...............................................................................................................................
เ จ้ า ห ญิ ง ใ น ด ว ง ใ จ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ไ ท ย
น้องรัก Siriluck Saeng-Xuto ผู้เป็นอาจารย์ที่ ม.รามคำแหง ได้ส่งภาพนี้ มาให้ และเขียนบันทึกว่า.....
“....ท่านอาจารย์ค่ะ นี่คือเจ้าหญิงแห่งราชอาณาจ ักรไทยค่ะ (ช่วงบ่ายของวันสุดท้าย ๘มี.ค.๕๖ ที่ลักษณ์ถวายงานเป็นคนที่๔ ด้วยค่ะ) เห็นท่านยื่นๆๆจนบัณฑิตรับไ ด้ค่ะ.....”
ผมนั่งมองภาพนี้อยู่นานและย กมือไหว้ถวายพระพร
ผมมีความภาคภูมิใจที่เป็นคน ไทยที่มีเจ้าหญิงของแผ่นดิน ครับ
ผมรักและเทิดทูลสมเด็จพระเท พรัตนฯ มากเหลือเกินครับ
น้องรัก Siriluck Saeng-Xuto ผู้เป็นอาจารย์ที่ ม.รามคำแหง ได้ส่งภาพนี้ มาให้ และเขียนบันทึกว่า.....
“....ท่านอาจารย์ค่ะ นี่คือเจ้าหญิงแห่งราชอาณาจ
ผมนั่งมองภาพนี้อยู่นานและย
ผมมีความภาคภูมิใจที่เป็นคน
ผมรักและเทิดทูลสมเด็จพระเท
..........................................................................................................................
...................................................................................................................................
คุณชายกบ ตอน มรึงเจ๋งวะ
http://www.youtube.com/user/sirfrodinternational?feature=mhee
..................................................................................................................................
หนุ่มน้อยเพิ่งจบการศึกษาด้ วยผลการเรียนดีเยี่ยมไปสมัค รงานในตำแหน่งผู้จัดการ
ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ค รั้งแรกไปแล้ว ผู้อำนวยการ ได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์เป็นค รั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ ผู้อำนวยการเห็นข้อมูลในประ วัติ ของเด็กหนุ่มคนนี้ว่ามีผลกา รเรียนเป็นเลิศในทุกวิชาตลอ ดมา นับตั้งแต่อุดมศึกษาจน จบมหาวิทยาลัย ไม่ปรากฏว่าเขาทำคะแนนตกเลย
ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า “เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มตอบว่า “ไม่เคยครับ”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่า เล่าเรียนให้ใช่ไหม”
เด็กหนุ่มตอบว่า “คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผ มอายุได้ขวบเดียวครับ เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเร ียนให้ผม”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน”
เด็กหนุ่มตอบว่า “คุณแม่ทำงานซักรีด”
ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา เด็กหนุ่มยื่นมือที่เรียบลื ่นไม่มีที่ติให้ผู้อำนวยการ ดูผู้อำนวยการถามต่อว่า “เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำง านบ้างหรือเปล่า”เขาตอบว่า “ไม่เคยครับ คุณแม่ต้องการให้ผมเรียนแล้ วก็อ่านหนังสือเยอะๆ คุณแม่ซักผ้าได้เร็วกว่าผมด ้วยครับ”ผู้อำนวยการบอกว่า “ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย ่างหนึ่งนะ วันนี้เธอกลับไปที่บ้านช่วย ล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้ว กลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช ้า” ด้วยความมั่นใจว่าโอกาสที่จ ะได้งานทำมีอยู่สูงมากเมื่อ เขากลับไปถึงบ้านเขาจึงรู้ส ึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ ของเขา ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจระคน หวั่นใจเธอส่งมือให้ลูก หนุ่มน้อยค่อยๆ ล้างมือให้แม่ แล้วน้ำตาไหลก็ออกมา เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่ นั้นช่างเหี่ยวย่นและเต็มไป ด้วยริ้วรอยขูดข่วน ซึ่งบางแผลพอโดนล้างน้ำก็ทำ ให้แม่เจ็บจนตัวสั่นระริก นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่ มตระหนักรู้ว่ามือคู่นี้เอง ที่ซักผ้าทุกวันเพื่อหารายไ ด้มาส่งเสียให้เขาได้เล่าเร ียนรอยแผลเหล่านี้คือราคาที ่แม่ต้องจ่ายไปเพื่อความสำเ ร็จในการศึกษาของเขา เพื่อผลการเรียนที่ยอดเยี่ย มของเขา และอาจจะเพื่ออนาคตของเขาด้ วย คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกันอ ยู่นาน เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟ ฟิศของผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตา ในดวงตาของเขา จึงถามขึ้นว่า“ช่วยเล่าให้ฟ ังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร”เด็กหนุ ่มตอบว่า “ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เ หลือจนเสร็จ”ผู้อำนวยการบอก ว่า “ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง” เด็กหนุ่มตอบ “ข้อที่หนึ่ง ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สำนึกในบุญคุณถ้าไม่มีแม่ก็ คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วย ข้อที่สอง จากการช่วยแม่ทำงานว่า ผมได้รู้ว่ามันลำบากยากเย็น ยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอ ย่างหนึ่งข้อที่สาม ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญข องความผูกพันในครอบครัว”ผู้ อำนวยการจึงบอกว่า
“ นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันอยากได้คนที่รู้ค่าของกา รได้รับความช่วยเหลือ
อยากได้คนที่เข้าใจถึงความล ำบากของใครสักคนในการจะทำอะ ไรได้มาสักอย่างและอยากได้ค นที่ไม่ได้ตั้งเงินเป็นเป้า หมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเด ียวมาเป็นผู้จัดการให้ฉันเป ็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำ งาน ”ในเวลาต่อมา เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้ทำงานอย ่างหนักและได้รับความนับถือ จากผู้ใต้บังคับบัญชา ลูกจ้างทุกคนทำงานเป็นทีมอย ่างขยันขันแข็ง กิจการของบริษัทก็เจริญก้าว หน้าเป็นอย่างดี เด็กที่ถูกตามใจจนเป็นนิสัย ได้ รับทุกอย่างที่ต้องการ จะสร้างนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง และเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับ แรก เขาจะไม่สนใจความเหนื่อยยาก ของพ่อแม่ เมื่อถึงวัยทำงานเขาก็จะคาด หวังว่า ใครๆ จะต้องเชื่อฟังเขา เมื่อเขาเป็นผู้จัดการ เขาจึงไม่มีวันรู้ว่าบรรดาล ูกจ้างนั้นลำบากอย่างไร และมักจะโทษคนอื่นคนลักษณะน ี้เขาอาจจะทำงานได้ อาจจะประสบความสำเร็จช่วงหน ึ่ง แต่ในที่สุดแล้ว เขาจะไม่สำเหนียกคุณค่าของค วามสำเร็จ หากยังคงคร่ำครวญ เคียดขึ้ง และไม่มีวันรู้สึกเพียงพอ
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ประเภทที่ป กป้องลูกแบบนี้
จงถามตัวเราว่า
เรากำลังให้ความรักกับลูก
หรือ
กำลังทำลายเขากันแน่ ?
เราให้ลูกๆ มีบ้านใหญ่ๆ อยู่
กินอาหารดีๆ
เรียนเปียโน
ดูทีวีจอใหญ่
แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย
หลังอาหาร ให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเอง พร้อมๆ กับพี่ๆ น้องๆ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้าง คนรับใช้
แต่เพราะเราอยากจะให้ความรั กกับพวกเขาอย่างถูกวิธี
เราอยากให้เขาเข้าใจว่า
ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย วันหนึ่งก็จะต้องผมขาวแก่เฒ ่าลงไปเหมือนกับแม่ของเด็กห นุ่มคนนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกขอ งเราจะได้เรียนรู้ คือ
รู้คุณค่าของความพยายาม
ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง
และได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่ วมกับผู้อื่นให้เป็น...
บทความนี้สกิดใจทั้งผู้ที่เ ป็นพ่อแม่และผู้ที่เป็นลูก ผู้ที่เป็นนายจ้างและลูกน้อ ง ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่และเด็ก ให้เรียนรู้ถึงการทำอะไรสัก อย่าง ไม่ได้มาอย่างง่ายๆ ทุกสิ่งทุกอย่างหากมองเห็นแ ค่ยอดของความสำเร็จ ก็จะมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ใ ต้หรือฐานรองของมัน ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความน ี้จริงๆ
ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ค
ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า “เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มตอบว่า “ไม่เคยครับ”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่า
เด็กหนุ่มตอบว่า “คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผ
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน”
เด็กหนุ่มตอบว่า “คุณแม่ทำงานซักรีด”
ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา เด็กหนุ่มยื่นมือที่เรียบลื
“ นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันอยากได้คนที่รู้ค่าของกา
อยากได้คนที่เข้าใจถึงความล
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ประเภทที่ป
จงถามตัวเราว่า
เรากำลังให้ความรักกับลูก
หรือ
กำลังทำลายเขากันแน่ ?
เราให้ลูกๆ มีบ้านใหญ่ๆ อยู่
กินอาหารดีๆ
เรียนเปียโน
ดูทีวีจอใหญ่
แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย
หลังอาหาร ให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเอง
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้าง
แต่เพราะเราอยากจะให้ความรั
เราอยากให้เขาเข้าใจว่า
ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย วันหนึ่งก็จะต้องผมขาวแก่เฒ
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกขอ
รู้คุณค่าของความพยายาม
ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง
และได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่
บทความนี้สกิดใจทั้งผู้ที่เ
.........................................................................................................................
..............................................................................................................................
คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
เมื่อผมอยู่ในครรภ์ของแม่ ผมต้องการให้แม่ได้รับประทา นอาหารที่เป็นคุณประโยชน์ และได้รับความเอาใจใส่ และบริการอันดีในเรื่องสวัส ดิภาพของแม่และเด็ก ผมไม่ต้องการมีพี่น้องมากอย ่างที่พ่อแม่ผมมีอยู่ และแม่จะต้องไม่มีลูกถี่นัก
พ่อกับแม่จะแต่งงานกันถูกฎห มาย หรือธรรมเนียมประเพณีหรือไม ่ ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ พ่อกับแม่ต้องอยู่ด้วยกันอย ่างสงบสุข ทำความอบอุ่นให้ผมและพี่น้อง
ในระหว่าง 2-3 ขวบแรกของผม ซึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเ ติบโตในระยะที่สำคัญ ผมต้องการให้แม่ผมกับตัวผม ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุ ณประโยชน์
ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาวหรือน้องสาวผมก็ต้องก ารไปโรงเรียน จะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้รู้คุณธรรมแห่งชีวิ ต ถ้าผมสติปัญญาเรียนชั้นสูงๆ ขึ้นไป ก็ให้มีโอกาสเรียนได้ ไม่ว่าพ่อแม่ผมจะรวยหรือจน จะอยู่ในเมืองหรือชนบทแร้นแ ค้น
เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความ หมาย ทำให้ได้รับความพอใจว่า ตนได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่ส ังคม
บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่จะต ้องมีขื่อ มีแป ไม่มีการข่มขู่ กดขี่ หรือประทุษร้ายกัน ประเทศของผมควรจะมีความสัมพ ันธ์อันชอบธรรม และเป็นประโยชน์กับโลกภายนอ ก ผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงค วามคิด และวิชาของมนุษย์ทั้งโลก และประเทศของผมจะได้มีโอกาส รับเงินทุนจากต่างประเทศ มาใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรว ม
ผมต้องการให้ชาติของผมได้ขา ยผลิตผลแก่ต่างประเทศด้วยรา คาอันเป็นธรรม ในฐานะที่ผมเป็นชาวไร่ชาวนา ผมก็อยากมีที่ดินของผมพอสมค วรสำหรับทำมาหากิน มีช่องทางได้กู้ยืมเงินมาขย ายงาน มีโอกาสรู้วิธีการทำกินแบบใ หม่ๆ มีตลาดดี และขายสินค้าได้ราคายุติธรร ม
ในฐานะที่ผมเป็นกรรมกร ผมก็ควรจะมีหุ้นมีส่วนในโรง งาน บริษัท ห้างร้านที่ผมทำอยู่
ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ ์ และหนังสืออื่นๆ ที่ไม่แพงนัก จะฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ก็ได้โดยไม่ต้องทนรบกวนจากก ารโฆษณามากนัก
ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้ องกันโรคแก่ผมฟรี กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอพยาบาล ได้สะดวก
ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่างสำหร ับเพลิดเพลินกับครอบครัว มีสวนสาธารณะที่เขียวชะอุ่ม สามารถมีบทบาท และชมศิลปะ วรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี วัฒนธรรมต่างๆ เที่ยวงานวัน งานลอยกระทง งานนักขัตฤกษ์ งานกุศลอะไรก็ได้พอสมควร
ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำห รับหายใจ น้ำดื่มบริสุทธิ์สำหรับดื่ม
เรื่องอะไรที่ผมเองไม่ได้ หรือได้แต่ของไม่ดี ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่ อนฝูงในรูปสหกรณ์ หรือ สโมสร หรือสหภาพ จะได้ช่วยซึ่งกันและกัน
เรื่องที่ผมจะเรียกร้องข้าง ต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า ผมยินดีเสียภาษีอากรให้ส่วน รวมตามอัตภาพ
ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนในส ังคมรอบตัวผม ต้องการมีส่วนในการวินิจฉัย โชคชะตาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ
เมียผมก็ต้องการโอกาสต่างๆ เช่นเดียวกับผม และเราสองคนควรจะได้รับความ รู้และวิธีการวางแผนครอบครั ว
เมื่อแก่ ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ต อบแทนจากการประกันสังคม ซึ่งผมได้จ่ายบำรุงตลอดมา
เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายอย่างโง่ๆ อย่างบ้าๆ คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อ ให้เกิดขึ้น ตายในสงครามกลางเมือง ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตายเพราะน้ำหรืออากาศเป็นพิ ษ หรือตายเพราะการเมืองเป็นพิ ษ
เมื่อตายแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่ เก็บไว้ให้เมียผมพอใจในชีวิ ตของเธอ ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้ เลี้ยงให้โต แต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ นอกนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบ ำรุงชีวิตของคนอื่นๆ บ้าง
ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่างฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยแล ะทำกิน และอย่าทำพิธีรีตอง ในงานศพให้วุ่นวายไป
นี่แหละคือความหมายของชีวิต นี่แหละคือการพัฒนาที่จะควร ให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ขอ งทุกคน
สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่ อุตส่าห์อ่านมาจนจบ ขอความสุขสวัสดีและสันติสุข จงเป็นของท่านทั้งหลาย และพระท่านกล่าวไว้ดังนี้เก ี่ยวกับความสวัสดี
"เราตถาคตไม่เห็นความสวัสดี อื่นใดของสัตว์ทั้งหลาย นอกจากปัญญา เรื่องตรัสรู้ ความเพียร ความสำเร็จอินทรีย์ และความเสียสละ"
-------------------------- ------------------
ฉบับภาษาอังกฤษ
The Quality of Life of a Southeast Asian (From womb to tomb)
While in my mother's womb, I want her to have good nutrition and access to maternal and child welfare care.
I don't want to have as many brothers and sisters as my parents had before me, and I do not want my mother to have a child too soon after me.
I don't care whether my father and mother are formally married, but I need them to live together in reasonable harmony.
I want good nutrition for my mother and for me in my first two or three years when my capacity for future mental and physical development is determined.
I want to go to school, together with my sister, and to learn a trade, and to have the schools impart social values to me. If I happen to be suitable for higher education, that opportunity should be available.
When I leave school I want a job, a meaningful one in which I can feel the satisfaction of making a contribution.
I want to live in a law and order society, without molestation. I want my country to relate effectively and equitably to the outside world so that I can have access to the intellectual and technical knowledge of all mankind, as well as the capital from overseas.
I would like my country to get a fair price for the products that I and my fellow citizens create.
As a farmer, I would like to have my own plot of land, with a system which gives me access to credit, to new agricultural technology and to markets, and a fair price for my produce.
As a worker, I would want to have some share, some sense of participation in the factory in which I work.
As a human being, I would like inexpensive newspapers and paperback books, plus access to radio and TV (without too much advertising).
I want to enjoy good health, and I expect the Government to provide free preventive medical service and cheap and readily available good curative service.
I need some leisure time for myself, and to enjoy my family, and want access to some green parks, to the arts, and to traditional social or religious festivities. I want clean air to breathe and clean water to drink.
I would like to have the security of co-operative mechanisms in which I join to help others do things which they cannot do alone, and they do the same for me.
I need the opportunity to participate in the society around me, and to help shape the decisions of the economic and social as well as the political institutions that so affect my life.
I want my wife to have equal opportunity with me, and I want both of us to have access to the knowledge and means of family planning.
In my old age, it would be nice to have some form of social security to which I have contributed.
When I die, if I happen to have some money left, I would wish the Government to take some of it, leaving an adequate amount for my widow. With this money the Government should make it possible for others to enjoy life too.
These are what life is all about, and what development should seek to achieve for all.
-------------------------- ------------------
อ้างอิง
[1]. ["คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน" ภาคผนวกของ Thoughes on South-East Asia’s Development 1980 (ข้อคิดเพื่อการพัฒนาเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับค.ศ. 1980) โดย ป๋วย อึ้งภากรณ์ ตุลาคม พ.ศ. 2516 โดยดูต้นฉบับลายมือของ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ได้ตาม URL ข้างล่างนี้
(URL : http:// puey-ungphakorn.org/ wp-content/uploads/2011/03/ จากครรภ์มารดา.pdf) ]
-------------------------- ------------------
เพิ่มเติม
[1]. ดร. อัมมาร สยามวาลา ได้เคยกล่าวถึงอาจารย์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ไว้อย่างน่าสนใจว่า
"An honest man in a corrupt country
คนตรงในประเทศคด"
[2]. [คลิปภาพยนตร์ "จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน "
(URL : http://www.youtube.com/ watch?feature=player_embedd ed&v=qPpGkJ-uP5M#!) ]
[3]. [ลายละเอียดของข้อเขียน "คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน" ในหลายแง่มุม โดยเว็ป ป๋วย อึ๊งภากรณ์
(URL : http:// puey-ungphakorn.org/ ?page_id=87) ]
-------------------------- ------------------
หมายเหตุ
ในระหว่างปี 2514 – 2516 ภายหลังจากลาออกจากตำแหน่งผ ู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไท ย (2514) และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2515) แล้วอาจารย์ป๋วยได้ไปดำรงตำ แหน่งศาสตราจารย์พิเศษ (Visitting Professor) ที่ University College มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ด้วยภาระการสอนที่ไม่มากนัก ทำให้อาจารย์ป๋วยได้ผลิตงาน ชิ้นสำคัญ 2 เรื่องคือ
1. Co-ordination of Monetary Policy, Fiscal Policy and Debt Management ซึ่งเป็นการประมวลหลักการแล ะประสบการณ์ในการบริหารนโยบ ายการรักษาเสถียรภาพทางเศรษ ฐกิจตลอดช่วงเวลาที่ท่านดำร งตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่ งประเทศไทย
2. Thoughes on South-East Asia’s Development 1980 (ข้อคิดเพื่อการพัฒนาเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับค.ศ. 1980) ซึ่งมีภาคผนวกอันเลื่องชื่อ The Quality of Life of a South East Asian ข้อเขียนนี้ถูกนำเสนอในที่ป ระชุมคณะกรรมการที่ปรึกษากา รพัฒนาเอเชียตะวันออกเฉียงใ ต้ (Southeast Asian Development Advisory Group – SEADAG) เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516
สำหรับภาคผนวกนั้นตีพิมพ์ลง ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ในชื่อ The Quality of Life of a South East Asian : A Chronicle of Hope from Womb to Tomb
ข้อเขียนนี้ต่อมาถูกแปลเป็น ภาษาไทย โดยอาจารย์ป๋วยเอง ในชื่อ “คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” หรือที่รู้จักกันดีในเวลาต่ อมาในชื่อ “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ” บทแปลภาษาไทย พิมพ์ครั้งแรกในวารสารแห่งย ุคสมัยนั้น สังคมศาสตร์ปริทัศน์ ปีที่11 ฉบับที่ 10 ตุลาคม 2516 ส่วนบทความภาษาอังกฤษรวมเล่ มครั้งแรก อยู่ในหนังสือ Best Wishes for Asia พิมพ์โดยสำนักพิมพ์เคล็ดไทย (2518)
[จากเวป เพิมเติมอันที่ 3
(URL : http:// puey-ungphakorn.org/ ?page_id=87)]
เมื่อผมอยู่ในครรภ์ของแม่ ผมต้องการให้แม่ได้รับประทา
พ่อกับแม่จะแต่งงานกันถูกฎห
ในระหว่าง 2-3 ขวบแรกของผม ซึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเ
ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาวหรือน้องสาวผมก็ต้องก
เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความ
บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่จะต
ผมต้องการให้ชาติของผมได้ขา
ในฐานะที่ผมเป็นกรรมกร ผมก็ควรจะมีหุ้นมีส่วนในโรง
ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ
ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี
ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่างสำหร
ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำห
เรื่องอะไรที่ผมเองไม่ได้ หรือได้แต่ของไม่ดี ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่
เรื่องที่ผมจะเรียกร้องข้าง
ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนในส
เมียผมก็ต้องการโอกาสต่างๆ เช่นเดียวกับผม และเราสองคนควรจะได้รับความ
เมื่อแก่ ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ต
เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายอย่างโง่ๆ อย่างบ้าๆ คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อ
เมื่อตายแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่
ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่างฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยแล
นี่แหละคือความหมายของชีวิต
สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่
"เราตถาคตไม่เห็นความสวัสดี
--------------------------
ฉบับภาษาอังกฤษ
The Quality of Life of a Southeast Asian (From womb to tomb)
While in my mother's womb, I want her to have good nutrition and access to maternal and child welfare care.
I don't want to have as many brothers and sisters as my parents had before me, and I do not want my mother to have a child too soon after me.
I don't care whether my father and mother are formally married, but I need them to live together in reasonable harmony.
I want good nutrition for my mother and for me in my first two or three years when my capacity for future mental and physical development is determined.
I want to go to school, together with my sister, and to learn a trade, and to have the schools impart social values to me. If I happen to be suitable for higher education, that opportunity should be available.
When I leave school I want a job, a meaningful one in which I can feel the satisfaction of making a contribution.
I want to live in a law and order society, without molestation. I want my country to relate effectively and equitably to the outside world so that I can have access to the intellectual and technical knowledge of all mankind, as well as the capital from overseas.
I would like my country to get a fair price for the products that I and my fellow citizens create.
As a farmer, I would like to have my own plot of land, with a system which gives me access to credit, to new agricultural technology and to markets, and a fair price for my produce.
As a worker, I would want to have some share, some sense of participation in the factory in which I work.
As a human being, I would like inexpensive newspapers and paperback books, plus access to radio and TV (without too much advertising).
I want to enjoy good health, and I expect the Government to provide free preventive medical service and cheap and readily available good curative service.
I need some leisure time for myself, and to enjoy my family, and want access to some green parks, to the arts, and to traditional social or religious festivities. I want clean air to breathe and clean water to drink.
I would like to have the security of co-operative mechanisms in which I join to help others do things which they cannot do alone, and they do the same for me.
I need the opportunity to participate in the society around me, and to help shape the decisions of the economic and social as well as the political institutions that so affect my life.
I want my wife to have equal opportunity with me, and I want both of us to have access to the knowledge and means of family planning.
In my old age, it would be nice to have some form of social security to which I have contributed.
When I die, if I happen to have some money left, I would wish the Government to take some of it, leaving an adequate amount for my widow. With this money the Government should make it possible for others to enjoy life too.
These are what life is all about, and what development should seek to achieve for all.
--------------------------
อ้างอิง
[1]. ["คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน"
(URL : http://
--------------------------
เพิ่มเติม
[1]. ดร. อัมมาร สยามวาลา ได้เคยกล่าวถึงอาจารย์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ไว้อย่างน่าสนใจว่า
"An honest man in a corrupt country
คนตรงในประเทศคด"
[2]. [คลิปภาพยนตร์ "จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
(URL : http://www.youtube.com/
[3]. [ลายละเอียดของข้อเขียน "คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน"
(URL : http://
--------------------------
หมายเหตุ
ในระหว่างปี 2514 – 2516 ภายหลังจากลาออกจากตำแหน่งผ
1. Co-ordination of Monetary Policy, Fiscal Policy and Debt Management ซึ่งเป็นการประมวลหลักการแล
2. Thoughes on South-East Asia’s Development 1980 (ข้อคิดเพื่อการพัฒนาเอเชีย
สำหรับภาคผนวกนั้นตีพิมพ์ลง
ข้อเขียนนี้ต่อมาถูกแปลเป็น
[จากเวป เพิมเติมอันที่ 3
(URL : http://
....................................................................................................................
รำลึก อาจารย์ ป๋วย ป๋วย อึ๊งภากรณ์ : คนตรงในประเทศคด
จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง (อ้างอิงจาก [1])
เรียน นายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ
เรียน พี่ทำนุ ที่รักใคร่นับถือเป็นส่วนตั ว
สักสองปีเศษก่อนที่ผมจะได้จ ากหมู่บ้านไทยเจริญที่รักขอ งเรามาอยู่ห่างไกล พี่ทำนุในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ได้จัดการสองอย่างที่ผมและใ ครๆ เห็นว่ามีคุณค่าอย่างยิ่งสำ หรับหมู่บ้านเรา โดยเฉพาะสำหรับอนาคตของชาวไ ทยเจริญ คือได้จัดให้มีกติกาหมู่บ้า นเป็นข้อบังคับสูงสุด แสดงว่าต่อไปนี้ชาวบ้านไทยเ จริญจะสามารถยึดกติกาหมู่บ้ านเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ซึ่งดีกว่าและทำให้เจริญกว่ าที่จะปกครองกันตามอำเภอใจข องคนไม่กี่คน กับเปิดช่องให้มีการเปลี่ยน แปลงผู้ปกครองหมู่บ้านได้โด ยสันติวิธี นั่นอย่างหนึ่ง กับอีกอย่างหนึ่งพี่ทำนุได้ อำนวยให้ชาวบ้านเลือกกันขึ้ นมาเป็นปากเสียงแทนกัน ผู้ได้รับเลือกกันก็รวมกันเ ป็นสมัชชาหมู่บ้าน มีอำนาจหน้าที่พิจารณาระเบี ยบข้อบังคับต่างๆ สำหรับหมู่บ้านของเรา โดยถือหลักประชาธรรม คือธรรมเป็นอำนาจ-ไม่ใช่อำน าจเป็นธรรม-และธรรมเกิดจากป ระชาชน รวมความว่าอำนาจสูงสุดมาจาก ธรรมของประชาชนในหมู่บ้านไท ยเจริญทั้งหมู่
เมื่อกติกาหมู่บ้านถือกำเนิ ดมาแล้วก็ดี และเมื่อได้มีสมัชชาหมู่บ้า นขึ้นแล้วก็ดี ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่ากติกา ทุกข้อถูกใจผมและไม่แน่ใจว่ าสมาชิกของสมัชชาทุกคนเป็นค นดี แต่ผมก็ยังนิยมยินดีในท่านผ ู้ใหญ่บ้านทำนุ เกียรติก้อง ที่ได้อุตสาหะสร้างสรรค์ให้ มีกติกา ดีกว่าไม่มี และให้มีสมัชชา ดีกว่าไม่มี
บัดนี้ อนิจจา ผมจากหมู่บ้านไทยเจริญมาอยู ่ไกลไม่ได้นาน ได้ทราบข่าวว่าพี่ทำนุเปลี่ ยนใจโดยกะทันหัน ร่วมกับคณะของพี่ทำนุบางคน ประกาศเลิกล้มกติกาหมู่บ้าน และเลิกสมัชชาเสียโดยสิ้นเช ิง หวนกลับไปใช้วิธีปกครองหมู่ บ้านตามอำเภอใจของผู้ใหญ่บ้ านกับคณะ ซึ่งในกรณีนี้ก็ยังคงเป็นพี ่ทำนุ กับรองผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชุดเดิมน ั่นเอง เพียงแต่มีน้อยคนลง
เหตุผลต่างๆที่พี่ทำนุกับคณ ะแถลงให้ทราบว่าเป็นอนุสนธิ แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผมได้พิจารณาใคร่ครวญและทบท วนโดยละเอียดแล้ว กับได้ใช้เวลาพิจารณาด้วยว่ า เมื่อได้เลิกกติกาหมู่บ้านแ ล้ว ข้อต่างๆที่ร้ายอยู่นั้น จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้กลับก ลายเป็นดีไปได้หรือไม่ ก็ยังไม่เห็นมีท่าทีว่าจะบั นดาลให้กลับกลายไปอย่างที่อ ้าง บางเรื่องกลับร้ายมากขึ้นด้ วยซ้ำ เช่น เรื่องความไม่สงบตามชายหมู่ บ้านของเรา เป็นต้น ผมสังเกตเรื่องจากที่ห่างไก ลแล้วก็ยังไม่พอ ยังไม่แน่ใจ เมื่อมีโอกาสผมก็มาแวะที่บ้ าไทยเจริญสองครั้งเพื่อดูด้ วยตา และฟังด้วยหู ผลลัพธ์ยังยืนยันตามความเห็ นเดิมนั่นเอง เพราะปัญหาความสงบเรียบร้อย ก็ดี ภัยจากภายนอกหมู่บ้านก็ปัญห าเศรษฐกิจก็ดี ปัญหาสังคมก็ดี ปัญหาเยาวชนก็ดี ปัญหาเหล่านี้น่าจะแก้ไขได้ ทั้งสิ้นถ้าได้ทำกันจริงจัง โดยไม่ต้องเลิกกติกาหมู่บ้า น ถ้าจำเป็นจริงๆจะยุบสมัชชาเ สียให้เลือกกันมาใหม่ก็ทำได ้ ข้อสำคัญที่สุดก็คือการจำกั ดสิทธิของมนุษย์ การห้ามชาวบ้านไทยเจริญมิให ้ใช้สมองคิด ปากพูด มือเขียนโดยเสรี และมิให้ประชุมปรึกษาเรื่อง ราวต่างๆเกี่ยวกับการปกครอง หมู่บ้านที่รักของเราทุกคนโ ดยเสรีนั้น กลับเป็นการตัดหนทางมิให้หม ู่บ้านไทยเจริญได้รับประโยช น์จากสมองอันประเสริฐของชาว บ้าน ทั้งในฐานปัจเจกชน และในฐานส่วนรวมด้วย
พี่ทำนุอาจจะแย้งผมได้ว่า เท่าที่มีการเปลี่ยนแปลงมา ก็เห็นแต่เจ้าหน้าที่หมู่บ้ านและประชาชนชาวบ้านอนุโมทน าสาธุกันโดยทั่วไป จะมีเสียงคัดค้านบ้างก็เพีย งคนโง่ๆไม่กี่คน ผมขอเรียนด้วยความเคารพว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของหมู่ บ้านนั้นเขาได้ประโยชน์จากก ารเลิกสมัชชา ไม่ต้องยุ่งหัวใจกับสมาชิกส มัชชา พูดกันง่ายๆคือ ไม่มีใครขัดคอ ส่วนชาวบ้านนั้น พี่ทำนุก็ทราบดีว่า ชาวบ้านไทยเจริญส่วนใหญ่ถือ คาถารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดด ี ผมขอยืนยันว่าผมเองก็เคยเป็ นหัวหน้างานมาแล้ว จะทำถูกทำผิดหาคนแย้งหาคนโต ้เถียงได้ยาก เพราะเขารู้จักรักษาตัวรอดเ ป็นยอดดีทั้งนั้น ส่วนที่ว่ามีเสียงคัดค้านแต ่เพียงน้อยนั้นก็จริง แต่จริงเพราะเหตุว่ายามพกอา วุธของพี่ทำนุและคณะคอยปราม อยู่ตั้งแต่ต้นมือแล้ว โดยใช้ความเกรงกลัวเป็นเครื ่องบันดาลให้มีเสียงคัดค้าน อ่อนลงๆ ถ้าอยากทราบชัดว่าชาวบ้านมี ความจริงใจอย่างไร ก็ลองเลิกวิธีขู่เข็ญทำให้ห วาดกลัวเสียเป็นไร
อย่างไรก็ตาม ที่ผมบันทึกมา ก็หาได้ที่ประสงค์จะกล่าวแย ้งพี่ทำนุเป็นสำคัญไม่ ผมใคร่จะเรียนเสนอข้อที่พี่ ทำนุกับผมเห็นพ้องต้องกันเป ็นจุดเริ่มต้น นั่นคือ เราจะพัฒนาบ้านไทยให้เจริญย ิ่งๆขึ้นไป
การพัฒนานั้นต้องพิจารณาให้ สมบูรณ์ทุกด้าน จึงจะเกิดประโยชน์จริงจัง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านความสงบเรียบร้อย ด้านศีลธรรม ด้านปัญญาและการศึกษาและด้า นการปกครองเป็นอาทิ
ในด้านการปกครอง ตั้งแต่ผมรู้จักพี่ทำนุจนรั กใคร่นับถือเป็นส่วนตัวมากว ่ายี่สิบปี ผมได้ยินอยู่เสมอว่าพี่ทำนุ (และคณะ) นิยมเสรีประชาธรรม (ฝ่ายแดงจำกัดเสรีประชาธรรม เราเคยอ้างอยู่เสมอซึ่งก็เป ็นความจริง) จึงได้อุตส่าห์ใช้เวลา ความพินิจพิจารณา สมองและเงินทองของหมู่บ้านร ่วมสิบปี ทำกติกาของหมู่บ้านขึ้นมา ที่พี่ทำนุ (และคณะ) นิยมหลักประชาธรรมเสรีนั้น ผมก็นิยมด้วยอย่างจริงใจ ทุกวันนี้ในหมู่บ้านที่เจริ ญทั้งหลาย เขามักจะสนใจกับสิ่งแวดล้อม ของมนุษย์ ซึ่งหากเป็นพิษ ก็จะเป็นภัยแก่ภัยแก่มนุษยช าติอย่างใหญ่หลวง เขาเกรงผลร้ายของวิทยาศาสตร ์เมื่อเรานำไปใช้ในทางที่ผิ ด เช่น กลิ่นไอน้ำมันรถยนต์ ควันดำจากโรงงาน การใช้สารเคมีในทางที่เป็นพ ิษแก่ลุ่มน้ำและดินป่าฟ้าเข า เป็นต้น สำหรับหมู่บ้านไทยเจริญของเ ราก็มีสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิ ษอยู่เป็นอันมาก แต่ผมว่าอะไรก็ไม่ร้ายเท่าพ ิษของความเกรงกลัวซึ่งเกิดจ ากการใช้อำนาจขู่เข็ญ และการใช้อำนาจโดยพลการ (แม้ว่าจะใช้ในทางที่ถูก) เพราะความเกรงกลัวย่อมมีผลส ะท้อนเป็นพิษแก่ปัญญา เมื่อปัญญาเป็นพิษแล้ว ในบางกรณีก็กลายเป็นอัมพาตใ ช้อะไรไม่ได้ บางกรณียิงร้ายไปกว่านั้น ปัญญาเกิดผิดสำแดง อัดอั้นหนักๆ เข้าเกิดระเบิดขึ้น อย่างที่เกิดมีมาแล้วในหมู่ บ้านอื่นๆหลายแห่ง ทุกวันนี้อ่านหนังสือพิมพ์แ ต่ละวันก็พบโดยทั่วไป
ภัยจากภายนอกหมู่บ้านไทยเจร ิญนั้น ผมเห็นด้วยกับพี่ทำนุว่าต้อ งขจัดใ ห้สิ้นไป แต่ถ้าหมู่บ้านของเรามีแต่ก ารใช้อำนาจ ไม่ใช่สมองไปในทางที่ควรเช่ นที่บรรพบุรุษไทยเราเคยใช้ม า จนสามารถรักษาเอกราชได้มาช้ านาน เมื่ออำนาจทำให้กลัว ทางชีววิทยาท่านว่าไว้ว่าเส ้นประสาทบังคับให้หลับตาเสี ย และเวลาหลับตานั้นแหละ เป็นเวลาแห่งความหายนะ ปรปักษ์ของเราจะถือโอกาสเรา หลับตาเมื่อใด เขาได้เปรียบเมื่อนั้น
อีกประการหนึ่งที่ผมเห็นว่า สำคัญมาก คือพี่ทำนุก็หกสิบเศษ ผมก็ใกล้จะหกสิบเข้าไปทุกที ต่างก็จะลาโลกกันไปในไม่ช้า ผมก็มีความทะเยอทะยานเช่นเด ียวกับพี่ทะนุ ที่จะทิ้งโลกและหมู่บ้านไทย เจริญไว้ให้ลูกหลาน เป็นโลกและหมู่บ้านที่น่าอย ู่ มีความสงบสุขเป็นไทยสมชื่อ และเจริญสมหวัง ปัจจัยสำคัญของความเป็นไทยแ ละความเจริญ คือ ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง อะไรในหมู่บ้านของเราโดยสัน ติวิธี และเป็นไปตามกติกา ถ้าเราทำได้เพียงเท่านี้ แม้จะไม่สามารถทำอย่างอื่นไ ด้มากนัก ผมว่าพี่ทำนุจะมีบุญคุณแก่เ ยาวชนของเราอย่างเหลือหลาย
บางคนอาจจะตั้งปัญหาว่า เยาวชนทุกวันนี้ควรหรือที่จ ะส่งเสริมให้มีสิทธิละเสรีภ าพตามกติกาหมู่บ้าน น่าสนับสนุนละหรือ ทุกวันนี้ความประพฤติของเยา วชนมักจะเลวทรามน่าหมั่นไส้ ผมเองก็หมั่นไส้อยู่หลายครั ้งหลายหน แต่พี่ทำนุเองก็มอบหมายให้ผ มเกลือกกลั้วมากับเยาวชนเป็ นเวลาหลายปี เมื่อผมพิจารณาด้วยความเที่ ยงธรรมแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าความภาคภูมิ ใจในเยาวชนของหมู่บ้านไทยเจ ริญเรา แทนที่จะรู้สึกหมั่นไส้ เขาสงบเสงี่ยมเจียมตัว และคารวะพวกเรามากกว่า และผิดกับที่เห็นมาในหมู่บ้ านอื่นๆ ผมเห็นใจเยาวชนที่เขาได้รับ การสั่งสอนจากพวกเราให้รักห ลักประชาธรรม (ซึ่งก็ถูกต้อง) ให้รักและนิยมเสรีภาพในการค ิด การพูด การเขียน และการสมาคม (ซึ่งก็ถูกต้องปรากฏในกติกา หมู่บ้านตลอดมาทุกกติกา) และเขานำเอาคำสั่งสอนของพวก เรานั่นเองไปประทับหัวใจของ เขา พอหมู่บ้านมีกติกาขึ้น เขาก็ดีใจ เพราะเป็นไปตามความคาดหวังข องเขาซึ่งตรงกับคำสั่งสอนขอ งพวกเรา แต่กติกามีชีวิตอยู่ไม่นาน ก็ถูกปลิดไปโดยฉับพลัน และไม่มีอะไรให้ความหวังได้ แน่นอนว่าจะคืนชีพกลับมากำห นดเมื่อใด ใครเล่าจะไม่เสียดาย ใครเล่าจะไม่ผิดหวัง เพราะเขาคาดหวังว่าจะได้มีส ่วนร่วมในการสร้างสรรค์ความ เจริญให้แก่ไทยเจริญตามกติก าของหมู่บ้าน แต่กระนั้นก็ตาม เยาชนของเราก็ยังตั้งอยู่ใน ความสงบ พยายามข่มความกลัวบ้างเมื่อ พูดจาขอร้องแก่พวกเรา เพราะเขายังเชื่อในเจตนาอัน ดีของคนปูนเรา อย่างนี้จะไม่เอ็นดูจะไม่เม ตตากรุณา และภาคภูมิใจในเยาวชนของเรา ได้อย่างไร
ด้วยเหตุผลนานาประการที่ผมไ ด้เรียนมาข้างต้น และด้วยความรักใคร่เคารพในพ ี่ทำนุ ผมจึงขอเรียนวิงวอนให้ได้โป รดเร่งให้มีกติกาหมู่บ้านขึ ้นเถิดโดยเร็วที่สุด ในกลางปี 2515 นี้ หรืออย่างช้า หรืออย่างช้าก็อย่างให้ข้าม ปีไป โปรดอำนวยให้ชาวบ้านไทยเจริ ญอย่างเหลือคณนาทั้งในปัจจุ บันและอนาคตกาล
ด้วยความเคารพนับถือ
เข้ม เย็นยิ่ง
-------------------------- ------------
เพิ่มเติม
ปูมหลังประวัติศาสตร์
เมื่อจอมพล ถนอม กิตติขจร ได้ทำรัฐประหารรัฐบาลของตนเ องในเดือนพฤศจิกายน 2514 และได้มีการฉีกรัฐธรรมนูญ 2511 ที่ใช้เวลาร่างร่วม 10 ปี และยุบสภาผู้แทนราษฎร แล้วจัดตั้งสภาบริหารคณะปฏิ วัติขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการย้อ นกลับไปหายุคเผด็จการที่จอม พลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้กระทำเมื่อปี 2501 อ.ป๋วย เป็นผู้หนึ่งที่ไม่เห็นด้วย กับการกระทำดังกล่าวได้เขีย น “จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง เรียน นายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2515 อ.ป๋วย เลือกใช้นามปากกา “นายเข้ม เย็นยิ่ง” ซึ่งเป็นชื่อที่ท่านใช้ในกา รปฏิบัติงานเสรีไทยในระหว่า งสงครามโลกครั้งที่ 2 ในจดหมายฉบับดังกล่าว อ.ป๋วย คัดค้านการรัฐประหารและยกเล ิกรัฐธรรมนูญ โดยคาดการณ์ถึง ผลที่อาจเกิดขึ้นต่อการเปลี ่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้ใน ฐานะที่เป็นบุคคลหนึ่งของสั งคม อีกทั้งยังเสนอหลักการในการ ปกครองสังคมคือ หลักประชาธรรมซึ่งให้ความสำ คัญที่สิทธิเสรีภาพของประชา ชนโดยเสรี เพื่อให้เกิดการพัฒนาสังคมใ นด้านต่างๆ
จดหมายฉบับนี้ได้ตีพิมพ์ครั ้งแรกในนิตยสาร เศรษฐศาสตร์สาร ฉบับ ชาวบ้าน (ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 มีนาคม 2515) และได้มีการตีพิมพ์ฉบับภาษา อังกฤษลงในนิตยสาร Far Eastern Economics Review 77 (16 Septenber 1972) ปฏิกิริยาต่อจดหมายฉบับนี้ม ีหลากหลาย โดยผู้หนึ่งที่ไม่เห็นด้วยค ือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช โดยอ้างว่าอ.ป่วย ไม่ได้เขียนจดหมายฉบับนั้น ทำให้อ.ป๋วย ต้องเขียนชี้แจงต่อมา ถึงความเป็นมา และวัตถุประสงค์ในการเขียน “จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง” ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2515 (อ้างอิงจาก [2])
-------------------------- ------------
อ้างอิง
[1]. [พิมพ์ครั้งแรกใน เศรษฐศาสตร์สาร ฉบับชาวบ้าน ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 มีนาคม 2515 โดยดูต้นฉบับลายมือ อาจารย์ ป๋วยได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้
(URL : http:// puey-ungphakorn.org/ wp-content/uploads/2011/03/ 3-nai-khem-1.pdf)]
[2]. [จดหมายเหตุป๋วย: เอกสารต้นฉบับลายมือ
(URL : http:// puey-ungphakorn.org/ ?page_id=81)]
-------------------------- ------------
อธิบายภาพ
[1]. [ที่มาของรูป จากโครงการจัดทำเว็บไซต์และ อี-ไลบรารี่ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์และมูลนิธิโครงกา รตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศ าสตร์
ซึ่งระบุลิขสิทธิ์แบบ "เนื้อหาเผยแพร่ภายใต้สัญญา อนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้ า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย"
(URL : http:// puey-ungphakorn.org/ wp-content/uploads/2011/03/ A0112.tiff.jpg)]
จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง (อ้างอิงจาก [1])
เรียน นายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ
เรียน พี่ทำนุ ที่รักใคร่นับถือเป็นส่วนตั
สักสองปีเศษก่อนที่ผมจะได้จ
เมื่อกติกาหมู่บ้านถือกำเนิ
บัดนี้ อนิจจา ผมจากหมู่บ้านไทยเจริญมาอยู
เหตุผลต่างๆที่พี่ทำนุกับคณ
พี่ทำนุอาจจะแย้งผมได้ว่า เท่าที่มีการเปลี่ยนแปลงมา ก็เห็นแต่เจ้าหน้าที่หมู่บ้
อย่างไรก็ตาม ที่ผมบันทึกมา ก็หาได้ที่ประสงค์จะกล่าวแย
การพัฒนานั้นต้องพิจารณาให้
ในด้านการปกครอง ตั้งแต่ผมรู้จักพี่ทำนุจนรั
ภัยจากภายนอกหมู่บ้านไทยเจร
อีกประการหนึ่งที่ผมเห็นว่า
บางคนอาจจะตั้งปัญหาว่า เยาวชนทุกวันนี้ควรหรือที่จ
ด้วยเหตุผลนานาประการที่ผมไ
ด้วยความเคารพนับถือ
เข้ม เย็นยิ่ง
--------------------------
เพิ่มเติม
ปูมหลังประวัติศาสตร์
เมื่อจอมพล ถนอม กิตติขจร ได้ทำรัฐประหารรัฐบาลของตนเ
จดหมายฉบับนี้ได้ตีพิมพ์ครั
--------------------------
อ้างอิง
[1]. [พิมพ์ครั้งแรกใน เศรษฐศาสตร์สาร ฉบับชาวบ้าน ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 มีนาคม 2515 โดยดูต้นฉบับลายมือ อาจารย์ ป๋วยได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้
(URL : http://
[2]. [จดหมายเหตุป๋วย: เอกสารต้นฉบับลายมือ
(URL : http://
--------------------------
อธิบายภาพ
[1]. [ที่มาของรูป จากโครงการจัดทำเว็บไซต์และ
ซึ่งระบุลิขสิทธิ์แบบ "เนื้อหาเผยแพร่ภายใต้สัญญา
(URL : http://
............................................................................................................................
Center for Disease Control Invites 'Plague Inc.' Creator to Speak at Its Headquarters
http://toucharcade.com/2013/03/08/center-for-disease-control-invites-plague-inc-creator-to-speak-at-its-headquarters/?utm_medium=referral&utm_source=pulsenews
Drama-addict
ข่าวนี้น่าสนใจมาก นี่เป็นเกมที่จ่าเล่นเป็นประจำใน ipad ชื่อว่า Plaque Inc.เรารับบทเป็นเชื้อโรคสารพัดที่มีเป้าหมายประการเดียวคือล้างบางมนุษยชาติให้หมดสิ้น
วิธีเล่นคือเราจะต้องพัฒนาเชื้อโรคโดยเก็บแต้ม DNA มาอัพเกรดหรือทำให้เกิดการกลายพันธ์
ให้เชื้อโรคของเรามีความสามารถในการแพร่ระบาด ติดต่อจากคนสู่คน จากสัตว์สู่คน ได้มากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงการเพิ่มความรุนแรงของตัวโรค ตั้งแต่อาการเล็กๆน้อยๆ เช่น ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
จนถึงอาการหนักๆเช่นระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเฉียบพลัน ติดเชื้อในกระแสเลือด สมองอักเสบ บลาๆ
นอกจากนั้นยังต้องอัพเกรดให้เชื้อโรคของเรามีความต้านทานต่อยารักษาโรคที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาสู้กับเราให้ได้
เกมนี้เรียกได้ว่ามีความสมจริงโคตรๆ จนมันไปเตะตาหน่วยงาน CDC (กองควบคุมโรคของอเมริกา)
เชิญผู้พัฒนาเกมนี้ไปบรรยายในงานสัมมนาวิชาการ เกี่ยวกับแนวคิดในการพัฒนาเกม
และแนวคิดในการเอาเกมไปเผยแพร่ให้คนทั่วโลกให้ความสนใจและเข้าใจการแพร่ระบาดของเชื้อโรคนานาชนิดมากยิ่งขึ้น
เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเกมที่ผู้ใหญ่ในเมืองไทยหลายๆคนมองว่าไร้สาระ
ก็กลายเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์มหาศาลได้ถ้าอยู่ในมือของคนที่มองเห็นคุณค่าของมัน
ปล.มีเชื้อที่แปลงคนให้กลายเป็นซอมบี้ กับปรสิตดึกดำบรรพ์ที่ควมคุมสมองคนด้วยนะเออ
..............................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น