วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

21/03/2556



...................................................................................................................





» บทความเตือนสติ..สมาชิกชมรม "นิยมทางลัด" ทุกอย่างขอ shortcut ง่ายๆ เร็วๆ !!

มีเป้าหมายหลายอย่างในชีวิตของคนเรา ที่เป็นเป้าหมายของคนจำนวนมาก แต่มักต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ถึงจะบรรลุเป้าหมายได้

ตัวอย่างเช่น การมีรูปร่างที่ดี การมีสุขภาพที่ดีตอนแก่ การออมเงินเพื่อให้อยู่ได้ด้วยดอกเบี้ยล้วนๆ การมีชีวิตคู่ที่อบอุ่น การมีเพื่อนซี้ การเลี้ยงลูกให้เป็นคนที่มีคุณภาพสูงๆ เป็นต้น เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาในการสร้างนานๆ ทั้งนั้น

แต่ถ้าลองมองดูให้ดี เป้าหมายเหล่านี้ล้วนมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ พวกมันมักไม่ต้องการพรสวรรค์หรือความเป็นอัจฉริยภาพอะไรที่เหนือมนุษย์มากนัก แต่ต้องการความเพียรเป็นสำคัญ

เช่น... วิ่งเป็นประจำตอนที่ยังวิ่งไหวอยู่ / ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ / การหักเงินเดือนตัวเองเดือนละ 10% แล้วฝากไว้ในกองทุนรวม / การโทรหาภรรยาทุกวัน หรือการใช้เวลากับลูกทุกวันอาทิตย์ / คอย keep in touch กับเพื่อนเก่าๆ ...เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกินความสามารถของทุกคน แต่กลับพบว่า เป้าหมายเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่มีคนบรรลุไม่มากนัก !?


◌◌◌◌◌◌◌◌


มนุษย์มีปัญหามากเรื่องการแลกความสุขในระยะสั้นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาว*

อาจเรียกได้ว่ามันเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของสมองมนุษย์เลยทีเดียว

แรงจูงใจชั่ววูบมักเอาชนะความตั้งใจในระยะยาวของเราได้เสมอ บ่อยครั้งที่เรามักจะตั้งปณิธานที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป้าหมายระยะยาว แต่สุดท้ายแล้วเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น


เรื่องที่แย่ก็คือ บางที่เราอยากบรรลุเป้าหมายเหล่านี้มากๆ แต่อดทนรอไม่ไหว เรามักจะวิ่งเข้าหา "ทางลัด" เพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาในทันที

ทางลัดมักดึงดูดใจเราเพราะคำว่า ง่ายๆ เร็วๆ มากกว่าที่จะช่วยทำให้เราบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้จริงๆ

บางคนมัวแต่เสียเวลาไปกับการค้นหา "ทางลัด" ทางแล้วทางเล่า แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีทางให้ได้ผลจริงๆ สักอย่าง จนทำให้ทางลัดการเป็นทางที่ใช้เวลา "นาน" ยิ่งกว่า...คนที่ใช้วิธีแบบเต่า ที่ค่อยๆ สะสมทักษะไปวันละนิด เพราะไม่ได้หวังพึ่งพาทางลั


◌◌◌◌◌◌◌◌


ทุกวันนี้ในกล่องเข้าอีเมลของทุกคนดูจะเต็มไปด้วยสแปมเมลที่บอกเราว่า มีวิธีได้เงินเดือนเป็นแสนโดยไม่ต้องทำงานหนัก

หรือถ้าเดินเข้าไปในร้านหนังสือก็เจอแต่หนังสือที่มีคำว่า "รวย" และคำว่า "ง่าย" หรือ "เร็ว" เต็มแผงหนังสือไปหมด

ดูเหมือนคนสมัยนี้จะมองหาแต่ทางลัดกันมากเสียจนคนที่เข้าใจจิตวิทยาข้อนี้สามารถหากินกับความหวังของคนได้อย่างมากมาย


ถ้าเราลองมองอะไรให้ลึกขึ้นสักหน่อยเราจะเห็นว่า ที่จริงแล้ววิธีไหนก็ตามที่ต้องใช้เวลารอคอยนานๆ หรือต้องใช้ความอดทนมากๆ นี่แหละคือหนทางที่เราควรจะวิ่งเข้าหามากที่สุด

ไม่ใช่วิธีที่ง่ายๆ เพราะ ประการแรก อะไรที่ต้องใช้เวลานานๆ มักเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักไม่สนใจ ไม่น่าดึงดูด ไม่คิดแม้แต่จะเริ่มต้นลงมือ มันจึงเป็นสิ่งที่มีการแข่งขันน้อยกว่าอย่างวิธีอื่น

ดังนั้นคนที่เลือกทางนี้ยิ่งอยู่กับมันได้นานเท่าไร ก็จะยิ่งมีคู่แข่งลดลงเท่านั้น เพราะจำนวนคนที่จะอดทนวิ่งตามเรามาได้นานๆ จะมีจำนวนน้อยลงไปเรื่อยๆ


◌◌◌◌◌◌◌◌


ประการที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เป้าหมายระยะยาวส่วนใหญ่มักไม่ต้องการความสามารถพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่น แต่มักอาศัย "ความเพียร" มากกว่าคนอื่นเป็นหลัก

ซึ่งแม้ว่าความเพียรก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ "ความเพียร" นี่แหละคือวิธีเดียวที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถประสบความสำเร็จได้


เวลาที่เราเห็นนักธุรกิจระดับเซเลบบริตี้ที่ประสบความสำเร็จในทีวี เรามักรู้สึกว่างานของพวกเขาดูเหมือนจะได้เงินมาง่ายๆ ดูสบายๆ และมีไลฟ์สไตล์ที่ดูดีเสียเหลือเกิน

แต่ภาพที่เราไม่ได้เห็นก็คือภาพก่อนที่เขาจะมาถึงจุดนั้นที่พวกเขาต้องอดทนและลำบากมากกว่าคนทั่วไปก่อน จึงทำให้พวกเขามายืนอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสามารถตามมาแข่งขันกับพวกเขาได้ในวันนี้


ว่างๆ ลองสำรวจตัวเองดูนะครับ ว่า...ทุกวันนี้เราเลือก "ทางเดิน" ที่ถูกต้องอยู่รึเปล่า ?


ด้วยความปรารถนาดี

ทีมงาน Life 101


◌◌◌◌◌◌◌◌


Credit : นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ | บทความ "เป้าหมายระยะยาว" คอลัมน์ "มนุษย์เศรษฐกิจ 2.0"

.....................................................................................................................




ภาคต่อของโจทย์การทำวัตถุแข็งเกร็งแตกของนาย "คิด กระจิดรวย" มาแล้วค่ะ ใช้ g= 10 เหมือนเดิม เพื่อนๆ ทำกันได้มั้ยเอ่ย ^ ^

........................................................................................................................



...................................................................................................................




(H) Make Forests Not War - Innovative design of "Seed Bombs" .
Aerial bombardment to reforest the earth
Forests are to be created by dropping millions of trees out of aircraft. With the help of this innovation we can plant 125,000 trees for each sortie and 900,000 trees in a day."

SOURCE : http://banoosh.com/2013/03/20/aerial-bombardment-to-reforest-the-earth/


...............................................................................................................



....................................................................................................................

ศาลต้องตัดสินด้วยกฎหมาย
http://www.prachatham.com/detail.htm?code=n6_21032013_01

..................................................................................................................




มาถึงโจทย์เคมีมัธยมปลายกันบ้างค่ะ
เอาเรื่องที่ใช้อยู่แทบทุกวันในชีวิตประจำวันแต่มักถูกมองข้ามมาวิเคราะห์กันนะคะ


.................................................................................................................





6 สาเหตุ ที่พนักงานเก่งๆ ลาออกจากองค์กร

Center of Management & Organization Effectiveness ได้วิจัยในเรื่องของสาเหตุที่ทำให้คนเก่ง (Talent) ขององค์กรต้องลาออกและไปจากองค์กร

1.ลาออกเพราะหัวหน้าประพฤติตนไม่ดี ผลการวิจัยออกมาอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีคนเก่งคนไหนที่อยากจะทำงานกับหัวหน้าที่มีพฤติกรรมแย่ๆ เช่น พูดจาไม่มีเหตุผล ไม่มีความเป็นธรรม รับชอบ แต่ไม่รับผิด ไม่มีการพูดคุย หรือดูแลพนักงาน ปล่อยปละละเลยพนักงานให้ทำงานไปตามยถากรรม ฯลฯ

2.ขาดอำนาจหน้าที่ในการทำงาน คนเก่งต้องการอำนาจและหน้าที่ที่จะต้องตัดสินใจในงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ใช่ต้องทำงานตามคำสั่งอย่างเดียว โดยที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรใดๆ ได้ด้วยตนเองเลย มีปัญหา ก็ต้องวิ่งเข้าหาหัวหน้าตลอดเวลา เพราะหัวหน้าไม่ยอมมอบอำนาจในการตัดสินใจในงานของพนักงานให้ ทุกอย่างไปรวมศูนย์ที่หัวหน้าหมด แบบนี้คนเก่งก็ไม่อยากทำงานด้วยครับ

3.มีการเมืองในองค์กรมากเกินไป คนเก่งคือคนที่อยากสร้างผลงานให้กับองค์กร เป็นคนที่ไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองในองค์กรแม้แต่นิดเดียว เขาต้องการที่จะใช้พลังและความสามารถทั้งหมดไปเพื่อที่จะสร้างผลงานที่ดีขึ้นไม่ใช่เพื่อทำลายคนอื่น ดังนั้นองค์กรที่มีการเมืองมากๆ ก็มักจะไม่ค่อยมีคนเก่งอยากทำงานด้วย

4.ขาดการใส่ใจจากหัวหน้า คนเก่ง แม้ว่าจะเก่งในการทำงาน แต่ก็ยังคงต้องการได้รับการยอมรับจากหัวหน้าของตนเอง เวลาที่ทำงานได้ดี ก็ต้องการคำชม แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้คนเก่งเกิดกำลังใจในการทำงานต่อไปได้ สาเหตุหลักที่คนเก่งอยู่ทำงานในองค์กรไม่ได้ก็คือ ไม่ได้รับการใส่ใจจากหัวหน้างานตนเอง ทำงานดี ก็ไม่มีชม ทำงานแย่ ก็ด่าอย่างเดียว แบบนี้ผมว่าไม่ต้องคนเก่งหรอกครับ พนักงานธรรมดาก็ทนอยู่ไม่ได้เช่นกันครับ

5.ผู้บริหารไร้ทิศทาง ขาดวิสัยทัศน์ คนเก่งมักจะต้องการความชัดเจนในการทำงาน ดังนั้นถ้าผู้บริหารขององค์กรขาดวิสัยทัศน์ ก็ทำให้คนเก่งเหล่านี้รู้สึกทำงานไปก็ไร้ความหมาย ก็เลยไปหาองค์กรอื่นที่ผู้บริหารสามารถเป็นที่พึ่งที่ดีได้

6.บริหารโดยเน้นระบบอาวุโส องค์กรที่บริหารโดยใช้ระบบอาวุโส คือ การเน้นไปที่พนักงานที่อยู่มานาน ใครอยู่กับองค์กรนานๆ จะได้รับความสำคัญมากกว่าคนที่ทำงานเก่งๆ แต่อยู่ยังไม่นานนัก คนเก่งจะไม่ชอบระบบอาวุโส เพราะไม่ได้พิสูจน์ฝีมือกันจริงๆ ดังนั้นเขาก็เลยลาออกไปอยู่กับองค์กรที่เน้นการใช้ฝีมือและการสร้างผลงานมากกว่า

....................................................................................................




“It is better to conquer yourself than to win a thousand battles.” -Buddha ► www.social-consciousness.com/2012/08/how-to-decalcify-your-pineal-gland.html
 

................................................................................................................


เจาะข่าวตื้น 93 ทวงคืนคลิปกะเพราหลุด


http://www.youtube.com/watch?v=uvFwG99_RTs

.................................................................................................................


......................................................................................................................


"ส.ศิวรักษ์" โต้ "ประยุทธ์" ทหารไม่ใช่เจ้าของประเทศ วันๆเอาแต่เซ็งลี้-ตีกอล์ฟ!


http://www.go6tv.com/2013/03/blog-post_9130.html

.....................................................................................................................



วันนี้บนโต๊ะอาหารมีึคนอยู่ 4 สัญชาติ

เพื่อนอเมริกันจิกกัดอังกฤษว่าไปพูดจากร่างที่อินเดียเรื่องอาณานิคมได้ยังไงเสร่อมาก

ด้วยความปากจัด ผมเลยกัดกลับไปว่าถ้าเป็นอเมริกันคงต้องคุยเรื่องอิรัก as the 51at state สินะ คนก็ขำกันทั้งโต๊ะ

จากนั้นเพื่อนอเมริกันก็ยอมรับตรงๆว่า เออใช่ มันทุเรศจริงๆ แล้วก็ด่าบุช ด่ารีพับลิกันให้ฟังอีกร่วม 15 นาที เขาบอกว่ารีพีบลิกันทำให้คนทั้งโลกเกลียดอเมริกามากขึ้นกว่าเดิมซึ่งก็มากที่สุดในโลกอยู่แล้ว จากนั้นก็พาลไปด่าการศึกษา ระบบสาธารณสุข ฯลฯ

ผมได้เรียนรู้ว่า การเป็นพลเมืองของประเทศหนึ่ง รักและปรารถนาดีต่อแผ่นดินแม่ ไม่ได้แปลว่่าคุณต้องรักอย่างมืดบอด ทุกอย่างดีเสมอ ใครด่าไม่ได้ และเชื่ออย่างโง่ๆว่าเราพิเศษไม่เหมือนใคร

แน่นอน ไม่ต้องถามว่าเขาคุยอะไรเกี่ยวกับประเทศไทย คนทั้งโลกเขาคุยกันในเรื่องที่คนไทยไม่อยากรับรู้ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนไทยที่ยังรักประเทศไทย ผมไม่มีอะไรจะพูดให้เขาฟัง เพราะมันผิดกฎหมายแม้จะทำนอกประเทศ


....................................................................................................................


..........................................................................................................................




ทั่วโลกมุ่งพลังงานแสงอาทิตย์

ภาวะโลกร้อน และราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ "พลังงานแสงอาทิตย์" ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังงานหมุนเวียนสะอาด และไม่มีวันหมดได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเลขที่พอเก็บรวมได้ในปี 2007 ทั่วโลกใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากการติดตั้งแผงโซลาร์สูงถึง 2.8 กิกะวัตต์ แม้ว่าจะมีสัดส่วนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับกำลังผลิตไฟฟ้าทั่วโลก แต่ก็โตอย่างก้าวกระโดด ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์เซลล์บูมมาก โดยเฉพาะจีนกลายเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์มากที่สุดในโลกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักๆ ของพลังงานแสงอาทิตย์ยังกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่ประเทศในยุโรป ตลาดที่ใหญ่สุด และส่วนแบ่งกว่า 50% อยู่ที่เยอรมนี รองลงมาคือ สเปน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ จีน ฯลฯ

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ต้องบอกว่า แต่ละประเทศให้การสนับสนุนเช่น การให้เครดิตภาษี การรับซื้อกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ในอัตราที่จูงใจ เป็นต้น เพราะแม้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นพลังงานฟรี แต่ก็มีต้นทุนการติดตั้ง (ราคาของแผงโซลาร์) ที่สูงมาก

ยังไงก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้ เชื่อว่าเมื่อมีการผลิตแผงโซลาร์มากขึ้น ผู้ใช้มีจำนวนมากขึ้นก็จะมีส่วนทำให้ราคาแผงโซลาร์ลดลงได้อีก

เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานข่าวว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ได้เปิดตัวโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่กลางทะเลทรายในแคว้นอาบูดาบีมีชื่อว่า "ชามส์ 1" มีมูลค่าในการก่อสร้างกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 17,720 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนบ้านเรือนของประชาชนได้กว่า 20,000 หลัง

ตามข้อมูลระบุว่า โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะผลิตไฟฟ้าได้ 100 เมกะวัตต์ และผลิตไฟฟ้าให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 7 ของปริมาณความต้องการไฟฟ้าทั้งประเทศในปี 2020 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลก มีขนาดใหญ่แค่ไหน? ลองนึกภาพของสนามฟุตบอล 285 แห่งมาวางเรียงติดต่อกันก็แล้วกัน

แต่หากเทียบกับจีนก็ไม่ทราบว่า ใครจะใหญ่มากกว่ากัน เพราะจีนก็บอกว่า สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่สุดในโลกเหมือนกัน อยู่กลางทะเลทรายตอนเหนือของกำแพงเมืองจีน เข้าไปในประเทศมองโกเลีย ครอบคลุมพื้นที่ 64 ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าเกาะแมนฮัตตันของสหรัฐฯเสียอีก

ก็ลองเปรียบเทียบกันดูเอาเองนะครับว่า สนามฟุตบอลขนาด 285 สนามกับเกาะแมนฮัตตัน อันไหนจะใหญ่กว่ากัน ถ้าหากตัวเลขตามรายงานข่าวนั้นถูกต้องทั้งสองแห่ง?

แต่ยังไม่หมดแค่นี้นะครับ ตามไปดูที่สหรัฐฯ เขาก็ประกาศว่าจะสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเหมือนกัน ก็ยิ่งสับสนไปใหญ่ว่า ทั้งยูเออี จีน และสหรัฐฯ ใครกันแน่ที่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!

แต่เท่าที่รวบรวมก็พอมองเห็นภาพ และน่าจะสรุปได้ว่าโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มองโกเลียน่าจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีขนาดพอๆ กับการผลิตถ่านหิน 2 แห่ง ให้กำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 2 กิกะวัตต์ และเพียงพอที่จะทำให้ความสว่างไสวไปยังครัวเรือนได้ถึง 3 ล้านครัวเรือน

กลับมาดูโรงไฟฟ้าของสหรัฐฯแห่งนี้มีชื่อว่า มิดอเมริกัน โซลาร์ ที่มีมหาเศรษฐี" วอร์เรน บัฟเฟตต์" ควบคุมผ่านการลงทุนโดยเบิร์คไชร์ฯ และร่วมกับ เฟิร์ส โซลาร์ (มีชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็คว่า FSLR) จะติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์แผงแรกในโซลาร์ฟาร์มโทปาซ อยู่ในเขตซานลุยส์ โอบิสโป มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

ที่นี่เมื่อก่อสร้างเสร็จจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงถึง 550 เมกะวัตต์ ใช้แผงโซลาร์มากกว่า 9 ล้านแผง ป้อนครัวเรือนของแคลิฟอร์เนียได้ 160,000 ครัวเรือน

ยังไงก็ตามฟาร์มโทปาซจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2558 โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จะจำหน่ายให้แก่พีจีแอนด์อี ภายใต้ข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี และส่งผลให้รัฐแคลิฟอร์เนียสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนคิดเป็นร้อยละ 33 ของปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดภายในปี 2563

แต่โรงไฟฟ้าของสหรัฐฯมีประเด็นน่าสนใจคือ ในเรื่องของเทคโนโลยี และนวัตกรรมแผงโซลาร์ที่ทำด้วยเทคโนโลยีฟิล์มบางที่ผลิตไฟฟ้าโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แถมไม่เกิดขยะของเสีย และไม่ต้องมีการใช้น้ำแต่อย่างใด

เรียกว่า แผงโซลาร์นี้มี "คาร์บอนฟุตปรินท์" น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดอื่นๆ แถมเป็นวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึงร้อยละ 90 ซึ่งฟาร์มโทปาซจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละประมาณ 377,000 เมตริกตัน หรือเท่ากับรถยนต์ออกจากท้องถนนประมาณ 73,000 คัน

ทั้งหมดนี้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า พลังงานทดแทนที่สะอาดเช่น พลังงานแสงอาทิตย์จะเป็น "ยุคใหม่" ที่ก้าวเข้ามาทดแทนพลังงานจากฟอสซิลที่นับวันจะร่อยหรอลงไปทุกวัน

แม้กระทั่งสหรัฐฯก็ตระหนักในเรื่องนี้ ถึงขั้นปฏิรูปนโยบายพลังงานใหม่หมดทั้งประเทศ และวาดหวังว่าจะเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลก จากปัจจุบันที่เป็นผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ของโลก ขณะที่จีนก็ให้น้ำหนักในเรื่องนี้ และอนุมัติโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ไปไม่น้อยกว่า 60 แห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่พื้นที่ตะวันตกของจีน

ส่วนคำพูดที่ว่า "พลังงานแสงอาทิตย์แม้จะเป็นพลังงานสะอาด แต่ก็มีราคาที่แพงมาก ควรเลือกใช้พลังงานนิวเคลียร์จะดีกว่าเพราะราคาถูกกว่ากันมาก" แต่จากข้อมูลวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยดุ๊ก ในรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาชื่อ "Solar and Nuclear Costs -The Historic Crossover" ระบุว่า

"ต่อไปกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากแผงโซลาร์จะมีราคาถูกกว่ากระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่สร้างใหม่ เพราะต้นทุนของระบบโซลาร์ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตลอดในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมา"

โลกแห่งพลังงานจากนี้ไปเชื่อว่า พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จะทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งในไทยเองก็ต้องบอกว่า เป็นอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตที่กำลังบูมมากอยู่ในขณะนี

คอลัมน์ วิถีโลก วิถีธุรกิจ, โฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 20 มีนาคม 2556


........................................................................................................................

ไฟแดงและการรอคอย
http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?p=1305

.......................................................................................................................




พอถึงฉากต่อสู้ในอวกาศ มรึงปิดเสียงเหอะ เพื่อความสมจริง


....................................................................................................................


......................................................................................................................




มองให้กว้าง มองให้ไกล
ถ้ามัวแต่กลัวโน่น กลัวนี่ ก็ล้าหลังเขาอยู่ร่ำไป!


.................................................................................................................




Giambattista Vico

“โดยธรรมชาติแล้วจิตใจมนุษย์นั้นไม่แน่นอน ดังนั้นการที่มนุษย์จมอยู่ภายใต้ความไม่รู้ เขาก็จะเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดจักรวาล”

Giambattista Vico (1668-1744) นักปรัชญา นักนิรุกติศาสตร์ จากยุครู้แจ้ง (Enlightenment) ของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากผลงาน De antiquissima Italorum sapientia, ex linguae latinae originibus eruenda (1710) และ Scienza Nuova (1725) ที่ชิ้นหลังนอกจากเปิดไปสู่การศึกษาอารยธรรมโบราณของมนุษย์อย่างเป็นศาสตร์แล้วยังให้อิทธิพลและแรงบันดาลใจแก่นักเขียนนักคิดเรื่อยมาจนปัจจุบัน โดยเฉพาะ Karl Marx และ James Joyce หนึ่งนักคิด หนึ่งนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่จากศตวรรษที่ 19-20


.........................................................................................................................




เมื่อแต่ละกรุ๊ป นัดเวลากัน ตอนบ่าย 3 โมง

มีอีกมากที่>> Blood Group Cartoon


..........................................................................................................................




นักดื่ม....ควรรู้.


................................................................................................................


...................................................................................................................



พวกมันมากันหลายคนค่ะ พอมาถึงมันก็จับหนูขึงพรืดแล้วก็ฉีกๆๆ ดีที่หนูยังตั้งสติได้ก็เลยถ่วงเวลาว่า ขอแก้ก่อนได้ไหม แต่ไอ้คนหัวหงอกๆท่าทางใจดีมันก็บอกหนูว่า ยอมๆไปก่อนแล้วค่อยแก้ พอหนูใจอ่อนมันก็ให้ไอ้หน้าหล่อคนนึงมาข่มขืนหนู แต่ไอ้นั่นมันไม่ได้เรื่องเลยค่ะ แผล็บเดียวก็ล่มปากอ่าว หนูเลยบอกพวกมันอีกว่า งั้นขอแก้เลยละกัน มันก็มาตุ๊ยท้องหนูจนตัวงอ แล้วขู่ว่าห้ามแก้หมด ให้แก้ทีละชิ้น (โรคจิตจริงๆเลยนะคะพวกนี้) หนูก็เลยต้องยอมแก้ทีละชิ้น แต่ยังไม่ทันจะเริ่มแก้เลยค่ะ มันก็มารุมกระทืบหนูซะน่วมแล้วถามว่า แก้ทำไม ไม่ให้แก้!!!...หนูละงงไปหมดแล้วค่ะ หนูควรทำไงกับไอ้พวกเหี้ยนี่ดีคะ อาจารย์หมอ?

จาก น้องนูน


....................................................................................................................

ผมอยากบอกคุณเฉลิมว่า 

ที่ฝ่ายของคุณเฉลิมได้เป็นรัฐบาลน่ะ คนที่เลือกเขาไม่ได้สนใจหรอกนะครับว่า ฝ่ายคุณล้มเจ้าหรือไม่ล้มเจ้า 

และถึงแม้คุณเฉลิมจะทำอย่างนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้คุณเฉลิมดูดีขึ้นในสายตาของประชาชนที่ไม่เลือกคุณเฉลิมหรอกนะครับ 
มีแต่จะแย่ลงในสายตาของประชาชนที่เลือกฝ่ายคุณเฉลิมเข้าไปเป็นรัฐบาล 

คุณเฉลิมรู้ตัวมั๊ยครับว่า คุณเฉลิมทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมของฝ่ายคุณแย่ลงมากี่ครั้งแ้ล้ว?
คุณเฉลิมควรคิดก่อนนะครับ เพราะการกระทำของคุณเฉลิมไม่สามารถเรียกได้ว่าฉลาดเลย!

.......................................................................

ความในใจที่อยากบอกคุณเฉลิมในวันที่ คุณเฉลิม "สั่งผบ.ตร.ถอดละเอียด เทปตอบโจทย์ เล็งเอาผิด ‘พิธีกร-ผู้ร่วมรายการ’"

..................................................................................................................


......................................................................................................................


..................................................................................................................































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น