..................................................................................................................
เขื่อนห้วยโสมง หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ที่จริงแล้วเขื่อนนี้มีข นาดความจุน้ำมากกว่าเขื่อนแ ม่วงก์เสียอีก แต่เพราะเป็นเขื่อนในโครงกา รพระราชดำริ จึงทำให้ไม่ค่อยมีการคัดค้า น
เขื่อนห้วยโสมง จะก่อให้เกิดน้ำท่วมป่าในเข ตป่าอุทยานฯทับลาน และปางสีดา ซึ่งต่อมาได้รับการประกาศเป ็นมรดกโลก และเป็นที่อยู่อาศัย หากินของสัตว์ป่าหลายชนิด ทั้งเสือ ช้าง กระทิง และอาจมีจระเข้น้ำจืด ฯลฯ
เขื่อนห้วยโสมง ได้รับการอนุมัติ EIA และโครงการ เมื่อปี 2552 และเริ่มลงมือก่อสร้างไปแล้ วบางส่วน (แต่ป่ายังไม่ถูกน้ำท่วม) ท่ามกลางความกังวลของคกก.มร ดกโลกต่อผลกระทบด้านสิ่งแวด ล้อม สัตว์ป่า
ยังไม่สายที่จะทบทวน ชะลอ และกลับมาทบทวนผลดี ผลเสียกันอีกครั้ง และหาทางเลือกอื่นในการพัฒน า - คนอนุรักษ์
ภาพโดย http://www.siamensis.org/ webboard/topic/4531
ข้อความบนภาพโดย U no need a dam
เขื่อนห้วยโสมง จะก่อให้เกิดน้ำท่วมป่าในเข
เขื่อนห้วยโสมง ได้รับการอนุมัติ EIA และโครงการ เมื่อปี 2552 และเริ่มลงมือก่อสร้างไปแล้
ยังไม่สายที่จะทบทวน ชะลอ และกลับมาทบทวนผลดี ผลเสียกันอีกครั้ง และหาทางเลือกอื่นในการพัฒน
ภาพโดย http://www.siamensis.org/
ข้อความบนภาพโดย U no need a dam
...................................................................................................................................
» Q&A กับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ...เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒน า
Q : แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพร ะบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทร งเริ่มมาจากอะไร ?
A : เริ่มมาจากปัญหาที่เราไปเจอ นั่นแหละ โลกเวลานี้ก็บริโภคเสียจนกร ะทั่งเกินเหตุ แล้วก็เกิดวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเ ล่า ถ้าพูดไปแล้วมีตัวเลขน่ากลั วมาก คือว่า...ชาวโลกบริโภคทรัพย ากรธรรมชาติไปในอัตรา ๓ ต่อ ๑ คือบริโภคไป ๓ ส่วน แต่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติชด เชยกลับมาได้เพียง ๑ ส่วน
ถ้าเราบริโภคในอัตราความเร็ วอย่างนี้ก็หมด น้ำมันก็เริ่มมีสงครามแย่งน ้ำมันกันแล้วใช่ไหม อีกหน่อยก็มีสงครามแย่งน้ำ สงครามแย่งทรัพยากรกัน แล้วก็มันไม่เพียงพอกับประช ากรที่เพิ่มขึ้น ๆ ในขณะนี้ ก็คูณไปสิ มากขึ้น ๆ
เพราะฉะนั้นพอมันเป็นอย่างน ี้ หันมาดูประเทศไทยมันก็แบบเด ียวกันอีก โลกาภิวัตน์...เราก็ตามโลก มุ่งหาความร่ำรวย มุ่งหาความเจริญเติบโต
แล้วถ้าตัวเองไม่สร้างฐานรา กทางเศรษฐกิจและสังคมเอาไว้ อย่างมั่นคง พอเศรษฐกิจโตแล้วมันก็แตกเป ็นฟองสบู่แบบที่เห็นกันมาหล ายครั้งแล้ว โตแล้วก็แตก คือไม่ได้สร้างฐานราก
ก็เลยพระราชทานแนวหลักมาว่า ให้ใช้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพี ยง ชีวิตหลักเช่นทางสายกลาง โดยพระราชทานหลัก ๓ ประการมาให้
◌◌◌◌◌◌◌◌
หลัก ๓ ประการนั่นก็คือว่า...
● ประการที่ ๑ : ทำอะไรต่าง ๆ นั้นใช้เหตุใช้ผลเป็นเครื่อ งนำทางได้ไหม ?...อย่าเปลี่ยนตามกระแส
คือตามกระแสโลกเราก็รู้อยู่ แล้ว โลกทุกวันนี้มันนำไปสู่ความ หายนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราก็ไม่ควรจะตาม เราควรจะมีแนวทางของเรา
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมีเหตุมีผล อย่าไปตามกระแส อย่าไปทำอะไรให้มันล้นไปจนก ระทั่งเกิดทุกข์ เพราะคำว่าแตกเนี่ย เศรษฐกิจแตกเพราะเราเป่าให้ มันแตก มันต้องโตเสียก่อนแล้วมันถึ งจะแตก ลูกโป่งมันต้องเป่าก่อนแล้ว มันถึงจะแตก
ฉันใดฉันนั้น ถ้าคิดมันก็เป็นสติเตือนใจ แต่เราไม่ชินกับการทำอะไรด้ วยเหตุด้วยผล
◌◌◌◌◌◌◌◌
● ประการที่ ๒ : ทำอะไรพอประมาณได้ไหม ?
คือต้องตรวจดูสภาพก่อนว่าสภ าพตัวเราแข็งแรงแค่ไหนอย่าง ไร ศักยภาพของเราอยู่ตรงไหน เราแข็งจุดไหนบ้าง เราอ่อนจุดไหนบ้าง ตรวจสอบศักยภาพของเราเสียก่ อน แล้วทำตามพอประมาณของเราในข ณะนั้น ในระดับใดระดับหนึ่งที่มันเ หมาะสมกับขนาดของเรา
ผมมักจะชอบเปรียบเทียบกับมว ย เราจะไปถึงแชมป์โลกได้ต้องบ อกว่ารุ่นไหน ถ้ารุ่นเล็กนี่มาเลย อันนั้นคือความพอประมาณ ศักยภาพเต็มประมาณของเราอยู ่ตรงนี้เราสู้ได้ แต่ถ้าชกรุ่นใหญ่ขึ้นไป เราไปไม่ไหว มันเกินจากเราแล้ว
อันนี้คือความพอประมาณ ต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเ รา มันควรจะเอาเรื่องอะไรมาเป็ นที่ตั้งหรือเป็นฐาน
◌◌◌◌◌◌◌◌
● ประการที่ ๓ : จะทำอะไรก็ตามนั้นต้องมี... ภูมิคุ้มกัน !!
คือทำอย่างไรให้นึกถึงวันพร ุ่งนี้ว่าพรุ่งนี้มันไม่แน่ ต้องมีหลักประกันอยู่ตลอดเว ลา ต้องมีเงินออมไว้หน่อยได้ไห ม
สำหรับระดับบุคคลเนี่ยพรุ่ง นี้อาจจะไม่สบายก็ได้ เพราะฉะนั้นมีเท่าไหร่ใช้หม ด เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยจะทำอย่า งไร
อย่างเรื่องพลังงาน ดีเซลมันแพงขึ้น ๆ เราจะแสวงหาน้ำมันดีเซลจากพ ืชหรืออะไรต่ออะไรมาเป็นหลั กประกันเรา เราจะได้ไม่ต้องพึ่งภายนอก
ชีวิตเราไม่ต้องขึ้นอยู่กับ คนอื่นเขามากเกินไปจนกระทั่ งมันขาดอิสรภาพไป อันนี้คือภูมิคุ้มกันที่เรา ต้องมีตลอดเวลา เพราะว่าอะไรกระทบมาเราจะได ้ไม่เดือดร้อน อย่างน้อยเรามีเกราะกำบังขอ งเราไว้
◌◌◌◌◌◌◌◌
อันนั้นคือคำหลัก ๓ ประการ มีเหตุมีผล ต้องยึดความพอประมาณ รู้ศักยภาพของเรา และก็มีภูมิคุ้มกัน
แต่ทรงเน้นว่า...ทั้งหลายทั ้งปวงนี้ต้องตั้งอยู่บนฐานจ ริยธรรมคุณธรรม
คือคนเราต้องมีคุณธรรมต้องม ีจริยธรรม ถ้าปราศจากข้อนี้แล้วไม่มีป ระโยชน์ ร่ำรวยไปถ้าสังคมมันเต็มไปด ้วยความทุจริต หรือไม่ซื่อตรง หรือคดโกงกัน หรือเอาเปรียบกัน เบียดเบียนกัน มันก็ไม่มีประโยชน์
เพราะฉะนั้นสังคมทั้งสังคมจ ะต้องมีจริยธรรมคุณธรรม คือคนต้องดี แล้วเศรษฐกิจพอเพียงที่พระอ งค์ทรงวางไว้จะได้นำเราไปสู ่ "ความร่ำรวยที่ยั่งยืน" ...ไม่ใช่จนลงหรือให้รัดเข็ มขัด
ตรงกันข้าม ให้ร่ำรวยแล้วยั่งยืน !!
พระองค์ท่านตรัสว่า เราต้องสร้างรากหรือลงเสาเข ็มให้แข็งแรงเสียก่อน แล้วค่อยสร้างบ้าน เพราะฉะนั้นพอบ้านเสร็จแล้ว ก็จะแข็งแรง
ฉันใดฉันนั้น นี่คือเศรษฐกิจง่าย ๆ เศรษฐกิจพอเพียง แล้วบางคนบอกจะทำเมื่อไหร่ ทำวันนี้พรุ่งนี้ได้เลย ตัวเราเองมีงบเท่านี้ รายได้เท่านี้ ก็อยู่แค่นี้
ไม่ใช่รายได้เท่านี้แต่ไปซื ้ออะไรที่มันแพงมาประดับบาร มีตามกระแสสังคม ไม่ใช้เหตุใช้ผล มีเงินแค่ซื้อรถคันเล็ก ๆ แต่กลับไปผ่อนรถคันโต ก็แบกไม่ไหว
อาหารการกินก็กินให้มันพอดี กินแพงเกินไป กินมากเกินไปมันก็จุก ไขมันก็เพิ่ม อยู่อย่างเรียบง่ายอยู่อย่า งธรรมดาอยู่กับสติอย่างถาวร
◌◌◌◌◌◌◌◌
» บทเสริมท้ายเรื่อง :
ตลอดเวลากว่า ๓๐ ปีที่ ดร. สุเมธได้ถวายงานรับใช้ใกล้ช ิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสม เด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ท่านได้รับข้อคิดและบท เรียนอันมีค่ามากมายไม่ว่าใ นแง่การงานหรือการใช้ชีวิต
ทั้งจากพระบรมราโชวาทในวาระ ต่าง ๆ และจากการที่ได้ทรงกระทำพระ องค์เป็นเยี่ยงอย่าง อาทิ
● การทำงานทั้งหลายต้องทำด้วย ใจ ทำด้วยความสนุก
● ทำงานด้วยความรู้ ความรู้จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องขวนขวายเก็บบันทึกไว้ ความรู้จะต้องพัฒนาอยู่เรื่ อย ๆ
● ให้สนุกกับการแก้ปัญหา เห็นปัญหากระโดดเข้าใส่
● ตั้งตนอยู่บนพื้นฐานของความ เมตตาและสร้างความสุขให้ผู้ อื่น
● หัวสมองต้องทำงานอยู่ตลอด ต้องช่างสังเกต ดูสถานการณ์รอบข้าง อย่าปล่อยให้จิตใจเลื่อนลอย ต้องมี-สติติดตัวตลอด เมื่อมีสติก็มีปัญญา ปัญญาทำให้หูตาสว่าง ไม่หลง
● อย่าฉวยโอกาส ต้องซื่อสัตย์สุจริตระหว่าง ปฏิบัติงานเป็นที่ตั้ง ฯลฯ
หากเหนืออื่นใด การถวายงานรับใช้ใกล้ชิด ยังทำให้ท่านได้เห็นอย่างชั ดเจนถึงพระวิริยะอุตสาหะของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความสุข” ในการ “ทรงงาน” เพื่อพสกนิกรของพระองค์
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 256
Q : แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพร
A : เริ่มมาจากปัญหาที่เราไปเจอ
ถ้าเราบริโภคในอัตราความเร็
เพราะฉะนั้นพอมันเป็นอย่างน
แล้วถ้าตัวเองไม่สร้างฐานรา
ก็เลยพระราชทานแนวหลักมาว่า
◌◌◌◌◌◌◌◌
หลัก ๓ ประการนั่นก็คือว่า...
● ประการที่ ๑ : ทำอะไรต่าง ๆ นั้นใช้เหตุใช้ผลเป็นเครื่อ
คือตามกระแสโลกเราก็รู้อยู่
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง
ฉันใดฉันนั้น ถ้าคิดมันก็เป็นสติเตือนใจ แต่เราไม่ชินกับการทำอะไรด้
◌◌◌◌◌◌◌◌
● ประการที่ ๒ : ทำอะไรพอประมาณได้ไหม ?
คือต้องตรวจดูสภาพก่อนว่าสภ
ผมมักจะชอบเปรียบเทียบกับมว
อันนี้คือความพอประมาณ ต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเ
◌◌◌◌◌◌◌◌
● ประการที่ ๓ : จะทำอะไรก็ตามนั้นต้องมี...
คือทำอย่างไรให้นึกถึงวันพร
สำหรับระดับบุคคลเนี่ยพรุ่ง
อย่างเรื่องพลังงาน ดีเซลมันแพงขึ้น ๆ เราจะแสวงหาน้ำมันดีเซลจากพ
ชีวิตเราไม่ต้องขึ้นอยู่กับ
◌◌◌◌◌◌◌◌
อันนั้นคือคำหลัก ๓ ประการ มีเหตุมีผล ต้องยึดความพอประมาณ รู้ศักยภาพของเรา และก็มีภูมิคุ้มกัน
แต่ทรงเน้นว่า...ทั้งหลายทั
คือคนเราต้องมีคุณธรรมต้องม
เพราะฉะนั้นสังคมทั้งสังคมจ
ตรงกันข้าม ให้ร่ำรวยแล้วยั่งยืน !!
พระองค์ท่านตรัสว่า เราต้องสร้างรากหรือลงเสาเข
ฉันใดฉันนั้น นี่คือเศรษฐกิจง่าย ๆ เศรษฐกิจพอเพียง แล้วบางคนบอกจะทำเมื่อไหร่ ทำวันนี้พรุ่งนี้ได้เลย ตัวเราเองมีงบเท่านี้ รายได้เท่านี้ ก็อยู่แค่นี้
ไม่ใช่รายได้เท่านี้แต่ไปซื
อาหารการกินก็กินให้มันพอดี
◌◌◌◌◌◌◌◌
» บทเสริมท้ายเรื่อง :
ตลอดเวลากว่า ๓๐ ปีที่ ดร. สุเมธได้ถวายงานรับใช้ใกล้ช
ทั้งจากพระบรมราโชวาทในวาระ
● การทำงานทั้งหลายต้องทำด้วย
● ทำงานด้วยความรู้ ความรู้จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องขวนขวายเก็บบันทึกไว้ ความรู้จะต้องพัฒนาอยู่เรื่
● ให้สนุกกับการแก้ปัญหา เห็นปัญหากระโดดเข้าใส่
● ตั้งตนอยู่บนพื้นฐานของความ
● หัวสมองต้องทำงานอยู่ตลอด ต้องช่างสังเกต ดูสถานการณ์รอบข้าง อย่าปล่อยให้จิตใจเลื่อนลอย
● อย่าฉวยโอกาส ต้องซื่อสัตย์สุจริตระหว่าง
หากเหนืออื่นใด การถวายงานรับใช้ใกล้ชิด ยังทำให้ท่านได้เห็นอย่างชั
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความสุข” ในการ “ทรงงาน” เพื่อพสกนิกรของพระองค์
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 256
.....................................................................................................................
...........................................................................................................................
Ahiru Ped 555555555555555
..............................................................................................................................
‘เหลิม’ยันหลักฐานชัดรวมสัญ ญาสร้าง 396 โรงพัก ขัดมติครม. ลั่นติดปีกก็หนีไม่รอด
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ดีเอสไอตรวจสอบพบการก่อสร้า งโรงพักทดแทน 396 แห่ง ซึ่งความเห็นของสำนักงบประม าณที่ระบุมีการรวมสัญญาการก ่อสร้างไว้ที่บริษัทเดียวจน ทำให้เกิดปัญหาทิ้งงาน เป็นการขัดมติครม. ว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจน และที่ตนไม่ต้องการพูดตั้งแ ต่แรกเนื่องจากไม่อยากซ้ำเต ิม ทั้งที่ตามข้อกฎหมายและข้อเ ท็จจริงนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได ้ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาต ิในสมัยนั้นบอกว่ารวมได้ แต่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังระบุว่าทำไม่ ได้ และเมื่อเป็นมติครม.แล้วหาก จะกระทำตามมติครม.นั้นก็ต้อ งทำการยกเลิกมติครม.เดิมก่อ น อย่างไรก็ตาม ฉากต่อไปที่ประชาชนต้องการเ ห็นคือใครสั่งฆ่าประชาชนผู้ บริสุทธิ์ และจากนั้นฉากต่อไปคือประชา ชนต้องการเห็นคนติดคุกเรื่อ งโรงพัก 396 แห่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดังนั้นจึงต้องทำเรื่องเข้า ครม.เพื่อขอยกเลิกมติครม.เด ิมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ในเมื่อความผิดเกิดแล ้ว เพราะถ้าจะทำต้องทำก่อนที่จ ะอนุมัติ แต่ถึงวันนี้ข้อมูลชัดเจนตา มที่น.ส.พ.ข่าวสดได้ลงไปนั้ นถูกต้องแล้ว ชัดเจน ติดปีกก็บินหนีไม่ได้ และกรณีที่มีนายตำรวจคนหนึ่ งออกมาพูดให้เกิดความสับสนน ั้นตนก็รู้ที่มาที่ไปดี
เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห ่งชาติจะดำเนินการชดเชยให้ป ระชาชนอย่างไรเพราะล้วนแต่เ ป็นภาษีประชาชน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ จะชดเชยอย่างไรเพราะเหตุการ ณ์ผ่านไปแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ดีเอสไอตรวจสอบพบการก่อสร้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดังนั้นจึงต้องทำเรื่องเข้า
เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห
..........................................................................................................................
.........................................................................................................................
การบ้าน เริ่มมีในการศึกษาไทยมานานแ ค่ไหน? ไม่รู้
แต่คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ในโรงเรียนบ้านนอกขอกตื้อ สะดือจุ่น ไม่คุ้นการบ้าน บางคนอาจไม่เคยรู้จักด้วยซ้ ำ
ทำให้สงสัยว่าการบ้านจะเป็น กิจกรรมของโรงเรียนในเมือง และในครอบครัวของสังคมเมือง เท่านั้น
ซึ่งไม่ใช่สิ่งจำเป็นของการ ศึกษามวลชน แต่มวลชนถูกทำให้เคยชิน เมื่อจะลดการบ้านลงจึงมีเสี ยงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่สบ ายใจและไม่พอใจ
แต่ประเทศต่างๆในโลกเริ่มต่ อต้านการบ้านของลูกหลานที่ครูให้ ดังมีรายงานข่าว (คม ชัด ลึก ฉบับวันพุธ 20 กุมภาพันธ์ 2556 หน้า 11) ดังนี้
น.ส. จุฬาภรณ์ มาเสถียรวงศ์ หัวหน้าสถาบันรามจิตติ เปิดเผยผลการวิจัย “ปรับการเรียน เปลี่ยนการบ้าน ประสบการณ์และแนวโน้มจากนาน าประเทศ” โดยสรุปว่า
ผลการวิจัยในต่างประเทศหลาย ชิ้น ชี้ว่าปริมาณหรือเวลาที่เด็ กใช้ทำการบ้านไม่มีผลต่อผลส ัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กอ ย่างที่เคยเชื่อกันมา แต่ขึ้นอยู่กับตัวแปรอื่นๆ มากมาย ทั้งลักษณะการสอน, การบ้าน, เด็ก, แม้แต่สภาพครอบครัวของเด็ก
การบ้านต้องมีคุณภาพไม่ใช่ด ูแต่ปริมาณ การบ้านมากเกินไปไม่ช่วยให้ นักเรียนมีคะแนนสอบดีขึ้น แต่ทำให้เด็กทุกข์ เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จะส่งผลร้ายต่อการเรียนรู้ม ากกว่าผลดี
กระแสต่อต้านการบ้านทั่วโลก
ที่ฝรั่งเศสเกิดธุรกิจรับจ้ างทำการบ้าน คิดราคา 1 เหรียญ สำหรับการบ้าน 1 ชิ้นของชั้นประถม นักเรียนผู้ปกครองจึงออกมาเ คลื่อนไหวนำไปสู่การประกาศน โยบายยกเลิกการบ้านเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว พร้อมจัดระบบช่วยเด็กทำการบ ้าน
สิงคโปร์ก็ประกาศไม่เอาการบ ้านเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2555 แต่ทำกิจกรรมการเรียนเพื่อพ ัฒนาทักษะชีวิตและบุคลิกภาพ เด็ก
ประเทศจีนพบนักเรียนเครียดท ำร้ายตัวเอง เพราะการบ้านเยอะ กระแสสังคมจีนหนุนให้ลดการบ ้าน
ขณะที่อเมริกาเพิ่มการบ้านแ บบก้าวกระโดดในช่วง 2 ทศวรรษ ผลการเรียนกลับต่ำกว่าประเท ศที่ให้การบ้านน้อย เช่น ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ หรือเดนมาร์ก
น.ส. จุฬาภรณ์กล่าวต่อไปอีกว่า หลายประเทศกระแสสังคมรวมถึง ผู้ปกครองยังคงเห็นว่าการบ้ านมีความจำเป็น เพราะช่วยปลูกฝัง ฝึกวินัย และฝึกการคิดวิเคราะห์ได้ถ้ าออกแบบการบ้านให้ดีพอ แต่ต้องไม่ให้เด็กทำการบ้าน มากเกินไป
ดร. อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ กล่าวว่านโยบายลดการบ้านที่ สพฐ. ประกาศนั้น ทุกคนเห็นด้วย แต่อยากเห็นความชัดเจน และน่าจะต้องมีการปรับทั้งก ระบวนการ โดยเฉพาะการพัฒนาครูให้เข้า ใจการให้การบ้านที่เหมาะสม มีระบบให้ครูทำงานร่วมกันมา กขึ้น รวมถึงปรับระบบวัดผลด้วย
รายงานข่าวทั้งหมดที่สรุปเอ าเนื้อๆมาบอกต่อนี้ ผมเห็นเป็นเรื่องสำคัญต่อกา รศึกษาไทยที่เน้นท่องจำตามๆ กันมา โดยเอาวิชาในหนังสือเป็นตัว ตั้ง (จึงเรียก“เรียนหนังสือ”) เลยให้ความสำคัญต่อการบ้านแ ละการท่องจำ
เมื่อให้ลดการบ้าน เลยพากันไม่พอใจ ทั้งๆที่แท้จริงแล้วกิจกรรม การเรียนด้วยประสบการณ์ตรง ล้วนสำคัญกว่าการบ้าน
ดูหนัง ฟังเพลง และไปเที่ยวแบ่งปันแลกเปลี่ ยนเรียนรู้ท้องถิ่นต่างๆอย่ างรื่นรมย์ บางทีดีกว่าการบ้านที่ไม่เข ้าท่า
แต่คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ในโรงเรียนบ้านนอกขอกตื้อ สะดือจุ่น ไม่คุ้นการบ้าน บางคนอาจไม่เคยรู้จักด้วยซ้
ทำให้สงสัยว่าการบ้านจะเป็น
ซึ่งไม่ใช่สิ่งจำเป็นของการ
แต่ประเทศต่างๆในโลกเริ่มต่
น.ส. จุฬาภรณ์ มาเสถียรวงศ์ หัวหน้าสถาบันรามจิตติ เปิดเผยผลการวิจัย “ปรับการเรียน เปลี่ยนการบ้าน ประสบการณ์และแนวโน้มจากนาน
ผลการวิจัยในต่างประเทศหลาย
การบ้านต้องมีคุณภาพไม่ใช่ด
กระแสต่อต้านการบ้านทั่วโลก
ที่ฝรั่งเศสเกิดธุรกิจรับจ้
สิงคโปร์ก็ประกาศไม่เอาการบ
ประเทศจีนพบนักเรียนเครียดท
ขณะที่อเมริกาเพิ่มการบ้านแ
น.ส. จุฬาภรณ์กล่าวต่อไปอีกว่า หลายประเทศกระแสสังคมรวมถึง
ดร. อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ กล่าวว่านโยบายลดการบ้านที่
รายงานข่าวทั้งหมดที่สรุปเอ
เมื่อให้ลดการบ้าน เลยพากันไม่พอใจ ทั้งๆที่แท้จริงแล้วกิจกรรม
ดูหนัง ฟังเพลง และไปเที่ยวแบ่งปันแลกเปลี่
.....................................................................................................................................
"ค่าเอฟที" ภาระที่ชาวบ้านไม่ได้ก่อ
ประเด็นหนึ่งที่ยังไม่มีใคร ตั้งคำถาม ทั้งที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ของประชาชนโดยตรงนั่นคือ ใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบค่ าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ "ค่าเอฟที" ที่เพิ่มขึ้นจากกรณีที่มีกา รหยุดจ่ายก๊าซจากแหล่งก๊าซธ รรมชาติยานาดา และเยตากุนจากพม่า
การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเที ่ยวนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) จะต้องหาเชื้อเพลิงชนิดอื่น มาทดแทน เพื่อไม่ให้มีปัญหาไฟฟ้าตกหรือดับ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภ าคใต้
อาทิ น้ำมันเตาที่ใช้ได้ในโรงไฟฟ ้าพลังความร้อน สำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ร่วม จะต้องใช้น้ำมันดีเซลซึ่งแพ งมาก ตกหน่วยละ 8-9 บาท จึงคงไม่นำมาใช้เพราะค่าใช้ จ่ายสูงเกินไป
ประเด็นมีอยู่ว่าแล้วค่าใช้ จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ ใครควรต้องรับผิดชอบ ปตท.ในฐานะผู้จำหน่ายก๊าซให ้กับกฟผ. หรือจะผลักภาระนี้ให้กับประ ชาชน
เท่าที่ได้ฟังจาก "ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน บอกว่า "การซ่อมบำรุงท่อก๊าซเป็นเร ื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลต้องวางแผนให้ดีกว ่านี้ ไม่ใช่เรื่องกะทันหัน เขาแจ้งล่วงหน้ามาก่อนหน้าน ี้แล้ว ซึ่งเอกสารกระทรวงพลังงานตั ้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีการคำนวณค่าเอฟที แสดงให้เห็นแล้วว่ามีการปิด ซ่อมก๊าซจะน้อยลง ต้องใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น ช่วงนี้ค่าเอฟทีก็จะสูงขึ้น เขาใส่ค่าเอฟทีไปแล้วสำหรับ ปีนี้"
ประเด็นที่ ดร.ปิยสวัสดิ์ พูดขึ้นมามีวรรคทองที่ต้องข ีดเส้นใต้อยู่ 2 วรรค ที่น่าสนใจคือ เรื่องนี้ได้มีการแจ้งล่วงห น้ามานานแล้ว วรรคทองต่อมาน่าสนใจอย่างยิ ่งว่า ได้มีการเก็บค่าเอฟทีตั้งแต ่ปลายปีที่แล้ว
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้มีการขึ้นค่าเอฟที สำหรับเดือนมกราคม-เมษายน ไปแล้ว 1.70 สตางค์ต่อหน่วย และในการประชุมครั้งต่อไป คาดว่า จะมีการขึ้นค่าเอฟทีเดือนพฤ ษภาคม-สิงหาคม เป็น 2.20 สตางค์ต่อหน่วย
นั่นแสดงว่าได้มีการ "ลักไก่" ขึ้นค่าไฟฟ้าจากกรณีนี้ให้ป ระชาชนรับภาระล่วงหน้าไปแล้ ว
ถือว่าโยนภาระให้กับประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้อีโหน่อ ีเหน่ ไม่มีการชี้แจงสักคำว่าต้นท ุนเพิ่มจากอะไร ทั้งที่ไม่ควรเป็นค่าใช้จ่า ย หรือความรับผิดชอบของประชาช น แต่ควรจะเป็นภาระของ ปตท.ที่ขายก๊าซเพื่อผลิตกระ แสไฟฟ้าให้กับ กฟผ.อีกทีหนึ่ง ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ไม่ใช่มัดมือชกแอบลักไก่ขึ้ น โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้เรื่อ งอย่างที่ทำมาตลอด
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน, ข่าวสดออนไลน์
ประเด็นหนึ่งที่ยังไม่มีใคร
การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเที
อาทิ น้ำมันเตาที่ใช้ได้ในโรงไฟฟ
ประเด็นมีอยู่ว่าแล้วค่าใช้
เท่าที่ได้ฟังจาก "ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน
ประเด็นที่ ดร.ปิยสวัสดิ์ พูดขึ้นมามีวรรคทองที่ต้องข
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
นั่นแสดงว่าได้มีการ "ลักไก่" ขึ้นค่าไฟฟ้าจากกรณีนี้ให้ป
ถือว่าโยนภาระให้กับประชาชน
ไม่ใช่มัดมือชกแอบลักไก่ขึ้
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน, ข่าวสดออนไลน์
'Theera Tangtirmthong ก็ไม่ให้สร้างนิวเคลีย์นี่นา รับกรรมตามที่ตัวเองก่อ
Supapong Wanitpongpan ต้องยอมรับว่า ด้วยความไม่เข้าใจหลายๆอย่าง + ความเห็นแก่ตัวของคนหลายกลุ่ม + คุณภาพประชากรในตอนนี้
มันก็เลยเดินหน้าอะไรไม่ค่อยได้น่ะ
เรื่องมันเศร้า...!
.....................................................................................................................................
.........................................................................................................................
........................................................................................................................
คดี ปรส.หมดอายุความวันที่ 21 มิถุนายน 2556
ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157 ม 157
...........................................................................................................................
ใครเป็นบ้างป่ะครับ ... ผมแม่งงงมาก อ่านข่าวกะฟีดบนวอล์ผม ช่วงนี้นี่แม่ง เป็นเชี่ยอะไรไม่รู้ มีแต่ "คนดี" (ไม่รู้เหมือนกันใครนิยาม แต่เห็นคนบอก ๆ กันว่าเป็น) ออกมาด่าคนอื่น ไม่งั้นก็ชมตัวเอง ... บางรายแม่งหนัก ต้องเอาประวัติการศึกษา มหาลัยที่จบ รางวัลที่เคยได้ ออกมาอวดกันกระหน่ำ
.......................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น