วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

04/03/2556

ขอแสดงความยินดีกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร สำหรับการได้รับเลือกเป็นผู้ว่า กทม. อีกหนึ่งสมัย

ก็จะรอดูผลงานนะครับว่า 4 ปี ต่อจากนี้ จะดำเนินนโยบายตามที่ประกาศไว้ได้มากน้อยแค่ไหน? จะพัฒนากรุงเทพฯได้มากน้อยแค่ไหน?
(อย่าให้เป็นแบบสมัยแรกที่แทบจะไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงเลยนะครับ)

.................................................................................................................................




» 14 คำถามสำคัญ สำหรับ "การศึกษากระแสหลัก"...แห่งสยามประเทศ

การศึกษากระแสหลัก ที่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำด้วยแนวคิดและแนวปฎิบัติของเศรษฐกิจเสรีทุนนิยม มีลักษณะดังต่อไปนี้...ใช่หรือไม่ ?

Q1 - การศึกษาในกระแสหลักเน้นกระดาษ (ประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร) มากกว่าปัญญา ใช่หรือไม่?

Q2 - สถาบันการศึกษามองผู้เรียนเป็นลูกค้า เป็นผู้บริโภค มากกว่าเป็นผู้เรียนรู้ เป็นพลเมือง ใช่หรือเปล่า?

Q3 - หลักสูตร โดยเฉพาะระดับปริญญาโท ปริญญาเอก มีลักษณะสำเร็จรูป เร่งรัด เรียนลัด ใช่หรือเปล่า?

Q4 - สถาบันการศึกษาเป็นแหล่งผลิต เป็นตัวกลาง เป็นบันไดสู่การเลื่อนสถานภาพทางเศรษฐกิจ และสังคม ใช่หรือไม่?

Q5 - เน้น “การรู้” และ “การไล่ให้ทัน” การเปลี่ยนแปลง มากกว่า “การรู้เท่าทัน” การเปลี่ยนแปลง ใช่หรือไม่?

Q6 - การศึกษายิ่งระดับสูงมากขึ้น ยิ่งเน้นเฉพาะทาง แยกส่วน มากขึ้น ใช่หรือไม่?

Q7 - การศึกษาในปัจจุบันเน้นการแข่งขันมากกว่าความร่วมมือ ใช่หรือเปล่า?

Q8 - การศึกษาในปัจจุบันเน้นความเป็นหนึ่ง มากกว่าความเป็นหนึ่งเดียวกัน ใช่หรือไม่?

Q9 - มีผู้สอนกับผู้ถูกสอน แต่ไม่มีผู้เรียนรู้อย่างแท้จริง ใช่หรือไม่? (ทั้งผู้สอนและผู้เรียน)

Q10 - มีผู้สอบกับผู้ถูกสอบ แต่ไม่มีผู้เรียนรู้อย่างแท้จริง ใช่หรือเปล่า?

Q11 - เน้นการเรียน เน้นการรู้ แต่ไม่เน้นการเรียนรู้อย่างแท้จริง ใช่หรือไม่?

Q12 - เน้นการสอน (การบรรยายถ่ายทอดเนื้อหา) มากกว่าการคิด และกระบวนการเรียนรู้ ใช่หรือเปล่า?

Q13 - การศึกษาในปัจจุบันเน้นปัญหา การหาสาเหตุของปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหา มากกว่าการสร้างความสำเร็จในอนาคต และการสร้างเหตุของความสำเร็จ ใช่หรือเปล่า?

Q14 - การศึกษาในปัจจุบันเน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นมิติภายนอกภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ มากกว่าการการตระหนักรู้ เรียนรู้และรู้เท่าทันมิติภายใน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (Fundamental Transformation) ใช่หรือเปล่า?


◌◌◌◌◌◌◌◌


Life 101 นำเสนอ...ตัวอย่าง การตกผลึก-ใคร่ครวญ-ทบทวน 'ชีวิตการศึกษา" ของ 'ผศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน' แห่งคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ

"การศึกษาระดับประถมและมัธยม ผมได้รับการปลูกฝังให้เป็นคนขยัน ตั้งใจเรียน ให้เรียนให้เก่ง จะได้เรียนต่อให้สูง เพื่อจะได้มีงานทำที่ดี มีฐานะดี มีชื่อเสียง

การเรียนของผมส่วนใหญ่ใช้การท่องจำมากกว่าความเข้าใจ เพื่อให้สอบผ่านและได้คะแนนดี

ในระดับปริญญาตรี วิชาเอกของผมคือคณิตศาสตร์ วิชาโทคือภาษาอังกฤษ ผมยังคงใช้ความจำมากกว่าความเข้าใจ

โดยเฉพาะวิชาเอกของผม ผมเรียนด้วยความทุกข์และกังวลใจเกรงว่าจะสอบตก ในวิชาเอกหลายวิชา ผมถามอาจารย์ว่าเรียนไปทำไม คำตอบที่เป็นมาตรฐานคือ เอาไว้เรียนต่อขั้นสูงต่อไป

การศึกษาระดับประถมถึงปริญญาตรี ยิ่งสูงขึ้นยิ่งห่างจากชีวิตและสังคมมากขึ้น เป็นวิชาการมากขึ้น เฉพาะทางมากขึ้น เตรียมตัวเพื่อการประกอบอาชีพมากขึ้น แข่งขันและเห็นแก่ตัวมากขึ้

ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ผมเรียนทางด้านจิตวิทยาการศึกษา ผมรู้สึกสนุก และท้าทายมากขึ้นเพราะเริ่มเข้าใกล้ชีวิต เข้าใจมนุษย์และสังคมมากขึ้

แต่หลักสูตรสมัยที่ผมเรียนเน้นการวิจัยและให้ความสำคัญกับการวิจัยเชิงทดลอง เน้นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ผมคิดเป็นระบบเพิ่มมากขึ้น มีความก้าวร้าวทางวิชาการมากขึ้น มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเรียนและรู้ เชื่อว่าสิ่งที่เรียน สิ่งที่รู้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

แต่เมื่อได้ทุนจุฬาฯ ไปเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยมินนิโซต้าทางด้านปรัชญาการศึกษา มุมมองเกี่ยวกับชีวิต โลก ความจริง ความดี ความงามของผมก็เปลี่ยนไป

กว้างขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น ตั้งคำถามมากขึ้น หาคำตอบที่หลากหลายมากขึ้น อะไรควร อะไรไม่ควร อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรงาม อะไรไม่งาม เริ่มเป็นคำถามสำคัญมากกว่าความรู้และวิธีแสวงหาความรู้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น

ยิ่งเมื่อมีโอกาสได้เรียนเกี่ยวกับการศึกษาและการวิจัยอนาคต ความคิดความเชื่อเกี่ยวกับความจริงก็เปลี่ยนไปอีก ยิ่งมองกว้างและไกลออกไปในอนาคตมากขึ้น

แต่ก็ไม่ได้แยกอนาคตออกจากปัจจุบันและอดีต ทุกอย่างรวมทั้งเวลาล้วนสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นองค์รวมและไหลเลื่อนเคลื่อนไป

อดีตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้ อนาคตเป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ โดยเริ่มตั้งแต่ปัจจุบัน

แต่การศึกษากระแสหลักดูเหมือนจะเน้นเนื้อหาความรู้ในอดีตมากกว่าแนวโน้มในอนาคต เน้นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าการสร้างอนาคต ใช่หรือไม่

...ยิ่งเรียนสูง ยิ่งรู้ลึก แต่โง่กว้าง ใช่หรือเปล่า"


◌◌◌◌◌◌◌◌


Credit : ผศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน


...........................................................................................................

Fedexfc Jjronnote
ไอ้ความคิดที่ว่า แพ้เพราะโกงเนี่ย มันไม่สร้างสรรค์นะครับ แล้วสุดท้าย แม่งจะเป็นการริดรอนคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยเสียเปล่าๆ คือถ้าคุณมีหลักฐานว่ามีการโกงอะไร ก็ไปแจ้ง กกต. แจ้งความดำเนินคดี กันตามหลักฐานครับ ไอ้การพูดกันลอยๆแบบนี้ แม่งไม่มีเหี้ยอะไรดีเลย สุดท้าย มันจะสนับสนุนความคิดบ้าๆ ที่ว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ทางออก เสียเปล่าๆ ตรึกตรองดูให้ดี

และที่สำคัญ แม่งเป็นสันดานที่แมงสาปใช้กันเป็นประจำ ... ตกลงเสื้อแดงต่างกับแมงสาปตรงที่ไหน ตรงที่ว่าเป็นฝุ่นใต้ตีนอำมาตย์ หรือฝุ่นใต้ตีนทักษิณ แค่นั้นหรือ ?

--มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าวไว้--

......................................................................................................

Prapas Cholsaranon
ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเรียกมันได้หลายชื่อ
ในวันที่เรารวดร้าว เราเคยเรียกขานมันว่า"ความผิดพลาด"
แต่ในวันที่มันเป็นผู้ถือธงนำเราสู่ความสมหวัง
เรากลับตั้งชื่อมันใหม่ว่า"ประสบการณ์"

ถ้าวันนี้มันโผล่มาในชื่อแรก อย่าเพิ่งชังมันเร็วนัก
กอดคอมันไว้ แล้ววันหนึ่งเราจะได้หาเสาไม้เล็กๆ และผ้าสักผืน เย็บเป็นธงให้มัน


...................................................................................................................


...................................................................................................................



อันนี้ต้องตามให้ถึงที่สุดจริงๆครับ!!!




คดีปรส.จะหมดอายุความ 21 มิถุนายน 2556 เหลือเวลาอีก 109
ในเรื่องคดีความของ ปรส. ที่ขายทรัพย์สินมูลค่า 851,000 ล้าน ประมูลขายไปเพียง 190,000 ล้าน
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยที่พลเอกชวลิตเป็นนายกรัฐรัฐมนตรี ช่วงที่ค่าเงินบาทลอยตัวนั้น และปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ในขณะกำลังวิกฤต พลเอกชวลิตก็ได้สั่งปิดสถาบันการเงิน 56 ไฟแนนซ์ แล้วตั้ง ปรส. ขึ้นมาเพื่อที่จะให้มาดูแล 56 ไฟแนนซ์ เพื่อที่จะแยกหนี้ดีและหนี้เสียออกจากกัน แต่ยังไม่ทันทำเสร็จ รัฐบาลพลเอกชวลิตก็พ้นไป และได้รัฐบาล ปชป. มาเป็นรัฐบาล โดยมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกและมีนายธานิน นิมมานเหมินท์ เป็น รมว.คลัง และได้มีการประมูลขายทรัพย์สินของ ปรส. โดยให้เอกชนเข้ามาประมูลทรัพย์สิน มูลค่าทรัพย์สิน 851,000 ล้าน เอกชนประมูลไปแค่ 190,000 ล้าน โดยไม่แยกว่าหนี้ดีมีอยู่เท่าไร หนี้เสียมีอยู่เท่าไร โดยให้เหมาเข่งไปเลย ผิดกับนโยบายของพลเอกชวลิต ที่ตั้ง ปรส. ให้แยกหนี้ออกมาก่อน ในส่วนหนี้ดีก็จะประมูลขายได้ราคา หนี้เสียก็แยกไว้ ประเทศจะได้ไม่เสียหายเป็นแสนๆ ล้าน ยกตัวอย่างเคสหนึ่ง ยอดค้างทางบัญชีอยู่ 115,890.96 ล้าน - ประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านพฤติกรรมแบบนี้เป็นที่เข้าใจได้ว่ามีขบวนการฮั้วประมูลกันใน ปรส. และผู้ประมูลรวมไปถึงนักการเมืองผู้มีอำนาจในขณะนั้น ได้ร่วมกันวางแผนในการประมู

นี่เอาแค่เคสเดียว ขาดทุนไป 93,436 ล้าน คดีนี้อยู่ที่ ปปช. และจะหมดอายุวันที่ 21 มิถุนายน 2556 นี้ เหลือเวลาอีก 3 เดือนกว่า ก็จะหมดอายุความ ถ้า ปปช. ไม่ทำอะไรและปล่อยให้คดีนี้หมดอายุ ปปช. จะรับผิดชอบอย่างไร ประชาชนกำลังกังวลว่าจะไปเหมือนคดี 258 ล้าน ของTPI และ 29 ล้าน จะปล่อยให้หมดอายุความโดยเป็นการช่วย ปชป. แบบไร้ยางอายและสังคมรับไม่ได้


.............................................................................................................................


อยากเห็นความร่วมมือแบบนี้เยอะๆ
อยากเห็นการพัฒนาส่วนรวม ^^

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1362021476&grpid=03&catid=17&subcatid=1700

............................................................................................................................


................................................................................................................................




การพี้กัญชา เป็นสิ่งปัจจัตตัง คือ รู้เห็นได้จำเพาะตนโดยแท้
ผู้ใดดูดควันเข้าถึงปอด ผู้นั้นเห็นเอง แจ่มแจ้งเอง หมดสงสัยในฤทธิ์คานาบินอยด์ได้โดยสิ้นเชิง
มิฉะนั้นแล้วจะต้องเดาเอาอยู่ร่ำไป แม้จะมีไอ้ขี้ยาอธิบายให้ลึกซึ้งอย่างไร
ก็รู้ได้แบบเดา ไม่อาจเคลิบเคลิ้มเข้าถึงความเบาสบายปลอดโปร่งได้
------

ในทางกลับกัน สิ่งที่มีคุณสมบัติเป็นปัจจัตตัง ก็ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าจะดีเสมอไป
การผลักภาระในการพิสูจน์ไปให้ผู้ตั้งข้อสงสัย ใครๆ ก็ทำได้ ผู้รู้แจ้งควรทำได้ดีกว่านั้น

การกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่ ต้องมาพร้อมการพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่

ถ้าอวดสรรพคุณไว้วิเศษดีเลิศ แต่พอถามแล้วตอบได้เพียงว่า "ลองแล้วจะรู้เอง"
มันคือ โฆษณาชวนเชื่อ



//Virus


.............................................................................................................



















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น