรียนที่อื่น ถ้าไม่ทดสอบเก็บคะแนนเอาไปรวมกับการสอบไล่ละก้อนักเรียนเราจะไม่เอาใจใส่ ขาดเรียนบ้าง ไม่เข้าห้องสมุดบ้าง เพราะไปตีกลองกับเดินขบวนเชียร์ ถือเป็นเรื่องสำคัญกว่าการเรียน ดูแต่ที่คณบดีส่งให้นักศึกษาไปฟังคำบรรยายพิเศษซึ่งเชิญศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของโลกมาบรรยายซิ ถ้าไม่เกี่ยวกับการสอบไล่ก็จะไม่ไปฟัง ผมก็ต้องปลงสังเวชว่า อ้อนี่เขาเรียนกันเพื่อสอบ ถ้าไม่สอบก็ไม่เรียน

ป๋วย อึ๊งภากรณ์
(เรียนเพื่อสอบหรือสอบเพื่อเรียน หรือเรียนเพื่อเรียน, ๒๕๑๐)
..................................................................................................................



ด่ากันมาเยอะแล้ว ใช้ระบบ SOCIAL NETWORK มาโพสภาพและข้อความอันเป็นเท็จ แถมถ่ายคลิปมัดตัวเองอีกต่างหาก อย่าคิดว่าใช้ SOCIAL MEDIA เป็นแต่่ฝ่ายเดียว ขอโพสอีกซักภาพในวันนี้ เปรียบเทียบ ภาพถ่ายที่ถ่่ายภาพผู้ประสพอุบัติเหตุและเสียชีวิต ขณะรถกู้ชีพทั้งหลายมาจอด และเข้าไปช่วยเหลือกู้ชีพให้ชายคนนี้ กับ คลิปที่ถ่ายหลังจากที่ไม่ได้ทำการช่วยเหลือใดๆแก่ชายคนนี้อีกต่อไป เนื่องจากได้เสียชีวิตลงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เคลื่อนย้ายรถตู้ที่จอดขวางทางในช่องที่สามอยู่ออก ซึ่งคุณท่านก็ไม่พอใจ แถมด่า ค..ย ให้ยินอย่างชัดเจนอีกต่างหาก ซึ่งได้สั่งการให้รวบรวมข้อมูลไปดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
.....................................................................................................................



เอามาฝาก เพื่อนหน้ากาก +++

ใหญ่ ในกะลา
กล้า ในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
มั่นใจ ในสิ่งที่ผิดๆ
คิด ในเรื่องแคบๆ
ขอเรียนเชิญ อยู่ในกะลาต่อไป

- ใต้กะลามีฟ้ากว้าง
ถ้ามีความสุข ก็อยู่ใต้กะลาต่อไป
แต่อย่าไปกัดใครที่เขาอยู่นอกกะลา
.........................................................................................................................


เปลี่ยนหน้าโปรไฟล์ เป็นหน้ากาก ล้มรัฐบาลไม่ได้หรอก
แต่ถ้าฝ่ายค้านหนักแน่น มั่นคง ขยัน มีข้อมูลจริง ข้อมูลแน่น
มันจะทำให้รัฐบาลเสียความน่าเชื่อถือได้
ไม่ใช่เต้าข่าว สร้างข่าวลือไปวันๆ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว
...........................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น