วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

26/03/2556


....................................................................................................................




เจ็บมากกกก..คาดว่าจะโดนหลายคนT^T


....................................................................................................................




ผมสนับสนุนโครงการ 2.2 ล้านล้านของรัฐบาล ด้วยเหตุผลแบบทึ่มๆบ้านๆไร้มาตรฐานทางวิชาการใดๆดังนี้

ประการแรก

ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่จะทำ เห็นด้วยให้พัฒนารถไฟ ถนน ท่าเรือ ระบบโลจิสติกส์์ ผมว่ามันจำเป็นมากๆและคิดว่าเราทำช้าไปมากเสียด้วยซ้ำ

ไม่ต้องยกเหตุผลทางเศรษฐกิจ ความเจริญ GDP การจ้างงาน บลาๆๆ มาประกอบ อันนั้นหาอ่านเอาได้ตามคำโฆษณาของรัฐบาล ผมคิดง่ายๆแค่ลองนึกภาพว่าต่อไปช่วงปีใหม่-สงกรานต์ เราไม่ต้องมาคุยกันเรื่องการอัดคนขึ้นรถบัส จำนวนรถบนถนนจะลดลง อุบัติเหตุลดลง ยอดคนตายลดลง แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวผมว่าก็คุ้มแสนคุ้มแล้ว อันที่จริงถ้าใครเดินทางต่างประเทศบ่อยๆจะรู้ดีว่ามาตรวัดอย่างง่ายๆเวลาดูว่าประเทศไหน “เจริญ” แค่ไหน เขาก็ดูกันที่โครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคมนี่แหละ

ประการต่อมา

ด้วยความที่ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่จะทำ ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นหนี้ และต่อให้เป็นหนี้มากกว่านี้ ผมก็ยินดีจะแบกและจะให้ลูกหลานต้องแบกต่อไป ตราบใดที่มันการันตีว่าลูกหลานผมจะได้ใช้รถไฟ ถนน การขนส่งสินค้า ที่พัฒนากว่านี้

มันก็เหมือนการกู้เงินส่งลูกเรียน หรือกู้เงินซื้อรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาคิดว่า “ทำดีไหม” เพราะยังไงมันต้องทำ ต้องพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ประเด็นควรอยู่แค่ว่า “ทำไมเพิ่งจะเร่ิมทำ” และ “เมื่อไหร่จะเสร็จ” มากกว่า

คิดง่ายๆว่าถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ที่บ้านไม่มีคอมพิวเตอร์ไว้ทำมาหากินสักเครื่อง ผมคงไม่มานั่งคิดว่ากูจะเป็นหนี้ 0% 10 เดือนดีไหมเพื่อผ่อนคอมพิวเตอร์สักเครื่องเพื่อเอามาทำมาหากิน ผมคงดีใจว่าโลกนี้มีเงินให้ผมกู้มาซื้อคอมฯ และเมื่อไหร่จะได้ไปซื้อมาใช้เขียนโปรแกรมหากินเสียที

ประเด็นถัดไป

ถามว่าผมห่วงคอรัปชั่นไหม? ก็ตอบตรงๆว่าไม่ห่วง ผมเชื่อว่ากินกันกระจายแน่นอน

ใครจะด่าว่าผมไร้จริยธรรมยังไงไม่รู้ แต่ด้วยสภาพเงื่อนไขการเมืองไทยวันนี้ ด้วยระบบอุปถัมภ์แบบนี้ ด้วย rule of law แบบไทยๆ ถ้าผมต้องเลือกระหว่างตั้งโครงการมากินกันเฉยๆ ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรกับตัวผมหรือลูกหลานผมเลย กับได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจับต้องได้ ผมตอบอย่างหน้าไม่อายว่าขอเลือกอย่างหลัง

คือมึงจะกินกันก็กินไป แต่ขอกูและลูกกูได้กินบ้าง
ไอติมมันละลายแน่ แต่ขอให้เหลือถึงปากกูหน่อย อย่าให้เหลือแต่ไม้ไอติม

การบอกว่าเชื่อว่ามีคอรัปชั่นแน่ๆ ไม่ได้แปลว่าผมสนับสนุนให้โกงกิน ถ้าผมเลือกได้ ผมก็ไม่อยากให้โกงกิน ถ้าผมเลือกให้มีฝ่ายค้านที่เก่งๆได้ ผมก็อยากเลือก ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งให้ตรวจสอบการทำงาน การใช้เงิน การจัดซื้อ บลาๆๆ ถ้างบมันจะใช้ไม่ถึง 2.2 ล้านล้าน อาจใช้แค่ 2.0 หรือ 1.7 หรือ 1.2 ล้านล้าน ก็ยิ่งดี ยิ่งซื้อของถูกก็ยิ่งดี

ถ้าโครงการผ่านออกมาแล้ว ฝ่ายค้าน (ทั้งในและนอกสภา) พบว่าเรื่องไหนกรณีใดทุจริต ขอให้ลากไส้ รมต. และเจ้าหน้าที่พวกนั้นออกมาให้หมดและจับไปลงโทษอย่าได้ละเว้น ถอดถอนหรือทำอะไรก็ซัดไปอย่าได้ยั้ง อย่าให้เหมือนกรณี CTX ที่สุวรรณภูมิที่สุดท้ายก็เป็นแค่ลมปากด่ากันเอามันส์ แล้ว ปปช. ยกคำร้องเองซะงั้น หรืออย่าให้เหมือนกรณีกล้ายาง และอีกสารพัด “ข้อกล่าวหา” ที่สุดท้ายก็จับมือจูบปากซูเอี๋ยเป็นมิตรกันไปไม่มีใครผิด

แล้วก็ต้องแยกแยะด้วยว่าการตรวจสอบ ไม่เหมือนกับการจ้องล้มโครงการ หรือจ้องล้มรัฐบาล นั่นมันบานปลายเลอะเทอะ พวกผมไม่อยากได้เสาโฮปเวลล์ หรือเสาโรงพักตำรวจอีกแล้ว ขอให้พวกผมได้ใช้รถไฟ ใช้ถนนดีๆบ้างเถิด แพงหน่อยผมก็ยอมจ่าย ได้โปรดอย่าเล่นเกมกันแล้วพาลไปล้มโครงการเลย

ประการต่อไป ทำไมต้องกู้พิเศษ?

ผมเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่มีความรู้ ก็คิดง่ายๆแค่ว่าในเมื่อโครงการอื่นๆอย่างไทยเข้มแข็ง (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเอาเงินมาสร้างอะไร) ยังทำได้ โครงการอื่นๆก็ต้องทำได้บ้างสิ แล้วยิ่งถ้าเป็นการเขียนโครงการชัดเจน ประกาศชัดเจนว่าจะทำอะไร เสร็จเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร ผมว่ามันก็ชัดเจนดีกว่าปล่อยให้ขึ้นๆลงๆตามปีงบประมาณ ตามทิศทางรัฐบาล ไอ้แบบนั้นเผลอๆยิ่งกินกันง่ายเข้าไปอีก ปีหน้าก็อ้างเรื่องโน่นนี่มาของบเพิ่ม

แต่ถ้าตั้งโครงการกันให้ชัดแต่แรกอย่างนี้ ไม่ต้องถึงขั้นของบเพิ่มหรอก เอาแค่ล่าช้าจากแผน ผมว่ามีคนรุมด่า รุมกระทืบกันทั้งแผ่นดินแน่นอน

ประเด็นเรื่องแหล่งที่มาของเงิน

อันนี้ผมไม่รู้หรอกว่าในทางเทคนิค capitalization ของโครงการแบบนี้ การกู้มาเต็มๆแล้วสร้างเอง กับการร่วมทุนกับเอกชนทั้งต่างประเทศและในประเทศอันไหนจะคุ้มค่าดีกว่ากัน คงต้องปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญว่ากันไป แต่เรื่องพวกนี้มันควรคิดกันได้สัก 30 ปีก่อนแล้วมั้ง (ก็เห็นมีให้เรียนกันในตำรา MBA ทุกโรงเรียนแล้ว) อย่ามาเถียงกันตอนนี้แล้วไม่เป็นอันทำอะไรกันต่อ

ถ้ามองจากแง่มุมการเมือง สมมติว่า ปชป. เชื่อในแนวทางร่วมทุนกับต่างชาติ ปชป. เองก็มีโอกาส (หรือจะอ้างอย่างไม่อายฟ้าดินว่ามีอำนาจจากประชาชนก็ได้เอ๊า) เป็นรัฐบาลแล้วนี่ ก็ไม่เข็น ไม่ทำให้เกิดเอง จะโทษใครได้

แล้วในเมื่อรัฐบาลชุดนี้ได้อำนาจจากประชาชนเจ้าของประเทศมาทำงาน เขาก็ทำงานในแนวทางที่เขาเชื่อ คุณไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ หน้าที่คุณก็คือไปคอยตรวจสอบ ถ่วงดุล อย่างที่พูดไปแล้ว แต่ไม่ใช่ไปล้มโครงการหรือล้มรัฐบาล

ส่วนเรื่องแหล่งเงินกู้ ผมค่อนข้างชอบไอเดียที่จะกู้ในประเทศ มันไม่ต้องมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน แถมยังช่วยดูดซับสภาพคล่องที่ล้นเกินในทุกวันนี้ด้วย ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายต่อ

เรื่องฉลาดๆแบบนี้อยากให้พรรคการเมืองแข่งกันคิด แข่งกันทำมากๆ อย่ามัวแต่ทำเรื่องโง่ๆกันเลย


..................................................................................................................


นาย ก : คนกลุ่มหนึ่งครับ
นาย ข : ทำไมครับ ??
นาย ก : โดนฟ้องว่าเผาห้าง ปี 53 เพิ่งปิดคดี ยกฟ้อง ติดคุกฟรีเกือบ 3 ปีครับ
นาย ข : อืมมม........
นาย ก : แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งครับ
นาย ข : ทำไมครับ ?????
นาย ก : ปิดสนามบินตั้งปี 51 ป่านนี้ยังไม่ฟ้องเลยครับ

Cr : มิตรสหายม.ปลาย


...................................................................................................................



รถไฟสายความสุข…เศรษฐกิจใหม่จากรางสู่เมือง
Designing a Happy Journey: Reviving Kyushu through creativity

ในขณะที่ไทยกำลังเริ่มต้นลงทุนครั้งสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงระบบการขนส่งของประเทศให้ “ความเร็ว” จากการเคลื่อนย้ายคนและสินค้าด้วยระบบรางที่มีต้นทุนค่าขนส่งต่ำสามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่นับวันแต่จะถีบตัวสูงขึ้น เพื่อสร้างศักยภาพของธุรกิจและเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ญี่ปุ่นได้พัฒนาระบบการขนส่ทางรางให้นำพาความเจริญไปสู่พื้นที่ส่วนต่างๆ ได้สำเร็จแล้ว ตั้งแต่ระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับชุมชน

เกาะคิวชูเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่คิวชู เรลเวย์ คอมปานี (เจอาร์ คิวชู) ได้นำเสนอประสบการณ์การเดินทางใหม่ที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความมั่งคั่งให้กับคนในท้องถิ่น โดยเลือกนักออกแบบ เอย์จิ มิโตโอกะ มาเติมเต็มช่องว่างของพาหนะอื่นๆ นั่นคือ การบริการที่ไม่ไช่แค่การคมนาคม แต่สร้างประสบการณ์การนั่งรถไฟให้เป็นส่วนหนึ่งของความสุขและความสนุกของการเดินทาง ดังจะเห็นได้จากผลงานการออกแบบทั้งหมดที่มิโตโอกะทำให้กับเจอาร์ คิวชู มากว่า 25 ปี ที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ อาทิ ขบวนรถไฟแบบต่างๆ ทั้งภายนอกและภายใน 29 ขบวน การปรับปรุงอาคารสถานีรถไฟ โครงการอสังหาริมทรัพย์ สื่อประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ภายใต้ปรัชญาการออกแบบที่มุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง และคำนึงถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นด้วยการเลือกใช้วัสดุพื้นบ้านจากธรรมชาติ

บทเรียนสำคัญของการสร้าง “รถไฟสายความสุข” จึงมิใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีและประสิทธิภาพการจัดการ แต่รวมถึงความแตกฉานในการนำ “สินทรัพย์ท้องถิ่น” ผนวกกับ “วิสัยทัศน์ทางธุรกิจ” และ “กระบวนการออกแบบ” มาใช้ในทุกมิติของการให้บริการรถไฟและการบริหารกิจการ จนเจอาร์ คิวชู กลายเป็นผู้ให้บริการเส้นทางท่องเที่ยวทางรถไฟมากที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังเชื่อมโยงชุมชนท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมกับการพัฒนารถไฟ ส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งกลุ่มการเกษตรและการท่องเที่ยวให้มีรายได้ และนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้มาเยือน

นิทรรศการ “รถไฟสายความสุข…เศรษฐกิจใหม่จากรางสู่เมือง” ปรับเปลี่ยนชื่อและลำดับเนื้อหาจากนิทรรศการจากประเทศญี่ปุ่น “Eiji Mitooka Happy Railway Design Exhibition” จัดขึ้นในประเทศไทยโดยความร่วมมือระหว่างคิวชู เรลเวย์ คอมปานี และ TCDC ร่วมกับสตูดิโอออกแบบดง ดีไซน์ แอซโซซิเอทส์ (DDA) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น

เข้าชมฟรี
ตั้งแต่ 16 มีนาคม 2556 - 26 พฤษภาคม 2556

Read More : http://www.tcdc.or.th/eventse.php?lang=en&act=view&id=477


...............................................................................................................


......................................................................................................................




แบบว่าลืมตัว


......................................................................................................................




ฝ่ายค้าน เตือน รัฐบาล อย่าแฉ ไทยเข้มแข็ง เพราะถือว่า ไม่สร้างสรร และเสียเวลา



ถูกครับ ไม่สร้างสรรค์ ไม่ควรมาแฉตอนพิจารณาร่างนี้ครับ
ถึงมันจะโกง การกระทำจะน่ารังเกียจยังไง
มันก็คนละประเด็นกับ 2 ล้านล้าน
จะกลายเป็นคุยนอกประเด็นไป เอาเวลามาพัฒนาประเทศดีกว่าครับ

ส่วนเรื่องไทยเข้มแข็ง เอาไว้แฉช่วงเวลาอื่นครับ


........................................................................................................................




โลกทุกวันนี่..แมร่งอยู่ยากขึ้นทุกวันวะ..


..................................................................................................................


สรุปความคิดเห็นอีกครั้งว่า ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะให้ใครทำก็กินกันอิ่มแน่ๆ

ดังนั้นถ้าต้องเป็นหนี้ 2.2 ล้านล้าน ผมขอ "ไว้วางใจ" พรรคที่ผลักดันสุวรรณภูมิจนสำเร็จ ผลักดันสารพัดนโยบายมาแล้ว ทั้ง 30 บาท กองทุนหมู่บ้าน หรือกระทั่งนโยบายที่ผมไม่ชอบอย่างรถคันแรก หรือจำนำข้าว

ผมไม่ไว้วางใจพรรคที่สร้างเสาโฮปเวลล์ หรือสร้างแค่โรงพัก สนามฟุตซอล ยังไม่สำเร็จเลย

ไหนๆจะเป็นหนี้ ผมขอเลือก "ผู้รับเหมา" ที่ผมไว้วางใจก็แล้วกัน

แน่นอน ในแง่ฝีมือการตรวจสอบ ผมไว้ใจ ปชป. มากกว่า ยินดีให้พวกท่านทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป

สำหรับท่านที่ไม่เชื่อเหมือนผม ไม่ไว้ใจ หรือไม่เห็นด้วยกับโครงการ อยากได้รถไฟสายอื่น อยากให้ทำแบบร่วมทุน อยากให้กู้นอกประเทศ ฯลฯ ผมเคารพความคิดของทุกคนในประเทศนี้ครับ เพราะทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเท่าๆกัน ไม่บังอาจบังคับให้ใครต้องคิดเหมือนผม

ดังนั้น ถ้ามันมีปัญหามาก ผมเรียกร้องให้ทุกพรรคประกาศจุดยืนเรื่องนี้ไปเลยครับ เอาให้ช้ดเลยว่าใครอยากทำอะไร เสนอให้ทำแบบไหน ประกาศให้ชัดกันไปเลยในสภา ปชป. เอาแนวไหน ภูมิใจไทยเอายังไง ประกาศกันเลยให้ชัดๆ แถลงออกทีวีให้ครบทุกช่อง

แล้วถ้า พรบ. ไม่ผ่านสภา ผมเสนอให้นายก "ยุบสภา" ให้ประชาชนตัดสินใจกันเลยครับ

ใครชอบแบบไหน ไว้ใจใคร ไม่ไว้ใจใคร ขอให้เลือกกันตามใจชอบ

เป็นวิถีทางที่เรียบง่าย สวยงาม เป็น "ประชาธิปไตย" ที่สุด


........................................................................................................................




ผมคิดถึงคำแม่สอนตลอดครับ ตอนที่ต้องไปใช้ชีวิตเด็กมหาลัย


...................................................................................................................




เพื่อน ๆ ทราบข่าวดีนี้กันหรือยังว่า ประเทศไทยของเราถูกปลดออกจาก Black List ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินแล้วครับ และกุญแจสำคัญที่ทำให้ FATF ปลดไทยพ้นจาก Black List คืออะไร และมีผลอย่างไรกับตลาดทุนของเราบ้าง ไปดูกันครับ


.....................................................................................................................


.........................................................................................................................




อ่านบ้าง...............................................
http://www.thairath.co.th/page/trainPage


..........................................................................................................................




ภาพรวมเงินลงทุน 2.2 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลไทย กำหนดโครงสร้างการพัฒนาในด้านต่างๆ

ปล.การไม่โกงมันไม่มีหรอกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือ "ตรวจสอบ" เรามีทั้ง ปปช. ปปท. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้นมากมาย ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกว่าไอ้การโกง "ใหญ่ๆ" มันจะทำได้เหมือน "อดีต"

ขนาดพวกเรายังโกงเงินเมีย เงินแม่มาทั้งนั้นเลย

ภาพจากเพจ Infographic Thailand ขอบคุณมากครับ

#NO112 #สกน #WTT


..........................................................................................................




ท่ามกลางความหวาดกลัวเรื่องเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน
ที่เตรียมเอามาผลักดัน Logistics เมืองไทยครบวงจร
ฟังคณะทำงานศึกษาเรื่องรถไฟความเร็วสูง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364210310&grpid=01&catid&subcatid


...................................................................................................................




ส่งท้ายมุกภาษาอังกฤษกันด้วยมุกนี้จ้ะ อย่าลืมเพิ่มโอกาสใช้ภาษาอังกฤษให้เยอะๆ นะครับ เพิ่มโอกาสดีๆ ให้ชีวิต XD
 

........................................................................................................................




เมื่อสหรัฐฯพลิกตัว...

ปัจจุบันยานยนต์ในสหรัฐฯ มากกว่าร้อยละ 96 ใช้พลังงานจากน้ำมัน จึงมีความสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐฯในอนาคตอย่างมาก และถือเป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งผลักดันนโยบายพลังงานใหม่ให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ในสมัยที่สองของ “บารัก โอบามา” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ซึ่งต้องบอกว่า ในช่วง 4 ปีแรกของการดำรงตำแหน่ง ผู้นำสหรัฐฯ ให้ความสนใจเรื่องพลังงานน้อยไป เพิ่งจะมารุกอย่างจริงๆ จังมากขึ้นในสมัยที่สองนี้เอง แต่จะสำเร็จผลมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

นโยบายพลังงานใหม่ของสหรัฐฯ ครั้งนี้ต้องบอกว่า พลิกตัวครั้งใหญ่ และมุ่งสู่พลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า ลม แสงอาทิตย์ ฯลฯ โดยมีเป้าหมายที่จะลดการใช้น้ำมันลง ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้ยิ่งต้องแสวงหาพลังงานทดแทนมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ขณะนี้สหรัฐฯ เป็นยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจาก “โตโยต้า” ก็ได้ขีดเส้นที่จะพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับน้ามัน หรือที่เรียกกันว่า ไฮบริด ให้สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 150 ไมล์ พร้อมลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรีที่ล้ำสมัย

ซึ่งก่อนหน้านี้โอบามาออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนการวิจัยมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพัฒนา “รถยนต์แห่งอนาคต” แบบใหม่ที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมัน และพัฒนาคิดค้นพลังงานชีวภาพ เพื่อลดการใช้น้ำมันลงอีกด้วย

“เขาประกาศว่า รถยนต์ในอนาคตของสหรัฐฯ จะต้องสามารถขับเคลื่อนจากฝั่งแอตแลนติกไปถึงฝั่งแปซิฟิกได้ โดยไม่ต้องใช้น้ำมันแม้แต่หยดเดียว โดยสหรัฐฯ จะต้องเปลี่ยนระบบพลังงานของรถยนต์ และรถบรรทุกทั้งหมดจากการใช้น้ำมันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

ทางเลือกของโอบามาในเรื่องนี้ต้องบอกว่า เป็นวิธีเดียวที่สหรัฐฯจะ “ยุติ” วงจรราคาน้ำมันที่นับวันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ และเป็นเรื่องชี้ถึงอนาคตของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

แล้วก่อนหน้านี้โอบามาได้ประกาศใช้นโยบายพลังงานแผนใหม่ โดยยอมผ่อนปรนให้มีการสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน รวมทั้งก๊าซธรรมชาติตามแนวชายฝั่งของสหรัฐฯ หลังจากสั่งระงับมานานหลายทศวรรษ เพราะเกรงว่าจะสร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศวิทยา

แหล่งที่สหรัฐฯ จะตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมัน คือ บริเวณขายฝั่งด้านใต้ของแอตแลนติก ฝั่งตะวันออกของเม็กซิโก และพื้นที่บางส่วนของอะแลสกา โดยให้สัมปทานขุดเจาะกับบริษัทน้ำมัน

ถามว่า เหตุใดผู้นำสหรัฐฯ ต้องยอมในเรื่องนี้ ก็เพราะว่านี่คือ ทางออกที่สุดในเรื่องพลังงาน ที่สหรัฐฯต้องใช้อีกมากในอนาคต ขณะเดียวกัน ก็ต้องการสร้างงานและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับธุรกิจของสหรัฐฯนั่นเอง

ซึ่งนายโอบามาให้เหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่า “นโยบายพลังงานแผนใหม่ไม่ได้ถูกชี้นำโดยอุดมการณ์ทางการเมือง แต่เป็นการริเริ่มโดยอาศัยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์”

การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ในครั้งนี้เป็นที่จับตาไปทั่วโลก แม้กระทั่ง ทบวงการพลังงานสากล หรือไออีเอ ถึงกับออกมาทำนายเลยว่า

“ในอนาคตสหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกพลังงานรายใหญ่สุดของโลกทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน โดยในปี 2558 สหรัฐฯ จะเข้ามาแทนที่รัสเซีย ในฐานะผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่สุด และเมื่อถึงปี 2560 สหรัฐฯ จะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก และปี 2563 สหรัฐฯ จะเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก”

อันนี้ก็เป็นคำทำนายนะครับ แต่มาจากหน่วยงานไอเออี จะถูกต้อง 100% หรือเปล่าก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ เพราะคำทำนายก็คือ คำทำนาย อาจจะผิดทั้งหมด หรือถูกต้องมากกว่าครึ่ง ก็แล้วแต่สถานการณ์ และการบริหารจัดการของผู้นำสหรัฐฯในแต่ละช่วงเวลา แต่แผนใหญ่ของสหรัฐฯ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า จะต้องมุ่งสู่พลังงานทดแทน

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการพลังงานทดแทนของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า พลังงานทดแทนสามารถที่จะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 635 กิกะวัตต์ (พันล้านวัตต์) ภายในปี 2025 (ปี 2568 หรืออีก 12 ปีนับนี้) และตามข้อมูลของ U.S. Energy Information Administration ระบุว่า พลังงานไฟฟ้าเหล่านี้จะมาจากเทคโนโลยีพลังงานทดแทนอย่างเช่น

1.พลังงานลม 248 กิกะวัตต์ (39%)
2.พลังงานแสงอาทิตย์ 164 กิกะวัตต์ (26%)
3.พลังงานชีวมวล 100 กิกะวัตต์ (16%)
4.พลังงานความร้อนใต้พิภพ 100 กิกะวัตต์ (16%)
5.พลังงานน้ำ 23 กิกะวัตต์ (3%)

อันนี้คือ ภาพโครงสร้างพลังงานแห่งอนาคตของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมุ่งไป และแน่นอนว่า จะต้องใช้ความสามารถในการผลักดันอย่างหนัก เพื่อก่อให้เกิดการพลิกตัวครั้งใหญ่

และแน่นอนว่า “โอบามา” จะต้องเดินหน้าผลักดันร่วมกับสภาคองเกรส ทั้งในเรื่องแผนรถยนต์ประสิทธิภาพสูง และพลังงานสะอาด ซึ่งก็ไม่ไดปูทางด้วยกลีบกุหลาบ เพราะต้องเผชิญหน้ากับเสียงคัดค้านจากพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภา และอ้างว่า ต้นทุนในเรื่องนี้สูงเกินไป

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามต้องบอกว่า การตัดสินใจเรื่อง “พลังงานทดแทน” ในยุคใหม่ เป็นตัวชี้วัดอนาคตใหม่ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นเดียวกัน ก็ต้องติดตามกันดูว่า การพลิกตัวครั้งนี้ของสหรัฐฯ จะทำได้สำเร็จหรือไม่?

คอลัมน์ วิถีโลก วิถีธุรกิจ, โฮเมอร์
สยามรัฐออนไลน์, 25 มีนาคม 2556


......................................................................................................................



....................................................................................................................











































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น