สวนงาม ยามราตรี
เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า จันทร์นวลกระจ่าง อัศจรรย์ก็บังเกิด
ชมความงามของซากุระยามราตรี
................................................................................................................................
» บทความสะท้อนสังคม-วงจรการศ ึกษาไทย :: "ทำไม...ต้องกวดวิชา?" โดย นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์
เด็กมัธยมฯ สมัยนี้มีชีวิตที่ซับซ้อนแล ะต้องมีสติปัญญามากกว่าสมัย ก่อนเยอะ ...เฉพาะเรื่องการสอบเข้ามห าวิทยาลัยอย่างเดียวก็ยากที ่จะเข้าใจ
จนผมสงสัยว่า...กระทรวงศึกษ าธิการคงมีคนจบด็อกเตอร์ที่ ว่างงานเป็นจำนวนมาก จึงพากันมานั่งคิดวิธีการสอ บเข้ามหาวิทยาลัยที่ผมคิดว่ าซับซ้อนที่สุดในโลก!
ไหนจะต้องดูผลการเรียนเฉลี่ ยสะสมของเด็กที่เรียกว่า GPAX ไหนจะต้องสอบ GAT สอบ PAT สอบ O-NET, A-NET แล้วยังเห็นว่าจะมี B-NET พ่วงเข้าไปกับ Admission อีก
มีคนเคยบอกว่า ที่ให้เด็กสอบวัดผลหลายๆ ครั้งและดูผลการเรียนเฉลี่ย สะสมก็เพื่อให้นักเรียนตั้ง ใจเรียนตลอดปี ไม่ใช่ไปเร่งเรียนลัดด้วยกา รกวดวิชา เก็งข้อสอบหรือเรียนพิเศษกั นเฉพาะตอนใกล้สอบ
แต่ผมคิดว่าผลที่เกิดขึ้นกล ับตรงกันข้าม....
คือ พอสอบวัดผลกันตลอดปี เด็กนักเรียนทุกวันนี้ก็เลย ต้องเรียนพิเศษกันตลอดปี!
◌◌◌◌◌◌◌◌
เท่าที่ผมทราบ เด็กนักเรียนทุกวันนี้เกือบ ทุกคนต่างก็ต้องใช้เวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนเย็นหลังเลิ กเรียน ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือระหว่างปิดเทอม ดั้นด้นเดินทางไปหาเรียนพิเ ศษกันตามโรงเรียนกวดวิชา
พวกที่ไม่ต้องดั้นด้นเดินหา ที่ “สถาบันกวดวิชา” ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องเรียนพิเ ศษนะครับ แต่เป็นเพราะพ่อแม่รวยพอที่ จะจ้างครูมาสอนพิเศษที่บ้าน ได้
มีคนเคยบ่นเรื่องทำนองนี้กั บผมมาก่อนว่า พอครูในชั้นเรียนปกติไปเปิด สอนพิเศษก็เกิดปัญหาขึ้นหลา ยประการ เช่น...
ครูจะสอนไม่เต็มที่ในชั้นเร ียนปกติ เรียกว่าอุบไต๋หรือขยักเคล็ ดวิชาไว้ไปสอนในชั้นเรียนกว ดวิชาที่ตนเก็บเงินค่าเล่าเ รียนได้ เด็กที่ไปเรียนพิเศษก็จะรู้ มากกว่าเด็กที่ไม่ไปเรียน พอสอบก็ได้คะแนนดีกว่า
บางวิชาครูก็สอนล่วงหน้าในช ั้นเรียนพิเศษ เด็กที่ไปเรียนพิเศษก็สามาร ถตอบคำถามของครูได้ดี
ส่วนเด็กที่ไม่ไปเรียนก็กลา ยเป็นเด็กโง่ คือกลายเป็นรู้น้อยด้อยปัญญ ากว่าเพื่อน ก็ต้องดิ้นรนขอพ่อแม่ไปเรีย นพิเศษบ้าง
ส่วนเด็กที่ไปเรียนพิเศษมาแ ล้วก็มักจะรู้เรื่องที่เรีย นมาล่วงหน้าแล้ว หรือไม่ก็คิดว่ายังไงเสียก็ จะได้เรียนตอนไปเรียนพิเศษอ ยู่แล้ว ก็มักไม่สนใจเรียนในชั้นเรี ยนปกติ ทำให้บรรยากาศการเรียนในชั้ นก็แย่ลงไปอีก เด็กอื่นๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบและเรีย นแย่ลงไปด้วย
ก็เลยต้องดิ้นรนพากันไปหาเร ียนพิเศษเพิ่มเติมเอาอีก
เรียกว่า เป็นวงจรแห่งความชั่วร้ายที ่ผลิตซ้ำตัวมันเองและทำให้ส ถานการณ์เลวร้ายลงตลอดเวลา
◌◌◌◌◌◌◌◌
ผมไม่แน่ใจว่า การเปิดสอนกวดวิชาของครูนั้ นมีอะไรเป็นเหตุผลหลัก เป็นเพราะครูเปิดสอนพิเศษ.. .จึงทำให้การเรียนการสอนในร ะบบปกติแย่
หรือเพราะระบบการเรียนการสอ นปกติแย่ ครูก็เลยหันไปเปิดสอนพิเศษแ ทน หรือว่ามีแรงจูงใจอื่นๆ เป็นเหตุผลอีกด้วยหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ ระบบแบบนี้ก็เป็นที่พอใจกัน ทุกฝ่าย
ทั้งครูก็ได้เงินและได้สอน
ทั้งเด็กที่เอาถ่านก็ได้ควา มรู้ เด็กที่ไม่เอาถ่านก็ได้อยู่ สบายๆ
ส่วนพ่อแม่ทั้งของเด็กที่เอ าถ่านและไม่เอาถ่านก็สบายใจ
ทุกอย่างจบลงด้วยความสุข... แฮปปี้เอ็นดิ้ง
ถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่าระ บบแบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไ ป...
คนท้องที่ต้องไปฝากครรภ์คลอ ดที่โรงพยาบาล เมื่อวิตกกังวลว่าแม่และลูก น้อยอาจจะไม่ปลอดภัยและไม่ม ั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ ดีจากหมอ เมื่อไปฝากครรภ์กับแพทย์ก็ห าทางไป “ฝากพิเศษ” คือเอาเงินใส่ซองไปให้แพทย์ ที่ทำคลอดให้เป็นค่าตอบแทนพ ิเศษ
หมอก็ดีใจที่ได้เงิน คนท้องก็อุ่นใจว่าเป็นคนไข้ พิเศษของหมอ ได้รับการดูแลที่ดี
ทุกอย่างจบลงด้วยความสุข... ก็แฮปปี้เอ็นดิ้งอีก
◌◌◌◌◌◌◌◌
ผมไม่แน่ใจว่าเราจะเรียกการ หาทางออกลักษณะนี้ว่าเป็นแบ บวิน-วิน (win-win) ที่นักยุทธศาสตร์ชอบอ้างถึง หรือเปล่า คือเป็นทางออกที่ทุกคนได้แล ะเป็นฝ่ายชนะกันทั้งหมด
ที่บอกว่าไม่แน่ใจก็เพราะว่ า สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแฮปปี ้เอ็นดิ้งนั้น มีคนที่ไม่แฮปปี้แต่ไม่มีปา กเสียงอยู่มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือเด็ก ที่ไม่มีโอกาสและไม่มีเงินพ อที่จะไป “เรียนพิเศษ” ...คนท้องชาวไร่-ชาวนาหรือแ รงงานที่ไม่มีเงินพอที่จะไป “ฝากพิเศษ”
ที่สำคัญ ภายใต้ภาพปรากฏภายนอกที่ทุก คนดูเหมือนจะแฮปปี้นี้ ปัญหาเรื้อรังที่เน่าเฟะอยู ่ก็ยังหมักหมมต่อไปโดยไม่มี ใครสนใจ
เพราะวัฒนธรรมแบบ “ตัดช่องน้อยแต่พอตัว” บวกกับระบบ “สินบนปนน้ำใจ” ที่พวกเราใช้เอาตัวรอดไปวัน ๆ นี้ทำให้ไม่มีใครสนใจกับระบ บที่พิกลพิการของสังคมไทย
เพราะเราเห็นแต่เรื่องราวที ่จบลงด้วยความสุข...
แฮปปี้เอ็นดิ้ง!
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคม และสุขภาพ / คอลัมน์ "คุยสลับขั้ว. ...นิตยสาร WAY
เด็กมัธยมฯ สมัยนี้มีชีวิตที่ซับซ้อนแล
จนผมสงสัยว่า...กระทรวงศึกษ
ไหนจะต้องดูผลการเรียนเฉลี่
มีคนเคยบอกว่า ที่ให้เด็กสอบวัดผลหลายๆ ครั้งและดูผลการเรียนเฉลี่ย
แต่ผมคิดว่าผลที่เกิดขึ้นกล
คือ พอสอบวัดผลกันตลอดปี เด็กนักเรียนทุกวันนี้ก็เลย
◌◌◌◌◌◌◌◌
เท่าที่ผมทราบ เด็กนักเรียนทุกวันนี้เกือบ
พวกที่ไม่ต้องดั้นด้นเดินหา
มีคนเคยบ่นเรื่องทำนองนี้กั
ครูจะสอนไม่เต็มที่ในชั้นเร
บางวิชาครูก็สอนล่วงหน้าในช
ส่วนเด็กที่ไม่ไปเรียนก็กลา
ส่วนเด็กที่ไปเรียนพิเศษมาแ
ก็เลยต้องดิ้นรนพากันไปหาเร
เรียกว่า เป็นวงจรแห่งความชั่วร้ายที
◌◌◌◌◌◌◌◌
ผมไม่แน่ใจว่า การเปิดสอนกวดวิชาของครูนั้
หรือเพราะระบบการเรียนการสอ
แต่ที่แน่ๆ ระบบแบบนี้ก็เป็นที่พอใจกัน
ทั้งครูก็ได้เงินและได้สอน
ทั้งเด็กที่เอาถ่านก็ได้ควา
ส่วนพ่อแม่ทั้งของเด็กที่เอ
ทุกอย่างจบลงด้วยความสุข...
ถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่าระ
คนท้องที่ต้องไปฝากครรภ์คลอ
หมอก็ดีใจที่ได้เงิน คนท้องก็อุ่นใจว่าเป็นคนไข้
ทุกอย่างจบลงด้วยความสุข...
◌◌◌◌◌◌◌◌
ผมไม่แน่ใจว่าเราจะเรียกการ
ที่บอกว่าไม่แน่ใจก็เพราะว่
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือเด็ก
ที่สำคัญ ภายใต้ภาพปรากฏภายนอกที่ทุก
เพราะวัฒนธรรมแบบ “ตัดช่องน้อยแต่พอตัว” บวกกับระบบ “สินบนปนน้ำใจ” ที่พวกเราใช้เอาตัวรอดไปวัน
เพราะเราเห็นแต่เรื่องราวที
แฮปปี้เอ็นดิ้ง!
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคม
.........................................................................................................................................
555++
.................................................................................................................................
ปางเสพสังวาส!!
http://drama-addict.com/2013/02/28/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA/#.US5JOXf3Ctg.facebook
เปิดตาเปิดใจให้กว้าง
ยอมรับในความแตกต่าง ^^
...........................................................................................................................
เพิ่งเคยเห็น ตำรวจ สนับสนุนการเลือกตั้งผู้ว่า
จะไปขอร้องให้ข้าราชการตำรว
ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะจริ
Supapong Wanitpongpan เห็นอะไรในนี้กันมั๊ยครับ?? ^^
Phongsakorn Thavornan 2555
Phongsakorn Thavornan เพลียกับพี่โชคจิงๆ
Supapong Wanitpongpan จาก Status ของเพจ ตรรกะ
"แหม๋ ... ว่าจะไม่จิกกัดใครเป็นพิเศษแล้วนะ แต่เห็นแล้วทนไม่ค่อยได้อ่ะ ... แต่ผมเชื่อคำพูดของท่านที่ว่า "คนบางคนทำทุกวิธีเพื่อจะชนะจริง ๆ" แต่ผมไม่แน่ใจว่าท่านหมายถึงใครว่ะ
คือไอ้หนังสือนี่มันมีอะไรแปลก ๆ เยอะไปหน่อยนะท่าน
1. ลงวันที่เป็นปี 2555 ซะงั้น ขอกันข้ามปีเลยทีเดียว
2. ลายเซ็นต์แม่งก็ยังไม่มี (แต่ลงเลขไปแล้ว???)
ไม่นับยิบย่อยเช่น
3. ถ่ายไม่ติดหัวกระดาษ เลยไม่รู้ว่าหัวกระดาษแม่งไม่มีรึเปล่า (ปกติหัวราชการเป็นตราครุฑหรือตราอื่น ๆ ของหน่วยงาน)
4. คำว่า "ด่วนที่สุด" ปกติเค้าใช้ปั๊มเอา แล้วใช้หมึกแดง อันนี่เล่นพิมพ์เอาจาก word เลย
5. ไม่บอกว่าออกมาจากหน่วยงานใด (มีแต่ว่าจากใคร) ซึ่งประหลาดอีกเช่นกันสำหรับหนังสือราชการ "
Supapong Wanitpongpan จาก Status ของเพจ ข่าวร้อยสี่
!!!!!อยู่ดีดีคุณศิริโชคก็เอาหนังสือราชการตำรวจปี 2555 มาโพสในเฟสบุ๊คหาว่าเกณฑ์เอารายชื่อตำรวจ
ที่มีสิทธิ์เลือกผู้ว่าไปเพื่อ @^%#^)_+() ? แต่คุณศิริโชคจะหยามแฟนขับ ปชป. มากเกินไปแล้วนะ
คิดว่าประชาชนสว๊ะจะโง่วกันหรือไงห๊า เอาเอกสารปีก่อนออกมาแบบนี้ไม่คุณศิริโชคหน้าปรุแหรก
ก็แฟนขับฟาย
!เมื่อหัวหน้าแก๊คไอติม เข้าใจทำเนอะ ไอ้โชค
จะใส่ร้ายใคร ให้เนียนๆหน่อย
เอกสารราชการไม่ว่าจะเป็นคำสั่ง บันทึกข้อความ หรือโทรเลข จะต้องมีตราครุฑทั้งนั้น และต้องมีลายเซ็นผู้สั่งการเสมอ
คำว่าด่วน ด่วนมาก หรือด่วนที่สุด อาจใช้ตัวพิมพ์ได้ แต่ต้องมีตัวปั๊มข้อความนั้นๆทับอีกครั้ง บนเอกสารทุกหน้า
นายตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัดจะมีสำนักงานอยู่หน้าห้อง ที่จะทำหน้าที่ตรวจหนังสือและคัดกรองเอกสาร แค่โทรเลขสั้นๆแบบนี้ไม่มีทางหลุดพิมพ์ผิดเด็ดขาด
-------มันแปลกๆแต่ก็ถูกต้อง เพราะนี่เป็นแบบฟอร์มโทรสารคล้ายๆ ว.8 แต่ถ้าจะให้อ้างอิงได้ ต้องมีลายเซ็นของผู้รับรองความเป็นจริง 1 คน
เพราะ ว.8 คือการสั่งการทางวิทยุสื่อสารในกรณีนี้ เป็นการโทรสาร ซึ่งสามารถเซ็นชื่อและสแกนส่งได้ แต่ทำไมไม่เซ็นและไม่ปรากฎผู้ออกหนังสือเซ็นรับรองความถูกต้องอีก ก็เลยแปลกๆ
หรือท่านผู้ใดจัเสริมครับ
Phongsakorn Thavornan ขอนิดนะครับ "สลิ่มไม่อ่านครับ"
...............................................................................................................................
"กรณีที่นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ออกมาบอกว่า ควรเลือกสุขุมพันธ์เพราะกลั วว่าคนที่ชั่วกว่าคือพงศพัศ จะมานั้น ผมเห็นว่าเป็นความคิดที่มุ่ งจูงใจคนในอาณัติโดยไม่เคาร พในหลักประชาธิปไตย ไม่ให้เสรีภาพทางความคิดแก่ สาวก นักปรัชญาก้องโลกชาวอังกฤษ Samuel Taylor Coleridge กล่าวว่า ในทางการเมือง อะไรที่เริ่มต้นที่ความกลัว มักจบลงที่ความโง่งม-หลอกลว ง (In politics, what begins in fear usually ends in folly) ในสังคมอารยะ เราต้องเลือกคนตามความชอบ และศรัทธา ไม่ใช่ด้วยความกลัว"
ดร.โสภณ พรโชคชัย
27 ก.พ.56
ที่มา: http://www.facebook.com/ dr.sopon4
ภาพ: http:// www.bangkokbiznews.com/ home/detail/property/ property/20110117/372303/ อสังหาฯปี53เปิดตัว3แสนล..ht ml
Quote by Sitthichoke Nansirivan https://www.facebook.com/ sitthichoke.nansirivan
ดร.โสภณ พรโชคชัย
27 ก.พ.56
ที่มา: http://www.facebook.com/
ภาพ: http://
Quote by Sitthichoke Nansirivan https://www.facebook.com/
Piyawatana Yosyingyong ถ้าเลือกน้าเดด^^ น้าเดดจะแก้ผ้าแห่รอบเมืองครับ
เรื่องพูดนี่ ใครๆก็พูดได้ ง่ายๆ ฮาๆ
นิสัยนักการเมืองต้องพูดแล้วทำไม่ได้ครับ
ชาวเราชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าพูดแล้วต้องรักษาคำพูด
เลือกที่ชอบเถอะครับ
Supapong Wanitpongpan ใช่ครับ เลือกที่ชอบ
และใครๆก็พูดเรื่องนี้ได้
แต่ก็มีผู้สมัครและเซเลบหลายคนไม่ยอมพูดนี่ครับ ^^
................................................................................................................................
นาย ก : แถวบ้านผมครับ
นาย ข : ทำไมครับ ?
นาย ก : ป้ายหาเสียงของสุขุมพันธุ์ ถูกกรีดทำลายครับ..
นาย ข : พวกที่มันทำแบบนี้นี่มันเลวจริง ๆ
นาย ก : นั่นสิครับ
นาย ข : แล้วรู้ตัวคนทำไมครับ ? ดูจากกล้องวงจรปิดน่าจะได้
นาย ก : จับภาพไม่ได้ครับ เพราะตรงนั้นเป็นกล้องดัมมี่ที่ สุขุมพันธ์ติดไว้
Cr : มิตรสหายท่านหนึ่ง เล่าจากเรื่องจริง
นาย ข : ทำไมครับ ?
นาย ก : ป้ายหาเสียงของสุขุมพันธุ์ ถูกกรีดทำลายครับ..
นาย ข : พวกที่มันทำแบบนี้นี่มันเลวจริง
นาย ก : นั่นสิครับ
นาย ข : แล้วรู้ตัวคนทำไมครับ ? ดูจากกล้องวงจรปิดน่าจะได้
นาย ก : จับภาพไม่ได้ครับ เพราะตรงนั้นเป็นกล้องดัมมี่ที่
Cr : มิตรสหายท่านหนึ่ง เล่าจากเรื่องจริง
...............................................................................................................................
สุณัย ผาสุข: นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเปิดเผยว่าต้องเจรจา
http://prachatai.com/journal/2013/02/45537
Chakkapong Chamroon ผมเพิ่งเห็นว่ามีสื่อไทยติดตามเรื่องนี้ด้วย
............................................................................................................................
การมอง การดู การฟัง การคิด การเปิดใจ เข้าใจ และยอมรับ เป็นกุญแจสำคัญ ที่จะเปิดประตูไปสู่ความเห็นอกเ ห็นใจกัน เมื่อเรื่องราวความขัดแย้ง ความรุนแรง หรือการแบ่งแยก เกิดขึ้นในบ้าน ครอบครัว ชุมชนของเรา เราจะเห็นอกเห็นใจกัน หรือมีมุมมองที่ละเอียดอ่อนต่อเ รื่องเหล่านั้นมากขึ้น โปรดอย่าลืมว่าเราไม่ได้เป็นผู้ ที่มีชีวิตอยู่เหนือคนอื่น และในโลกใบนี้ หากเปรียบเทียบอายุของโลกกับระย ะที่มนุษย์มีชีวิต เราจะพบว่า ช่วงชีวิตของมนุษย์เราสั้นกว่าช ่วงเวลาน้ำค้างระเหยมากมายนัก
............................................................................................................................
ครูที่โรงเรียนประเทศไทยไปสัมนา ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วถามนักเรีย นที่นั่นว่า " ที่นี่ไม่บังคับเรื่องการตัดผมห รอ? "รู้ไหมว่าคนญี่ปุ่นตอบว่าอะไร " คนญี่ปุ่นใช้สมองเรียน ไม่ได้ใช้ผมเรียน "พอจะคิดอะไรได้กันบ้างไหมพวกผู ้ใหญ่ !!
........................................................................................................................
http://www.youtube.com/watch?v=7HWLzJupfyY&feature=youtu.be
.......................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น