............................................................................................................
พอดี... ไม่เคร่ง |
พาสเวิร์ดยุคต่อไป!
ที่ผ่านมาบรรดาบริษัทไอทีชั ้นนำของโลก ต่างมุ่งหน้าพัฒนาเทคนิควิธ ีการระบุตัวตนของเจ้าของอุป กรณ์ไอทีกับ ตัวเครื่อง ให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ปลอดภัยเพี ยงพอ และทันยุคทันสมัย
เรื่องดังกล่าว เรารู้จักกันดีกับระบบการใส ่พาสเวิร์ดเพื่อใช้งานสมาร์ ตโฟน ทว่าในอนาคตผู้ใช้อาจเพียงแ ค่นำโทรศัพท์ส่วนตัวมาแตะกั บส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ก็สามารถเข้าใช้งานได้แล้ว
เทคโนโลยีอย่างแรกที่จะกล่า วถึง มีชื่อว่า 'ไบโอแสตมป์' เป็นฝีมือการคิดค้นของนายจอ ห์น โรเจอร์ นักวิทยาศาสตร์ทางด้านวัสดุ ศาสตร์ แห่งบริษัท MC10 ซึ่งประดิษฐ์แผงวงจรไฟฟ้าที ่ยืดหยุ่นได้ สามารถติดกับผิวหนังเหมือนก ับรอยสักชั่วคราวที่เราเอาม าติดตามตัว
ตัวรอยสักจะมีอายุอยู่บนผิว หนังแต่ละครั้งประมาณ 2 สัปดาห์ เท่ากับอายุของผิว เมื่อผิวผลัดเปลี่ยนมันก็จะ ค่อยหมดสภาพไปตามผิวเก่า ก็จะต้องติดอันใหม่
ในช่วงแรกของการพัฒนา 'ไบโอแสตมป์' ตั้งเป้าให้ใช้ในวงการแพทย์ เพื่อตรวจเช็กสุขภาพของคนไข ้ ต่อมาภายหลังจึงมีการเชื่อม โยงไปสู่วงการไอที ด้วยความหวังในการยกระดับสม าร์ตโฟนขึ้นไปอีกขั้น
และที่ออกมาประกาศก่อนเพื่อ นก็คือ โมโตโรล่า ที่ตั้งเป้าจะนำมาใช้กับผลิ ตภัณฑ์ของบริษัทในอนาคตเช่น เดียวกัน
เท่านั้นยังไม่พอนะครับ เพราะโมโตโรล่าระบุด้วยว่า นอกจากความสนใจใน 'ไบโอแสตมป์' แล้ว ทางบริษัทยังสนใจนวัตกรรมจา กวงการแพทย์อีกหนึ่งอย่างที ่ชื่อว่า 'Proteus Digital Health pill' หรือ ยาเม็ดโพรทีอุส ดิจิตอล
มีลักษณะเป็นแคปซูลที่บรรจุ วงจรไฟฟ้าชนิดพิเศษ ซึ่งจะอยู่ในท้องผู้ใช้ราว 1 เดือนก่อนจะโดนย่อย ส่วนแหล่งพลังงานจะอาศัยกรด ในกระเพาะอาหารของผู้ใช้ (แบบเดียวกับกรดในแบตเตอรี่ )
โมโตโรล่าจะดัดแปลงเป็นแคปซ ูลที่จะส่งสัญญาณเฉพาะตัวมา สู่สมาร์ตโฟนได้แบบของใครขอ งมันเลยทีเดียว
ทั้ง 'ไบโอแสตมป์' และ 'ยาเม็ดโพรทีอุส ดิจิตอล' นั้นทำให้เรานึกถึงเรื่องรา วในนิยายวิทยาศาสตร์ ที่ทำท่าว่าจะเป็นจริงในโลก ทุกวันนี้เลยนะครับ
หมุนก่อนโลก/่ข่าวสดออนไลน์
ปอลนาโช่ khaosod.sci@gmail.com
ที่ผ่านมาบรรดาบริษัทไอทีชั
เรื่องดังกล่าว เรารู้จักกันดีกับระบบการใส
เทคโนโลยีอย่างแรกที่จะกล่า
ตัวรอยสักจะมีอายุอยู่บนผิว
ในช่วงแรกของการพัฒนา 'ไบโอแสตมป์' ตั้งเป้าให้ใช้ในวงการแพทย์
และที่ออกมาประกาศก่อนเพื่อ
เท่านั้นยังไม่พอนะครับ เพราะโมโตโรล่าระบุด้วยว่า นอกจากความสนใจใน 'ไบโอแสตมป์' แล้ว ทางบริษัทยังสนใจนวัตกรรมจา
มีลักษณะเป็นแคปซูลที่บรรจุ
โมโตโรล่าจะดัดแปลงเป็นแคปซ
ทั้ง 'ไบโอแสตมป์' และ 'ยาเม็ดโพรทีอุส ดิจิตอล' นั้นทำให้เรานึกถึงเรื่องรา
หมุนก่อนโลก/่ข่าวสดออนไลน์
ปอลนาโช่ khaosod.sci@gmail.com
มันจะเจ๋งเกินไปละ
http://www.facebook.com/photo.php?v=166048893569441......................................................................................................................
.....................................................................................................................
» องศาความคิดดี ๆ :: " ของเป็น vs ของตาย "
ในชีวิตของคนเรา...อะไรสำคั ญกว่ากันระหว่าง “ของตาย” กับ “ของเป็น”
“ของตาย” คือสมาชิกในครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา คนเหล่านี้เป็น “ของตาย” เพราะเราเชื่อว่าเค้าจะไม่ไ ปไหน อยู่กับเรามาชั่วชีวิต และจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่ านาน
ส่วน “ของเป็น” คือ เพื่อนฝูง เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวเล่น และคนที่รู้จักกันในสังคม
เมื่อคนเรามีฐานะที่มั่นคงข ึ้น บางครั้งบางคราเราจะให้เวลา กับ “ของเป็น” จนลืม “ของตาย” เพราะรู้สึกว่า “ของเป็น” มีสีสรรกว่า
ผมมีความเห็นกลับกัน ผมว่า “ของตาย” มีความสำคัญมากกว่า “ของเป็น” และด้วยวิธีคิดแบบนี้จะทำให ้เราจัดสรรเวลาได้อย่างถูกช ่องถูกทาง ทำให้ชีวิตพูดคำว่า “Good morning” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
::::::::::::::::::
ผมไม่ได้บอกว่าเราไม่จำเป็น ต้องใช้เวลากับ “ของเป็น” แต่ผมกำลังบอกว่าเราต้องไม่ ละเลยที่จะให้เวลากับ “ของตาย” คนเหล่านี้อยู่กับเรามาชั่ว ชีวิต อย่าไปคิดว่าคนเหล่านี้เขาไ ม่ไปไหน เลยดูแลพวกเขาแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ และใช้เวลากับพวกเขาแบบว่าถ ้ามีเวลาเหลือจาก “ของเป็น” แล้วค่อยเจียดเวลาให้
ถ้าคิดกันให้ดี เวลาที่ “ของตาย” จะอยู่กับเราไม่ค่อยจะนานมา กนัก โดยเฉพาะคุณพ่อกับคุณแม่ วิธีคิดคือ ต้องใช้เวลาที่มีอยู่กับ “ของตาย” ทำให้พวกเขามีความสุขมากที่ สุด โดยจัดสรรเวลาให้มีความเหมา ะสม
ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คุ ณพ่อเสียมาได้หลายปีแล้ว ตอนรู้ข่าวก็โทรไปแสดงความเ สียใจ
เพื่อนผมบอกว่า ถ้าถามว่าเขาเสียใจหรือเปล่ า แน่นอนเป็นธรรมดาสำหรับคนที ่มีความผูกพันกัน แต่ความรู้สึกที่มันปนอยู่อ ีกส่วนหนึ่งคือเขาดีใจที่ให ้เวลากับพ่อเขาเต็มที่ในช่ว งเวลาที่ท่านยังอยู่
น้องสะใภ้ผมมีข้อคิดที่น่าส นใจว่าซุปหูฉลามที่ทำบุญให้ “คุณพ่อหรือคุณแม่” ตอนไม่อยู่แล้ว มันไม่มีค่าอะไร สู้ข้าวต้มใส่หมูสับที่ท่าน ชอบกินตอนอยู่กับเราไม่ได้แ ม้แต่น้อย
:::::::::::::::::
#ต่อยอดความคิด
หลักการเรื่อง “ของตาย” กับ “ของเป็น” สามารถนำมาใช้ในการทำธุรกิจ ได้อย่างเหลือเชื่อ
“ของตาย” คือพวกลูกค้าเก่า ส่วน “ของเป็น” คือ Potential customer ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้า และต้องออกแรงขับเคลื่อนทาง การตลาดเพื่อชักจูงคนเหล่าน ี้ให้มาซื้อสินค้าหรือใช้บร ิการของเรา
ผมให้ความสำคัญกับพวก “ของตาย”
ใช้เวลาในการบริการและดูแลท ุกข์สุขพวก “ของตาย” มากกว่าที่จะสนใจไปหา “กิ๊กใหม่” แล้วทอดทิ้ง “ของตาย”
เพราะ “ของตาย” เป็นผู้มีพระคุณ
ไม่เคยทอดทิ้ง หรือเดินจากเราไป
พวกเขาเป็นคนที่จ่ายเงินเดื อน ชำระค่าน้ำค่าไฟให้ออฟฟิศเร า
ส่งเสียงเชียร์เราถ้ามีคนถา มถึง
ปลายปีก็แจกผลกำไร ทำให้เรามีโบนัสไว้จับจ่ายใ ช้สอยตอนปีใหม่
แล้วยังมีความผูกพันกันทางใ จ
ถ้าใครเคยฟังเพลง Love the one you’re with ของ Crosby Still Nash & Young ให้ไปอ่านเนื้อเพลงดู
http:// www.metrolyrics.com/ love-the-one-youre-with-lyr ics-crosby-stills-nash.htm l
นี่เป็นหลักการขั้นพื้นฐานท ี่นักการตลาดทุกคนต้องจำไว้ ใช้
::::::::::::::::::
มีคนถามผมว่า...แล้วจะทำอย่ างไรให้ธุรกิจมีการเติบโตโด ยพึ่ง “ของตาย” เพียงอย่างเดียว
ข้อที่หนึ่ง พวก “ของตาย” จะคิดถึงเราก่อนถ้ามีโอกาสใ หม่ทางธุรกิจ และคนเหล่านี้จะพูดเชียร์ให ้ “ของเป็น” มากลายเป็น “ของตาย” โดยเราไม่ต้องออกแรงมาก
ข้อที่สอง ถ้าต้องการได้ “ของเป็น” มาเป็นลูกค้า ต้องไม่ Corruption เวลาหรือทรัพยากรของพวก “ของตาย” มาใช้ในการทำงาน
พูดเป็นภาษาชาวบ้าน การไปจีบ “ของเป็น” ต้องไม่สร้างความเสียหายกับ “ของตาย”
นี่เป็นความสามารถส่วนตัวซึ ่งลอกเลียนแบบกันไม่ได้
ตรรกะทั้งหมดที่ผมเล่ามาสวน ทางกับความจริงของหลักการตล าดที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้ที่ วันวันเอาใจแต่ “ลูกค้าใหม่” สร้างข้อเสนอที่ดีกว่า ทั้งราคาและของแจกของแถม แล้วลืมพวก “ของตาย” ให้ผู้มีพระคุณต้องซื้อของแ พง และไม่ได้กินขนมจีบ ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านี้คือฐานของธุรก ิจเรา
ผมเชื่อว่าการยึด “ของตาย” เป็นหลักชีวิต คือการสร้างความสุขที่ยั่งย ืน และความเติบโตทางธุรกิจที่ม ีความนิรันดร
ลองเอาหลักการนี้ไปใช้ดูนะค รับ
::::::::::::::::::
Credit : ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ | แกะดำทำธุรกิจ
ในชีวิตของคนเรา...อะไรสำคั
“ของตาย” คือสมาชิกในครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา คนเหล่านี้เป็น “ของตาย” เพราะเราเชื่อว่าเค้าจะไม่ไ
ส่วน “ของเป็น” คือ เพื่อนฝูง เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวเล่น และคนที่รู้จักกันในสังคม
เมื่อคนเรามีฐานะที่มั่นคงข
ผมมีความเห็นกลับกัน ผมว่า “ของตาย” มีความสำคัญมากกว่า “ของเป็น” และด้วยวิธีคิดแบบนี้จะทำให
::::::::::::::::::
ผมไม่ได้บอกว่าเราไม่จำเป็น
ถ้าคิดกันให้ดี เวลาที่ “ของตาย” จะอยู่กับเราไม่ค่อยจะนานมา
ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คุ
เพื่อนผมบอกว่า ถ้าถามว่าเขาเสียใจหรือเปล่
น้องสะใภ้ผมมีข้อคิดที่น่าส
:::::::::::::::::
#ต่อยอดความคิด
หลักการเรื่อง “ของตาย” กับ “ของเป็น” สามารถนำมาใช้ในการทำธุรกิจ
“ของตาย” คือพวกลูกค้าเก่า ส่วน “ของเป็น” คือ Potential customer ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้า และต้องออกแรงขับเคลื่อนทาง
ผมให้ความสำคัญกับพวก “ของตาย”
ใช้เวลาในการบริการและดูแลท
เพราะ “ของตาย” เป็นผู้มีพระคุณ
ไม่เคยทอดทิ้ง หรือเดินจากเราไป
พวกเขาเป็นคนที่จ่ายเงินเดื
ส่งเสียงเชียร์เราถ้ามีคนถา
ปลายปีก็แจกผลกำไร ทำให้เรามีโบนัสไว้จับจ่ายใ
แล้วยังมีความผูกพันกันทางใ
ถ้าใครเคยฟังเพลง Love the one you’re with ของ Crosby Still Nash & Young ให้ไปอ่านเนื้อเพลงดู
http://
นี่เป็นหลักการขั้นพื้นฐานท
::::::::::::::::::
มีคนถามผมว่า...แล้วจะทำอย่
ข้อที่หนึ่ง พวก “ของตาย” จะคิดถึงเราก่อนถ้ามีโอกาสใ
ข้อที่สอง ถ้าต้องการได้ “ของเป็น” มาเป็นลูกค้า ต้องไม่ Corruption เวลาหรือทรัพยากรของพวก “ของตาย” มาใช้ในการทำงาน
พูดเป็นภาษาชาวบ้าน การไปจีบ “ของเป็น” ต้องไม่สร้างความเสียหายกับ
นี่เป็นความสามารถส่วนตัวซึ
ตรรกะทั้งหมดที่ผมเล่ามาสวน
ผมเชื่อว่าการยึด “ของตาย” เป็นหลักชีวิต คือการสร้างความสุขที่ยั่งย
ลองเอาหลักการนี้ไปใช้ดูนะค
::::::::::::::::::
Credit : ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ | แกะดำทำธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น