» แนวทางสู่ Living Company ...โดย ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ
» อย่าเอา KPI ไปผูก กับ "โบนัส-รางวัล-เงินเดือน-ตำ การใช้ KPI (Key Performance Indicators) ที่ไม่ฉลาดนัก คือ เอา ผลของ KPI ไปผูก กับ โบนัส รางวัล ตำแหน่ง ฯลฯ เพราะ KPI เป็น แค่ "มิเตอร์" เอาไว้เพื่อ หา "โอกาสในการพัฒนา" จะได้ ย้อนไปดูกระบวนการ ได้คิดใหม่ ได้ทำใหม่ ได้ สังเกตๆๆๆๆ ให้ละเอียด "สังเกตๆ คือ ห้อยแขวนคำพิพากษา" หากสังเกตไปไม่สุดๆ จะมีแต่การปรุงแต่ง อคติ ลำเอียง อวิชชา ฯลฯ ◌◌◌◌◌◌◌◌ • ตัวอย่างประกอบ • ลองคิดดู เราจ้างคนขับรถ เราบอกเค้าว่า KPI คือ เร็ว และ ปลอดภัย แต่พอถึงตอน...ประเมินผลปลา มิเตอร์ความเร็วเฉลี่ย บอกว่า ต่ำกว่า ๙๐ กม.ต่อชั่วโมง เราเลยด่าคนขับว่า แย่มาก KPI ต่ำกว่ากำหนด ทั้งๆ หลุมเต็มถนนไปหมด แต่ คนตรวจและเจ้านาย มองไม่เห็น ...บอร์ด (Board) ตาบอด มิเตอร์ ความร้อน บอกว่า เครื่องยนต์ร้อนแล้วนะ เราเลย ไล่คนขับรถออก ขับยังไง ให้น้ำร้อนได้ ทั้งๆ ที่ สั่ง เอา KPI อีกตัวว่า เร็วๆๆๆๆๆๆ ◌◌◌◌◌◌◌◌ คนตรวจ KPI หรือ มาตรฐานต่างๆ ส่วนใหญ่ ตกหลุมพราง ของ ความมักง่าย คือ เอาแต่ ดูเอกสาร ไม่รู้จัก การสังเกต การลงไปตั้งวง dialogue ไม่เคยลงมา ทำงานร่วม เป็น "คนนอก" ที่ มี ทัศนคติ "ฉันไม่ไว้ใจใคร" "ฉัน เก่ง กว่าใคร" ...กร่างมาแต่ไกล คนตรวจประเมิน ทำตัวแบบ นายพลในเรื่อง AVATAR คือ ไม่มี จิตใจ ไม่รู้จัก "คุณค่า" ของมนุษย์เลย ไม่เชื่อมโยง (Connect) จิตใจตนเองกับ ผู้คน ในหนังมี นก อี- กราน ที่ เชื่อมโยงกับ ชาวนาวี แต่ ของไทย มี CEO มี Board บริหาร และ คนตรวจประเมิน ที่เป็น อี-กร่าง เยอะมาก ◌◌◌◌◌◌◌◌ Intangible benefit เป็น อะไรที่ พวกผู้บริหาร และ คนตรวจ KPI แนวบ้าเลือด ยังไม่เข้าใจ KPI ได้ผล (โดนหลอกว่า ได้ผล) ... แต่ ทุนทางปัญญาเสื่อมสลาย ทุนทางใจ พังย่อยยับ คนบ้า เท่านั้น ที่ เอา KPI ไป ไล่ ตำหนิ ตัดสิน ลูกน้อง สมัยนี้ เขาใช้ Collective intelligent กันแล้ว ใช้ Collective conversation กันแล้ว จนกลายเป็น Collective leadership ในที่สุด ◌◌◌◌◌◌◌◌ • บทเสริมท้ายเรื่อง ...โดย Life 101 ลักษณะของ "Collective Leadership" คือ... ภาวะการทำงานของกลุ่มคนซึ่ง แต่เป็นทีมซึ่งอาจมีการสลับ เราพบว่า...การทำงานเป็นทีม มักจะไม่มี "ผู้นำ" ที่ผู้บริหารเบื้องบนจัดตั้ ปัญหาที่ตามมา ก็คือ... พอนำคนเก่งๆ มารวมกันนี้ กลับมีอาการ... ต่างคนต่างใหญ่ ต่างคนต่างมีความสามารถ เรียกว่า "รวมดาว" เก่งๆ กันทั้งนั้น แต่แปลกที่ว่า พอรวมดาวมาไว้ด้วยกัน กลับทำงานได้ผลงานน้อยกว่าก แนวทางของ Collective leadership จะช่วยอำนวยให้ คนเก่งๆ ที่อยู่กันในทีม แต่ละคนมีความสามารถพลิกแพล และที่สำคัญ "ลงเป็น" ยอมให้เพื่อนคนอื่นขึ้นไปนำ โดยคนที่เหลือก็ช่วยประคอง ช่วยเล่นประกอบช่วยเล่นเสริ ◌◌◌◌◌◌◌◌ Credit : ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | บันทึกคนไร้กรอบ |
..................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
...................................................................................................................................
ความอยุติธรรมคือรากแก้วของ การทุจริต
ดร.โสภณ พรโชคชัย
การที่ลือกันว่าเงินง้างได้ ทุกสิ่งนั้น นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าใจ ว่าถึงผลลัพธ์ของการทุจริตแ ล้ว ยังส่งผลต่อการสร้างวัฒนธรร มการทุจริตในสังคมกันอย่างถ ึงรากลึก เพราะจะยิ่งทำให้ผู้คนยิ่งเ ร่งขวนขวายหาเงินและอำนาจ (โดยไม่เลือกวิธีใช้) เพราะเงินใช้อำนวยความสะดวก ได้เป็นอย่างดี
กรณีข่าวดังที่เกิดขึ้นกับค นที่มีฐานะดีแล้วได้รับการผ ่อนหนักเป็นเบา หรือรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได ้ มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ จนกลายเป็นความชาชินไป เช่น
1. อาจารย์มหาวิทยาลัยดังใช้ไม ้ตีภริยาเสียชีวิต
2. พระเอกดังเมาขับชนแท็กซี่จน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
3. นักร้องสาวสุดดังขับรถชนคนต าย แล้วหนีไป ก่อนออกมามอบตัวภายหลัง
4. นักศึกษาไฮโซใช้ก้อนหินทุบใ บหน้าคนขับรถเมล์และขับรถพุ ่งชนผู้บนทางเท้า มีผู้เสียชีวิต 1 รายแล้วอ้างว่าวิกลจริต
5. พระเอกดังอีกคน ขับรถชนหญิงที่มีอาชีพรับซื ้อของเก่าริมถนนเสียชีวิต
6. พิธีกรดังที่ยังเป็นทั้งดาร าและดีเจ ขับรถที่ตกแต่งเลียนแบบรถตำ รวจ ชนแล้วหนี สุดท้ายค้นในรถพบอาวุธและขอ งผิดกฎหมายหลายรายการ
7. นักศึกษาสาวนามสกุลดังขับรถ พุ่งชนรถตู้บนทางด่วน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
8. นักศึกษาหนุ่มทายาทเศรษฐีขั บรถสปอร์ตชนหญิงจนร่างขาด 2 ท่อน
9. ลูกชายนักธุรกิจหมื่นล้านขั บชนตำรวจเสียชีวิตคาที่ ผ่านไป 1 วัน มีคนออกมารับสารภาพแทน
ในกรณีเหล่านี้ โทษที่พวกเขาได้รับอาจน้อยจ นดู “ขัดสายตา” ของประชาชน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่ จะเป็นอาชญากรจริงๆ บางทีสังคมก็อาจควรเข้าใจพว กเขาบ้าง ไหนๆ ผู้เสียหายก็ตายไปไม่อาจฟื้ นคืนได้แล้ว! นอกจากกรณีข้างต้นแล้ว ยังอาจมีคนใหญ่คนโตคนมีเงิน อีกมากมายที่ยังลอยนวลกันอย ู่ บางรายหนีคดีนับสิบปี พอถูกจับได้ก็ยังได้รับการอ ะลุ่มอล่วยเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นชาวบ้าน ทั่วไปที่ไม่มีเงิน ก็คงประสบความลำบากมาก ประชาชนทั่วไปคงยากที่จะได้ รับโอกาสเยี่ยงนี้ บางคนอาจเสียเวลาไปครึ่งค่อ นชีวิตในคุก เสียคนในคุก ออกจากคุกมาก็ได้แต่ใช้ชีวิ ตที่เหลือไปวัน ๆ บางคนก็ยังต้องตายคาคุกแม้ป ่วยไข้ แม้แต่ข้าราชการบางคนก็ยังถ ูกกลั่นแกล้งกระทั่งออกจากร าชการก็ยังมี บางคนหาทางออกจากความอยุติธ รรมไม่ได้ สุดท้ายต้องปลิดชีพตัวเอง เป็นต้น
กรณีการผ่อนหนักเป็นเบาของค นมีเงิน มีฐานะในสังคมเหล่านี้ทำให้ ประชาชนเข้าใจไปว่าเงินง้าง ได้ทุกอย่าง และทำให้ทุกคนต้องเร่งหาเงิ นโดยไม่เลือกวิธีที่ใช้เพื่ อนำมาเป็นหลักประกันว่าหากเ กิดอะไรขึ้นกับตน จะได้นำมาเป็นทรัพยากรผ่อนห นักเป็นเบาหรือรอดพ้นเงื้อม มือของกฎหมายไปเลย นี่จึงเป็นบ่อเกิดของวัฒนธร รมการทุจริตที่ทับถมยิ่งขึ้ น
ดังนั้นหากสังคมมุ่งหวังจะข จัดการทุจริตให้สิ้น ทางราชการทุกภาคส่วนต้องแสด งให้ประชาชนเห็นถึงการสร้าง ความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจริ งในสังคม เพื่อที่ประชาชนจะสามารถวาง ใจในกระบวนการยุติธรรมทุกระ ดับได้ และไม่ต้องไปติดสินบน ทำให้สังคมมั่นใจได้ว่าทุกค นในสังคมมีความเท่าเทียมกัน ในทางกฎหมาย ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนจนหรือคนรวยก็ต าม
เมืองไทยเราเจริญไม่ได้มาก ไม่ใช่เพราะคุณภาพคนไม่ดี แต่เป็นเพราะมีพวกนายทุน ขุนศึก ศักดินาที่ใหญ่คับฟ้า คนดีมีความสามารถอยู่ยาก ข้าราชการจะเจริญก้าวหน้าได ้ต่างต้องขึ้นอยู่กับ “ดวง” ซึ่งไม่ใช่แปลว่าดวงดีหรือไ ม่ดี แต่เป็นคำย่อมาจาก “ด.เด็กใคร ว.วิ่งหรือไม่ และ ง.เงินถึงหรือไม่” นั่นเอง ที่เรียกร้องกันให้สุจริต ไม่ทุจริตกันจึงเป็นเพียงแค ่การเล่น “ปาหี่” ตราบที่ในสังคมยังมีอภิสิทธ ิชนใหญ่คับฟ้าอยู่เช่นนี้
ดังนั้นการสร้างความมั่นใจแ ก่ประชาชนว่าทุกคนเท่าเทียม กันตามกฎหมาย จึงเป็นหนทางที่สำคัญที่สุด ในการปราบปรามการทุจริต และทำให้ทุกคนตระหนักถึงศัก ดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่อยู่อย่างแบ่งชั้นวรร ณะเช่นทุกวันนี้
ดร.โสภณ พรโชคชัย
การที่ลือกันว่าเงินง้างได้
กรณีข่าวดังที่เกิดขึ้นกับค
1. อาจารย์มหาวิทยาลัยดังใช้ไม
2. พระเอกดังเมาขับชนแท็กซี่จน
3. นักร้องสาวสุดดังขับรถชนคนต
4. นักศึกษาไฮโซใช้ก้อนหินทุบใ
5. พระเอกดังอีกคน ขับรถชนหญิงที่มีอาชีพรับซื
6. พิธีกรดังที่ยังเป็นทั้งดาร
7. นักศึกษาสาวนามสกุลดังขับรถ
8. นักศึกษาหนุ่มทายาทเศรษฐีขั
9. ลูกชายนักธุรกิจหมื่นล้านขั
ในกรณีเหล่านี้ โทษที่พวกเขาได้รับอาจน้อยจ
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นชาวบ้าน
กรณีการผ่อนหนักเป็นเบาของค
ดังนั้นหากสังคมมุ่งหวังจะข
เมืองไทยเราเจริญไม่ได้มาก ไม่ใช่เพราะคุณภาพคนไม่ดี แต่เป็นเพราะมีพวกนายทุน ขุนศึก ศักดินาที่ใหญ่คับฟ้า คนดีมีความสามารถอยู่ยาก ข้าราชการจะเจริญก้าวหน้าได
ดังนั้นการสร้างความมั่นใจแ
...................................................................................................................................
"ส.ศิวรักษ์" เผยต้องการแก้ ม.112 เพื่อปฏิรูปสถาบันฯให้เป็นป ระชาธิปไตยมากขึ้น ลั่นไม่เคยโจมตีใครเรื่องล้ มเจ้า ยกเว้น "ทักษิณ" เพราะคนๆนี้มีอำนาจที่จะทำไ ด้ และเป็นศัตรูตัวร้ายของประช าชน เชื่ออยู่เบื้องหลังทำคดีหม ิ่นฯพุ่ง เพื่อหวังผลทำลายสถาบันฯทาง อ้อม ด้าน "สมศักดิ์ เจียมฯ" แย้งกลับคู่ดีเบต "ยกพระราชดำรัส - เชียร์ปชป.- กล่าวหาทักษิณล้มเจ้า" ล้วนแต่เป็นสิ่งตรงข้ามกับจ ุดยืนที่ต้องการปฏิรูปสถาบั นฯ เพราะไปตอกย้ำสภาวะที่ไม่เป็นปร ะชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักเขียนชื่อดังนามปากกาว่า ส.ศิวรักษ์ และ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติ ศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมสนทนาในรายการ "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ในประเด็น "สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ" ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดย นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
นายสุลักษณ์ ได้กล่าวขยายความถึงกรณีโพส ต์เฟซบุ๊กให้เลือกม.ร.ว.สุข ุมพันธุ์เป็นผู้ว่าฯกทม.ว่า ไม่ใช่แค่เลวร้ายน้อยกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เขายังพูดด้วยว่าเอาเสาไ ฟฟ้าลงก็ชนะเป็นการดูถูกคนก ทม. ตนเลยปลุกคนกทม.ว่าต้องไม่เ ลือกทักษิณ และมีวิธีเดียวที่จะไม่ให้เ บอร์ 9 มา คือต้องเลือกประชาธิปัตย์
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้า นายสุลักษณ์ ต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย ์ ตนมองไม่ออกเลยว่าสามารถเชี ยร์ให้เลือกประชาธิปัตย์ได้ อย่างไร เพราะพรรคนี้เป็นอันดับหนึ่ งในการเล่นเกมโหนเจ้า
นายสุลักษณ์ กล่าวแย้งว่า มันต้องแยกกัน พวกโหนในหลวงมีเยอะเลย ประชาธิปัตย์ก็โหนในหลวง บางทีพ.ต.ท.ทักษิณก็โหนในหล วง ลึกๆแล้วตนทนประชาธิปัตย์ไม ่ได้ เคยสนับสนุนทักษิณในปีแรก เพราะเอือม นายชวน หลีกภัย แต่แล้วก็ผิดพลาด ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตนก็เอือม แต่ไม่มีทางอื่นเลยต้องเลือ กเข้ามา แล้วลึกๆตนอดรักเจ้าไม่ได้ค ุณชายเป็นหลานทูลกระหม่อมบร ิพัตร ซึ่งท่านมีบุญคุณกับบ้านเมื อง ถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะทำผิดพลาดบ้าง ตนก็ยังนึกถึงความหลังอยู่
นายสมศักดิ์ กล่าวโต้ว่า ถ้าต้องการปฏิรูปสถาบันฯจริ งๆ พวกนี้ไม่ใช่เหตุผล ประชาธิปัตย์เห็นได้ชัดว่าเ ล่นเกมโหนเจ้าตลอด อย่างน้อยก็ย้อนไปตั้งแต่ 19 กันยายน
นายสุลักษณ์ กล่าวเสริมว่า ประชาธิปัตย์ไม่ได้เพิ่งโหน เจ้าตอน 19 กันยา แต่โหนมาตั้งแต่รัฐประหารคร ั้งแรกแล้ว นายควง อภัยวงศ์ ไปวางแผนร่วมกับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อทำลาย นายปรีดี พนมยงค์ ประชาธิปัตย์ทำลายประชาธิปไ ตยมาตั้งแต่ปี 2490 แล้วยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ระหว่างนี้ไม่มีตัวเลือก อื่น ไม่เลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เบอร์ 9 มาแน่ๆ ตนเห็นความชั่วร้ายของประชา ธิปัตย์มาก่อนนายสมศักดิ์เส ียอีก แม้ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่เลวร้าย นัก
นายสุลักษณ์ ยังกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เล่ห์เพื่อทำลายสถาบันฯ ตนถูกจับคดีหมิ่นฯในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นใหญ่ แม้กระทั่งหลุดไปแล้วแต่เขา ยังคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาต ิอยู่ อันนี้ชัดเจนว่าพ.ต.ท.ทักษิ ณต้องการใช้มาตรา 112 เพื่อทำลายสถาบันฯ แล้วตนก็ได้อ้างพระราชดำรัส ว่า ใครก็ตามทำเรื่องจับผู้คนใน เรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถือเป็นการทำร้ายพระองค์ท่า น เฉกเช่นเดียวกันกับการทำให้ สถาบันฯสั่นคลอน นี่เป็นพระราชดำรัสชัดเจน สมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย มีพระราชดำรัสกับ นายสนั่น ว่าอย่าให้ตำรวจจับใคร แล้วก็ นายสนั่น ก็รับสนองพระราชดำรัสไม่จับ ใครเลย แต่พอสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐมนตรีมหาดไทยไม่มีความสา มารถหรือไม่ก็คุมตำรวจไม่ได ้ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บงการอยู่เบื้องหลังตลอดเ วลา
นอกจากนี้รัฐสภาได้เชิญตนไป พูดเรื่องมาตรา 112 ตนพูดชัดเจนว่ากฎหมายนี้โทษ หนักเกินไป ให้อำนาจตำรวจมากเกินไป แล้วการจับในมาตรานี้ทำลายพ ระมหากษัตริย์ เป็นการรังแกพระองค์ท่าน ถ้าสภามีกึ๋นต้องแก้ แต่พวกนี้ไม่มีกึ๋น เพราะเป็นเพียงร่างทรง น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกเลยจะไม่แก้ ถ้าจงรักภักดีจริงต้องแก้กฎ หมายนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไอเดียที่ว่าสมัยอภิสิทธิ์ค ดีหมิ่นฯพุ่ง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คุมตำรวจ เป็นไอเดียที่ชอบกล เพราะคนที่โดนคดีหมิ่นฯส่วน ใหญ่เป็นลูกน้องทักษิณทั้งน ั้น เขาจะจับลูกน้องตัวเองทำไม และประเด็นใหญ่ที่ตนไม่เห็น ด้วยมากๆ คือ คนที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯจ ริงๆ ต้องไม่กล่าวหาคนอื่นไม่ว่า ใครก็ตามว่าต้องการทำลายสถา บันกษัตริย์ เพราะการกล่าวหาเป็นการไปตอ กย้ำสภาวะที่สถานะสถาบันกษั ตริย์ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อยู่
นายสุลักษณ์ กล่าวแย้งว่า ตนไม่เคยว่าคนอื่นเรื่องล้ม เจ้า มันเป็นสิทธิ แต่ตนจะต่อต้านเฉพาะคนที่จะ ล้มเจ้าและมีอำนาจทั้งทางเง ิน ทางการเมือง อันนี้อันตราย พวกนี้ไม่ได้เล่นเกม เมื่อไม่ได้เล่นเกม ตนก็ต้องซัดนอกเกม ไม่มีทางอื่น
ตนไม่ว่าใครเลย ยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคนที่มีอำนาจจะทำไ ด้ คนๆนี้มีอำนาจอยู่เหนือกฎหม าย มีอำนาจสั่งการมาจากนอกประเ ทศ คนๆนี้เป็นศัตรูของประชาชนท ี่ร้ายแรงมาก โทษของคนๆนี้มีมากกว่าที่เร าเข้าใจ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องล้มเจ้ าอย่างเดียว
นายสุลักษณ์ กล่าวอีกว่า สถาบันฯจะล้มได้ก็เพราะตัวส ถาบันฯเอง และคนที่อยู่แวดล้อมตัวสถาบ ันฯ อย่างเช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมห ากษัตริย์ หากใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปไล่ที ่คนยากจน อันนี้อันตราย ตนจึงเสนอว่าสำนักงานทรัพย์ สินส่วนพระมหากษัตริย์ ต้องออกไปนอกสถาบันฯ ให้ไปขึ้นกับรัฐบาล และทหารต้องออกห่างจากสถาบั นฯไปเลย แม้กระทั่งองคมนตรีทั้งหลาย ซึ่งมีสถานะเหนือกฎหมาย อันนี้ต้องเปลี่ยน แล้วต้องกล้าหาญ มีอะไรไม่เห็นด้วยต้องกล้าก ราบบังคมทูลโดยตรง ไม่ใช่ไปพูดกับต่างชาติแบบท ี่วิกิลีกส์เผยออกมา
ตนวิจารณ์สถาบันฯ เพื่อต้องการให้เป็นประชาธิ ปไตยมากขึ้น ตนเคยถูกจับสู้คดีจนชนะ ศาลบอกเลยว่าถึงจำเลยใช้คำผ รุสวาท แต่มีความจงรักภักดี ต้องการรักษาสถาบันฯไว้ ต้องการปลุกมโนธรรมสำนึกของ คนรุ่นใหม่ให้ห็นว่าสถาบันฯ นั้นจำเป็นกับบ้านเมืองในสถ านะประชาธิปไตย แต่ไม่จำเป็นในการที่มาครอบ งำคน จุดยืนตนชัดเจน
นายสุลักษณ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่มีพระราชดำรัสว่าใคร ทำเรื่องหมิ่นฯ ถือว่าทำร้ายพระองค์ท่าน ซึ่งในประเทศที่เป็นประชาธิ ปไตยอย่างแท้จริง เช่น ในยุโรป ญี่ปุ่น พระราชกระแสอย่างนี้มีไม่ได ้ต่อมหาชน จะต้องมีผู้รับสนองพระราชโอ งการ แล้วคนๆนั้นรับผิดชอบ อันนี้ต้องแก้ไขให้เป็นแบบป ระชาธิปไตย แม้เรื่องนี้ใหม่กับไทยตอนน ี้ แต่ต้องพูดกันให้เข้าใจ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นไม่ควรมีพระราชดำรัส สดตนเห็นด้วย แต่ติดใจที่ นายสุลักษณ์ ก็ยังยกพระราชดำรัสนี้มาอ้า ง เช่นเดียวกับการที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามล้มเจ้า การยกพระราชดำรัสแบบนี้ขึ้น มาเป็นการยกในสิ่งที่โต้แย้ งไม่ได้ ก็คือกำลังใช้ประโยชน์จากสถ านะที่ไม่เป็นประชาธิปไตยขอ งสถาบันฯ และทำการผลิตซ้ำสองด้าน ด้านหนึ่งเพื่อกล่าวหาคนอื่ น อีกด้านก็ยกว่าในหลวงทรงมีพ ระราชดำรัสอย่างโน้นอย่างนี ้ ซึ่งรู้ดีว่าเถียงไม่ได้
นายสุลักษณ์ กล่าวว่า พระราชดำรัสแม้ไม่ถูกต้องตา มครรลองประชาธิปไตยเต็มที่ แต่กรณีนี้เป็นพระราชดำรัสท ี่ไม่ได้มีโทษกับใคร พระราชดำรัสอะไรที่เป็นประโ ยชน์ต้องเอามาใช้ให้เป็นประ โยชน์ ส่วนอันไหนที่ไม่เห็นด้วยก็ วิจารณ์ได้ แต่ต้องวิจารณ์ด้วยความเคาร พ ความอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่ใช่ไปโจมตีปังๆ เรายังไม่เป็นประชาธิปไตยแบ บยุโรป ต้องค่อยๆแก้ไขให้ดีขึ้นเรื ่อยๆ
ชมคลิป
http://www.manager.co.th/ Politics/ ViewNews.aspx?NewsID=956000 0031792
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักเขียนชื่อดังนามปากกาว่า
นายสุลักษณ์ ได้กล่าวขยายความถึงกรณีโพส
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้า นายสุลักษณ์ ต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย
นายสุลักษณ์ กล่าวแย้งว่า มันต้องแยกกัน พวกโหนในหลวงมีเยอะเลย ประชาธิปัตย์ก็โหนในหลวง บางทีพ.ต.ท.ทักษิณก็โหนในหล
นายสมศักดิ์ กล่าวโต้ว่า ถ้าต้องการปฏิรูปสถาบันฯจริ
นายสุลักษณ์ กล่าวเสริมว่า ประชาธิปัตย์ไม่ได้เพิ่งโหน
นายสุลักษณ์ ยังกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เล่ห์เพื่อทำลายสถาบันฯ ตนถูกจับคดีหมิ่นฯในสมัยที่
นอกจากนี้รัฐสภาได้เชิญตนไป
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไอเดียที่ว่าสมัยอภิสิทธิ์ค
นายสุลักษณ์ กล่าวแย้งว่า ตนไม่เคยว่าคนอื่นเรื่องล้ม
ตนไม่ว่าใครเลย ยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นคนที่มีอำนาจจะทำไ
นายสุลักษณ์ กล่าวอีกว่า สถาบันฯจะล้มได้ก็เพราะตัวส
ตนวิจารณ์สถาบันฯ เพื่อต้องการให้เป็นประชาธิ
นายสุลักษณ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่มีพระราชดำรัสว่าใคร
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นไม่ควรมีพระราชดำรัส
นายสุลักษณ์ กล่าวว่า พระราชดำรัสแม้ไม่ถูกต้องตา
ชมคลิป
http://www.manager.co.th/
.......................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
............................................................................................................................................
................................................................................................................................
ไทยพีบีเอสมาถูกทางแล้วหรือ ?
หลังจากเทปรายการตอบโจทย์ตล อดสัปดาห์นี้ มีหัวข้อว่าด้วย “สถาบันกษัตริย์ใต้รัฐธรรมน ูญ” ได้เผยแพร่ออกไป ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจา รณ์ทั้งในทางบวกและลบมากมาย
เอาหละ จะชอบไม่ชอบก็ไม่ว่ากัน แต่สิ่งที่เราน่าจะเห็นตรงก ันคือ สิ่งที่รายการตอบโจทย์ทำนั้ นเป็นที่เกิดขึ้นได้ยากอย่า งยิ่งในวงการโทรทัศน์ไทย หลาย ๆ คนไม่เคยเชื่อ และไม่คาดคิดว่าจะเกิดได้ด้ วยซ้ำไป นั่นคือการนำเอาประเด็นที่อ่อนไหวในสังคมมาถกกันตรง ๆ และเปิดพื้นที่ “สาธารณะ” ให้กับทุกฝ่ายที่มีความเห็น ต่อประเด็นที่อ่อนไหวนี้
ใช่ ที่ผ่านมาเราเลือกที่ “เงียบ” และ “ปลอดภัยไว้ก่อน” สำหรับประเด็นแบบนี้ ราวกับว่าความขัดแย้งมันไม่ มีอยู่จริง ส่วน “ความเงียบ”ของโทรทัศน์ไทย นั้นปลอดภัยสำหรับใคร ก็ต้องบอกว่ามันปลอดภัยสำหร ับตัวสถานีเองมากกว่า เพราะสมัยนี้แม้โทรทัศน์จะไ ม่พูด ก็ไม่ได้แปลว่าสังคมจะไม่ขั ดแย้งกัน พูดอีกแบบคือ โทรทัศน์ที่เป็นพื้นที่สาธา รณะของไทย ปล่อยให้สังคมขัดแย้งกันไปต ามยถากรรม ข้าพเจ้าไม่ขอเกี่ยวข้องด้ว ย ขอให้ตัวเองปลอดภัยไว้ก่อนแ ล้วกัน
คำถามมีอยู่ว่าแล้วไทยพีบีเ อสเอาความกล้าหาญมาจากไหน ที่จะเอาเรื่องที่ใครๆ ก็ “ปลอดภัยไว้ก่อน” มาตีแผ่และถกเถียงกันในพื้น ที่สาธารณะ อันนี้ขอสันนิษฐานออกเป็นสอ งประเด็น นั่นคือปัจจัยทางด้านบุคลาก รและปัจจัยทางโครงสร้างสถาน ี
ในแง่บุคลากรมันก็ใช่อยู่แล ้วครับ หากตัวบุคลากรโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในระดับบริหาร ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องแบบน ี้ มันก็เกิดขึ้นไม่ได้
ที่อยากชวนคุยมากกว่าคือเรื ่องโครงสร้างที่เอื้ออำนวยใ ห้บุคลากรสามารถที่จะกล้าหา ญในการนำเสนอได้ หากเปรียบเทียบไทยพีบีเอสกั บสถานีหลัก ๆ ช่องอื่นๆ จะเห็นความแตกต่างทางโครงสร ้างอย่างชัดเจน พูดแบบอาจารย์เกษียณก็ต้องบ อกว่า ไทยพีบีเอสนั้นมีโครงสร้างท ี่เป็นอิสระจากรัฐและทุน
ในกรณีของช่อง 5 และ ช่อง 7 นั้นกองทัพบกให้เอกชนสัมปทา น ช่อง 3 ตัวรัฐให้เอกชนสัมปทานเช่นก ัน ส่วนช่อง 9 เป็นรัฐวิสาหกิจ(แต่อยู่ในร ูปแบบบมจ.) ช่อง11 นี่อยู่ใต้กำกับกรมประชาสัม พันธ์
สถานีโทรทัศน์ข้างต้นทั้งหม ดต้องพึ่งพาสองอย่างแน่ๆ คือ ทุน(โฆษณา) และรัฐ(ผู้ให้สัมปทาน) ดังนั้นสถานีโทรทัศน์ข้างต้ นย่อมไม่อาจทำอะไรที่ทั้งทุ นและรัฐไม่ชอบได้แน่ๆ
ในขณะที่ไทยพีบีเอสค่อนข้าง มีอิสระจากทั้งรัฐและทุน กล่าวคือรัฐมีหน้าที่ให้ทุน โดยไม่มีอำนาจมาแต่งตั้งจัด การภายในได้เลย เมื่อเป็นดังนี้ตัวสถานีก็ไ ม่ต้องเพิ่งพาโฆษณาด้วยอีกต ่างหาก
ส่วนบุคลากรนั้นก็มาจากการส รรหาของหลายองค์กรร่วมกัน ทั้งองค์กรสื่อ องค์สิ่งแวดล้อม องค์กรเกี่ยวเยาวชน องค์กรพัฒนาภาคเอกชน และยังมีข้าราชการร่วมด้วย (แต่ข้าราชการเป็นเสียงส่วน น้อย โปรดดู มาตรา 18 ของ พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภ าพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 )
และนอกจากนั้นผู้บริหารสถาน ีเองก็มีวาระในการดำรงตำแหน ่งด้วย (กรรมการนโยบายมีวาระ 4 ปี)
ครับ ลองเปรียบเทียบดู ถ้าถามกันด่วน ๆ มีใครจำได้ไหมว่าคุณแดง สุรางค์ เปรมปรี แห่งช่อง 7 ลาออกหลังจากบริหารช่อง 7 มากี่ปี?
ข้อโต้แย้งในเชิงโครงสร้างท ี่สำคัญสำหรับไทยพีบีเอสคือ นอกจากเป็นอิสระจากรัฐและทุ นแล้ว ยังเป็นอิสระจากประชาชนด้วย หรือไม่ ? (ความจริงรัฐก็มาจากประชาชน นั่นเอง) ไทยพีบีเอสพยายามตอบโจทย์นี ้ด้วยสภาผู้ชมและกลไกอื่นๆ อีก ซึ่งคงเป็นประเด็นที่ดีเบตก ันได้ต่อไป
ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้แปล ว่าตัว “องค์กร” ไทยพีบีเอสดีเลิศอย่างไร้ตำ หนิ ก็แน่หละ องค์กรก็ประกอบด้วยมนุษย์หล ายๆ คน และเมื่อเป็นมนุษย์มันก็ผิด พลาดได้ (กรณีที่ไปเหมาว่านักศึกษาท ี่ทำงานด้านสิทธิภาคใต้เป็น แนวร่วมบีอาร์เอ็นนี่ก็ถือว ่าพลาดหนักอยู่) แต่เมื่อพลาดแล้วก็ควรขอโทษ โดยเฉพาะการผิดพลาดในระดับข ้อเท็จจริงเช่นกรณีนักศึกษา ภาคใต้ดังที่กล่าว
แต่หากดูจากผลงานในการ “กล้า” ที่จะเปิดพื้นที่ให้กับความ ขัดแย้งในประเด็นที่อ่อนไหว และที่ใครๆ ก็เอาแต่ “ปลอดภัยไว้ก่อน” (โดยปล่อยให้สังคมขัดแย้งกั นเองตามยถากรรม) ดังเช่น กรณีสถาบันพระมหากษัตริย์ใต ้รัฐธรรมนูญ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว เราจะไม่ทบทวนกันสักนิดหรือ ว่าเมื่อมองจากตัวโครงสร้าง สถานีแล้ว ตัวโครงสร้างนี้มันเอื้อให้ บุคลากรได้ “กล้า” ทำสิ่งที่เราเห็นได้อย่างไร
- Admin Jo
หลังจากเทปรายการตอบโจทย์ตล
เอาหละ จะชอบไม่ชอบก็ไม่ว่ากัน แต่สิ่งที่เราน่าจะเห็นตรงก
ใช่ ที่ผ่านมาเราเลือกที่ “เงียบ” และ “ปลอดภัยไว้ก่อน” สำหรับประเด็นแบบนี้ ราวกับว่าความขัดแย้งมันไม่
คำถามมีอยู่ว่าแล้วไทยพีบีเ
ในแง่บุคลากรมันก็ใช่อยู่แล
ที่อยากชวนคุยมากกว่าคือเรื
ในกรณีของช่อง 5 และ ช่อง 7 นั้นกองทัพบกให้เอกชนสัมปทา
สถานีโทรทัศน์ข้างต้นทั้งหม
ในขณะที่ไทยพีบีเอสค่อนข้าง
ส่วนบุคลากรนั้นก็มาจากการส
และนอกจากนั้นผู้บริหารสถาน
ครับ ลองเปรียบเทียบดู ถ้าถามกันด่วน ๆ มีใครจำได้ไหมว่าคุณแดง สุรางค์ เปรมปรี แห่งช่อง 7 ลาออกหลังจากบริหารช่อง 7 มากี่ปี?
ข้อโต้แย้งในเชิงโครงสร้างท
ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้แปล
แต่หากดูจากผลงานในการ “กล้า” ที่จะเปิดพื้นที่ให้กับความ
- Admin Jo
..............................................................................................................................
วงจรเล็ก ๆ ที่เรียกว่าสลิ่ม
- บรรดานักการเมืองที่ได้รับห ุ้นจองของปตท. มีชื่อของนายอานันท์ ปัญญารชุน, นางนกน้อย นิมมานเหมินท์ (ภรรยาของนายธารินทร์ อดีตรมว.คลัง พรรคประชาธิปัตย์), นายบรรหาร ศิลปอาชา แต่ไม่ปรากฏชื่อคนนามสกุลชิ นวัตร
- นายอานันท์ ปัญญารชุนเป็นประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทสหยูเนียน มีเครือข่ายดำเนินธุรกิจด้า นพลังงาน ซึ่งมีข้อพิพาทฮุบที่ดินชาย หาดกว่า 4 ไร่ กรณีโรงไฟฟ้าบ้านกรูด
- ปี 2544 สำนักงานทรัพย์สินนำที่ดินมิสกว ันและคุรุสภาไปแลกหุ้นปตท.ก ว่า 34 ล้านหุ้น มากกว่าหุ้นจองของนักการเมื องทั้งหมดรวมกัน
- การออกสัมปทานปิโตเลียมครั้ งที่ 20 ในสมัยรัฐบาลจากการรัฐประหา รภายใต้การนำของสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการออกสัญญาปิโตเลียมมากท ี่สุดในประวัติศาสตร์ คือ 26 สัญญา 30 แปลง
อ้างอิง:
หนังสือ ปตท. ไม่อยากตายก็ต้องโต
http://www.khaosod.co.th/ view_news.php?newsid=TUROd0 1ERXdPVEV4TVRFMU1nPT0%3D
http://prachatai.com/ journal/2006/06/8849
http://www.dmf.go.th/ index.php?act=petroleum&sec =history
- บรรดานักการเมืองที่ได้รับห
- นายอานันท์ ปัญญารชุนเป็นประธานกรรมการ
- ปี 2544 สำนักงานทรัพย์สินนำที่ดินมิสกว
- การออกสัมปทานปิโตเลียมครั้
อ้างอิง:
หนังสือ ปตท. ไม่อยากตายก็ต้องโต
http://www.khaosod.co.th/
http://prachatai.com/
http://www.dmf.go.th/
................................................................................................................................
หลังจากเหตุการดีเบตเมื่อวา
.................................................................................................................................
รู้ไปทำไมว่า เตาปิ้งย่างพลังแสงอาทิตย์ว ิลสัน เป็นเตาต้นแบบที่เป็นมิตรกั บสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยใช้พลังงานสงอาทิตย์อย่า งมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมพลังงาน เก็บสะสมพลังงานไว้ใช้ได้ตล อด 24 ชั่วโมง
ศาสตราจารย์ David Wilson จากมหาวิทยาลัย M.I.T สหรัฐอเมริกา เป็นผู้คิดค้นและพัฒนาเทคโน โลยี่นี้ขึ้น เขาได้แรงบันดาลใจมากจาการเ ดินทางไปไนจีเรีย แล้วพบเห็นปัญหาการหุงต้มทำ อาหารโดยใช้ไม้ฟืน ซึ่งทำลายป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ผู้ทำอาหารเองยังสูดควันเข้ าไปจนเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ที่สำคัญ มีรายงานว่า ผู้หญิงแอฟริกาจำนวนหนึ่งถู กข่มขืนในขณะที่เดินเข้าป่า ไปหาฟืนในแต่ละวัน
จากสถิติของสหประชาชาติระบุ ว่า 55% ของชาวแอฟริกาทางตอนใต้ของท ะเลทรายซาฮาร่า (ซับ-ซาฮาราน) ใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงในก ารหุงต้มอาหาร เขาเชื่อว่า เตาพลังแสงอาทิตย์นี้จะเป็น ประโยชน์แก่ชาวแอฟริกา รวมทั้งสำหรับคนอเมริกันที่ ชอบกิจกรรมปิ้งย่างบาบีคิว และมีเตาปิ้งบาบีคิวอยู่แทบ ทุกบ้าน จะได้ประหยัดพลังงานอีกด้วย
ศาสตราจารย์ David Wilson จากมหาวิทยาลัย M.I.T สหรัฐอเมริกา เป็นผู้คิดค้นและพัฒนาเทคโน
จากสถิติของสหประชาชาติระบุ
...................................................................................................................................
Bordin Tik Cool
.......................................................................................................................................
!ตำรวจให้การ คดีพลทหารณรงค์ฤทธิ์
ที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนคดีที่พนักงานอ ัยการยื่นคำร้องให้ไต่สวนชั นสูตรพลิกศพ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ อดีตทหารสังกัด ร.พัน2 พล.ร. 9 จ.กาญจนบุรี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบ ัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื ่อนที่เร็ว ในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างก ลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต ้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 53 อัยการนำพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจข ึ้นเบิกความ 4 ปาก คือ ส.ต.ต.สุกิจ หวานไกล สภ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ส.ต.อ.ณรงค์ ทองพูล สภ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ส.ต.อ.วินัย กองแก้ว สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และ ด.ต.สนธยา ต่วนเครือ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
ส.ต.อ.สุกิจ เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 10.00 น. พยานพร้อมเพื่อนตำรวจประมาณ 15 0 นาย ได้รับคำสั่งให้ไปสกัดกั้นก ลุ่มผู้ชุมนุม นปช. บริเวณแยกอนุสรณ์สถานแห่งชา ติ โดยวางกำลังปิดกั้นอยู่บนถน นวิภาวดี-รังสิต ขาออก ในช่องทางหลัก และมีทหารวางกำลังอยู่บนทาง คู่ขนานในแนวระนาบเดียวกัน ในการปฏิบัติหน้าที่พยานและ พวก แต่งการชุดตำรวจสีกากี มีหมวกกันน็อก การตั้งแถวของตำรวจ 2แถวแรกจะมีโล่ห์และกระบอง แถวที่ 3 มีปืนลูกซองยาวพร้อมกระสุนย าง ส่วนที่มีปืนเอ็ม 16 และปืนเล็กยาวจะยืนอยู่แถวส ุดท้าย และมีการใช้กระสุนจริงหรือไ ม่ พยานไม่ทราบ ส่วนตัวพยานยืนอยู่กึ่งกลาง แถวแรก ขณะที่ทหาร พยานเห็นใส่ชุดสายพราง สวมหมวกกันน็อก ผูกผ้าพันคอสีฟ้า มีโล่ห์ และกระบอง หลายคนมีปืนเล็กยาว ส่วนใหญ่เป็นปืนลูกซอง และบางคนมีปืนเอ็ม 16
ส.ต.อ.สุกิจ เบิกความต่อว่า เวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่ม นปช.เดินทางมาถึงและพยายามร ื้อรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาแต่ไ ม่สำเร็จ จึงใช้ปืนยิงกระสุนยางขู่ขึ ้นฟ้า ส่วนผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊กย ิงลูกแก้ว และขว้างหินใส่เจ้าหน้าที่ เมื่อผู้ชุมนุมฝ่าเข้ามาเจ้ าหน้าที่จะใช้ปืนยิงใส่ กระทั่งผู้ชุมนุมถอยร่นไป กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. เกิดฝนตกหนัก พยานยังคงตั้งแนวอยู่แต่ถอย ร่นไปหลบใต้ทางด่วน ส่วนทหารหลบฝนหรือไม่พยานไม ่ทราบ
ส.ต.อ.สุกิจ เบิกความอีกว่า เวลาประมาณ 15.00 น.ฝนเริ่มหยุด ตำรวจและทหารได้ตั้งแนวสกัด เช่นเดิม โดยขยับเข้ามาอยู่บริเวณปั๊ มน้ำมัน ปตท. ขณะที่อากาศยังมืดครึ้ม มองเห็นได้ไม่ถึง 100 เมตร ด้านขวามือของพยานซึ่งอยู่ใ กล้ทางขึ้นโทลล์เวย์มีทหารย ืนอยู่ 3-4 นาย พร้อมปืนเล็กยาว ต่อมามีรถโดยสารประจำทางเปิ ดไฟหน้าวิ่งตรงเข้ามา พยานและพวกเข้าใจว่าเป็นรถข องผู้ชุมนุม จึงระวังตัวมากขึ้น จากนั้นมีจักรยานยนต์ 5-6 คัน เปิดไฟหน้าขับตรงเข้ามา แต่ไม่เห็นว่ามีคนซ้อนท้ายม าหรือไม่ เพราะไฟจ้ามาก สักครู่มีตำรวจตะโกนให้จักร ยานยนต์ดังกล่าวหยุด จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังมา จากด้านขวา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารยืนอย ู่ รวมถึงด้านหลังและด้านซ้าย จำนวนหลายนัด และเห็นจักรยานยนต์ล้มลงหลา ยคันใกล้ๆ กัน เมื่อเสียงปืนสงบลง ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าทหารถ ูกยิง
ส.ต.อ.ณรงค์ เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุได้รับคำสั่งให้ มาปฏิบัติหน้าที่กองร้อยควบ คุมฝูงชน บริเวณอนุสรณ์สถานฯ ถ.วิภาวดี-รังสิต ขาออก ตั้งแต่เวลา 11.00 น. โดยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ร่ วมกันระหว่างตำรวจจาก จ.เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี จังหวัดละประมาณ 150 นาย นอกจากนี้ยังมีทหารตั้งแนวอ ยู่บริเวณทางคู่ขนาน พยานและพวกสวมเครื่องแบบสีก ากี สวมหมวก มีผ้าพันคอสีชมพู มีกระบอง และโล่ห์ ตำรวจบางคนมีปืนลูกซองยาว และปืนเอ็ม 16 ส่วนทหารสวมชุดลายพราง มีผ้าพันคอสีฟ้า มีปืนยาว ไม่แน่จว่าเป็นปืนเอชเค 33 หรือปืนเอ็ม 16
ส.ต.อ.ณรงค์ เบิกความต่อว่า พยานยืนอยู่แถวหน้า เมื่อผู้ชุมนุมรื้อรั้วลวดห นามมาถึง ได้ใช้โล่ผลักดันผู้ชุมนุมอ อกไป ผู้ชุมนุมบางคนขว้างปาสิ่งข อง และยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้า ที่ และมีอีกส่วนอยู่บนทางด่วนโ ทลล์เวย์ เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนลูกซอง ยิงกระสุนยางข่มขู่ เมื่อฝนตกหนักผู้ชุมนุมถึงส ลายตัวไป ส่วนเจ้าหน้าที่ยังตั้งแนวอ ยู่บริเวณเดิม บางส่วนเข้าไปหลบฝนในปั๊มน้ ำมัน กระทั่งเวลา 15.00 น. ฝนหยุดตก พยานและพวกยังคงตั้งแนวป้อง กันอยู่ บางส่วนหลบฝนอยู่ใต้ตอม่อ และมีทหาร 6-7 คน พร้อมปืนยาว ยืนกระจายอยู่ใต้ทางขึ้นโทล ล์เวย์ หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.
ส.ต.อ.ณรงค์ เบิกความด้วยว่า ต่อมามีรถโดยสารเปิดไฟหน้าข ับตรงเข้ามายังแนวเจ้าหน้าท ี่ ก่อนที่จะหยุดจอดข้างทาง จากนั้นเห็น จักรยานยนต์ 6-7 คัน ขับมาทางแนวกั้น พยานไม่เห็นว่ามีคนนั่งมากี ่คน เพราะอยู่ระยะไกล และบรรยากาศมืด เพราะฝนเพิ่งหยุด เมื่อขับมาเกือบถึงแนวเจ้าห น้าที่ มีตำรวจและทาหรตะโกนบอกให้ห ยุด แต่จักรยานยนต์ดังกล่าวไม่ห ยุด สักครู่ได้ยินเสียงปืนหลายน ัดมาจากด้านขวามือของพยาน จากนั้นเห็นจักรยานยนต์ล้มล ง 1 คัน ส่วนคันอื่นหยุดจอด ต่อมามีทหารเข้าไปดูและตะโก นบอกว่ามีทหารถูกยิง
ด้าน ส.ต.อ.วินัย เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุตั้งแนวอยู่บริเ วณ ถ.วิภาวดี-รังสิต ขาออก ช่วงสะพานลอยหน้าอนุสรณ์สถา นฯ และมีทหารตั้งแนวอยู่ในทางค ู่ขนาน พยานแต่งเครื่องแบบสีกากี มีผ้าพันคอสีเขียวเป็นสัญลั กษณ์ การจัดกำลังจะยืนเรียงแถวหน ้ากระดาน แถวหน้าถือโล่และกระบอง แถวที่ 3 ถือปืนลูกซองยาว กระสุนยาง ส่วนกระสุนจริงไม่ได้รับแจก โดยพยานยืนอยู่กึ่งกลางแถวท ี่ 3-4 และขวามือถัดจากตำรวจ มีแนวของทหารตั้งอยู่ ทหารสวมชุดลายพราง มีอาวุธปืนยาว และปืนลูกซอง และมีทหารประมาณ 20 นาย ถือปืนเอ็ม 16
ส.ต.อ.วินัย เบิกความต่อว่า หลังตั้งแถวได้ประมาณ 20 นาที กลุ่มนปช.เดินทางมาถึงแล้วร ื้อรั้วลวดหนาม พร้อมขว้างก้อนหินและยิงหนั งสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ บางส่วนฝ่ารั้วกั้นมาได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนลูกซอง ยิงกระสุนยางใส่ จนผู้ชุมนุมล่าถอยไป ต่อมามีฝนตกหนัก พยานและพวกพักอยู่บริเวณเกา ะกลาง และมีส่วนหนึ่งตั้งแถวอยู่ ทหารก็เช่นกัน กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. มีเสียงนกหวีดเรียกรวมพล เนื่องจากมีเหตุการณ์ไม่ปกต ิเกิดขึ้น พยานจึงกลับไปตั้งแถวเช่นเด ิม โดยขยับมาบริเวณด้านหน้าปั๊ ม ปตท. ส่วนทหารก็ตั้งแนวอยู่บนถนน คู่ขนาน และมีส่วนหนึ่งอยู่บริเวณตอ ม่อ จุดละประมาณ 2 คนพร้อมอาวุธปืนยาว ส่วนบริเวณทางขึ้นโทลล์เวย์ พยานไม่ได้สังเกตว่ามีเจ้าห น้าที่อยู่หรือไม่
ส.ต.อ.วินัย เบิกความต่อว่า เมื่อตั้งแนวเสร็จ เห็นแสงไฟจากจักรยานยนต์ 3-4 คัน วิ่งตรงเข้ามายังแนวป้องกัน จากนั้นได้ยินเสียงตะโกนบอก ให้หยุดและเสียงนกหวีด แต่จักรยานยนต์ดังกล่าวยังว ิ่งเข้ามา ขณะนั้นเข้าใจว่าเป็นจักรยา นยนต์ของกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อแล่นมาอยู่ห่างจากแนวก ั้นประมาณ 20-30 เมตร ได้ยินเสียงปืน 3-4 นัด ดังขึ้นบริเวณหลังตอม่อทางข ึ้นโทลล์เวย์ และเห็นจักรยานยนต์ล้มลง ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุพยานถือโ ล่อยู่ จึงไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่เล ็งปืนไปจุดไหนหรือไม่ และในการปฏิบัติงาน หากแถวหลังจะเล็งปืนพ้นโล่ห ์ ต้องได้รับคำสั่งจากผู้บังค ับบัญชา แต่ขณะเกิดเหตุได้รับคำสั่ง ตั้งโล่เท่านั้น ไม่มีคำสั่งยิง และขณะนั้นไม่มีผู้ชุมนุมอย ู่ในแนวทหารหรือตำรวจ ส่วนชายชุดดำพยานไม่เคยเห็น
ด้าน ด.ต.สนธยา เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุได้รับคำสั่งจาก ศอฉ.ให้ไปสกัดผู้ชุมนุมที่จ ะเดินทางไปตลาดไทย บริเวณอนุสรณ์สถานฯ โดยไปถึงที่นั่นช่วงเที่ยง เมื่อผู้ชุมนุมมาถึงและพยาย ามฝ่าแนวเข้ามา เจ้าหน้าที่กดดันจนถอยร่นออ กไปอยู่ไกลกัน จากนั้นฝนตกหนัก เมื่อฝนซา ในเวลาประมาณ 15.00 น. มีรถโดยสารประจำทางวิ่งเข้า มาหาแนวกั้น ก่อนจะจอดข้างทาง จากนั้นเห็นจักรยานยนต์ 7-8 คัน แล่นเข้ามา และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหล ายนัดจากด้านขวามือของพยาน บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันปตท. ซึ่งบริเวณนี้มีทหารยืนอยู่ จำนวนมาก จากนั้นเห็นจักรยานยนต์ล้มล ง 1 คัน และคันอื่นๆล้มลงตามมา ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ ชุมนุมอยู่ใกล้แนวทหาร และตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไป วันที่ 19 มี.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยอัยการจะนำทหารที่ขับจัก รยานยนต์มากลุ่มเดียวกันกับ ผู้ตายขึ้นเบิกความ
ที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนคดีที่พนักงานอ
ส.ต.อ.สุกิจ เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 10.00 น. พยานพร้อมเพื่อนตำรวจประมาณ
ส.ต.อ.สุกิจ เบิกความต่อว่า เวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่ม นปช.เดินทางมาถึงและพยายามร
ส.ต.อ.สุกิจ เบิกความอีกว่า เวลาประมาณ 15.00 น.ฝนเริ่มหยุด ตำรวจและทหารได้ตั้งแนวสกัด
ส.ต.อ.ณรงค์ เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุได้รับคำสั่งให้
ส.ต.อ.ณรงค์ เบิกความต่อว่า พยานยืนอยู่แถวหน้า เมื่อผู้ชุมนุมรื้อรั้วลวดห
ส.ต.อ.ณรงค์ เบิกความด้วยว่า ต่อมามีรถโดยสารเปิดไฟหน้าข
ด้าน ส.ต.อ.วินัย เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุตั้งแนวอยู่บริเ
ส.ต.อ.วินัย เบิกความต่อว่า หลังตั้งแถวได้ประมาณ 20 นาที กลุ่มนปช.เดินทางมาถึงแล้วร
ส.ต.อ.วินัย เบิกความต่อว่า เมื่อตั้งแนวเสร็จ เห็นแสงไฟจากจักรยานยนต์ 3-4 คัน วิ่งตรงเข้ามายังแนวป้องกัน
ด้าน ด.ต.สนธยา เบิกความโดยสรุปว่า วันเกิดเหตุได้รับคำสั่งจาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไป วันที่ 19 มี.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยอัยการจะนำทหารที่ขับจัก
.........................................................................................................................
...............................................................................................................................................
นาย ก : รัฐบาลนี้แม่งเหี้ยนะครับ ปิดกั้นสื่อ ไม่กล้ายอมรับความจริง
นาย ข : ใช่ครับ แค่ละครแค่นี้มันก็รับกันไม่ได้ ถุย แล้วมาอ้างประชาธิปไตย
นาย ก : งี้แหละครับ พวกนี้มันมีชนักปักหลัง แล้วนี่จะไปไหนครับ
นาย ข : จะไปร่วมกับกลุ่ม "ฅนไทยหัวใจรักชาติ" ไปถามหาเจตนารมย์ ของสถานีกับกรณีรายการ "ตอบโจทย์" ครับ
นาย ข : ใช่ครับ แค่ละครแค่นี้มันก็รับกันไม่ได้
นาย ก : งี้แหละครับ พวกนี้มันมีชนักปักหลัง แล้วนี่จะไปไหนครับ
นาย ข : จะไปร่วมกับกลุ่ม "ฅนไทยหัวใจรักชาติ" ไปถามหาเจตนารมย์ ของสถานีกับกรณีรายการ "ตอบโจทย์" ครับ
................................................................................................................................................
........................................................................................................................................
ลายพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัต
..................................................................................................................................
ฝากถึงคนใช้รถใช้ถนน หรือเรื่องอื่นๆ
เวลาคุณโดนหาเรื่องแบบไม่ทร
002
........................................................................................................................................
...................................................................................................................................
ภารกิจที่จีนแพ้ไม่ได้
มังกรจีนในวันนี้กำลังไต่ระ ดับ และทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกเศรษฐกิจ และสามารถแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้ นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐก ิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งตำแหน่งนี้ญี่ปุ่นยึดคร องมานานถึง 42 ปี แต่ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้
ทั้งนี้ เพราะมูลค่าทางเศรษฐกิจของจ ีนพุ่งขึ้นกว่า 178 ล้านล้านบาท ขณะที่ญี่ปุ่นมีมูลค่าทางเศ รษฐกิจประมาณ 168 ล้านล้านบาท
จีนปัจจุบันเป็นรองเพียงสหร ัฐฯ เท่านั้น และมีบทวิเคราะห์หลายชิ้นต่ างฟันธงว่า "อีกเพียง 10 ปีจากนี้ไป จีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ และขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มี ขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก"
ในช่วงเวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น จีนซุ่มเงียบพัฒนาในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การค้า การลงทุน อวกาศ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน พลังงาน การพัฒนาเมืองในแต่ละมณฑล รวมถึงเงินสกุลหยวน ที่ต้องการขึ้นมาอยู่ในเวที การเงินระหว่างประเทศ จะเห็นได้ว่า "จีนทุบสถิติใหม่อยู่เรื่อย ๆ ในโลกเศรษฐกิจ และกำลังจะกลายเป็นยักษ์ใหญ ่ที่ทรงอิทธิพลไปทั่วโลก"
เส้นทางการเติบโตของจีนถูกเ ขียนไว้ชัดเจน จากผู้นำจีนทุกรุ่นที่สานต่ อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบันท ี่มี "สี จิ้น ผิง" ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ที่กุมอำนาจสูงสุดของจีน และมีวาระในตำแหน่งต่อไปอีก 10 ปี
ตัวอย่างบางส่วน เช่น การที่จีนก้าวเข้าไปมีส่วนร ่วมในองค์กร หรือกองทุนระหว่างประเทศมาก ขึ้นๆ โดยเฉพาะความพยายามในการผลั กดัน "เงินหยวน" ให้ขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับดอล ลาร์สหรัฐฯ และพยายามให้ใช้เงินหยวนเป็ นเงินสกุลที่ใช้ค้าขายอย่าง เป็นทางการระหว่างประเทศ และสามารถแลกเปลี่ยนได้อย่า งเสรี
ในแง่ของเทคโนโลยี จีนพัฒนาอินเตอร์เน็ตอย่างเ งียบๆ มาตลอด และพยายามสร้างมาตรฐานใหม่ข องอินเตอร์เน็ต ที่เรียกว่า Internet Protocol version 6 หรือ IPv6 ในขณะที่มาตรฐานอินเทอร์เน็ ตที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือ IPv4 ซึ่งส่วนใหญ่เลข IP address เป็นของสหรัฐฯ (แต่เป็นของจีนน้อยมาก)
มาตรฐานใหม่นี้จะทำให้จีนสร ้างเลข IP address ได้มากขึ้นนับล้านล้านเลขหม าย และสามารถใช้ได้กับทุกอย่าง ตั้งแต่ Web site เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อั จฉริยะ ไปจนกระทั่งอุปกรณ์ทางการทห าร แล้วที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ IPv6 ยังทำให้จีนสามารถสืบความลั บบนโลกไซเบอร์ได้มากยิ่งขึ้ น และเพิ่มขีดความสามารถในการ ตรวจ สอบและควบคุมพลเมืองชาวเน็ต ได้ดียิ่งขึ้น
แม้กระทั่งโครงการสำรวจอวกา ศ จีนเริ่มแสดงศักดาส่งยานสำร วจอวกาศไร้มนุษย์ไปดวงจันทร ์ และเปิดตัวขีปนาวุธชนิดยิงจ ากพื้นสู่อากาศนอกชั้นบรรยา กาศโลก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญฝั่งตะวันต กถึงกับระบุว่า เป็นอาวุธยิงดาวเทียมตัวใหม ่
แล้วที่อยู่ในใจลึกๆ ของจีนที่กล้าทุ่มงบมหาศาลเ กี่ยวกับอวกาศ (ขณะที่สหรัฐฯ งบกลาโหมกำลังถูกหั่น แต่จีนกลับเพิ่มงบกลาโหมอีก ร้อยละ 10) เพราะจีนมั่นใจว่าอวกาศจะเป ็นแหล่งพลังงานใหม่เช่น ฮี-เลียม3 และยังจะเป็นแหล่งแร่หายาก (ปัจจุบันจีนเป็นผู้ผลิตแหล ่งแร่หายากมากที่สุดในโลก) ซึ่งธาตุหายากเหล่านี้จำเป็ นต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล ็กทรอนิคส์อย่างมาก
จีนยังเป็นประเทศที่สนับสนุ น "เทคโนโลยีสีเขียว" มากที่สุดในโลก (จีนเป็นประเทศที่มีมลพิษมา กที่สุดในโลกเช่นกัน) ซึ่งวันนี้จีนเป็นผู้นำพลัง งานทดแทนของโลกไปแล้ว คือพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และกำลังจะก้าวไปสู่ผู้นำ "รถยนต์ไฟฟ้า" ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอร์ร ี่ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท BYD (บริษัทนี้วอร์เรน บัฟเฟตต์ถือหุ้นอยู่ด้วย)
แล้วจีนขณะนี้ก็แซงสหรัฐฯ ก้าวขึ้นผู้นำตลาดรถยนต์ไปแ ล้วในแง่ของยอดขาย และหากสามารถสร้างมาตรฐานรถ ยนต์ขึ้นมาใหม่ และก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาห กรรมรถยนต์พลังงานสะอาด ก็เชื่อว่า จีนจะกลายเป็นผู้ควบคุมอุตส าหกรรมรถยนต์โลกในอนาคตอันใ กล้นี้ได้
ทั้งหมดนี้กำลังจะบอกว่า จีนกำลังไต่ระดับแซงหน้าสหร ัฐฯ ในแต่ละหมวดอุตสาหกรรมมากขึ ้นเรื่อยๆ และในอัตราที่รวดเร็ว ขณะที่สหรัฐฯ ยังมีอาการย่ำแย่ของพิษเศรษ ฐกิจที่รุมเร้า และต้องใช้เวลาในการแก้ไขปั ญหาเศรษฐกิจของตัวเอง
สิ่งเหล่านี้พอจะสรุปเป็นปร ะเด็นๆ ได้ว่า อะไรคือ สาเหตุที่ทำให้จีนเหนือกว่า สหรัฐฯ ในโลกเศรษฐกิจ แต่ยังไงยังคงไม่สามารถคว่ำ สหรัฐฯ ได้เด็ดขาด เพราะสหรัฐฯ ก็ยังมีอิทธิพลในฐานะผู้นำโ ลก ด้วยบทบาททางการทหารที่ครอบ คลุมไปทั่วโลก และเหตุที่ทำให้จีนเริ่มได้ เปรียบสหรัฐฯมากขึ้นเรื่อยๆ พอสรุปได้ดังนี้
ประการแรก ผู้นำของจีนมีนโยบายที่ชัดเ จนว่า จะไปทางไหน และใช้เวลาเท่าไร ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่องและจ ริงจัง ทำให้อัตราการรุดหน้าทางเศร ษฐกิจของจีนเดินไปราวกับติด ปีกบิน ประกอบกับผู้นำของจีนตั้งเป ้าที่จะเป็น "ผู้นำนวัตกรรม" เทคโนโลยีทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไ ปจนถึงนาโนเทคโนโลยี และเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอ าดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อ ม ซึ่งต้องบอกว่า ในเรื่องพลังงานสะอาดนี้ จีนลงทุนมากเป็นสองเท่าของส หรัฐฯ เลยทีเดียว
ประการที่สอง จำนวนแรงงานที่มีทักษะด้านเ ทคนิคของจีนเพิ่มจำนวนมากขึ ้นอย่างรวดเร็ว แถมเป็นแรงงานที่เก่งบวกฉลา ด เพียงสถิติปี 2005 สหรัฐฯ มีคนจบปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ 137,500 คน เทียบกับจีนในปีเดียวกันจีน มีมากถึง 351,500 คน
ประการที่สาม สหรัฐฯ กำลังถดถอยด้านการศึกษาในวิ ชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ขณะที่จีนลงทุนด้านการศึกษา ในสาขาวิชาที่เรียกว่า STEM (Science, Technology, Engineering, and Mathematics education) ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่ า "ถึงเวลาที่สหรัฐฯ ต้องกลับไปประเมินตัวเองเหม ือนกันว่า จะพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะในส าขาวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ให้ล้ำหน้าขึ ้นมาได้อย่างไร"
และนี่คือ เหตุผล 3 ประการที่ทำให้จีนเริ่มเหนื อกว่า และชิงความได้เปรียบสหรัฐฯ ได้มากขึ้น และเหตุผลประการสุดท้ายที่ค ิดว่า สำคัญที่สุดก็คือ ในช่วงเวลาของจีนจากนี้ไปที ่อยู่ในมือของ "สี จิ้น ผิง" เป็นความท้าทายที่ต้องบรรลุ เป้าหมายไปสู่ "จีนใหม่" ให้ได้ และพลาดไม่ได้ด้วย
เพราะในปี 2564 จะครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดังนั้น การบรรลุสู่เป้าหมาย "จีนใหม่" จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าให ม่จารึกไว้อีกหน้าหนึ่งของป ระวัติศาสตร์จีนที่มีอายุมา มากกว่า 5,000 ปี และแน่นอนว่า สี จิ้น ผิงต้องทุ่มทุกอย่าง เพื่อเดินไปให้ถึง และก้าวไปสู่ผู้นำในทุกๆ ด้านของโลกเศรษฐกิจ
คอลัมน์ วิถีโลก วิถีธุรกิจ, โฺฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 14 มีนาคม 2556
มังกรจีนในวันนี้กำลังไต่ระ
ทั้งนี้ เพราะมูลค่าทางเศรษฐกิจของจ
จีนปัจจุบันเป็นรองเพียงสหร
ในช่วงเวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น จีนซุ่มเงียบพัฒนาในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การค้า การลงทุน อวกาศ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน พลังงาน การพัฒนาเมืองในแต่ละมณฑล รวมถึงเงินสกุลหยวน ที่ต้องการขึ้นมาอยู่ในเวที
เส้นทางการเติบโตของจีนถูกเ
ตัวอย่างบางส่วน เช่น การที่จีนก้าวเข้าไปมีส่วนร
ในแง่ของเทคโนโลยี จีนพัฒนาอินเตอร์เน็ตอย่างเ
มาตรฐานใหม่นี้จะทำให้จีนสร
แม้กระทั่งโครงการสำรวจอวกา
แล้วที่อยู่ในใจลึกๆ ของจีนที่กล้าทุ่มงบมหาศาลเ
จีนยังเป็นประเทศที่สนับสนุ
แล้วจีนขณะนี้ก็แซงสหรัฐฯ ก้าวขึ้นผู้นำตลาดรถยนต์ไปแ
ทั้งหมดนี้กำลังจะบอกว่า จีนกำลังไต่ระดับแซงหน้าสหร
สิ่งเหล่านี้พอจะสรุปเป็นปร
ประการแรก ผู้นำของจีนมีนโยบายที่ชัดเ
ประการที่สอง จำนวนแรงงานที่มีทักษะด้านเ
ประการที่สาม สหรัฐฯ กำลังถดถอยด้านการศึกษาในวิ
และนี่คือ เหตุผล 3 ประการที่ทำให้จีนเริ่มเหนื
เพราะในปี 2564 จะครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดังนั้น การบรรลุสู่เป้าหมาย "จีนใหม่" จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าให
คอลัมน์ วิถีโลก วิถีธุรกิจ, โฺฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 14 มีนาคม 2556
....................................................................................................................
.................................................................................................................................
.................................................................................................................................
เตรียมปิดหูปิดตาประชาชน...
..........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น