วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

06/03/2556


แพทย์สหรัฐฯ รักษาเด็กแรกเกิดที่ติดเชื้อ HIV ได้สำเร็จ


http://prachatai.com/journal/2013/03/45600

...............................................................................................................................


WISH US LUCK ขอให้เราโชคดี : Official Trailer


http://www.youtube.com/watch?v=9PE1GZVfVg8

WISH US LUCK ขอให้เราโชคดี หนังสารคดีโดย วรรณแวว และ แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์
บันทึกการเดินทางของสองฝาแฝด จากอังกฤษกลับบ้านกทม. ด้วยรถไฟ เป็นเวลา 1 เดือน

................................................................................................................................




สุนทรภู่ไปราชการลับถึงเมืองแกลง (แล้วแต่งนิราศเมืองแกลง) อันเนื่องจากพระเจ้าตากปราบปรามไม่สำเร็จต่อ“อ้ายเหล่าร้าย”ซึ่งเป็นพวกแข็งข้อชายฝั่งทะเลตะวันออก
ในพระราชพงศาวดารเรียกพวกแข็งข้อว่า“อ้ายเหล่าร้าย” มีผู้ตั้งตนเป็นนาย 2 คน ชื่อ ขุนราม กับ หมื่นซ่อง มีสำนักซ่องสุมอยู่ทางบ้านประแส, บ้านไร่, บ้านกร่ำ (ตร่ำ), เมืองแกลง ปัจจุบันอยู่ใน จ. ระยอง
เมื่อศึกด้านตะวันตกเบาลงในปลายแผ่นดิน ร.1 จึงโปรดให้กรมพระราชวังหลังคิดเกลี้ยกล่อมพวก“อ้ายเหล่าร้าย”เหล่านั้
วังหลังให้บิดาสุนทรภู่ (ซึ่งเป็นทหารใกล้ชิด) ออกบวชไปจำพรรษาอยู่ทางเมืองแกลง เพื่อชักจูงเกลี้ยกล่อม“อ้ายเหล่าร้าย”และพวกอื่นๆที่มีมากอยู่ท้องที่ใกล้เคียงให้สวามิภักดิ์
พ.ศ. 2349 ปลายแผ่นดิน ร.1 สุนทรภู่อายุราว 20 ปี แต่งนิราศเมืองแกลง เมื่อมีรับสั่งให้ไปราชการลับ หาบิดาซึ่งบวชเป็นภิกษุอยู่ที่วัดบ้านกร่ำ เมืองแกลง ดังในนิราศมีความวรรคหนึ่งว่า “แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา” แสดงว่าสุนทรภู่ไปเมืองแกลงตามรับสั่งทางราชการลับ ไม่ใช่งานส่วนตัว และไม่ใช่ไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมบิดา
ประเด็นสำคัญที่เขียนมานี้ อ. ล้อม เพ็งแก้ว อธิบายไว้ แล้วผมยกไปใช้งานเมื่อเขียนเรื่องสุนทรภู่ เกิดวังหลัง ผู้ดีบางกอก ว่า บิดาสุนทรภู่เป็นทหารนักรบในกรมพระราชวังหลัง ก่อนสุนทรภู่เกิด 1 ปี ได้ออกศึกคราวสงครามเก้าทัพ เมื่อต้นแผ่นดินรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2328 รบราฆ่าฟันข้าศึกล้มตายจำนวนมาก กรมพระราชวังหลังจึงให้บิดาสุนทรภู่บวชแทนเพื่อล้างกรรมตามประเพณีหลังเสร็จศึก
การบวชของบิดาสุนทรภู่เกี่ยวข้องกับราชการไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อยู่ในสายตาของรัฐสมัยนั้นตลอดเวลา และอาจได้รับมอบหมายภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่งจากรัฐด้วย
ฉะนั้น การบวชของบิดาสุนทรภู่จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวที่ว่าหย่าร้าง แต่บวชเป็นทางราชการ และไม่ได้หย่าร้างกับมารดาสุนทรภู่
บ้านกร่ำ เมืองแกลง แม้ไม่เกี่ยวกับถิ่นกำเนิดสุนทรภู่ แต่ก็เกี่ยวข้องกับราชการลับที่สุนทรภู่ทำสนองราชการ แล้วแต่งนิราศเมืองแกลง
หลง - ปรามินทร์ เครือทอง กับ อี๊ด - เอมอร ส่องสว่าง วางแผนเส้นทางทัวร์ศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับเส้นทางพระเจ้าตาก ชวนผมไปถกเรื่องนี้ที่ลานอนุสาวรีย์สุนทรภู่ (อ. แกลง จ. ระยอง) เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 2 มี.ค. ผ่านมา กว่าจะกลับก็ค่ำมืด
เดินทางครั้งนี้ได้รู้ความจริงว่าปริมาณรถแล่นไปมามากจริงๆ ตั้งแต่มอเตอร์เวย์ จนบ้านบึง (ชลบุรี) ถึง อ. แกลง ทั้งไปและกลับ ไม่นึกว่าจะแน่นนับคับคั่งขนาดนี้ทั้งๆมีถนนเพิ่มหลายสายราวใยแมงมุม(ขยุ้มไข่ไต่ตีอก)
รุ่งขึ้นวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. ลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่แรกเปิดหีบ หลังจากนั้นนั่งรถตู้มติชนไปโคกพนมดี (อ. พนัสนิคม ชลบุรี) เพราะมีผู้บอกว่า รมต. วัฒนธรรมกำลังเร่งให้ทำแหล่งท่องเที่ยว ฟังแล้วเสียวสยองพองขน
ต้องฝ่าฝนฤดูร้อนตั้งแต่ออกจากฝั่งธนบุรี ไปขึ้นทางด่วนยมราช ถึงพ้นฝน
ไปโดนฝนแสนห่าอีกทีเมื่อออกจากโคกพนมดี ขึ้นเส้นทาง 304 จะไปบ้านหนองแหน (ต. หนองแหน อ. พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา) ที่“ผู้ใหญ่จบ” (ประจบ เนาวโอภาส) ผู้นำชุมชนถูกลอบยิงตายเมื่อเร็วๆนี้ หลังเป็นผู้นำเคลื่อนไหวต่อต้านการลักลอบทิ้งขยะสารพิษกากอุตสาหกรรมบริเวณตำบลหนองแหน จนชาวบ้านเดือดร้อนต่อสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมด้วยของบูดเน่าทำน้ำเสียแล้วส่งกลิ่นหมกเหม็นเป็นที่ทรมาน
ต้องจอดรถตู้เข้าข้างทางตรงบ้านหัวสำโรงก่อนถึงบ้านหนองแหน เพราะฝนฤดูร้อนตกเป็นฝนแสนห่ามหึมาราวน้ำป่าหลากทะลักสองข้างทาง มองไม่เห็นถนนหนทางข้างหน้า
นานเป็นชั่วโมง พอฝนซาก็ค่อยๆเขยิบขึ้นถนนเลียบคลองชลประทานไปบ้านหนองแหน เหมือนตาบอดคลำช้างอย่างมะงุมมะงาหราบนถนนเปียกน้ำลื่นไถลเหมือนพระมะเหลเถไถมะไหลถา
ไปถึงวัดหนองแหนกลางหมู่บ้าน เห็นคราบน้ำนองลานวัดที่ติดตลาดเย็นกำลังวายเพราะขายไม่ได้ แม่ค้าบ่นจ้าละหวั่น
ผมเลยซื้อแกงลาวยอดหวายกลับกรุงเทพฯ เพราะตั้งใจจะลงเดินสำรวจหมู่บ้านก็ทำไม่ได้ ชุ่มฉ่ำเปียกปอนมะลอกมะแลกหมดแล้ว กลับดีกว่า


...................................................................................................................................




» Case Study : โจ..มณฑานี ตันติสุข กับชีวิตใหม่ ผ่าน “ทุกข์” จนพบ “สุข” ทางการเงิน

`โจ-มณฑานี´ดีเจรายการวิทยุ พิธีกรรายการ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ และนักเขียน เปิดเผยว่า... จุดเริ่มต้นปัญหาทางการเงินของเธอ ปะทุขึ้น หลังจากเจอวิกฤติเศรษฐกิจค่าเงินบาทลอยตัว

ผลจากการตั้งบริษัทจัดคอนเสิร์ตครบวงจร...ซึ่งได้นำนักร้องเกาหลีเข้ามาแสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก

แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดหนี้สินรุงรังตามมา จนไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน และไม่มีเงินผ่อนบ้าน บัตรเครดิต จิปาถะ..

“ตอนนั้นมีภาระหนัก ต้องส่งค่าผ่อนบ้าน 4 หมื่นบาทต่อเดือน แถมเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกเกือบแสน”

แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของโจเปลี่ยนแปลง และหันมาสนใจ “แก้ปัญหา” การเงินอย่างจริงจัง ครั้งแรก...เมื่อเกิดไฟไหม้บ้านจนหมดตัว

และอีกครั้งเมื่ออยู่ในเหตุการณ์สึนามิ ...เฉียดตาย !!


◌◌◌◌◌◌◌◌


“ตอนนั้นไฟไหม้หมดตัว แต่ค้นพบว่าเหลือเพียงรองเท้า 200 คู่ที่ซื้อ มา นอกนั้นสิ่งอื่นๆ ไหม้หมด

ก็คิดว่าจะซื้อมาทำบ้าอะไรไม่รู้ เอาไปขายก็ไม่ได้ เอาไปช่วยตัวเองตอนไฟไหม้ก็ไม่ได้ ...นั่นทำให้หันมาเริ่มปรับปรุงชีวิตและการเงินตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ

จากนั้นสองปีต่อมาก็เกิดสึนามิ รู้สึกว่าชีวิตไร้ค่ามาก ใช้ชีวิตไปวันๆ”

โจ บอกว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาของเธอเกิดจาก การขาดการอบรมความรู้เรื่องการเงิน โดยเฉพาะที่บ้าน พ่อแม่ และครูที่โรงเรียน ไม่ได้สอนการเงินให้แก่เด็ก

“พื้นฐานครอบครัวไม่ได้สอนให้รู้จักการวางแผนการเงินเลย แม้จะเป็นเด็กที่หาเงินตั้งแต่เด็ก รู้จักออมเงินและนำเงินมาช่วยพ่อแม่ยามวิกฤติ แต่โตมาก็บริหารเงินไม่เป็น"


◌◌◌◌◌◌◌◌


เมื่อรอดจากเหตุการณ์สึนามิมาได้ โจก็เริ่มเรียนรู้การเงินด้วยตัวเองอย่างจริงจัง ผ่านเวบไซต์การเงินของต่างประเทศ

ด้วยการเริ่มจากทำบันทึกการเงิน ก็ทำให้โจค้นพบปัญหาการเงินของตัวเอง และแนวทางแก้ไข ซึ่งเหมือนกับ “ไฟส่องทาง” ให้แก่ตัวเธอ

เพื่อเป้าหมายล้างหนี้บ้านที่มีอยู่ 3.7 ล้านบาท และหนี้บัตรเครดิตอีก 1.2 แสนบาท

หลังจากเกิดปัญหาวิกฤติยุคไอเอ็มเอฟ เธอก็ “หยุด” ผ่อนบ้าน จนกระทั่งถูกธนาคารเป็นโจทก์ฟ้องร้องต้องขึ้นศาลพิพากษาคดีบ้าน

แนวทางการ “ปฏิวัติ” นิสัยการเงินใหม่ของโจ ที่เธอต้องการเสนอแนะ สำหรับผู้ที่ยังไม่หลุดพ้นจาก “หลุมดำ” การเงิน 6 ข้อ กล่าวคือ..

1..แยกแยะให้ได้ระหว่าง “อยากได้” กับ “จำเป็น”

2..รู้สถานการณ์การเงินของคุณอย่างดี ทั้งตัวเลขในบัญชี ใบแจ้งหนี้ ยอดชำระ เป็นต้น

3..ต้องเริ่มทำบันทึกการเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกัน “เงินฉันหายไปไหน?”

4..ให้รางวัลตัวเองด้วยการออม

5..ฝึกนิสัย “มีเงินสดค่อยซื้อ”

6..ทิ้งมนุษย์พิษที่บั่นทอนสุขภาพเงินของเรา แต่ให้สะสมมนุษย์ยอดเยี่ยมเก็บไว้


◌◌◌◌◌◌◌◌


ส่วนการบริหารการเงินส่วนตัวของ โจ-มณฑานี นั้น เธอใช้วิธีออมเงินแยกย่อยออกเป็น “5 ขุมพลัง”

#ขุมพลัง 1 : บัญชีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ บัญชีเงินฉุกเฉิน 6 เดือน เพื่อใช้ในยามตกงาน

โจ บอกว่า เพราะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานฟรีแลนซ์ ทำให้มีรายได้ไม่แน่นอน ดังนั้น ทุกครั้งที่ได้เงินมาจะหักไว้ 10% เป็นเงินออมส่วนนี้ไว้ก่อนทันที เพื่อจ่ายให้ตัวเองก่อน (Pay yourself first)


#ขุมพลัง 2 : เงินฉุกเฉินสำหรับค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด

หลังจากที่เริ่มออม 10% แล้ว ก็เริ่มออมเพิ่มเป็น 15% โดยนำส่วนที่เพิ่มขึ้น 5% นี้ใส่ไว้ในบัญชีเงินค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน


#ขุมพลัง 3 : เงินประกันชีวิต และสุขภาพ

โจ บอกว่า บัญชีนี้เธอใช้วิธีกันเงินออมเพิ่มไว้อีก 5% จากบัญชีที่สองที่เก็บไว้แล้ว 15% หากเมื่อใดที่เจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาลจะได้ไม่เดือดร้อนเงินก้อน

และต้องมีเงินไว้ให้แม่ โดยปี ๆ หนึ่งจะกันเงินไว้จ่ายเป็นค่าประกันชีวิต 3 หมื่นบาท


#ขุมพลัง 4 : เงินลงทุนเพื่องอกเงยและสร้างฝัน

“บัญชีนี้เป็นการออมเงินเพิ่มขึ้นจากสามบัญชี คือเพิ่มจาก 20% เป็น 30% โดยเอาเงิน 10% ที่เพิ่มขึ้นนี้ ไปฝากไว้ในบัญชีเพื่อการลงทุน

เมื่อออมเงินก้อนนี้ได้ 4 แสนบาท ก็นำเงิน 3 แสนไปลงทุนทำธุรกิจของตัวเอง โดยตั้งบริษัทของตัวเอง เพื่อสร้างรายได้... เหมือนกับห่านที่ไข่เป็นทองคำให้ไม่สิ้นสุด”


#ขุมพลัง 5 : บัญชีค่าใช้จ่ายรายเดือน

จะเป็นบัญชีเงินฝากเพื่อหักเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเพื่อทำสเตทเมนท์รายได้ของตัวเองด้วย ซึ่งจะเปิดในชื่อบัญชีของบริษัท เพื่อลดค่าใช้จ่าย และภาษี

นอกจากนั้นหากมีเงินเหลือจากรายเดือนหรือลดค่าใช้จ่ายได้เล็ก ๆน้อย ๆ ก็จะนำเก็บไว้สำหรับการ “ท่องเที่ยว”ซึ่งกำลังจะเปิดอีกบัญชีหนึ่งอีกด้วย


◌◌◌◌◌◌◌◌


โจ จะเก็บออมในทุกบัญชีรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้

แต่ในอนาคตต้องการจะเพิ่มเป็น 50% โดยส่วนที่เพิ่มอีก 20% จะนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างอนาคต

แต่เป้าหมายเกษียณอายุของโจ วางแผนว่าจะเกษียณเมื่ออายุ 55 ปี และมีชีวิตอยู่ถึง 80 ปี

ด้วยแผนการเงินที่วางไว้อย่างดีดังกล่าว เธอจะมีเงินถึง 8 ล้านบาท เมื่อเกษียณ

และใช้ชีวิตหลังเกษียณ...อีก 25 ปี แบบสบายๆ

เป้าหมายของโจ.. ไม่ได้อยู่เพียงแค่ต้องการ “เป็นอิสระ...ทางการเงิน” เท่านั้น

เธอยังมีจุดมุ่งหมายไกลกว่านั้นคือ การเป็น “นักให้กำลังใจอาชีพ” ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตแก่คนทั่วไป และใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า


◌◌◌◌◌◌◌◌


Credit : นสพ. BizWeek


............................................................................................................................



RIP...

....................................................................................................................................

สภากทม.จัดหลักสูตรพัฒนาบุคลากรกว่า 600 ชีวิต  บินไปศึกษางานที่เช็ก-ตุรกี 7 วัน งบประมาณ 97 ล้านบาท
http://news.mthai.com/politics-news/222099.html

Can't identify

...................................................................................................................................




การกลับมารับราชการ ไม่ได้เป็นการทำผิดกฏหมายแต่อย่างใด
จะได้เลิกบ้ากันเสียที เค..หมากเบ้า


..................................................................................................................................













































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น