การตัดสินคนที่ "สี" ทางการเมืองอย่างเดียว
%%%%%%%%%%%%%%%
(อนุสนธิจากคำสนทนาต่อไปนี้ ใน FB
-ผมว่าถูกผิดไม่จำเป็นต้องเ สื้อไหนเพราะทุกคนมีโอกาสทำ ผิดได้ แต่บทลงโทษก็ต้องมีครับ ทุกสีทั่วหน้า
-แต่ที่ทำตัวเหี้ยๆ มีแต่ อาจารย์สีเหลือง นะ)
ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์จำนว นหนึ่งในหลายปีที่ผ่านมา: -
-หลังรัฐประหารคปค.ไม่นาน ผมได้มีโอกาสพบกับพี่สุธาชั ย อ.อักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในงานสัมมนาใหญ่รำลึกคุณมด วนิดา ที่อุบลฯ ผมหาโอกาสคุยกับแกสองต่อสอง ว่า ในบรรดานักวิชาการที่พี่สุธ าชัยไปคลุกคลีเคลื่อนไหวต่อ ต้านรัฐประหารด้วย มี อาจารย์พ. ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับแกเลยใ นหลาย ๆ เรื่อง แต่แกซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา วางใจได้ ในทางกลับกัน มีอีกคนคืออาจารย์ว. คนนี้ผมไม่ค่อยมีประเด็นที่ เห็นต่างจากเขาทางการเมืองเ ท่าไร แต่บอกตรง ๆ นะพี่ เท่าที่รู้จักสัมผัสเขามา อย่าหันหลังให้เขาเด็ดขาด อาจโดนมีดแทงเอาได้ เพราะเขาสนใจไต่เต้าทางการเ มืองเป็นหลัก
-ในบรรดาอาจารย์ที่ร่วมงานก ัน มีท่านหนึ่งซึ่งต้องเดินทาง ไปสอนรังสิตด้วยกันโดยรถยนต ์ของคณะ วันหนึ่งขณะรถแล่นไปถึงสะพา นพระปิ่นเกล้าฯ อาจารย์ท่านนี้ก็บ่นให้ฟังว ่าท่านลำบากใจเพราะในหมู่คน ทั่วไป ก็มองว่าท่าน "เหลือง" ขณะที่ในหมู่คนใกล้ชิดที่ถู กหาว่าเป็น "เหลือง" ด้วยกัน กลับมองว่าท่าน "แดง" ผมฟังแล้วคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เรียนท่านไปในทำนองว่า... . "ผมคิดว่าคนเราซับซ้อนเกินก ว่าจะมีสีใดสีหนึ่งเพียงสีเ ดียว ในแง่หนึ่ง เรา็ก็ไม่ชอบคอร์รัปชั่นหรื อการใช้อำนาจปราบปรามอย่างร วมศูนย์เด็ดขาดไม่ฟังใครจนเ กิดโศกนาฏกรรมฆ่าตัดตอนยาเส พติดหรือกรือเซะและตากใบ จะบอกว่าในแง่นี้เรา "เหลือง" ก็ได้, แต่ในอีกแง่หนึ่ง เราก็ไม่ชอบรัฐประหารหรือกา รใช้อำนาจเผด็จการรุกรานปิด กั้นสิทธิเสรีภาพของผู้คนที ่เห็นต่าง จะบอกว่าในแง่นี้เรา "แดง" ก็ได้ ในตัวบุคคลคนหนึ่งจึงมีหลาย สี เหลืองมั่ง แดงมั่ง เขียวมั่ง สีอื่น ๆ มั่ง เป็นธรรมดา ความคาดหวังใฝ่ฝันสิ่งดีงาม ทางการเมืองของมนุษย์มีหลาก หลาย ปัญหาอยู่ตรงที่เราบีบคั้นบ ังคับทั้งคนอื่นและตัวเองให ้จำกัดและเลือกเอาเฉพาะสีใด สีหนึ่งและห้ามมีสีอื่น เป็นแดงห้ามเหลือง เป็นเหลืองห้ามแดง อันนี้เป็นความรุนแรง และก่อนที่จะไปทำร้ายคนอื่น ที่มีสีแตกต่าง เราก็เริ่มโดยการใช้ความรุน แรงต่อตัวเอง โดยกดทับทำร้ายสีอื่นหรือคว ามปรารถนาความดีงามทางการเม ืองแบบอื่นที่อยู่ในตัวเราเ องลงไปก่อนแล้ว"
-อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์เคยบ่นว่าอย่างหน ึ่งที่แกเสียดายมากในหลายปี หลังนี้ คือการตัดสินกันทางวิชาการแ ละความคิดเห็นโดยไม่พักต้อง รับฟังกัน เช่น อ๋อคนนี้นักวิชาการสีแดง แล้วก็ตราหน้าเขาไปทุกด้านโ ดยไม่ต้องฟังเขาแล้ว, อ๋อคนนี้นักวิชาการสีเหลือง แล้วก็ตราหน้าเขาไปทุกอย่าง โดยไม่ต้องรับฟังเขาเช่นกัน สิ่งนี้เป็นพิษภัยที่ทำลายบ รรยากาศการแลกเปลี่ยนทางวิช าการที่สุด
-คุณจะทิ้งโลกวิชาการแบบไหน ให้ลูกหลานคุณได้อยู่เรียนร ู้ความรู้และคุณค่าอันหลากห ลายในโลกต่อไปข้างหน้า? ลองคิดดูนะครับ
%%%%%%%%%%%%%%%
(อนุสนธิจากคำสนทนาต่อไปนี้
-ผมว่าถูกผิดไม่จำเป็นต้องเ
-แต่ที่ทำตัวเหี้ยๆ มีแต่ อาจารย์สีเหลือง นะ)
ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์จำนว
-หลังรัฐประหารคปค.ไม่นาน ผมได้มีโอกาสพบกับพี่สุธาชั
-ในบรรดาอาจารย์ที่ร่วมงานก
-อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์เคยบ่นว่าอย่างหน
-คุณจะทิ้งโลกวิชาการแบบไหน
...............................................................................................................................
» ปัญหาใหญ่ของคนยุคนี้ :: "ดี-ชั่ว รู้หมด ...แต่อดใจไม่ได้ >.<"
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นักวิจัยชาวออสเตรเลียสองคน คือ ไมเคิล โอเท็น และ เค็น เช็ง ได้ชักชวนอาสาสมัครประมาณ ๒๔ คน อายุระหว่าง ๑๘-๕๐ ปี เข้าโครงการออกกำลังกายเป็น เวลาสองเดือน
กิจกรรมมีทั้งยกน้ำหนักและเ ต้นแอโรคบิค ส่วนใหญ่ไม่เคยออกกำลังกายแ บบนี้มาก่อน เพราะชอบนั่งๆ นอนๆ มากกว่า จึงต้องเคี่ยวเข็นตนเองอย่า งมากทุกครั้งที่เข้าโรงยิม
เมื่อสองเดือนผ่านไป ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาชีวิต ของทั้ง ๒๔ คนเพื่อดูว่าการออกกำลังกาย ส่งผลอย่างไรต่อชีวิตของเขา บ้าง สิ่งที่เขาพบก็คือ...
ไม่เพียงทรวดทรงของเขาจะดีข ึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความเปลี่ยนแปลงที่ ดีขึ้นอีกหลายอย่าง เช่น...
สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ดื่มกาแฟ และกินอาหารขยะน้อยลง ใช้เวลากับการทำการบ้านมากข ึ้น ดูโทรทัศน์น้อยลง รวมทั้งซึมเศร้าน้อยลงด้วย
◌◌◌◌◌◌◌◌
ต่อมา โอเท็นและเช็งได้ทำการทดลอง อีกครั้ง คราวนี้ให้คน ๒๙ คนมาเข้าโครงการบริหารเงินเ ป็นเวลาสี่เดือน โดยให้ทุกคนตั้งเป้าว่าจะเก ็บเงินเป็นจำนวนเท่าใด
และขอให้งดสิ่งฟุ่มเฟือย เช่น กินอาหารในภัตตาคารหรือดูหน ัง รวมทั้งทำบัญชีการใช้จ่ายอย ่างละเอียด
แน่นอนว่าสถานะการเงินของทุ กคนดีขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ นอกจากพวกเขาจะดื่มเหล้า ดื่มกาแฟ กินอาหารขยะ และสูบบุหรี่น้อยลงแล้ว (บางคนสูบน้อยลงถึง ๑๕ มวน) ยังทำงานหรือมีผลการเรียนดี ขึ้น
◌◌◌◌◌◌◌◌
ทั้งสองคนยังไม่พอใจเพียงเท ่านั้น การทดลองต่อมาเขาให้นักศึกษ า ๔๕ คนเข้าโครงการปรับปรุงการศึ กษา ซึ่งเน้นการสร้างนิสัยใหม่เ กี่ยวกับการเรียน
ปรากฏว่าผลการเรียนของทุกคน ดีขึ้นตามคาด แต่พฤติกรรมด้านอื่นๆ ก็ดีขึ้นด้วย
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปดั งกล่าว แม้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสุ ขภาพเป็นส่วนใหญ่ แต่การทดลองสองครั้งหลังไม่ ได้เกี่ยวกับการออกกำลังกาย เลย
ถ้าเช่นนั้น...อะไรเป็นปัจจ ัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ ยนแปลง?
โอเท็นและเช็งสรุปว่า...
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนั ้นเป็นผลจาก “พลังใจ” (will power) ที่เพิ่มมากขึ้น
◌◌◌◌◌◌◌◌
การทดลองทั้งสามประเภทนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกให้อา สาสมัครเคี่ยวกรำตนเอง ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเ คยหรือไม่ชอบ ต้องอดทนอดกลั้นอยู่อย่างต่ อเนื่อง
ผลก็คือมีพลังในการควบคุมตน เองมากขึ้น พลังดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นแ ล้ว ก็ไม่หยุดอยู่เฉพาะกิจกรรมท ี่ถูกกำหนดให้ทำ
แต่ขยายไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งๆ ที่ไม่มีใครบังคับ เช่น การกินอาหาร การดูโทรทัศน์ การทำงาน ฯลฯ
การทดลองเหล่านี้ชี้ให้เห็น ว่า พลังใจหรือความสามารถในการค วบคุม (และเคี่ยวเข็น) ตนเองนั้น มีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิ ตของเรา
มันไม่เพียงทำให้เกิดความเป ลี่ยนแปลงที่ดีในบางเรื่องท ี่กำลังฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมด้าน อื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเราอีกด้ วย ไม่ว่าการบริโภค การทำงาน หรือความสัมพันธ์
◌◌◌◌◌◌◌◌
มองในทางกลับกัน การที่ผู้คนมีพฤติกรรมที่เป ็นโทษต่อตนเองและผู้อื่นนั้ น สาเหตุสำคัญก็คือการขาดพลัง ใจ หรือความสามารถในการควบคุมต นเองนั่นเอง
ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่ าการทำเช่นนั้นไม่ดี หลายคนก็รู้ว่า บุหรี่ สุรา และอาหารขยะนั้น เป็นโทษต่อร่างกาย แต่ที่ยังเลิกไม่ได้ก็เพราะ ขาดพลังที่จะต่อต้านมัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งเหล่านี้มีพลังในการยั่ วยวนเช่นเดียวกับอะไรต่ออะไ รอีกหลายอย่าง เช่น การเที่ยวห้าง การพนัน เกมออนไลน์ หรือแม้แต่เฟซบุ๊ก
ในสหรัฐอเมริกา มีคนจำนวนมากที่หยุดช็อปปิ้ งไม่ได้ มีเครดิตการ์ดกี่ใบก็รูดหมด จนมีหนี้สินมากมาย รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดี แต่ก็ห้ามใจไม่ได้เสียที
มีบางคนหาทางแก้ด้วยการเอาบ ัตรเครดิตใส่ไว้ในแก้ว แล้วเอาแก้วนั้นไปใส่ช่องแช ่แข็ง เมื่อใดก็ตามที่อยากจับจ่าย ก็ต้องรอให้น้ำแข็งในแก้วละ ลายก่อนจึงจะเอาบัตรเครดิตไ ปใช้ได้
ถึงตอนนั้น...ความอยากก็จะล ดลงไป และสติกลับคืนมา ทำให้เปลี่ยนใจไม่ไปช็อปปิ้ ง
◌◌◌◌◌◌◌◌
นี้เป็นทางออกของหลายคนที่ร ู้ว่าพลังใจนั้นมีไม่พอที่จ ะต้านความอยาก จึงต้องอาศัย “ตัวช่วย”จากภายนอก เช่น...
ถ้าจะเลิกเหล้าหรือการพนัน ก็ต้องผลักไสตัวเองไปอยู่วั ดหรือที่ไกลๆ จะได้ไม่สามารถทำตามความอยา กได้
แต่ตราบใดที่พลังใจไม่เข้มแ ข็ง เมื่อใดที่สบโอกาส ก็มักพ่ายแพ้แก่กิเลส และอดโมโหตัวเองไม่ได้ที่พ่ ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นี้เป็นปัญหาใหญ่ของคนยุคนี ้ก็ว่าได้ คือ รู้ว่าอะไรดี แต่ห้ามใจไม่ได้ สมกับวลีที่ว่า “ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ได้”
ทั้งนี้เป็นเพราะการถูกเลี้ ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เล็ ก ครั้นโตขึ้นก็ปล่อยตัวปล่อย ใจง่ายเกินไป ประกอบกับทุกวันนี้มีสิ่งยั ่วยวนมากมาย ที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจสูงมาก ยากที่จะต่อต้านได้ แม้มันจะให้ความสุขที่รวดเร ็วทันใจ แต่ส่งผลเสียตามมาในระยะยาว
ทุกวันนี้มีคุณค่าใหม่ๆ ที่ได้รับความสำคัญมากขึ้น เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเป็นตัวของตัวเอง ความรักอิสระ
แต่...คุณค่าเก่าๆ สมัยปู่ย่าตายาย เช่น การรู้จักควบคุมตนเอง ก็ยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากขาดสิ่งนี้ไปแล้ว ก็ยากที่จะนำพาชีวิตไปในทาง ที่เจริญงอกงามได้
◌◌◌◌◌◌◌◌
เสรีภาพนั้นไม่ใช่การตามใจ จะว่าไปแล้วการตามใจหรือการ ปล่อยใจไปตามอารมณ์ กลับทำให้ตนเองสูญเสียเสรีภ าพ ยากที่จะดำเนินชีวิตไปตามที ่ปรารถนาได้
เพราะตกอยู่ในอำนาจของสิ่งย ั่วยวนมากมาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นโทษ แต่ก็ปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน ขัดขืน
ดังนั้นหากปรารถนาเสรีภาพ นอกจากความรักอิสระแล้ว ยังต้องมีพลังใจเพื่อสามารถ ผลักดันชีวิตไปยังจุดหมายที ่ต้องการ แม้อุปสรรคจะมีมากมายเพียงใ ดก็ตาม
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : บทความ "พลังใจ" โดย...พระไพศาล วิสาโล
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นักวิจัยชาวออสเตรเลียสองคน
กิจกรรมมีทั้งยกน้ำหนักและเ
เมื่อสองเดือนผ่านไป ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาชีวิต
ไม่เพียงทรวดทรงของเขาจะดีข
สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ดื่มกาแฟ และกินอาหารขยะน้อยลง ใช้เวลากับการทำการบ้านมากข
◌◌◌◌◌◌◌◌
ต่อมา โอเท็นและเช็งได้ทำการทดลอง
และขอให้งดสิ่งฟุ่มเฟือย เช่น กินอาหารในภัตตาคารหรือดูหน
แน่นอนว่าสถานะการเงินของทุ
◌◌◌◌◌◌◌◌
ทั้งสองคนยังไม่พอใจเพียงเท
ปรากฏว่าผลการเรียนของทุกคน
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปดั
ถ้าเช่นนั้น...อะไรเป็นปัจจ
โอเท็นและเช็งสรุปว่า...
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนั
◌◌◌◌◌◌◌◌
การทดลองทั้งสามประเภทนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกให้อา
ผลก็คือมีพลังในการควบคุมตน
แต่ขยายไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งๆ ที่ไม่มีใครบังคับ เช่น การกินอาหาร การดูโทรทัศน์ การทำงาน ฯลฯ
การทดลองเหล่านี้ชี้ให้เห็น
มันไม่เพียงทำให้เกิดความเป
◌◌◌◌◌◌◌◌
มองในทางกลับกัน การที่ผู้คนมีพฤติกรรมที่เป
ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งเหล่านี้มีพลังในการยั่
ในสหรัฐอเมริกา มีคนจำนวนมากที่หยุดช็อปปิ้
มีบางคนหาทางแก้ด้วยการเอาบ
ถึงตอนนั้น...ความอยากก็จะล
◌◌◌◌◌◌◌◌
นี้เป็นทางออกของหลายคนที่ร
ถ้าจะเลิกเหล้าหรือการพนัน ก็ต้องผลักไสตัวเองไปอยู่วั
แต่ตราบใดที่พลังใจไม่เข้มแ
นี้เป็นปัญหาใหญ่ของคนยุคนี
ทั้งนี้เป็นเพราะการถูกเลี้
ทุกวันนี้มีคุณค่าใหม่ๆ ที่ได้รับความสำคัญมากขึ้น เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเป็นตัวของตัวเอง ความรักอิสระ
แต่...คุณค่าเก่าๆ สมัยปู่ย่าตายาย เช่น การรู้จักควบคุมตนเอง ก็ยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากขาดสิ่งนี้ไปแล้ว ก็ยากที่จะนำพาชีวิตไปในทาง
◌◌◌◌◌◌◌◌
เสรีภาพนั้นไม่ใช่การตามใจ จะว่าไปแล้วการตามใจหรือการ
เพราะตกอยู่ในอำนาจของสิ่งย
ดังนั้นหากปรารถนาเสรีภาพ นอกจากความรักอิสระแล้ว ยังต้องมีพลังใจเพื่อสามารถ
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : บทความ "พลังใจ" โดย...พระไพศาล วิสาโล
..........................................................................................................................
มันผิดยังไงครับแหม่ แล้วคำตอบที่ถูกคืออะไรฟะ
'Theera Tangtirmthong สอนให้เด็กคอรัปชั่นนี่นา
A New Fern ก็ ภูกแล้ว นี่นา ก็จะขาย 5 ขวด อ้ะเนอะ ^^
A New Fern *ถูก
.............................................................................................................................
......................................................................................................................................
พลังงาน...รอช้าไม่ได้แล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวว่า ประเทศไทยจะขาดแคลนพลังงานไ ฟฟ้า ซึ่งในบางพื้นที่อาจประสบปั ญหา "ไฟฟ้าดับ" เพราะพม่าซ่อมบำรุงฐานขุดก๊ าซ ทำให้ต้องหยุดส่งก๊าซให้ไทย ไทยก็เลยไม่มีก๊าซมาผลิตไฟฟ ้า เพราะไทยพึ่งพาก๊าซในการผลิ ตไฟฟ้ามากถึงร้อยละ 70
อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ รัฐบาลต้องนำไปคิดว่า จะหาแหล่งผลิตพลังงานที่สมด ุล และมีต้นทุนต่ำได้อย่างไรใน อนาคต แทนที่จะพึ่งพาก๊าซ หรือถ่านหินเป็นหลัก?
ยิ่งในประเทศแถบเอเชียวันนี ้ถูกมองว่า จะเป็นขั้วอำนาจใหม่ทางเศรษ ฐกิจ และแน่นอนว่า เมื่อเศรษฐกิจของแต่ละประเท ศเติบโตขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งก็ต้องใช้พลังงานมากข ึ้น ทั้งที่ผลิตเอง หรือนำเข้าพลังงานจากประเทศ อื่นๆ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นยุทธศาส ตร์ของแต่ละประเทศ ที่จะกำหนดทิศทางการใช้พลัง งานของตัวเองอย่างไร?
กรณีของประเทศลาวถือเป็นกรณ ีศึกษาที่น่าสนใจ ในขณะที่ไทยตกเป็นข่าวว่า จะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในช่ว งเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ลาวกลับมีข่าวว่า จะประกาศอิสรภาพให้กับตัวเอ งว่า ในอีกสองปีข้างหน้า ลาวจะผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอกั บความต้องการในประเทศ และพร้อมที่จะขายให้กับประเ ทศอื่นๆ หมายความว่า ลาวจะไม่มีการนำเข้าพลังงาน ฟ้าจากไทย หรือประเทศอื่นๆ อีกแล้วตั้งแต่ปี 2558
เมื่อมองในภาพรวม มีรายงานฉบับหนึ่งชื่อ Lights Out The Energy Outlook in Eastern Europe and the Central Asia ได้ระบุว่า แม้ว่าภูมิภาคนี้จะมีทรัพยา กรธรรมชาติที่เป็นแหล่งเกิด ของพลังงานอยู่มากก็ตาม แต่สถานการณ์ด้านพลังงานของ ภูมิภาคก็กำลังเข้าขั้นน่าว ิตก เว้นแต่จะมีการลงทุนมูลค่าก ว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 20 ปีข้างหน้า
"มีการคาดการณ์ว่าความต้องก ารพลังงานขั้นปฐมภูมิในยุโร ปตะวันออกและเอเชียกลาง จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ในปี 2030" ปีเตอร์ ทอมป์สัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเพื่อค วามยั่งยืนของภูมิภาคยุโรปแ ละเอเชียกลาง ธนาคารโลก กล่าว "ในขณะที่ความต้องการไฟฟ้าค าดว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 90"
รายงานฉบับนี้ยังกล่าวว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้จำเป็นต้องลงทุ นเงินจำนวนมหาศาล หากต้องการที่จะรักษาหรือเพ ิ่มระดับการผลิตพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการด้า นพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า
"ความต้องการพัฒนาพลังงานขั ้นปฐมภูมิระหว่างปี 2010-2030 เพื่อให้มีน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน ไว้ใช้ต่อไปนั้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว"
กล่าวคือ ท่ามกลางความต้องการพลังงาน ไฟฟ้าในเอเชียที่จะเพิ่มมาก ขึ้นในอนาคต ต้องบอกว่า เป็นโอกาสของนักลงทุนทั่วโล ก ที่สามารถเข้ามาแสวงหาผลประ โยชน์ เพราะลำพังเฉพาะรัฐบาลของปร ะเทศในเอเชีย ไม่สามารถที่จะลงทุน และผลิตพลังงานป้อนให้ได้ทั ้งหมด
ความท้าทายของประเทศเหล่านี ้ในการก้าวเดินไปข้างหน้า คือ การมีพลังงานใช้เพิ่มเติมใน เวลาอันสั้นและมีต้นทุนต่ำส ุด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้ อมโดยสามารถจำกัดการปล่อยก๊ าซเรือนกระจก
ด้วยเหตุที่มีความจำเป็นอย่ างยิ่งที่จะต้องลงทุน อีกทั้งการดำเนินโครงการต่า งๆ ในธุรกิจพลังงานจำเป็นต้องเ ผื่อเวลาล่วงหน้าไว้หลายปี รายงานฉบับนี้จึงเน้นย้ำด้ว ยว่า ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องปรับจุดยืนของตัว เอง เพื่อให้ได้มาซึ่งการสนับสน ุนทางการเงิน ที่จะสร้างความก้าวหน้าดังก ล่าว โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็น ไปได้
ซึ่งหากไม่มีบรรยากาศที่จะส นับสนุนการลงทุนในภาคส่วนนี นั่นย่อมหมายถึงเราอาจไม่สา มารถลงทุนได้ครบถ้วน และจะก่อให้เกิดอุปสรรคในกา รดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต ่างๆ เพราะพลังงานที่ขาดไปเพียงร ้อยละ 10 จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิ จลดลงร้อยละ 1 และหากปริมาณพลังงานที่ลดลง มีมากกว่าเดิม ก็จะยิ่งส่งผลเสียหายมากยิ่ งขึ้น
ดังนั้น แต่ละประเทศคงต้องปรับยุทธศ าสตร์ใหม่ ด้วยการสร้าง "บรรยากาศที่น่าจูงใจต่อการ ลงทุน" เพราะถึงวันนี้เวลาเป็นเรื่ องสำคัญสูงสุด และรอช้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
ประเทศไทยเองก็ต้องทำ ณ วันนี้เช่นกัน รอช้าอีกไม่ได้ หากต้องการผลักดันให้ไทยเป็ นประตูสู่อาเซียนในอนาคต
วิถีโลก วิถีธุรกิจ, โฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 26-02-56
เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวว่า ประเทศไทยจะขาดแคลนพลังงานไ
อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่
ยิ่งในประเทศแถบเอเชียวันนี
กรณีของประเทศลาวถือเป็นกรณ
เมื่อมองในภาพรวม มีรายงานฉบับหนึ่งชื่อ Lights Out The Energy Outlook in Eastern Europe and the Central Asia ได้ระบุว่า แม้ว่าภูมิภาคนี้จะมีทรัพยา
"มีการคาดการณ์ว่าความต้องก
รายงานฉบับนี้ยังกล่าวว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้จำเป็นต้องลงทุ
"ความต้องการพัฒนาพลังงานขั
กล่าวคือ ท่ามกลางความต้องการพลังงาน
ความท้าทายของประเทศเหล่านี
ด้วยเหตุที่มีความจำเป็นอย่
ซึ่งหากไม่มีบรรยากาศที่จะส
ดังนั้น แต่ละประเทศคงต้องปรับยุทธศ
ประเทศไทยเองก็ต้องทำ ณ วันนี้เช่นกัน รอช้าอีกไม่ได้ หากต้องการผลักดันให้ไทยเป็
วิถีโลก วิถีธุรกิจ, โฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 26-02-56
.................................................................................................................................
......................................................................................................................................
Chotisak Onsoong
ตามอ่านวิวาทะเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าระหว่าง อ.Sulak Sivaraksa กับ อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลแล้วติดใจประเด้นึงมากๆ (จริงๆติดใจหลายเป็นเด็น แต่ประเด็นนี้ติดใจมากที่สุด)
คือเรื่องที่ อ.สุลักษณ์ บอกว่า "ทักษิณอยู่ฝ่ายที่ทำลายสถาบันกษัตริย์"
โดย อ.สุลักษณ์ให้เหตุผลว่า เพราะสมัยที่ทักษิณเป็นใหญ่ อ.สุลักษณ์ ถูกจับ 3 ครั้งคดี ม.112
โดยที่ "มาตรา112 เป็นมาตราซึ่งทำลายสถาบันกษัตริย์" (ซึ่ง "พระเจ้าอยู่หัวเองก็รับสั่งว่าใครทำเรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำร้ายพระองค์ท่าน และทำให้สถาบันเสื่อมทราม)"
คือถ้าจะอ้างอย่างที่ อ.สุลักษณ์อ้าง (ม.112 ทำลานสถาบันกษัตริย์ ดังนั้นรัฐบาลไหนใช้มาตรานี้เท่ากับทำลายสถาบันกษัตริย์) ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ทำลายสถาบันกษัตริย์ยิ่งกว่ายุคคุณทักษิณซะอีก
เพราะในช่วงคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ (ซึ่งสั้นกว่าช่วงที่คุณทักษิณเป็นนายกฯด้วย) กลับมีผู้ถุกดำเนินคดีตาม ม.112 เยอะมาก
ผมลองหาข้อมูลคร่าวๆจากเว็บ ilaw
10 กรณีในหน้าแรก
เป็นกรณีที่หมายจับ หรือถูกจับ เริ่มดำเนินคดีในช่วงคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ถึง 6 กรณี
ในช่วงคุณทักษิณเป็นนายกฯ 2 กรณี
และที่ไม่มีข้อมุลแน่นอนอีก 2 กรณี
ในช่วงรัฐบาลทักษิณ ต่อให้รวมกรณี อ.สุลักษณ์ด้วยก็เป็น 3 กรณี (และผมนึกออกแค่นี) ซึ่งยังไงก็ยังไม่เท่าช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ 6 กรณี (ยังไม่ต้องพูดว่ายังมีอีกหลายกรณีที่ผมพอจะนึกออก เช่น กรณี "อากง sms")
คือถ้าจะอ้างว่ารัฐบาลไหนใช้ ม.112 แล้วทำลายสถาบันกษัตริย์ ผมว่ารับบาลอภิสิทธิ์ทำลายมากกว่ารัฐบาลทักษิณเยอะครับ (เยอะแบบขาดลอยด้วย)
.............................................................................................................................................
............................................................................................................................................
มันคือสุดยอดแห่ง ศิลปะ!!
http://www.facebook.com/photo.php?v=115039378681964
.........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น