วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

28/02/2556




สวนงาม ยามราตรี
เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า จันทร์นวลกระจ่าง อัศจรรย์ก็บังเกิด

ชมความงามของซากุระยามราตรี ที่ศาลเจ้าฮิระโนะในเมืองเกียวโต กันคะ


................................................................................................................................




» บทความสะท้อนสังคม-วงจรการศึกษาไทย :: "ทำไม...ต้องกวดวิชา?" โดย นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์

เด็กมัธยมฯ สมัยนี้มีชีวิตที่ซับซ้อนและต้องมีสติปัญญามากกว่าสมัยก่อนเยอะ ...เฉพาะเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียวก็ยากที่จะเข้าใจ

จนผมสงสัยว่า...กระทรวงศึกษาธิการคงมีคนจบด็อกเตอร์ที่ว่างงานเป็นจำนวนมาก จึงพากันมานั่งคิดวิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผมคิดว่าซับซ้อนที่สุดในโลก!

ไหนจะต้องดูผลการเรียนเฉลี่ยสะสมของเด็กที่เรียกว่า GPAX ไหนจะต้องสอบ GAT สอบ PAT สอบ O-NET, A-NET แล้วยังเห็นว่าจะมี B-NET พ่วงเข้าไปกับ Admission อีก

มีคนเคยบอกว่า ที่ให้เด็กสอบวัดผลหลายๆ ครั้งและดูผลการเรียนเฉลี่ยสะสมก็เพื่อให้นักเรียนตั้งใจเรียนตลอดปี ไม่ใช่ไปเร่งเรียนลัดด้วยการกวดวิชา เก็งข้อสอบหรือเรียนพิเศษกันเฉพาะตอนใกล้สอบ

แต่ผมคิดว่าผลที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม....

คือ พอสอบวัดผลกันตลอดปี เด็กนักเรียนทุกวันนี้ก็เลยต้องเรียนพิเศษกันตลอดปี!


◌◌◌◌◌◌◌◌


เท่าที่ผมทราบ เด็กนักเรียนทุกวันนี้เกือบทุกคนต่างก็ต้องใช้เวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนเย็นหลังเลิกเรียน ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือระหว่างปิดเทอม ดั้นด้นเดินทางไปหาเรียนพิเศษกันตามโรงเรียนกวดวิชา

พวกที่ไม่ต้องดั้นด้นเดินหาที่ “สถาบันกวดวิชา” ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องเรียนพิเศษนะครับ แต่เป็นเพราะพ่อแม่รวยพอที่จะจ้างครูมาสอนพิเศษที่บ้านได้

มีคนเคยบ่นเรื่องทำนองนี้กับผมมาก่อนว่า พอครูในชั้นเรียนปกติไปเปิดสอนพิเศษก็เกิดปัญหาขึ้นหลายประการ เช่น...

ครูจะสอนไม่เต็มที่ในชั้นเรียนปกติ เรียกว่าอุบไต๋หรือขยักเคล็ดวิชาไว้ไปสอนในชั้นเรียนกวดวิชาที่ตนเก็บเงินค่าเล่าเรียนได้ เด็กที่ไปเรียนพิเศษก็จะรู้มากกว่าเด็กที่ไม่ไปเรียน พอสอบก็ได้คะแนนดีกว่า

บางวิชาครูก็สอนล่วงหน้าในชั้นเรียนพิเศษ เด็กที่ไปเรียนพิเศษก็สามารถตอบคำถามของครูได้ดี

ส่วนเด็กที่ไม่ไปเรียนก็กลายเป็นเด็กโง่ คือกลายเป็นรู้น้อยด้อยปัญญากว่าเพื่อน ก็ต้องดิ้นรนขอพ่อแม่ไปเรียนพิเศษบ้าง

ส่วนเด็กที่ไปเรียนพิเศษมาแล้วก็มักจะรู้เรื่องที่เรียนมาล่วงหน้าแล้ว หรือไม่ก็คิดว่ายังไงเสียก็จะได้เรียนตอนไปเรียนพิเศษอยู่แล้ว ก็มักไม่สนใจเรียนในชั้นเรียนปกติ ทำให้บรรยากาศการเรียนในชั้นก็แย่ลงไปอีก เด็กอื่นๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบและเรียนแย่ลงไปด้วย

ก็เลยต้องดิ้นรนพากันไปหาเรียนพิเศษเพิ่มเติมเอาอีก

เรียกว่า เป็นวงจรแห่งความชั่วร้ายที่ผลิตซ้ำตัวมันเองและทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงตลอดเวลา


◌◌◌◌◌◌◌◌


ผมไม่แน่ใจว่า การเปิดสอนกวดวิชาของครูนั้นมีอะไรเป็นเหตุผลหลัก เป็นเพราะครูเปิดสอนพิเศษ...จึงทำให้การเรียนการสอนในระบบปกติแย่

หรือเพราะระบบการเรียนการสอนปกติแย่ ครูก็เลยหันไปเปิดสอนพิเศษแทน หรือว่ามีแรงจูงใจอื่นๆ เป็นเหตุผลอีกด้วยหรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ ระบบแบบนี้ก็เป็นที่พอใจกันทุกฝ่าย

ทั้งครูก็ได้เงินและได้สอน

ทั้งเด็กที่เอาถ่านก็ได้ความรู้ เด็กที่ไม่เอาถ่านก็ได้อยู่สบายๆ

ส่วนพ่อแม่ทั้งของเด็กที่เอาถ่านและไม่เอาถ่านก็สบายใจ

ทุกอย่างจบลงด้วยความสุข... แฮปปี้เอ็นดิ้ง

ถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่าระบบแบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไป...

คนท้องที่ต้องไปฝากครรภ์คลอดที่โรงพยาบาล เมื่อวิตกกังวลว่าแม่และลูกน้อยอาจจะไม่ปลอดภัยและไม่มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ดีจากหมอ เมื่อไปฝากครรภ์กับแพทย์ก็หาทางไป “ฝากพิเศษ” คือเอาเงินใส่ซองไปให้แพทย์ที่ทำคลอดให้เป็นค่าตอบแทนพิเศษ

หมอก็ดีใจที่ได้เงิน คนท้องก็อุ่นใจว่าเป็นคนไข้พิเศษของหมอ ได้รับการดูแลที่ดี

ทุกอย่างจบลงด้วยความสุข... ก็แฮปปี้เอ็นดิ้งอีก


◌◌◌◌◌◌◌◌


ผมไม่แน่ใจว่าเราจะเรียกการหาทางออกลักษณะนี้ว่าเป็นแบบวิน-วิน (win-win) ที่นักยุทธศาสตร์ชอบอ้างถึงหรือเปล่า คือเป็นทางออกที่ทุกคนได้และเป็นฝ่ายชนะกันทั้งหมด

ที่บอกว่าไม่แน่ใจก็เพราะว่า สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้งนั้น มีคนที่ไม่แฮปปี้แต่ไม่มีปากเสียงอยู่มากมาย

ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือเด็กที่ไม่มีโอกาสและไม่มีเงินพอที่จะไป “เรียนพิเศษ” ...คนท้องชาวไร่-ชาวนาหรือแรงงานที่ไม่มีเงินพอที่จะไป “ฝากพิเศษ”

ที่สำคัญ ภายใต้ภาพปรากฏภายนอกที่ทุกคนดูเหมือนจะแฮปปี้นี้ ปัญหาเรื้อรังที่เน่าเฟะอยู่ก็ยังหมักหมมต่อไปโดยไม่มีใครสนใจ

เพราะวัฒนธรรมแบบ “ตัดช่องน้อยแต่พอตัว” บวกกับระบบ “สินบนปนน้ำใจ” ที่พวกเราใช้เอาตัวรอดไปวันๆ นี้ทำให้ไม่มีใครสนใจกับระบบที่พิกลพิการของสังคมไทย

เพราะเราเห็นแต่เรื่องราวที่จบลงด้วยความสุข...

แฮปปี้เอ็นดิ้ง!


◌◌◌◌◌◌◌◌


Credit : นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ / คอลัมน์ "คุยสลับขั้ว. ...นิตยสาร WAY


.........................................................................................................................................


555++

.................................................................................................................................

ปางเสพสังวาส!!


http://drama-addict.com/2013/02/28/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA/#.US5JOXf3Ctg.facebook

เปิดตาเปิดใจให้กว้าง
ยอมรับในความแตกต่าง ^^

...........................................................................................................................




เพิ่งเคยเห็น ตำรวจ สนับสนุนการเลือกตั้งผู้ว่า กทม ถึงขนาดนี้ ลงทุนถึงขั้นให้ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ทำหนังสือไปถึง หน.ทุก สภ.ในสังกัด ภ. จว. พัทลุง ขอทราบหมายเลขโทรศัพท์ข้าราชการตำรวจที่มีรายชื่อมีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม ในสังกัด ภ.จว. พัทลุง ตามบัญชีที่แนบมา

จะไปขอร้องให้ข้าราชการตำรวจเลือกใครหรือครับ???????

ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะจริงๆ ผมเลยเข้าใจกับคำพูดที่ทักษิณบอกว่า " ส่งเสาไฟฟ้าก็ชนะ " มันเป็นเช่นนี้เอง !!!!
 


Supapong Wanitpongpan เห็นอะไรในนี้กันมั๊ยครับ?? ^^

Phongsakorn Thavornan 2555


Phongsakorn Thavornan เพลียกับพี่โชคจิงๆ

Supapong Wanitpongpan จาก Status ของเพจ ตรรกะ

"แหม๋ ... ว่าจะไม่จิกกัดใครเป็นพิเศษแล้วนะ แต่เห็นแล้วทนไม่ค่อยได้อ่ะ ... แต่ผมเชื่อคำพูดของท่านที่ว่า "คนบางคนทำทุกวิธีเพื่อจะชนะจริง ๆ" แต่ผมไม่แน่ใจว่าท่านหมายถึงใครว่ะ

คือไอ้หนังสือนี่มันมีอะไรแปลก ๆ เยอะไปหน่อยนะท่าน 

1. ลงวันที่เป็นปี 2555 ซะงั้น ขอกันข้ามปีเลยทีเดียว
2. ลายเซ็นต์แม่งก็ยังไม่มี (แต่ลงเลขไปแล้ว???)
ไม่นับยิบย่อยเช่น
3. ถ่ายไม่ติดหัวกระดาษ เลยไม่รู้ว่าหัวกระดาษแม่งไม่มีรึเปล่า (ปกติหัวราชการเป็นตราครุฑหรือตราอื่น ๆ ของหน่วยงาน)
4. คำว่า "ด่วนที่สุด" ปกติเค้าใช้ปั๊มเอา แล้วใช้หมึกแดง อันนี่เล่นพิมพ์เอาจาก word เลย 
5. ไม่บอกว่าออกมาจากหน่วยงานใด (มีแต่ว่าจากใคร) ซึ่งประหลาดอีกเช่นกันสำหรับหนังสือราชการ "

Supapong Wanitpongpan จาก Status ของเพจ ข่าวร้อยสี่
!!!!!อยู่ดีดีคุณศิริโชคก็เอาหนังสือราชการตำรวจปี 2555 มาโพสในเฟสบุ๊คหาว่าเกณฑ์เอารายชื่อตำรวจ
ที่มีสิทธิ์เลือกผู้ว่าไปเพื่อ @^%#^)_+() ? แต่คุณศิริโชคจะหยามแฟนขับ ปชป. มากเกินไปแล้วนะ
คิดว่าประชาชนสว๊ะจะโง่วกันหรือไงห๊า เอ
าเอกสารปีก่อนออกมาแบบนี้ไม่คุณศิริโชคหน้าปรุแหรก
ก็แฟนขับฟาย

!เมื่อหัวหน้าแก๊คไอติม เข้าใจทำเนอะ ไอ้โชค
จะใส่ร้ายใคร ให้เนียนๆหน่อย 
เอกสารราชการไม่ว่าจะเป็นคำสั่ง บันทึกข้อความ หรือโทรเลข จะต้องมีตราครุฑทั้งนั้น และต้องมีลายเซ็นผู้สั่งการเสมอ
คำว่าด่วน ด่วนมาก หรือด่วนที่สุด อาจใช้ตัวพิมพ์ได้ แต่ต้องมีตัวปั๊มข้อความนั้นๆทับอีกครั้ง บนเอกสารทุกหน้า
นายตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัดจะมีสำนักงานอยู่หน้าห้อง ที่จะทำหน้าที่ตรวจหนังสือและคัดกรองเอกสาร แค่โทรเลขสั้นๆแบบนี้ไม่มีทางหลุดพิมพ์ผิดเด็ดขาด 
-------มันแปลกๆแต่ก็ถูกต้อง เพราะนี่เป็นแบบฟอร์มโทรสารคล้ายๆ ว.8 แต่ถ้าจะให้อ้างอิงได้ ต้องมีลายเซ็นของผู้รับรองความเป็นจริง 1 คน
เพราะ ว.8 คือการสั่งการทางวิทยุสื่อสารในกรณีนี้ เป็นการโทรสาร ซึ่งสามารถเซ็นชื่อและสแกนส่งได้ แต่ทำไมไม่เซ็นและไม่ปรากฎผู้ออกหนังสือเซ็นรับรองความถูกต้องอีก ก็เลยแปลกๆ
หรือท่านผู้ใดจัเสริมครับ


Phongsakorn Thavornan ขอนิดนะครับ "สลิ่มไม่อ่านครับ"

...............................................................................................................................




"กรณีที่นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ออกมาบอกว่า ควรเลือกสุขุมพันธ์เพราะกลัวว่าคนที่ชั่วกว่าคือพงศพัศจะมานั้น ผมเห็นว่าเป็นความคิดที่มุ่งจูงใจคนในอาณัติโดยไม่เคารพในหลักประชาธิปไตย ไม่ให้เสรีภาพทางความคิดแก่สาวก นักปรัชญาก้องโลกชาวอังกฤษ Samuel Taylor Coleridge กล่าวว่า ในทางการเมือง อะไรที่เริ่มต้นที่ความกลัวมักจบลงที่ความโง่งม-หลอกลวง (In politics, what begins in fear usually ends in folly) ในสังคมอารยะ เราต้องเลือกคนตามความชอบ และศรัทธา ไม่ใช่ด้วยความกลัว"

ดร.โสภณ พรโชคชัย
27 ก.พ.56
ที่มา: http://www.facebook.com/dr.sopon4
ภาพ: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/property/property/20110117/372303/อสังหาฯปี53เปิดตัว3แสนล..html

Quote by Sitthichoke Nansirivan https://www.facebook.com/sitthichoke.nansirivan



ที่จริงคนนี้ก็เข้าท่านะครับ
โค้งสุดท้ายถ้าเข้าตา ผมอาจจะเลือกเบอร์ 4 (พงศพัศของคุณเฉลิม) แทนเบอร์ 17 ก็เป็นได้


Piyawatana Yosyingyong ถ้าเลือกน้าเดด^^ น้าเดดจะแก้ผ้าแห่รอบเมืองครับ
เรื่องพูดนี่ ใครๆก็พูดได้ ง่ายๆ ฮาๆ
นิสัยนักการเมืองต้องพูดแล้วทำไม่ได้ครับ
ชาวเราชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าพูดแล้วต้องรักษาคำพูด
เลือกที่ชอบเถอะครับ


Supapong Wanitpongpan ใช่ครับ เลือกที่ชอบ 
และใครๆก็พูดเรื่องนี้ได้ 
แต่ก็มีผู้สมัครและเซเลบหลายคนไม่ยอมพูดนี่ครับ ^^


................................................................................................................................


นาย ก : แถวบ้านผมครับ
นาย ข : ทำไมครับ ?
นาย ก : ป้ายหาเสียงของสุขุมพันธุ์ ถูกกรีดทำลายครับ..
นาย ข : พวกที่มันทำแบบนี้นี่มันเลวจริง
นาย ก : นั่นสิครับ
นาย ข : แล้วรู้ตัวคนทำไมครับ ? ดูจากกล้องวงจรปิดน่าจะได้
นาย ก : จับภาพไม่ได้ครับ เพราะตรงนั้นเป็นกล้องดัมมี่ที่สุขุมพันธ์ติดไว้

Cr : มิตรสหายท่านหนึ่ง เล่าจากเรื่องจริง


...............................................................................................................................

สุณัย ผาสุข: นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเปิดเผยว่าต้องเจรจา


http://prachatai.com/journal/2013/02/45537

Chakkapong Chamroon ผมเพิ่งเห็นว่ามีสื่อไทยติดตามเรื่องนี้ด้วย

............................................................................................................................


การมอง การดู การฟัง การคิด การเปิดใจ เข้าใจ และยอมรับ เป็นกุญแจสำคัญ ที่จะเปิดประตูไปสู่ความเห็นอกเห็นใจกัน เมื่อเรื่องราวความขัดแย้ง ความรุนแรง หรือการแบ่งแยก เกิดขึ้นในบ้าน ครอบครัว ชุมชนของเรา เราจะเห็นอกเห็นใจกัน หรือมีมุมมองที่ละเอียดอ่อนต่อเรื่องเหล่านั้นมากขึ้น โปรดอย่าลืมว่าเราไม่ได้เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่เหนือคนอื่น และในโลกใบนี้ หากเปรียบเทียบอายุของโลกกับระยะที่มนุษย์มีชีวิต เราจะพบว่า ช่วงชีวิตของมนุษย์เราสั้นกว่าช่วงเวลาน้ำค้างระเหยมากมายนัก


............................................................................................................................


ครูที่โรงเรียนประเทศไทยไปสัมนาที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วถามนักเรียนที่นั่นว่า " ที่นี่ไม่บังคับเรื่องการตัดผมหรอ? "รู้ไหมว่าคนญี่ปุ่นตอบว่าอะไร " คนญี่ปุ่นใช้สมองเรียน ไม่ได้ใช้ผมเรียน "พอจะคิดอะไรได้กันบ้างไหมพวกผู้ใหญ่ !!


........................................................................................................................


SE talks 14 กาแฟรักษาป่า


http://www.youtube.com/watch?v=7HWLzJupfyY&feature=youtu.be


โอ๊ะ โอ๊ะ
ช่วยกันรักษาป่า ^^


.......................................................................................................................




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น