.............................................................................................................................
ที่ท่านเห็นนั้นจริงหรือ ว่าเราคือใคร
(คำชี้แจงจากทีมงานตอบโจทย์ ประเทศไทย)
-------------------------- --------------------------
มีผู้ชมหลายท่าน ที่อาจไม่เคยมีโอกาสได้ชมรา ยการอย่างต่อเนื่อง โพสต์ว่า ตอบโจทย์และภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ชอบเชิญเสื้อแดงมาออกรายการ ทางทีมงานยืนยันว่าจริง เพราะแขกรับเชิญเหล่านี้ อาจมีบางวันที่เคยสวมเสื้อแ ดง ไม่ว่าจะเป็น อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี - น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี - ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิ ชัยพัฒนา - น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส
บางท่านกล่าวว่าแขกรับเชิญใ นรายการไม่มีราคา ทางทีมงานเองก็มิอาจประเมิน ราคาของท่านเหล่านี้ได้เช่น กัน ไม่ว่าจะเป็น บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี - พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี - อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
บางท่านบอกว่ารายการเราเลือ กข้าง ซึ่งก็น่าจะจริงอีกเช่นกัน เพียงแต่เราเลือกทั้งสองข้า ง สลับกันไปมา จนคนที่ดุด่าเรา อีกทั้งบรรดามวลชนและสื่อใน มือ ก็อาจจะลืมไปแล้วว่า เคยมารายการตอบโจทย์วิจารณ์ ฝ่ายตรงข้ามอย่างเผ็ดร้อนทั ้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น สนธิ ลิ้มทองกุล - จำลอง ศรีเมือง - พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร - ธิดา ถาวรเศรษฐ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ซึ่งล้วนแต่เคยผ่านเวทีตอบโ จทย์ ในช่วงที่อยู่ตรงกันข้ามกับ อำนาจรัฐ และสื่อทั้งหมด แทบจะไม่กล้าให้เวลาและพื้น ที่ออกอากาศ
บางท่านกล่าวหาว่าพิธีกรราย การ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา อยู่ฝ่ายล้มสถาบัน เพราะเชื่อมั่นว่าไปเอาอาจา รย์สมศักดิ์ เจียมธีรสุกลมาออกรายการ ต้องมีแผน แต่ลืมไปว่าหนึ่งวันก่อนหน้ า เราเชิญ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย มาออกในเวลา 45 นาที ก่อนจะถึงอาจารย์สมศักดิ์ และเพื่อไม่ให้หนักใจผู้ชม เราจึงเชิญ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร มาออกต่อในเวลาเท่ากัน กลายเป็น 2 ต่อ 1 หรือ 90 นาที ต่อ 45 นาที
ส่วนสองวันสุดท้ายที่ถูกตั้ งคำถาม เป็นการเผชิญหน้ากันตัวต่อต ัว ระหว่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ประกาศตนเองว่าเป็นรอยัล ลิสต์ขนานแท้ ในเวลาที่เท่ากัน
ถ้าจะกล่าวหาว่าอาจารย์สมศั กดิ์ เป็นฝ่ายไม่เอาเจ้า นี่ก็เท่ากับว่า เป็นสัปดาห์ 3 รุม 1 ดังที่คนบางกลุ่มวิจารณ์ มิใช่ให้สมศักดิ์ออกติดกันส ามวัน อย่างที่บางท่านวิจารณ์ โดยลืมที่จะหันมองวันอื่นๆ ในรอบสัปดาห์ รอบเดือน หรือรอบปีเลย
สีแดงที่คุณเห็น อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ธงธรรมศาสตร์ ที่ยังมีสีเหลืองประกาศนาม และกลายมาเป็นสีส้มของธงไทย พีบีเอส ที่ผสมความแตกต่างเข้าด้วยก ัน อย่างที่ควรจะเป็น มิใช่อย่างที่ใครบางคนอยากใ ห้เป็น ไปในทางใดทางหนึ่ง
ในอดีต ช่วงการชุมนุมขององค์การพิท ักษ์สยาม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เองก็เคยออกรายการรวมถึง 4 วัน ทำลายสถิติอาจารย์สมศักดิ์เ ป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งคุณภิญโญที่ไปรายงาน ข่าว ยังถูกกล่าวหาว่า เป็นกุนซือเสธอ้ายเสียอีก ภิญโญ จึงกลายเป็นกุนซือวางแผนเรี ยกแขกให้เสธอ้ายปกป้องสถาบั นกษัตริย์ล้มทักษิณ ไปพร้อมๆ กับร่วมกับอาจารย์สมศักดิ์จ ัดวาระวิจารณ์สถาบัน
คนเดียวกันเป็นได้ทั้งรักเจ ้าและล้มเจ้า ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางฝ่ายก้ าวหน้าไปพร้อมๆ กับโดนข้อกล่าวหาว่าล้มเจ้า
เรามีสี หรือเราทำหน้าที่
เราเปิดกว้าง หรือเราปิดกั้น
เราเป็นกลาง หรือเราเลือกข้าง
ในเมื่อเราถูกวิจารณ์รุนแรง จากทั้งสองฝ่าย เท่าที่สื่อประเทศนี้จะเคยป ระสบ
สื่อฝ่ายสนับสนุนม็อบเสธอ้า ยรู้อยู่แก่ใจว่าเราไปทำหน้ าที่ แต่พอถึงวันนี้ หลายคนแกล้งหลับตา เมื่อเราเชิญฝ่ายอื่นมาออกร ายการบ้าง ก็รีบปลุกปั่นรุมประนาม เพื่อสร้างความเกลียดชัง เมื่อเราถูกขยุ้มก็ไม่รีรอท ี่จะรีบขย้ำ ด้วยรู้ว่าเราจะกลับมายิ้มใ ห้กันใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเราเชิญคนฝ่ายท่านมาออ กรายการ ซึ่งเราต้องทำ เพื่อรักษามาตรฐานแห่งวิชาช ีพ
ไม่มีหมู่บ้านไหน อยากอยู่ตรงกลางพรมแดนระหว่ างสงครามสองฝ่าย ถ้าท่านอยากรู้เจตนาที่แท้จ ริงว่า เราสุ่มเสี่ยงต่อการถูกก่นด ่า เข้าใจผิด ทำเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นครก ขึ้นเขาชันไปทำไมกัน
คำตอบอยู่ในรายการตอบโจทย์ 5 ชื่อที่ถูกเรียกขานจนเป็นกล ายตำนานชั่วข้ามคืน ซึ่งถูกงดออกอากาศในวันศุกร ์ 15 มีนาคมที่ผ่านมา
ถ้าท่านถามว่าเราทำประเด็นน ี้ทำไม เฉพาะคำประกาศยุติรายการเพี ยงโพสต์เดียว ณ ค่ำวันอาทิตย์ ที่ยังไม่ครบสองวันเต็ม มีคนเข้ามาชมกว่า 600,000 คน และถ้าอัตราการเข้าชมยังเป็ นเช่นนี้ ก็น่าจะครบ 1,000,000 คนในอีกสองวันข้างหน้า ซึ่งน่าจะเท่ากับยอดขายของห นังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่ขาย ดีที่สุดของประเทศ ในวันที่ขายดี
เรามิได้ต้องการเรียกเรทติ้ งหรือสร้างข่าวตามที่ถูกกล่ าวหา หากแต่นี่เป็นเครื่องสะท้อน ว่า ประเด็นแหลมคมนี้ ติดอยู่ในความสนใจใคร่รู้ขอ งผู้คนจำนวนไม่น้อย
สถาบันพระมหากษัตริย์ มิได้หมายถึงองค์พระบาทสมเด ็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจ ุบันที่คนไทยเคารพสักการะเท ่านั้น
หากแต่หมายรวมถึงพระมหากษัต ริย์ในรัชกาลถัดไปอีกยาวไกล ในอนาคตจากการสืบสันตติวงศ์
การทำให้สถาบันพระมหากษัตริ ย์เข้มแข็ง ย่อมหมายถึงการทำให้ไม้ใหญ่ ที่หยั่งรากลึกยาวนานเข้มแข ็ง แม้เผชิญลมแรงย่อมทานแรงลมไ ด้ มิว่าอนาคตจะยาวไกลเพียงใด พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค ์ ก็จะอยู่ปกเกล้าปกกระหม่อมช าวไทย ใต้ร่มโพธิร่มไทรของสถาบันพ ระมหากษัตริย์สืบไป
และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ ในใจชาวไทยมากที่สุด
ความจริงข้อนี้ แม้คนที่วิจารณ์เข้มข้นที่ส ุดอย่างอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็ยอมรับ และยินดีที่จะอยู่กับความจร ิงนี้ของสังคมไทย และนี่เป็นวิธีที่เราจะอยู่ กับผู้เห็นต่างอย่างสันติ โดยมิต้องคิดไล่ใครไปให้พ้น แผ่นดินไทยของทุกคน
ถ้าท่านอดทนฟังอย่างมีสติ ช่วงท้ายของรายการ คือพุทธิปัญญาของอาจารย์ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ซึ่งแม้จะมีโวหารแกว่นกล้า หากทว่าเมื่อพิจารณาอย่างจร ิงจังแล้ว กลับเป็นผู้จงรักภักดีอย่าง ลึกซึ้ง
ดังภาษิตที่ว่า โอสถดีมักมีรสขม
คำชมแม้หวาน หากนานไปกลับเป็นโทษ ฉันใด
คำวิพากษ์วิจารณ์จากกัลยาณม ิตร คือแสงอรุณรุ่งอันอำไพ แม้ว่าจะรับฟังได้ยาก หากทว่าต้องอดทน อดกลั้น ข่มใจ
ทั้งหมดนี้ คือคำตอบที่ว่า เราคือใคร และเราทำหน้าที่ที่ยากยิ่งน ี้เพื่ออะไร
ทีมงานรายการทุกคนและผู้ดำเ นินรายการ ได้กราบพระบรมอัฐิของพระมหา กษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีท ี่วังวรดิศ รวมทั้งได้กราบพระสยามเทวธิ ราชที่ประดิษฐานอยู่ที่นั่น เพื่อขอพระราชทานพรให้มีกำล ังกายและกำลังใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะทำหน้าที่สื่อสาร มวลชนโดยสุจริต และขอให้พรนั้น ช่วยให้ประเทศไทยฟันฝ่าอคติ และความขัดแย้งแบ่งฝ่ายไปสู ่สันติวิถีในเร็ววัน
ขอขอบพระคุณและน้อมรับทุกคำ วิพากษ์วิจารณ์ที่มาจากห้วง ลึกแห่งจิตสำนึกของทุกท่าน
แม้จะดุดันเกรี้ยวกราดบ้าง เราก็ยินดีรับฟัง เพราะการฟังอย่างลึกซึ้งเท่ านั้น ที่จะทำให้เราเห็นมิตร และเข้าใจความคิดคู่ขัดแย้ง และเป็นหนทางแก้ปัญหาการเผช ิญหน้าในสังคมที่แท้จริง
นี่คือเหตุผลที่เรารับฟังทุ กท่านอย่างสงบ
ด้วยความเคารพ
กองบรรณาธิการตอบโจทย์ประเท ศไทย
(คำชี้แจงจากทีมงานตอบโจทย์
--------------------------
มีผู้ชมหลายท่าน ที่อาจไม่เคยมีโอกาสได้ชมรา
บางท่านกล่าวว่าแขกรับเชิญใ
บางท่านบอกว่ารายการเราเลือ
บางท่านกล่าวหาว่าพิธีกรราย
ส่วนสองวันสุดท้ายที่ถูกตั้
ถ้าจะกล่าวหาว่าอาจารย์สมศั
สีแดงที่คุณเห็น อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ
ในอดีต ช่วงการชุมนุมขององค์การพิท
คนเดียวกันเป็นได้ทั้งรักเจ
เรามีสี หรือเราทำหน้าที่
เราเปิดกว้าง หรือเราปิดกั้น
เราเป็นกลาง หรือเราเลือกข้าง
ในเมื่อเราถูกวิจารณ์รุนแรง
สื่อฝ่ายสนับสนุนม็อบเสธอ้า
ไม่มีหมู่บ้านไหน อยากอยู่ตรงกลางพรมแดนระหว่
คำตอบอยู่ในรายการตอบโจทย์ 5 ชื่อที่ถูกเรียกขานจนเป็นกล
ถ้าท่านถามว่าเราทำประเด็นน
เรามิได้ต้องการเรียกเรทติ้
สถาบันพระมหากษัตริย์ มิได้หมายถึงองค์พระบาทสมเด
หากแต่หมายรวมถึงพระมหากษัต
การทำให้สถาบันพระมหากษัตริ
และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่
ความจริงข้อนี้ แม้คนที่วิจารณ์เข้มข้นที่ส
ถ้าท่านอดทนฟังอย่างมีสติ ช่วงท้ายของรายการ คือพุทธิปัญญาของอาจารย์ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ซึ่งแม้จะมีโวหารแกว่นกล้า หากทว่าเมื่อพิจารณาอย่างจร
ดังภาษิตที่ว่า โอสถดีมักมีรสขม
คำชมแม้หวาน หากนานไปกลับเป็นโทษ ฉันใด
คำวิพากษ์วิจารณ์จากกัลยาณม
ทั้งหมดนี้ คือคำตอบที่ว่า เราคือใคร และเราทำหน้าที่ที่ยากยิ่งน
ทีมงานรายการทุกคนและผู้ดำเ
ขอขอบพระคุณและน้อมรับทุกคำ
แม้จะดุดันเกรี้ยวกราดบ้าง เราก็ยินดีรับฟัง เพราะการฟังอย่างลึกซึ้งเท่
นี่คือเหตุผลที่เรารับฟังทุ
ด้วยความเคารพ
กองบรรณาธิการตอบโจทย์ประเท
..............................................................................................................................
..................................................................................................................................
ปีศาจภายในตัวเรา
ในเดือนกรกฎาคม ปี 1961 สแตนลีย์ มิลแกรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย เยล สหรัฐอเมริกา ทำการทดลองทางจิตวิทยาสำคัญ ครั้งหนึ่ง ต่อมาเรียกชื่อว่า The Milgram Experiment
การทดลองนี้ประกอบด้วยตัวอย ่างทดลองสองกลุ่ม กลุ่มแรกทำหน้าที่เป็นครู กลุ่มหลังทำหน้าที่เป็นนักเ รียน ทดลองทีละคู่โดยมี สแตนลีย์ มิลแกรม เป็นผู้คุมการทดลอง นักเรียนอยู่ที่ห้องหนึ่ง ครูกับผู้คุมอยู่อีกห้องหนึ ่ง
การทดลองเริ่มด้วยผูกข้อมือ ของนักเรียนด้วยเส้นลวดเชื่ อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ครูทำหน้าที่ป้อนคำถามแก่นั กเรียน หากนักเรียนตอบไม่ได้ ครูจะลงโทษนักเรียนคนนั้น โดยกดปุ่มปล่อยประแสไฟฟ้าไป ชอร์ตนักเรียน ปุ่มเหล่านี้เรียงจากค่าต่ำ สุดไปถึงสูงสุด เมื่อตอบผิดครั้งแรก นักเรียนจะถูกลงโทษด้วยกระแ สโวลต์ต่ำ และจะเพิ่มขึ้น 15 โวลต์ทุกๆ ครั้งที่ตอบผิด บทลงโทษสูงสุดคือ 450 โวลต์ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุ ษย์
ความตึงเครียดเกิดขึ้นกับคร ูทุกคน เพราะเมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าไ ปหลายครั้ง นักเรียนจะร้องด้วยความเจ็บ ปวด จนถึงจุดจุดหนึ่ง นักเรียนจะขอร้องครูไม่ให้ล งโทษพวกเขา บางคนทุบกำแพง บางคนร้องไห้ ครูบางคนลังเลและบอกผู้คุมว ่าจะขอเลิกทดลอง บางคนบอกว่าจะคืนเงินค่าจ้า ง ผู้คุมตอบว่า “เลิกไม่ได้ โปรดเดินหน้าทดลองต่อไป”
บางครั้งนักเรียนปฏิเสธที่จ ะตอบ เพราะกลัวตอบผิด ครูจะถือว่านักเรียนตอบคำถา มนั้นผิด และกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้า
แม้จะไม่รู้สึกสบายใจนัก ผู้ที่รับหน้าที่เป็นครูส่ว นใหญ่ก็ดำเนินการต่อไปจนจบ ครูบางคนทนไม่ได้จริงๆ ก็เดินออกจากห้องไป แต่ครูบางคนก็ไม่รู้สึกรู้ส าอะไร
หลังการทดลองจบแล้ว ผู้คุมจะอธิบายให้ครูฟังว่า การทดลองนี้ไม่มีการปล่อยกร ะแสไฟฟ้าจริงแต่อย่างใด นักเรียนที่มาทดลองทำหน้าที ่เล่นบทหลอกครูเท่านั้น เสียงร้องของนักเรียนเป็นเส ียงที่อัดเทปล่วงหน้า เพื่อหลอกดูปฏิกิริยาของครู ครูก็คือกลุ่มตัวอย่างที่แท ้จริงของงานนี้
แม้ The Milgram Experiment ได้รับการวิพากษ์ว่าผิดจรรย าบรรณของการทำวิจัย แต่ผลการค้นพบน่าสนใจอย่างย ิ่ง มันบอกว่ามนุษย์เราสามารถปฏ ิบัติตามคำสั่งให้กระทำเรื่ องเลวร้ายได้ทั้งที่รู้ว่าม ันผิด
การค้นพบนี้อธิบายว่า มนุษย์เราเชื่อฟังอำนาจเบื้ องบนโดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าเบื้องบนจะออกคำสั่งใ ห้ทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน นี่อาจอธิบายว่าทำไมทหารนาซ ีจึงสามารถฆ่าชาวยิวหกล้านค นในสงครามโลกครั้งที่สอง รวมทั้งการทรมานนักโทษทุกรู ปแบบ ทั้งที่รู้อยู่ว่ามันเป็นคำ สั่งที่ไม่ถูกต้องและผิดศีล ธรรม
นี่เป็นภาพที่เราเห็นเป็นปร ะจำในสังคมบ้านเรา ข้าราชการรับคำสั่งรัฐมนตรี ให้ปล้นชาติโดยไม่แย้ง ทั้งที่รู้โดยมโนธรรมและศีล ธรรมว่ามันไม่ถูกต้อง อัยการปล่อยคนร้ายให้พ้นมือ กฎหมาย ตำรวจรับใช้โจรที่เล่นการเม ืองจนเป็นใหญ่ พัสดีโค้งคำนับนักโทษ ครูบาอาจารย์รับใช้นักการเม ืองชั่ว ฯลฯ
ทหารนาซีที่ฆ่าชาวยิวก็เป็น คนธรรมดา รักครอบครัว เข้าโบสถ์ ตำรวจ พัสดี ครูอาจารย์ก็เป็นคนธรรมดา มีศาสนา เข้าวัดเข้าวา แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นป ิศาจได้
ในชีวิตจริง คำสั่งมาในหลายรูปแบบและมีค วามรุนแรงต่างกัน ตั้งแต่การฆ่ากัน การยกพวกตีกัน ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ เช่น ประเพณี ‘ว้าก’ ในบางมหาวิทยาลัย
นักเรียนที่ยกพวกตีกันอาจมา จากครอบครัวที่ดี พ่อแม่อบรมสั่งสอนให้เป็นคน ดี แต่ภายใต้บางสถานการณ์ เมื่อพวกเขาตกอยู่ในคำสั่งใ ห้ฆ่า หรือทำร้ายนักเรียนโรงเรียน อื่นก็ไม่ปฏิเสธ
หลายคนเสพยาเพราะเพื่อนทุกค นเสพยา “ไม่งั้นจะเสียเพื่อน” ในประเพณีรับน้อง ในเมื่อทุกคนก็ ‘ว้าก’ ใส่รุ่นน้อง เราก็ต้องทำด้วย “ไม่งั้นจะเข้ากับใครไม่ได้ ” ฯลฯ
ความแตกแยกของสังคมบ้านเราใ นช่วงหลายปีนี้ สร้าง ‘ความชอบธรรม’ ให้เราทำร้ายเข่นฆ่าอีกฝ่าย ได้ง่ายขึ้น ฆ่าพวกมันให้ตาย เอามันให้หนัก “เพราะพวกมันไม่ใช่พวกเรา” ในที่สุดก็ไม่ต่างจากพวกนาซ ีที่ฆ่าชาวยิวไปหกล้านคน
คนเรามีข้ออ้างเสมอเพื่อสร้ างความชอบธรรม หรือคำอธิบายเมื่อทำเรื่องแ ย่ๆ : “ฉันทำตามหน้าที่”, “ถ้าเราไม่ทำ คนอื่นก็ทำ”, “เบื้องบนสั่งมา ไม่ทำไม่ได้”, “เราต้องเคารพคำสั่ง”, “มันเป็นประเพณีของโรงเรียน เรา” ฯลฯ
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดฝังใน ยีนของเราทุกคน แต่จุดหนึ่งที่ทำให้เราต่าง จากสัตว์อื่นๆ อยู่ที่เราพัฒนามโนธรรม ความรู้ถูกรู้ผิด และเราพัฒนาสังคมให้ทุกหน่ว ยมีเจตจำนงอิสระมากเท่าที่จ ะมีได้ เรามีเจตจำนงอิสระที่จะทำดี หรือทำชั่ว
ไม่ช้าหรือเร็ว เราแทบทุกคนก็ต้องผ่านการทด ลองกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้า จะเลือกกดปุ่มหรือไม่กดปุ่ม อยู่ที่เรา
เราทุกคนมีศักยภาพที่จะเปลี ่ยนเป็นปิศาจได้ก็จริง แต่หากเราเลิกเชื่อว่าเราสา มารถเลือกที่ทำดีทำชั่วได้ เลือกที่จะมีความสุขได้ ชีวิตของเราจะเหลือคุณค่าอะ ไร?
มนุษย์อาจเป็นสัตว์ที่อ่อนแ อโดยสันดาน แต่หากเราใช้เหตุผลนี้เป็นข ้อแก้ตัว ว่าเราอ่อนแอเกินกว่าที่จะต ่อต้านอำนาจเบื้องบนที่เลวร ้าย ก็เป็นเพียงคำแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ เพราะประวัติศาสตร์มีตัวอย่ างคนมากมาย ที่ปฏิเสธกระทำตามคำสั่งเลว ร้าย
เราสามารถเลือกได้ 35% ของกลุ่มตัวอย่าง The Milgram Experiment เดินออกจากห้อง ปฏิเสธที่จะกดปุ่มปล่อยกระแ สไฟฟ้าไปทำร้ายคนอื่น
วินทร์ เลียววาริณ
16 มีนาคม 2556
ในเดือนกรกฎาคม ปี 1961 สแตนลีย์ มิลแกรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย
การทดลองนี้ประกอบด้วยตัวอย
การทดลองเริ่มด้วยผูกข้อมือ
ความตึงเครียดเกิดขึ้นกับคร
บางครั้งนักเรียนปฏิเสธที่จ
แม้จะไม่รู้สึกสบายใจนัก ผู้ที่รับหน้าที่เป็นครูส่ว
หลังการทดลองจบแล้ว ผู้คุมจะอธิบายให้ครูฟังว่า
แม้ The Milgram Experiment ได้รับการวิพากษ์ว่าผิดจรรย
การค้นพบนี้อธิบายว่า มนุษย์เราเชื่อฟังอำนาจเบื้
นี่เป็นภาพที่เราเห็นเป็นปร
ทหารนาซีที่ฆ่าชาวยิวก็เป็น
ในชีวิตจริง คำสั่งมาในหลายรูปแบบและมีค
นักเรียนที่ยกพวกตีกันอาจมา
หลายคนเสพยาเพราะเพื่อนทุกค
ความแตกแยกของสังคมบ้านเราใ
คนเรามีข้ออ้างเสมอเพื่อสร้
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดฝังใน
ไม่ช้าหรือเร็ว เราแทบทุกคนก็ต้องผ่านการทด
เราทุกคนมีศักยภาพที่จะเปลี
มนุษย์อาจเป็นสัตว์ที่อ่อนแ
เราสามารถเลือกได้ 35% ของกลุ่มตัวอย่าง The Milgram Experiment เดินออกจากห้อง ปฏิเสธที่จะกดปุ่มปล่อยกระแ
วินทร์ เลียววาริณ
16 มีนาคม 2556
.....................................................................................................................................
น่ารักดีขอรับ Admin : Gamedodee
........................................................................................................................................
..................................................................................................................................
ปรับปรุงสนามหลวง ใช้เวลา 300 วัน งบ 180 ล้าน!!!
----ปูหญ้าใหม่ทุกสัปดาห์ แค่นี้ก็น่าจะได้อยู่นะ 180ล้าน
.....................................................................................................................................
....................................................................................................................................
"บางเวลานะ" พูห์พูด "สิ่งที่เล็กที่สุดกลับกินเ
.......................................................................................................................
เปิดตำนาน แม่นากพระโขนง
รายการ คุณพระช่วย
ตีพิมพ์ในหนังสือ สยามประเภท
(เอกสารที่เก่าแก่ที่สุดในการบันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวแม่นาก)
โดย กศร. กุหลาบ ได้รับฟังจากลูกหลานแม่นาก
"ลูกหลานไม่อยากให้พ่อมีเมียใหม่ (นายชุ่ม)
จึงปลอมตัวเป็นผีไปหลอกหลอนชาวบ้านจนกระทั่งผู้คนหวาดกลัว"
ลูกแม่นากได้เล่าถวาย กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
~"B FuckGhost"~
Supapong Wanitpongpan http://www.youtube.com/watch?v=DmdwZRc3dh4
.............................................................................................................................
อย่ามาเปิดกะลาเรานะ :-)
.............................................................................................................................
Spiral Staircase Slide
www.AmazingInteriorDesign.
................................................................................................................................
เพื่อนๆเห็นอะไรบ้าง ในภาพๆนี้ ? >~<!
จักรพงษ์ จำรูญ ไอยะ ขับเคลื่อนด้วยจักรยาน
................................................................................................................................
เปลือกของสุภาพชน
ครั้งหนึ่งเอกอัครราชทูตเยอ รมันมาขอพบไอน์สไตน์ที่บ้าน ภรรยาของไอน์สไตน์บอกสามีว่ า "ทำไมคุณไม่ไปเปลี่ยนชุดที่ มันเรียบร้อยกว่านี้เล่า?"
ไอน์สไตน์ตอบว่า "ถ้าเขาอยากพบตัวฉัน ฉันก็อยู่นี่แล้วไง แต่ถ้าอยากดูเสื้อผ้าของฉัน ก็พาเขาไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู ซี"
ผมชอบไอน์สไตน์มิใช่เพราะเข าฉลาดปราดเปรื่องเกินมนุษย์ ทั่วไป คิดสมการพิสดารออกมาได้ หากเพราะเขาเป็นคนขวานผ่าซา ก ผ่าตรงเป้า คิดง่ายๆ เสมอ
หลายปีมาแล้ว ผมลองไปเรียนเรื่องมารยาทสั งคมจากสถาบันสอนบุคลิกภาพแห ่งหนึ่ง ได้ความรู้ติดหัวมาว่า "การแต่งกายดีนั้นก็เพื่อให ้เกียรติสถานที่ที่เราไป"
มาครุ่นคิดนานหลายปีว่าจริง หรือ? และถ้าจริง จำเป็นหรือ?
เวลาเราไปงานแต่งงานของใครส ักคู่ เราสวมสูทและชุดราตรี เหตุผล? เพราะเป็นมารยาทสังคม เพราะเป็นการให้เกียรติคู่บ ่าวสาวในงานสำคัญของพวกเขา เพราะเป็นการให้เกียรติสถาน ที่หรูหรา และเพราะสุภาพชนพึงทำเช่นนั ้น
อดคิดต่อไม่ได้ว่า อะไรคือความสุภาพ? อะไรคือมาตรวัดความสุภาพ? การพูดคำว่า "ครับ/ ค่ะ" ตลอดเวลา หรือว่าการแต่งกายเหมาะสม? หรือทั้งสองอย่าง? ถ้าใช่ อะไรเป็นมาตรวัดความเหมาะสมของการแ ต่งกาย?
โรงแรมระดับห้าดาวส่วนใหญ่ไ ล่แขกที่สวมรองเท้าแตะออกจา กสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นั้น (มักใช้คำว่า "เชิญ") ทั้งที่รองเท้าแตะก็ปกป้องต ีนได้ดีไม่แพ้เกือกบู๊ทหรือ รองเท้าหุ้มส้น และคนสวมรองเท้าแตะก็สามารถ เอ่ยคำว่า "ครับ/ค่ะ" ได้เช่นกัน
ดูเหมือนค่านิยมของสังคมจะเ ดินไปในทิศทางที่ว่า "ความสุภาพ" ของการแต่งกายวัดกันที่ "แบบ" ของเสื้อผ้า เช่น รองเท้าแตะไม่เรียบร้อย รองเท้าฟองน้ำไม่สุภาพ การไม่เสียบชายเสื้อเข้าในก างเกงน่าดูแคลน
ผมเคยทดลองสวมเสื้อยืดกับรอ งเท้าแตะ เข้าไปในร้านหรู ไม่มีพนักงานคนใดเดินมาต้อน รับเลย ซึ่งตรงกันข้ามกับเมื่อสวมเ สื้อผ้าแบบ "สุภาพชน" เสื้อเชิร์ตแขนยาว รองเท้าหนังมันเงา เข้าไปในร้านเดียวกัน พนักงานเข้ามาพูดจาอย่างสุภ าพ เพราะปรัชญาการทำธุรกิจของห ลายองค์กรไม่ต้อนรับ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง หรืออย่างน้อยก็ไม่เชื่อว่า ภายในผ้าขี้ริ้วมีทอง
ไอน์สไตน์กล่าวว่า "คนจำนวนมากรู้สึกละอายที่ส วมเสื้อผ้าเก่า และใช้เครื่องเรือนคร่ำคร่า เราน่าจะละอายในความคิดเก่า คร่ำคร่ากับปรัชญาไร้ค่ามาก กว่า น่าเศร้านะถ้ากระดาษที่ห่อห ุ้มดีกว่าเนื้อภายใน"
คนถ่อยสวมสูทตัวละแสนบาท ก็ยังเป็นคนถ่อยอยู่เช่นเดิ ม
ความจริงคือ มารยาทย่อมไม่มีกฎเกณฑ์ การสวมชุด "สุภาพชน" มิได้เป็นการให้เกียรติต่อท ั้งสถานที่และบุคคลเสมอไป
การเปลือยกายในสังคมหนึ่งอา จเป็นเรื่องน่าละอาย ขณะที่เป็นค่านิยมปกติในอีก สังคมหนึ่ง
ความจริงการเปลี่ยนแปลงกติก าของการแต่งกายเป็นเรื่องธร รมดา เมื่อโลกแคบลง และความเป็นสากลสูงขึ้น ปัญหามักเกิดจากความพยายามเ ปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมที่ (เราคิดว่า)เหนือกว่าเราอย่ างไม่มีราก อย่างหลับหูหลับตา และตีค่าของคนที่เปลือกนอกม ากกว่าภายใน
ดังนี้สวมชุด "สุภาพชน" ก็ไม่ผิด ไม่สวมชุด "สุภาพชน"ก็ไม่ผิด การสวมชุดสีแดงไปงานศพ หรือชุดสีดำไปงานมงคลก็ไม่ผ ิด แต่สุภาพชนที่แท้ย่อมมองไกล กว่าเครื่องแต่งกาย
สุภาพชนที่แท้ย่อมเป็นอิสระ จากการเดินตามกฎและการไม่เด ินตามกฎ อิสรภาพหมายถึงการไม่ยึดติด กับค่านิยมของสังคม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องต่อต้านเ พียงเพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็น ว่า ตนเองไม่ยึดติดกับค่านิยมขอ งสังคม
วินทร์ เลียววาริณ
8 พฤศจิกายน 2547
ครั้งหนึ่งเอกอัครราชทูตเยอ
ไอน์สไตน์ตอบว่า "ถ้าเขาอยากพบตัวฉัน ฉันก็อยู่นี่แล้วไง แต่ถ้าอยากดูเสื้อผ้าของฉัน
ผมชอบไอน์สไตน์มิใช่เพราะเข
หลายปีมาแล้ว ผมลองไปเรียนเรื่องมารยาทสั
มาครุ่นคิดนานหลายปีว่าจริง
เวลาเราไปงานแต่งงานของใครส
อดคิดต่อไม่ได้ว่า อะไรคือความสุภาพ? อะไรคือมาตรวัดความสุภาพ? การพูดคำว่า "ครับ/
โรงแรมระดับห้าดาวส่วนใหญ่ไ
ดูเหมือนค่านิยมของสังคมจะเ
ผมเคยทดลองสวมเสื้อยืดกับรอ
ไอน์สไตน์กล่าวว่า "คนจำนวนมากรู้สึกละอายที่ส
คนถ่อยสวมสูทตัวละแสนบาท ก็ยังเป็นคนถ่อยอยู่เช่นเดิ
ความจริงคือ มารยาทย่อมไม่มีกฎเกณฑ์ การสวมชุด "สุภาพชน" มิได้เป็นการให้เกียรติต่อท
การเปลือยกายในสังคมหนึ่งอา
ความจริงการเปลี่ยนแปลงกติก
ดังนี้สวมชุด "สุภาพชน" ก็ไม่ผิด ไม่สวมชุด "สุภาพชน"ก็ไม่ผิด การสวมชุดสีแดงไปงานศพ หรือชุดสีดำไปงานมงคลก็ไม่ผ
สุภาพชนที่แท้ย่อมเป็นอิสระ
วินทร์ เลียววาริณ
8 พฤศจิกายน 2547
...............................................................................................................................
..................................................................................................................................
โทษหนัก ! พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฉบับใหม่ จัดเก็บ-เรียกคืนสินค้าอันตราย 19 มี.ค.บังคับใช้แล้ว !!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1363599196&grpid=03&catid=01&subcatid=0100
..................................................................................................................................
Are you a better investor than this 5th grader? In elementary schools across the U.S., there is no better stock picker than 11-year-old Rachel Kelly.
STORY + CLIP: http://cnb.cx/WkmD2p
...............................................................................................................................
หลายครั้งเวลาผมเห็นคนแถทีไ
แทนที่จะยอมรับว่าตัวเองผิด
................................................................................................................................
การโต้ตอบของ จิตตนาถ ลิ้มทองกุล กับ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เกี่ยวกับกรณีตอบโจทย์
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000032728
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1363601379&grpid=03&catid=01&subcatid=0100
Thinnakorn Tankaya ย่อหน้าสุดท้าย!! 555+
...............................................................................................................................
..............................................................................................................................
"ยุทธจักร" นี่มันเป็นโลกของ "คนดี" จริงๆ เลยหว่ะ
มีข้อพิพาทอะไรขึ้นมาแทนที่จะหา วิธีพิสูจน์แต่กลับเลือกฟังตามเ ครดิตของคนพูด
แค่ถ้าคนพูดมีชื่อเสียงว่าเป็นค นดีมีคุณธรรมก็เชื่อ
แล้วเรื่องแม่งก็บานปลายเพราะแบ บนี้ทุกที
มีข้อพิพาทอะไรขึ้นมาแทนที่จะหา
แค่ถ้าคนพูดมีชื่อเสียงว่าเป็นค
แล้วเรื่องแม่งก็บานปลายเพราะแบ
................................................................................................................................
coachsunitcha
เหตุผลสำคัญที่่คนส่วนใหญ่ไ ม่ประสบความสำเร็จ ดังนี้
1. ไม่รู้ความต้องการของตัวเอง (แท้จริง)
2. ไม่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง(จริง ๆ)
3. ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง (กลัวไม่สะดวกสบาย)
เหตุผลสำคัญที่่คนส่วนใหญ่ไ
1. ไม่รู้ความต้องการของตัวเอง
2. ไม่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่
3. ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง (กลัวไม่สะดวกสบาย)
4. ไม่ยอมรับความจริง (วิตกกับเหตุการณ์ล่วงหน้า)
5. ไม่ได้มีเป้าหมายในการสำเร็ จจริง (คิดแค่อยากสำเร็จ)
5. ไม่ได้มีเป้าหมายในการสำเร็
6. ไม่มีเป้าหมายในชีวิต (รอโชคชะตา)
==> หากคุณคือคนที่ต้องการสำเร็ จ ทำได้กี่ข้อก็สำเร็จตามนั้น ...เราเริ่มต้นกันที่ตรงไหน ก่อนดีคะ ^_^
==> หากคุณคือคนที่ต้องการสำเร็
...............................................................................................................................................
.................................................................................................................................
คุณเคยสังเกตกันบ้างป่ะ
เวลาที่เราเดินในโรงเรียนกั บเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
พอเจออาจารย์เดินสวนผ่านมา ถ้าเพื่อนทุกคนไม่ยกมือไหว้
เราก็จะไม่ยกมือไหว้ตามเพื่ อนๆ ซะงั้น
ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเวลาคุณเจออาจาร ย์ก็จะรีบไหว้ท่านทุกครั้ง . . .
พฤติกรรมนี้ทางจิตวิทยาเราม ีศัพท์เรียกว่า "Conformity" ครับ
ถ้าไปเปิดตำราดูจะพบว่าเขาแ ปลเป็นไทยว่า "การคล้อยตามกัน"
เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาส ังคม ซึ่งสรุปได้ให้เข้าใจง่ายๆ คือ
เรามีแนวโน้มที่จะกระทำอะไร ตามคนส่วนใหญ่
เพื่อให้เกิดการยอมรับจากสั งคม (ไม่อยากเป็นแกะดำ)
และถึงแม้ว่าสิ่งที่คนส่วนใ หญ่ทำนั้น จะ "ผิด" หรือไม่ก็ตาม !!!
ยกตัวอย่างเช่น
คุณไปเที่ยวสวนสนุกกับเพื่อ นๆ ในแก๊งตลอดทั้งวัน
แต่ตกเย็นเพื่อนคุณทุกคนก็ม ีความเห็นว่าจะไปต่อที่ผับก ัน
ส่วนคุณนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่ามีงานต้องทำ
และรู้ว่าคงจะต้องดื่มแอลกอ ฮอล์กันยันดึกแน่ๆ
แต่สุดท้าย คุณก็เลือกไปเข้าผับตามแก๊ง ถึงแม้คุณ
จะเกลียดควันบุหรี่ เกลียดเสียงหนวกหู เกลียดคนเมา
และรู้ว่ามันไม่ดีต่อตัวเอง ...
หรือเหตุการณ์
เรารู้ว่าเพื่อนๆ ในห้อง
เกลียดนาย A มากๆ แล้วเราก็เลยเกลียดนาย A ตามซะงั้น
ทั้งที่ความจริงเราไม่เคยมี ปฏิสัมพันธ์ทางลบกับนาย A เลย
หรืออีกตัวอย่าง (อันนี้หลายคนคงเคยเป็น)
เช่น อาจารย์ขออาสาสมัครไปทัศนศึ กษาต่างจังหวัด 7 วัน
เราสนใจมากๆ แล้วเราก็ไปถามเพื่อนในแก๊ง ว่า ไป/ไม่ไป
เพื่อนในแก๊งเราไม่มีใครสนใ จไปเลย
เราก็เลยตัดสินใจไม่ไป (แต่ในใจเราอยากไปมากกก)
ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะอะไร ?
.
.
.
นักจิตวิทยาสังคมชื่อ Solomon Asch
ได้ทำการ "ทดลอง" เกี่ยวกับเรื่องความคลุมเคร ือของสถานการณ์
โดยให้ผู้เข้ารับการทดลองนั ่งรวมกับคนอื่น (ซึ่งเป็นหน้าม้า)
ซึ่งผู้ทดลองได้เตรียมคำตอบ กันไว้แล้วประมาณ 7-9 คน
โดยทุกคนในกลุ่มจะได้เห็น "เส้นตรงแนวดิ่ง" (ดังรูป)
ที่มีความยาวไม่เท่ากัน 3 เส้น
ส่วนอีกหนึ่งเส้นจะใช้เป็นเ ส้นเพื่อเปรียบเทียบ
จากนั้นให้สมาชิกแต่ละคนตอบ ว่าเส้นใด
มีความยาวใกล้เคียงกับเส้นม าตรฐานมากที่สุด
โดยกำหนดให้บุคคลที่เข้ารับ การทดลองเป็นคนตอบคนสุดท้าย
ผลปรากฏว่า 37 % ในจำนวน 123 คน
ยอมที่จะตอบผิดตามกลุ่มบุคค ลที่ Asch ได้เตรียมคำตอบไว้
จากการทดลองของแอชนั้นจึงสร ุปได้ว่า
ถึงแม้สถานการณ์จะมีคำตอบที ่ชัดเจนไม่คลุมเครือก็ตาม
แต่บุคคลก็ยังคล้อยตามคนส่ว นใหญ่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้เพื่อให้ตนได้รับการ ยอมรับจากสังคมเท่านั้น!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
*เสริม*
การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมคล้ อยตามกลุ่มนั้นๆ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ:
- ความเชื่อมั่นในตนเอง
บุคคลที่มีความเชื่อมั่นในต นเองสูงจะตัดสินใจจากความคิ ด
และเหตุผลของตัวเองมากกว่าค ล้อยตามความคิดเห็นของกลุ่ม
ส่วนคนที่ไม่เชื่อมั่นในตนเ องจะคล้อยตามกลุ่มได้ง่าย
- สัมพันธภาพระหว่างบุคคลภายใ นกลุ่ม
กลุ่มใดก็ตามที่สมาชิกภายใน กลุ่มมีความรักใคร่สนิทสนมก ัน
อย่างแน้นแฟ้น หรือมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกั น
จะเกิดความคล้อยตามกันได้ง่ ายกว่ากลุ่มที่มีความไม่ลงร อยกันภายในกลุ่ม
เวลาที่เราเดินในโรงเรียนกั
พอเจออาจารย์เดินสวนผ่านมา ถ้าเพื่อนทุกคนไม่ยกมือไหว้
เราก็จะไม่ยกมือไหว้ตามเพื่
ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเวลาคุณเจออาจาร
พฤติกรรมนี้ทางจิตวิทยาเราม
ถ้าไปเปิดตำราดูจะพบว่าเขาแ
เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาส
เรามีแนวโน้มที่จะกระทำอะไร
เพื่อให้เกิดการยอมรับจากสั
และถึงแม้ว่าสิ่งที่คนส่วนใ
ยกตัวอย่างเช่น
คุณไปเที่ยวสวนสนุกกับเพื่อ
แต่ตกเย็นเพื่อนคุณทุกคนก็ม
ส่วนคุณนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่ามีงานต้องทำ
และรู้ว่าคงจะต้องดื่มแอลกอ
แต่สุดท้าย คุณก็เลือกไปเข้าผับตามแก๊ง
จะเกลียดควันบุหรี่ เกลียดเสียงหนวกหู เกลียดคนเมา
และรู้ว่ามันไม่ดีต่อตัวเอง
หรือเหตุการณ์
เรารู้ว่าเพื่อนๆ ในห้อง
เกลียดนาย A มากๆ แล้วเราก็เลยเกลียดนาย A ตามซะงั้น
ทั้งที่ความจริงเราไม่เคยมี
หรืออีกตัวอย่าง (อันนี้หลายคนคงเคยเป็น)
เช่น อาจารย์ขออาสาสมัครไปทัศนศึ
เราสนใจมากๆ แล้วเราก็ไปถามเพื่อนในแก๊ง
เพื่อนในแก๊งเราไม่มีใครสนใ
เราก็เลยตัดสินใจไม่ไป (แต่ในใจเราอยากไปมากกก)
ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะอะไร
.
.
.
นักจิตวิทยาสังคมชื่อ Solomon Asch
ได้ทำการ "ทดลอง" เกี่ยวกับเรื่องความคลุมเคร
โดยให้ผู้เข้ารับการทดลองนั
ซึ่งผู้ทดลองได้เตรียมคำตอบ
โดยทุกคนในกลุ่มจะได้เห็น "เส้นตรงแนวดิ่ง" (ดังรูป)
ที่มีความยาวไม่เท่ากัน 3 เส้น
ส่วนอีกหนึ่งเส้นจะใช้เป็นเ
จากนั้นให้สมาชิกแต่ละคนตอบ
มีความยาวใกล้เคียงกับเส้นม
โดยกำหนดให้บุคคลที่เข้ารับ
ผลปรากฏว่า 37 % ในจำนวน 123 คน
ยอมที่จะตอบผิดตามกลุ่มบุคค
จากการทดลองของแอชนั้นจึงสร
ถึงแม้สถานการณ์จะมีคำตอบที
แต่บุคคลก็ยังคล้อยตามคนส่ว
ทั้งนี้เพื่อให้ตนได้รับการ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
*เสริม*
การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมคล้
- ความเชื่อมั่นในตนเอง
บุคคลที่มีความเชื่อมั่นในต
และเหตุผลของตัวเองมากกว่าค
ส่วนคนที่ไม่เชื่อมั่นในตนเ
- สัมพันธภาพระหว่างบุคคลภายใ
กลุ่มใดก็ตามที่สมาชิกภายใน
อย่างแน้นแฟ้น หรือมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกั
จะเกิดความคล้อยตามกันได้ง่
...................................................................................................................................
..............................................................................................................................
"ทำไมไม่มีใครคิดว่า แทนที่เราจะเขียนว่าควรมิคว
------------------
อ.วรเจตน์ เสวนางาน ศาลในฐานะกลไกของระบอบ
http://www.youtube.com/
.....................................................................................................................................
http://www.youtube.com/watch?v=vKkxmj45bms&feature=youtu.be
......................................................................................................................................
....................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น