Kung Witoon ดีมีประโยชน์ต่อสังคมแต่ใครจะเป็นคนเก็บไปทิ้งเมื่อถังเต็ม...ไอเดียเก๋
..........................................................................................
...........................................................................................
http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=4869&ap=flase
จังหวะจะเดิน : บทเรียน (24 ก.พ. 2556)
.........................................................................................
.........................................................................................
จ่าพิชิต ขจัดพาลชน
คุณสมบัติของคุณชายนะครับ แหม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใครขออย่าได้เลือกผู้สมัครอิสระ
เพราะจะส่งผลให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างคนที่เคยทำงานกับคนที่ไม่เคยทำงาน
แน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ทำงานมา 4 ปีต้องมีจุดอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธ์
มีจุดแข็งอยู่ 5 ข้อคือ 1 ไม่โกง 2 มีความสุภาพ 3 มีผลงาน 4 เป็นนักต่อสู้ 5 ไม่เล่นการเมือง
1. ไม่โกง
. 2 มีความสุภาพ
. 3 มีผลงาน
.
4 เป็นนักต่อสู้
เคราะห์ดีนะครับ ผมเป็นคนเข้าใจชีวิต มิฉะนั้น ผมขัดคำสั่งครับคราวหน้า ขอให้ประสานงานในเวลาที่มันศิวิไลกว่านี้หน่อยนะครับขออย่างเดียวนะครับ อย่ามีคำสั่งมาตีหนึ่งหรือตีสองของคืนนี้อีก ขอผมนอนบ้างนะครับคุณชายสุขุมพันธุ์กล่าวถึงคำสั่งซ่อมแซมแนวคันกั้นน้ำของ ศปภ
. 5 ไม่เล่นการเมือง
ทั้งหมดที่ว่ามาคือคุณสมบัติของคุณชายนะครับ แหม่
ปล.ภาพประกอบจากเพจวิวาทะนะครัฟ แหม่
Thianchai Puangsomjit · Follow · 35 years old
ขอเพิ่ม สนามหลวงปิดไป 1 ปี ก่อนปิดเสอนโครงการสวยหรู งบ 300 กว่าล้าน พอเปิดออกมา สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีแค่รั่ วรอบสนามหลวง กับการเปลี่ยนบล็อกปุพื้นบา งส่วน แถม ป้ายจอดแท็กซี่ปัญญาอ่อน งบลงไปเท่าไหร่ บอกว่าจะมี GPS แจ้งว่ารถแท็กซี่อยู่ที่ไหน ทุกป้าย ปัจจุบัน มีป้ายไหนมีบ้าง เงียบเป็นเป่าสาก พรรคนี้แม่ม ไม่โกงเลย นิดเดียวไม่โกงนะ.
- YamiHime Sema Marin · Top Commenter
แดง แดง แดง · Asd
เราจะให้ สุขุมพันธู์ ทำลาย กทม ต่อไปเหรอ.
(1)อุโมงค์ยักษ์ ใช้งานไม่ได้ ทำให้ กทม น้ำท่วมหนัก แทนที่จะช่วยแบ่งเบา ในภาวะน้ำท่วม.
(2)กล้องวงจรปิด เจอจับได้ว่าเป็น กล้องดัมมี่ ทำให้คน กทม ไม่ไว้วางใจตัว สุขุมพันธ์ เพราะ ทำให้ชีวิต คน กทม ไม่ปลอดภัย.
(3)สนามซุตซอลโลก ทำเสร็จ แบบ ลวกๆๆ ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย(ใ ห้ขึ้นไปดูข้อ 2 ด้วย) และยังแถไปอีก ว่า ทำเพื่อคน กทม ได้ใช้ แต่คงไม่คิดว่า คน กทม ก็อยากดู ฟุตซอลโลก ที่ สนามแห่งนี่(ตอนนี้ก็ยังไม่ เสร็จ).
(4) สนามกีฬา บางบอน ทำไม่เสร็จ ตามกำหนด แล้วอย่างนี้ ใครจะเชื่อได้ แถม ยังจัดจ้าง ให้ บ.เก็บขยะ มาเป็นคนทำสนาม บริหารงานแบบนี้ คงคิดว่า คน กทม เป็น ขยะ เหรอ.
(1)อุโมงค์ยักษ์ ใช้งานไม่ได้ ทำให้ กทม น้ำท่วมหนัก แทนที่จะช่วยแบ่งเบา ในภาวะน้ำท่วม.
(2)กล้องวงจรปิด เจอจับได้ว่าเป็น กล้องดัมมี่ ทำให้คน กทม ไม่ไว้วางใจตัว สุขุมพันธ์ เพราะ ทำให้ชีวิต คน กทม ไม่ปลอดภัย.
(3)สนามซุตซอลโลก ทำเสร็จ แบบ ลวกๆๆ ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย(ใ
(4) สนามกีฬา บางบอน ทำไม่เสร็จ ตามกำหนด แล้วอย่างนี้ ใครจะเชื่อได้ แถม ยังจัดจ้าง ให้ บ.เก็บขยะ มาเป็นคนทำสนาม บริหารงานแบบนี้ คงคิดว่า คน กทม เป็น ขยะ เหรอ.
..................................................................................................
“ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกปิดก ั้นเสรีภาพ” กับคำถาม ๓๗ ปีก่อนของพี่ขุม
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คำถามชวนคิดของอ.สุธิดาทำให ้ผมนึกถึงคำถามทำนองเดียวกั นที่เคยได้ยินจากพี่ขุม หรือ สุขุม เลาหพูนรังษี นักแต่งบทละครและนักกลอนฝีม ือดีของคณะละครตะวันเพลิง ชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์เมื่อ ๓๗ ปีก่อน
สมัยนั้นเราทำกิจกรรมอยู่ด้ วยกันที่ธรรมศาสตร์ก่อน ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ในค่ำคืนหนึ่งระหว่างนั่ง ๆ นอน ๆ รอออกไปติดโปสเตอร์กลางดึก ผมก็แว่วเสียงสนทนาระหว่างพ ี่ขุมกับเพื่อนนักกิจกรรมอี กสักคนสองคนในทำนองว่า:
"ถ้าเกิดเราไปเจอชาวบ้านชนบ ทที่แห่งหนึ่ง พวกเขาต่างก็มีความสุขกับชี วิตของเขาดี ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกกดขี่ ขูดรีดหรือเอารัดเอาเปรียบท างชนชั้นแต่อย่างใด ควรหรือไม่ที่เราจะเอาความเ ข้าใจของเราเรื่องการกดขี่ข ูดรีดทางโครงสร้างสังคมเศรษ ฐกิจไปบอกอธิบายให้เขาฟัง ในเมื่อพวกเขาก็มีความสุขกั บชีวิตที่เป็นอยู่ดีอยู่แล้ ว?"
ในฐานะที่ขบวนการนักศึกษาสม ัยนั้นสมาทานแนวคิดทฤษฎีสัง คมนิยมแบบมาร์กซิสต์ คำถามของพี่ขุมเล่นเอาพวกเร าอึ้งไปเลยทีเดียว ผมเองก็อึ้งกิมกี่เหมือนกัน และแม้จะไม่ได้ร่วมอยู่ในวง สนทนาโดยตรง แต่ก็เก็บเอาคำถามของพี่ขุม ไปครุ่นคิดอยู่เป็นนานสองนา น.....
ผมคิดว่าในแง่ความหมายนัยที ่เป็นฐานคิดบางอย่าง คำถามของพี่ขุมกับคำถามของอ .สุธิดามีพื้นฐานใกล้เคียงก ัน กล่าวคือ หากการตีความและเข้าใจทางอั ตวิสัยของเจ้าตัว (ชาวบ้านชนบท/ คนเขียนคนอ่าน) เป็นแบบหนึ่ง และต่างจากการตีความและเข้า ใจของคนอื่นที่มองหรือพิจาร ณาเข้าไปจากภายนอกวง เราควรมีท่าทีอย่างไร? เคารพยอมรับการตีความและเข้ าใจของเจ้าตัวโดยดุษณี หรือเข้าไปถกเถียงแลกเปลี่ย นด้วยเพื่อเปลี่ยนการตีความ และเข้าใจของพวกเขา (รวมทั้งอาจส่งผลกระทบด้านก ลับมาเปลี่ยนการตีความและเข ้าใจของตัวเราเอง) เป็นต้น โดยเฉพาะในกรณีที่เจ้าตัวก็ ดูมีความสุข happy go lucky ดี ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกจำกัด กดดันเสรีภาพหรือขูดรีดกดขี ่อันใด ทำไมเราสมควรต้องเอาความทุก ข์ไปประเคนให้พวกเขาด้วยเล่ า?
ส่วนตัวผมได้ตอบตัวเองหลายป ีให้หลังว่า มันไม่มีอะไรเสียหายที่จะเข ้าไปถกเถียงแลกเปลี่ยนด้วยก ับคนเหล่านั้น เพราะหากแม้นเมื่อพวกเขารับ รู้และเข้าใจประเด็นการตีคว ามและมุมมองที่ต่างไปของเรา (ที่เห็นว่าเขาถูกกดขี่ขูดร ีด หรือไม่มีเสรีภาพเต็มที่ ฯลฯ) แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจ ำต้องรับเชื่อตาม เขาอาจปฏิเสธเห็นว่ามันมองผ ิด/ งี่เง่า หรือในทางกลับกันเขาอาจเห็นด้วย และเห็นจริงว่ามันเป็นมุมมอ งการตีความและเข้าใจที่รอบด ้านลึกซึ้งถูกต้องแม่นยำกว่ าความคิดความเข้าใจแต่เดิมข องพวกเขาเองก็เป็นได้ ไม่ว่าในกรณีใด พวกเขาย่อมเป็นผู้เลือกเองว ่าจะมองอย่างไรเชื่ออะไรในร ะหว่างมุมมองการตีความและคว ามเข้าใจที่แตกต่างกันนั้น การเสนอมุมมองที่แตกต่างของ เราต่อพวกเขา เป็นการเปิดโอกาสความเป็นไป ได้ให้พวกเขารับฟัง เลือกมอง เลือกคิดและเลือกเชื่อ แต่การตัดสินใจสุดท้ายว่าจะ เลือกมองเลือกเชื่ออย่างไรเ ป็นสิทธิ์ของพวกเขาเองอยู่ด ี ใช่ว่าเราจะไปกำกับบงการเขา ตามใจชอบได้ ตรงกันข้ามหากเราหุบปากเงีย บ ไม่เสนอมุมมองที่แตกต่างต่อ พวกเขาเลย ก็เหมือนตัดโอกาสที่พวกเขาจ ะได้ลองมองในมุมที่ต่างออกไ ปจากเดิมเสียแต่ต้น
ในทางวิชาการสังคมศาสตร์ ความหมายและความเข้าใจทางอั ตวิสัยของเจ้าตัว (ชาวบ้านชนบท, คนอ่านและคนเขียน) สำคัญ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของความ หมายเท่าที่มีในสังคม เพราะนอกเหนือจาก subjective meanings/ subjectivity หรืออัตวิสัยแล้ว ยังมีเงื่อนปมที่พ้นเกินไปจากอัตวิสัย ของผู้กระทำการ/ ผู้ให้ความหมายที่จะเข้าถึงอ ยู่เสมอ (ไม่มีอัตวิสัยของใครจะคุมส ิ่งเหล่านี้ในสังคมได้หมด) ที่สำคัญคือ unacknowledged motives, unknown conditions, unintended consequences หรือ แรงจูงใจที่เจ้าตัวไม่ยอมตร ะหนักรับ, เงื่อนไขที่เจ้าตัวไม่รู้, และผลลัพธ์ที่เจ้าตัวไม่ได้ เจตนาให้เกิดขึ้น คนเราไม่ใช่พระเจ้าก็เพราะเ ราอยู่ใต้เงื่อนปมสภาวะอันต ัวเราคุมไม่ได้เหล่านี้ และตราบเท่าที่สิ่งเหล่านี้ มีอยู่ดำรงอยู่จริง ก็จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ให้ แก่ความเป็นไปได้ของความหมา ยและความคลี่คลายขยายตัวของ สภาพการณ์ที่อยู่นอกเหนืออั ตวิสัยของเจ้าตัว ไม่จำกัดจำขังตัวเองไว้แต่ใ นความหมายของเจ้าตัว (ชาวบ้านชนบท, คนเขียนและคนอ่าน) เท่านั้น
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คำถามชวนคิดของอ.สุธิดาทำให
สมัยนั้นเราทำกิจกรรมอยู่ด้
"ถ้าเกิดเราไปเจอชาวบ้านชนบ
ในฐานะที่ขบวนการนักศึกษาสม
ผมคิดว่าในแง่ความหมายนัยที
ส่วนตัวผมได้ตอบตัวเองหลายป
ในทางวิชาการสังคมศาสตร์ ความหมายและความเข้าใจทางอั
...............................................................................................
เขาว่า วันมาฆบูชา เหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น 4 อย่าง ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต
ซึ่งพอลองพิจารณาก็ไม่เห็นว ่า มันอัศจรรย์อย่างไร
1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
>> ก็คือวันพระจันทร์เต็มดวงธร รมดา คนสมัยก่อนดูดาวเป็น มีปฏิทินใช้
2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นั ดหมาย
>> ในจำนวนนี้เป็นคณะของชฎิลสา มพี่น้อง 1,000 รูป ซึ่งก่อนหน้านี้นับถือลัทธิ บูชาไฟ พำนักอยู่ที่อุทยานเวฬุวัน ที่พระเจ้าพิมพิสารมอบให้เป ็นสังฆารามอยู่แล้ว จนกระทั่งพระพุทธเจ้ามาโปรด ทำให้ชฎิลสามพี่น้องเลื่อมใ ส สาวกทั้งหมดจึงบวชตาม และก็ไม่ได้ไปไหน
ส่วนอีก 250 รูป เป็นคณะของพระสารีบุตร ซึ่งก็เดินทางติดตามพระพุทธ เจ้าอยู่แล้ว
พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นั ดหมาย แต่
พระพุทธเจ้าอยู่เวฬุวัน ชฎิลสามพี่น้องอยู่เวฬุวัน พระสารีบุตรเวฬุวัน สาวก 1,250 รูป อยู่เวฬุวัน
มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมา ยอย่าง "มหัศจรรย์มาก" เลยครับ แหม่
3. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุป สมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
>> สมัยพุทธกาลนี่ส่วนใหญ่บวชด ้วย วิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ส่วนวิธี ติสรณคมนูปสัมปทา ที่ภิกษุอื่นบวชใช้เฉพาะเมื ่อผู้ต้องการบวชเดินทางมาไม ่สะดวก หรืออยู่ไกลจากพระพุทธเจ้าม ากๆ เท่านั้น
ซึ่งถ้าคนที่แม้แต่มาบวชยัง เดินทางมาไม่ได้ ย่อมเดินทางมาชุมนุมฟังโอวา ทไม่ได้
การที่มีเฉพาะภิกษุที่บวชด้ วยวิธี "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" มา ก็ถูกแล้ว
4. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล ้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
>> คือในสมัยพุทธกาลนี่คนอัจฉร ิยะมากครับ ฟังคำพูด 2-3 ประโยค บรรลุอรหันต์กันหมด พระพุทธเจ้าคงสอนดีมาก คนที่ฟังพระพุทธเจ้าเทศแล้ว ไม่บรรลุมีน้อยกว่าอีก
ตั้งแต่ตรัสรู้จนถึงวันมาฆบ ูชา เป็นเวลา 9 เดือน มีพระอรหันต์ทั้งหมด 1,340 รูป ประมาณ 90 รูป เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาที่อื ่น ที่เหลือคือ 1,250 ที่มาชุมนุมนี่แหละ (ไม่รวมชฎิลและพระสารีบุตร)
และถ้า ภิกษุที่มามีอภิญา 6 จริง มีตา ทิพย์หูทิพย์ รู้ใจผู้อื่นได้ เหาะได้ ดำดินได้ ความมหัศจรรย์เรื่องมาชุมนุ มโดย "มิได้นัดหมาย" นี่แม่งไร้สาระไปเลย เพราะทุกคนรู้ทุกอย่างอยู่แ ล้วนิ
-----------
สาธุชนผู้เลื่อมใส อาจจะบอกว่า แก่นแท้จริงๆ อยู่ที่ "โอวาทปาติโมกข์"
แต่เวลาโฆษณาเชิญชวนก็เห็นช ู "ความมหัศจรรย์" ของจาตุรงคสันนิบาตนำทุกทีเ ลยนะ
ถ้าไม่มหัศจรรย์จะไม่เลื่อม ใสเหรอครับ? ไหนบอกนับถือคำสอนไง?
//Virus
ซึ่งพอลองพิจารณาก็ไม่เห็นว
1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
>> ก็คือวันพระจันทร์เต็มดวงธร
2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นั
>> ในจำนวนนี้เป็นคณะของชฎิลสา
ส่วนอีก 250 รูป เป็นคณะของพระสารีบุตร ซึ่งก็เดินทางติดตามพระพุทธ
พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นั
พระพุทธเจ้าอยู่เวฬุวัน ชฎิลสามพี่น้องอยู่เวฬุวัน พระสารีบุตรเวฬุวัน สาวก 1,250 รูป อยู่เวฬุวัน
มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมา
3. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุป
>> สมัยพุทธกาลนี่ส่วนใหญ่บวชด
ซึ่งถ้าคนที่แม้แต่มาบวชยัง
การที่มีเฉพาะภิกษุที่บวชด้
4. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล
>> คือในสมัยพุทธกาลนี่คนอัจฉร
ตั้งแต่ตรัสรู้จนถึงวันมาฆบ
และถ้า ภิกษุที่มามีอภิญา 6 จริง มีตา ทิพย์หูทิพย์ รู้ใจผู้อื่นได้ เหาะได้ ดำดินได้ ความมหัศจรรย์เรื่องมาชุมนุ
-----------
สาธุชนผู้เลื่อมใส อาจจะบอกว่า แก่นแท้จริงๆ อยู่ที่ "โอวาทปาติโมกข์"
แต่เวลาโฆษณาเชิญชวนก็เห็นช
ถ้าไม่มหัศจรรย์จะไม่เลื่อม
//Virus
.....................................................................................................
http://www.youtube.com/watch?v=aAIZGfN59Fs
..................................................................................................
..............................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น