วิสัยทัศน์ ประเทศไทย 2020
http://www.facebook.com/photo.php?v=550005995030761
................................................................................................................
กล้วยตาก "บานาน่าโซโซตี้"
ผลิตผลท้องถิ่นสู่ความเป็นส ากล
วิสาหกิจชุมชนกล้วยตากบุปผา เกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ภายใต้แนวคิดต้องการเปลี่ยน รูปแบบกระบวนการผลิตกล้วยตา กแบบดั้งเดิมให้ได้มาตรฐานต ามระบบการผลิตอาหารปลอดภัยเ พื่อยกระดับสินค้าสู่สากล ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการว ิจัย (สกว.) สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษ า (สกอ.) โดยมีทีมวิจัยจากมหาวิทยาลั ยศิลปากรออกแบบสร้างเครื่อง อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์กรีนเฮ้าส์ (พาราโบลาร์โดม) เพื่อลดการปนเปื้อนของกล้วย น้ำว้า อันเกิดจากการตากแดดในที่โล ่งแจ้ง อีกทั้งช่วยให้กล้วยมีสีผิว สม่ำเสมอ คงไว้ซึ่งรสชาติที่ดีกว่ากร รมวิธีดั้งเดิม
การศึกษาและการสร้างเครื่อง ดังกล่าว สำเร็จเป็นพาราโบลาร์โดม ปี 2550 สามารถแก้ปัญหาทางด้านผลผลิ ตได้อย่างน่าพอใจวัดได้จากค ุณภาพของผลผลิตรวม ทั้งยังช่วยลดการสูญเสียวัต ถุดิบได้ถึง 90% และยังสร้างความมั่นใจให้แก ่ผู้บริโภคด้วยการยกระดับกา รผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐา นข้อกำหนด โดยใช้เงินลงทุนสร้าง 8 แสนบาท พื้นที่ภายในประมาณ 160 ตารางเมตร ให้กำลังการผลิตสูงสุดถึง 1,400 กิโลกรัมต่อวัน
เมื่อพิจารณาในแง่กระบวนการ ผลิต แน่นอนว่ากลุ่มวิสาหกิจชุมช นกล้วยตากบุปผาต้องแบกรับต้ นทุนในการผลิต ดังนั้น แนวทางการเพิ่มมูลค่าสินค้า คือ ทางออกเพื่อความอยู่รอด การพัฒนาเพื่อยกระดับสินค้า โดยการสร้างภาพลักษณ์และควา มแตกต่างให้แก่ผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของตราสินค้า บานาน่าโซไซตี้ : Banana Society ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เกิ ดการจดจำควบคู่การวางแผนการ ตลาด การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ กล้วยตากบุปผา ภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
ปัจจุบันการผลิตกล้วยตากภาย ใต้ตรา บานาน่า โซไซตี้ มีกำลังการผลิต 30 ตันต่อเดือน สามารถสร้างงานและรายได้อย่ างยั่งยืนให้แก่เกษตรกรท้อง ถิ่นรวมถึงชุมชนใกล้เคียง นอกจากการพัฒนาการผลิตกล้วย ตากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ยังมีการแปรรูปกล้วยน้ำว้าเ ป็นไซรัปกล้วยน้ำว้า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้วัตถุดิ บ อันนับเป็นความพยายามของผู้ ประกอบการท้องถิ่นที่ไม่หยุ ดนิ่ง
มัทนา ลัดดาสิริพร/คมชัดลึก
ผลิตผลท้องถิ่นสู่ความเป็นส
วิสาหกิจชุมชนกล้วยตากบุปผา
การศึกษาและการสร้างเครื่อง
เมื่อพิจารณาในแง่กระบวนการ
ปัจจุบันการผลิตกล้วยตากภาย
มัทนา ลัดดาสิริพร/คมชัดลึก
..........................................................................................................
[a day] ผมอยากบอกนักศึกษาที่กำลังจ
สิโรตม์ จิระประยูร เจ้าของร้านหนังสือ The Booksmith แห่งเมืองเชียงใหม่ (จากคอลัมน์ the outsiders | a day 151)
Pipat Posawad กำลังจะซื้อบ้านเลยครับ 555
Supapong Wanitpongpan ถ้าจะซื้อบ้านนะ เอาเงินไปลงทุนก่อนดีมั๊ย?
อันนี้เขานำเสนอการลงทุนชีวิต
พี่นำเสนอการลงทุนจริงๆ เช่นการซื้อหุ้น,กองทุนรวม,พันธบัตร หรือ สลากออมสิน การซื้อประกัน การทำธุรกิจ ฯลฯ
ยกเว้นว่า เราจะซื้อบ้านเพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซื้อมาขายไป อันนี้ OK
.....................................................................................................................
พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่มีการหมกเม็ด หรือซ้อนตัวเลข สามารถตรวจสอบได้ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป
.................................................................................................................
.....................................................................................................................
ถ้าต้อง "ไม่รู้" เท่านั้น คนเราถึงจะ "รักกัน" ก็ให้เกลียดๆ กันไปเถอะ สังคมที่ผู้คนเกลียดกันมากๆ
กำแพงแบร์ลินไม่ได้สร้างขึ้
......................................................................................................................
เข้าใจว่า "โต้ง"กับ"กรณ์" คงจะทะเลาะกันจนกว่า ......
จนกว่าจะตาย...ยกลำ
.....................................................................................................................
คำเตือน : สภาเป็นสาเหตุของการทะเลาะว
....................................................................................................................
.......................................................................................................................
วันนี้วันพระราชสมภพของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าหญิงอันเป็นที่รักของคน ไทย เจ้าหญิงที่ไม่เหมือนในนิทา นที่เราเคยเห็นตอนเด็กๆ เจ้าหญิงพระองค์นี้เดินทางไ ปทั่วประเทศเพื่อเยี่ยมพสกน ิกร ตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ พระองค์ก็ทรงเดินทางไปกับพร ะเจ้าอยู่หัวเพื่อดูแลทุกข์ สุขของประชาชน
..
เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงเดินท างไปประเทศต่างๆ ทรงศึกษาภาษาและวัฒนธรรมหลา กหลาย เพื่อเชื่อมโยงศิลปและวัฒนธ รรมของโลกเข้าด้วยกัน และที่สำคัญเพื่อผูกมิตรกับปร ะเทศมหาอำนาจ ซึ่งเป็นการทูตที่สำคัญที่ส ุด อันเป็นประโยชน์มหาศาลแก่แผ ่นดินและประชาชน
...
เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงดนตรี ทั้งไทยและสากล ทรงอักษรตลอดเวลา แม้แต่ตอนเสด็จพระราชดำเนิน ตามที่ต่างๆก็ทรงจดในสมุดโน ้ต พระราชนิพนธ์อันมากมายของพร ะองค์เป็นแรงบันดาลใจให้เยา วชนศึกษาและสนใจในประวัติศา สตร์และวัฒนธรรม
...
พระองค์ทรงถ่ายรูปด้วยพระอง ค์เอง ภาพที่พระองค์ทรงสะพายกล้อง และถ่ายกลับมาที่ประชาชนเป็ นภาพที่คุ้นตาของคนไทย
..
แต่ภาพนี้ยิ่งทำให้ประชาชนย ิ่งถวายความจงรักภักดี
..
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
..
เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงเดินท
...
เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงดนตรี
...
พระองค์ทรงถ่ายรูปด้วยพระอง
..
แต่ภาพนี้ยิ่งทำให้ประชาชนย
..
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
...................................................................................................................
"Vespa รุ่นลิมิเต็ด"
ใช้ความพยายามสูงที่สร้างมั
........................................................................................................................
...........................................................................................................................
ความหลงผิดว่า “สามารถเป็นกลางได้” ของสื่อไทยๆ
นักปรัชญาชายชอบ
1) มาตรฐาน “ความเป็นกลาง”
มาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อที่ป่าวประกาศกัน คือ “การรายงานข้อเท็จจริงทุกด้านอย่างสมดุล การเสนอความเห็นของทุกฝ่ายอย่างสมดุล” โดยมาตรฐานนี้ ในแวดวงสื่อมวลชนต่างวิจารณ์กันเองว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน สื่อค่ายต่างๆ ได้ทำลายมาตรฐานความเห็นกลางแห่งวิชาชีพของตนเองลง เพราะสื่อล้วนแต่เลือกข้างทางการเมือง
“การเลือกข้างทางการเมือง” จึงเป็นการทำลายมาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อ นี่เป็น “ความหลงผิด” ภายในวงการสื่อมวลชน (หรือความหลงผิดของมุมมองทางวิชาการด้วย) ที่สรุปว่า “การเลือกข้างทางการเมืองของสื่อเป็นการทำลายความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อ”
2) มาตรฐานความเป็นกลางที่เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่ต้น
ความหลงผิดตามข้อ 1) เกิดจากการไม่ยอมรับความเป็นจริงว่า ขั้วขัดแย้งทางการเมืองมีความสลับซับซ้อนและดำเนินไปภายใต้อุดมการณ์ และกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือไม่ free and fair ที่จะให้สื่อ (นักวิชาการหรือใครก็ตาม) สามารถเสนอข้อเท็จจริงทุกด้าน และเปิดพื้นที่เสนอความคิดเห็นของทุกฝ่ายอย่างสมดุลได้จริง
เช่น ไม่สามารถรายงานข้อเท็จจริงเบื้องหลังรัฐประหาร หรือการอภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเบื้องหลังรัฐประหารได้ใน “ระดับเดียว” หรือใน “มาตรฐานเดียว” กับการเสนอข้อเท็จจริงและอภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลของนักการเมือง เป็นต้น
ฉะนั้น กติกาที่ free and fair ในการรายงานข้อเท็จจริงและการเปิดพื้นที่เสนอความคิดเห็นทั้งสองด้านอย่างสมดุลมันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก มาตรฐานความเป็นกลางแห่งวิชาชีพสื่อตามทฤษฎีจึงนำมาใช้กับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นมาและเป็นอยู่เวลานี้ไม่ได้เลย ความเป็นกลางของสื่อจึงมีไม่ได้เลย
3) ความลื่นไหลบนความไร้หลักการ
หากหลักการของความเป็นกลางคือกติกาที่ free and fair ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก การอ้างความเป็นกลาง ความสมดุลในการเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นทุกด้าน ก็เป็นเพียงการแสดง “ความลื่นไหล” หรือพูดให้ตรงๆ คือ “การโกหกตอแหล” เท่านั้นเอง
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ กลุ่มบรรณาธิการข่าวการเมืองของ Thaipbs (ที่อ้างว่าเป็น “ทีวีสาธารณะ” ใช้ภาษีประชาชน เสนอข่าวสารและความเห็นที่เป็นกลางเพื่อประโยชน์ของประชาชน) กดดันเป็นการภายในให้งดออกอากาศรายการตอบโจทย์ที่เสนอการดีเบตเรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ระหว่าง ส.ศิวรักษ์ กับสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โดยอ้างว่า เป็นการนำเสนอความเห็นที่ไม่สมดุล เนื่องจากให้เวลาแก่สมศักดิ์ (ซึ่งตั้งคำถาม วิพากษ์โครงสร้างสถาบัน) มากกว่า ดังที่เป็นข่าวและมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในแง่ต่างๆ ไปแล้วนั้น
ข้ออ้างดังกล่าวนี้ เป็นความพยายามหลอกสังคมอย่างทื่อๆ เพราะข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้เลย คือ 1) ไม่มีกติกาที่ free and fair ให้สื่อเสนอข้อเท็จจริงและความคิดเห็นที่สมดุลอยู่จริงในประเทศนี้ และ 2) สื่อหลักทุกช่องต่างนำเสนอข้อมูลข่าวสารเชียร์สถาบันกษัตริย์อย่างล้นเกินอยู่แล้ว ไม่เปิดพื้นที่ให้กับการตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์ได้อยู่แล้ว ฉะนั้น การให้เวลาสมศักดิ์ออกมาตั้งคำถามเป็นครั้งแรกเพียง 3 ตอน จะสรุปว่าไม่สมดุลในการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสถาบันไม่ได้เลย
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ เมื่ออ้าง “ความสมดุลในการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบัน” แล้ว พอระงับรายการตอบโจทย์ที่ ส.ศิวรักษ์ กับสมศักดิ์ดีเบตตอนที่สอง (ต่อมาให้ออกอากาศคืนวันจันทร์) ในคืนวันศุกร์ พอคืนวันเสาร์ Thaipbs ก็นำวงดนตรีทหารอากาศบรรเลงเพลงแนวสรรเสริญพระบารมีออกอากาศในรายการ “ดนตรีกวีศิลป์” จากนั้นรายการนี้ก็นำเสนอดนตรีแนวสดุดีพระราชา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้นมาออกอากาศเรื่อยมา จนกระทั่งคืนวันเสาร์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาก็มีการนำเสนอการร้องเพลงสรรเสริญ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพ่อ โดยบรรดานักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ประชาชน
ราวกับว่า Thaipbs กำลัง “ไถ่บาป” ที่อาจสำนึกว่าตนหลงผิดให้สมศักดิ์ไปออกรายการตอบโจทย์!
นี่คือตัวอย่างของ “ความลื่นไหล” ในความหมายของคำว่า “สมดุล” ในการเสนอข่าวสารและความคิดเห็นสองด้านของ “ทีวีสาธารณะ” (โดยมิพักต้องเอ่ยถึงการเสนอข่าวประจำวันของทีวีช่องนี้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลแทบทุกเรื่อง)
4) ความเป็นกลางจะมีได้เมื่อร่วมกันต่อสู้ให้ความเป็นกลางเป็นไปได้
ปัญหาที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า “สื่อเลือกข้างทางการเมืองทำลายมาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อ” อย่างที่พูดๆกัน แต่อยู่ที่สื่อเลือกข้างอย่างไรต่างหาก
คุณเลือกข้างที่ต่อสู้เพื่อให้ความเป็นกลางเป็นไปได้หรือไม่? คือเลือกข้างที่ต่อสู้เพื่อทำให้มาตรฐานความเป็นกลางของวิชาชีพสื่อไปได้ในทางปฏิบัติหรือไม่ ถ้าเลือกทางนี้คุณก็กำลังต่อสู้เพื่อให้สื่อสามารถเป็นกลางได้จริง ซึ่งหนีไม่พ้นที่ต้องร่วมกันต่อสู้ในหลายๆวิธีการ เพื่อสร้างกติกาที่ free and fair แก่ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต่อสู้เพื่อให้ยกเลิก ม.112 การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ระบบยุติธรรม กองทัพ ให้อยู่ภายใต้อุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
หากไม่ต่อสู้เพื่อให้ความเป็นกลางเป็นไปได้ การกล่าวอ้างความเป็นกลาง อ้างการนำเสนอข่าวสาร ข้อเท็จจริง ความคิดเห็นทุกด้านอย่างสมดุล ก็เป็นเพียงการแสดงออกอย่าง “หลงผิด” หรือเป็นเพียงการหลอกตัวเองและลวงโลกไปวันๆเท่านั้นเอง
....................................................................................................................
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพร
...ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
.....................................................................................................................
แม่นมาก!!!
..................................................................................................................
อยากเป็นนักมายากล คนนี้จริงๆเลยวู้ย
http://www.facebook.com/photo.php?v=105958256267889
...................................................................................................................
ดอกติ้ว (แต้ว)
ทางหลวง 202 ตอนเขมราฐ-หนองผือ
// ฮักนะเขมราฐ.com
......................................................................................................................
เราคิดต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครโง่เง่า
เราเห็นต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครตาบอด
เราเลือกกระทำต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครถูกหลอก-ถูก จ้างมา
เรา "รัก" - "ชอบ" ต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครเลวร้ายไม่เ หลือดี
เราขัดแย้งกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีความเป็นมนุษย์ ของใครถูกเหยียดให้ต่ำลง
เราจะ "คุย" กันบ้างได้ไหม
โดยที่เรายังคงแตกต่างกัน
....................
หมายเหตุ:
1. ข้อความด้านบนถูกเขียนขึ้นใ นใจหลายวันก่อนจะได้เห็นภาพ นี้ ด้วยความรู้สึกเศร้ามากกว่า อย่างอื่น – โดยไม่ได้เจาะจงต่อประเด็นร ถไฟความเร็วสูง หรือเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน หรือข้อถกเถียงย่อยใดๆ และไม่ได้มุ่งสื่อสารต่อ "สี" หนึ่งฝ่ายใดเป็นการเฉพาะ
เพียงแต่เช้านี้-วันนี้ สิ่งที่ภาพนี้ "พูด" ออกมา (รวมทั้งการ "พูด" ผ่านการกดไลค์และกดแชร์ของห ลายๆ คน) ได้ซ้ำเติมความรู้สึกเศร้าท ี่ปักอยู่เดิม จึงตัดสินใจเขียน แม้จะสำนึกแก่ใจดีว่านอกจาก จะถูกมองว่า "ดัดจริต" แล้ว ก็คงจะไร้ความหมายอะไรอีกเช ่นเคย
2. ภาพ: แชร์จาก facebook ของคุณ Hannarong Yaowalers (ซึ่งระบุที่มาว่าhttp://astv.mobi/Ae4V2Ha)
โดยไม่ต้องมีใครโง่เง่า
เราเห็นต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครตาบอด
เราเลือกกระทำต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครถูกหลอก-ถูก
เรา "รัก" - "ชอบ" ต่างกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีใครเลวร้ายไม่เ
เราขัดแย้งกันได้ไหม
โดยไม่ต้องมีความเป็นมนุษย์
เราจะ "คุย" กันบ้างได้ไหม
โดยที่เรายังคงแตกต่างกัน
....................
หมายเหตุ:
1. ข้อความด้านบนถูกเขียนขึ้นใ
เพียงแต่เช้านี้-วันนี้ สิ่งที่ภาพนี้ "พูด" ออกมา (รวมทั้งการ "พูด" ผ่านการกดไลค์และกดแชร์ของห
2. ภาพ: แชร์จาก facebook ของคุณ Hannarong Yaowalers (ซึ่งระบุที่มาว่าhttp://astv.mobi/Ae4V2Ha)
...........................................................................................................................
ช่วงนี้มันร้อนจริง ๆ
Ahiru Ped ฮาตตรง ไหมทำอะรอ
...........................................................................................................................

เมื่อโลกกลับเข้าสู่ยุค"ราง"
เมื่อโลกกลับเข้าสู่ยุค"ราง"
(มติชนรายวัน อังคาร ๒ เมษายน ๒๕๕๖ หน้า ๖)
บทความชิ้นนี้อยากจะไปให้ไกลกว่าเรื่องของการถก เถียงว่า รถไฟความเร็วสูงมีไว้แค่ขนผัก หรือโครงการขนาดใหญ่นั้นควรทำ แต่ไม่ควรใช้การกู้เงินแบบมโหฬารขนาดนี้
โดยพยายามหาคำตอบ ว่า ทำไมเรื่องราวของรถไฟความเร็วสูง นั้นกลับกลายเป็นวาระสำคัญของการพัฒนาประเทศของโลกไป ทั้งที่เรื่องนี้ดูน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องของการบินราคาถูก(ลง) รถยนต์ที่ราคาไม่แพงนัก หรือแม้กระทั่งการติดต่อสื่อสารกันด้วย อินเตอร์เน็ต
รวมทั้งเมื่อโลกทั้งโลกไม่ได้คิดว่ารถไฟความเร็วสูงเป็นเพียงสิ่งมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยีของบางประเทศอีกต่อไป
กล่าวคือ ประเทศไทยนั้นไม่ใช่ประเทศเดียวในโลกที่กำลังสนใจเรื่องราวของรถไฟความเร็วสูง
ใน กรณีของสหรัฐอเมริกา นั้น การให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งแบบรางได้กลับมาเป็นประเด็นสำคัญทาง นโยบายของโอบามา ที่จะพัฒนาการเชื่อมต่อและการส่งเสริมเศรษฐกิจและการจ้างงาน
แม้ กระทั่งในกรณีของแคลิฟอร์เนียเองที่ระบบรางไม่ค่อยมีการพัฒนามากนักมานาน แล้ว การเดินหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงก็กำลังเริ่มขึ้น และดูมีทีท่าว่าจะเป็นที่สนใจของสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเงื่อนไขหลายประการ อาทิ การที่ศาลได้พิจารณาให้เดินหน้าต่อไปได้แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากเกษตรกร ว่าการสำรวจและก่อสร้างนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีการตัดสินใจออกมาว่ารูปแบบการมีรถไฟความเร็วสูงนั้นจะเป็นแบบไม่เร็ว เกินไป เพราะว่าถ้าเร็วมากก็แพงมาก(เกินไป)
ในกรณีของอังกฤษ เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง โครงการรถไฟความเร็วสูงสายที่สองก็เดินหน้าต่อไป หลังจากที่ศาลไม่รับผลการคัดค้านจากแนวร่วมที่ต่อต้านรถไฟความเร็วสูง แม้ว่าประเด็นหนึ่งที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือ การสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้นจะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือไม่ และจะมีผลทางด้านอื่นๆ ที่เหนือไปจากเศรษฐกิจจริงไหม
ดังที่มีการ วิพากษ์วิจารณ์กันว่าถ้าไม่คุ้มทุนจริงๆ แล้ว ควรจะทำโครงการนี้ไหม หรือว่าส่งผู้หญิงไปดวงจันทร์ก็ได้ (หากไม่เน้นเรื่องความคุ้มทุนทางเศรษฐกิจ แต่เน้นเรื่องของผลทางจิตใจ)
ดัง ที่มีการซัดกันอย่างรุนแรงทางความคิดว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงนั้น เป็นเสมือนการให้เหตุผลที่ผิดพลาดทางการเมือง (political syllogism) ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นท้าทายของการเมืองประชาธิปไตย ที่จะต้องได้รับความนิยมจากประชาชน ในทำนองที่ว่า ประเทศชาติต้องการโครงการขนาดใหญ่? รถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการขนาดใหญ่? ประเทศชาติต้องการรถไฟความเร็วสูง
ในกรณีของบราซิล จะพบหนึ่งในข่าวคราวล่าสุดว่า มีความพยายามที่จะเปิดประมูลการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมเมืองใหญ่ใน ประเทศของเขา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการประมูล ด้วยเงื่อนไขบางเรื่อง อาทิ คนที่จะมาลงทุนยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอ หรือค่ารถไฟอาจจะสูงเกินไป แต่กระนั้นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะต้องทำก็คือว่าประเทศของเขานั้นขาดระบบการ คมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงผู้คนออกจากกัน
ในกรณีของยูเครน แม้ว่าข่าวคราวจะเป็นเรื่องอารมณ์ที่เย้ยหยันพอสมควรกับผลงานการสร้างรถไฟ ความเร็วสูงที่เพิ่งผ่านไปจากการเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการเป็นเจ้าภาพบอล ยูโร แต่สิ่งที่เป็นบทเรียนสำคัญก็คือ การมีรถไฟความเร็วสูงนั้นดูจะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ประเทศของเขา นั้นได้รับการยอมรับให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิศาสตร์โลกใหม่ที่เชื่อมโยง ผู้คนในภูมิภาคเข้าด้วยกัน และก็เป็นจุดที่จะดึงดูดให้เกิดการไหลมาของผู้คนและความมั่งคั่ง (แม้ว่าจะมีปัญหาที่ต้องแก้กันต่อไป)
หรืออย่าง ในกรณีของจีน ก็จะพบความน่าสนใจว่า การพัฒนาการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อเมืองใหญ่เข้าด้วยกันนั้นเป็นส่วน หนึ่งของการแสดงออกซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเรื่องนี้ยังรวมไปถึงเรื่องของความใฝ่ฝันของจีนเองที่จะเชื่อมต่อประเทศ ของตนเข้ากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะจากคุนหมิงมาสู่สิงคโปร์
ข่าว การพยายามขยายตัวเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อและแผ่อิทธิพลของจีนมาสู่ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไร จะว่าไปแล้วเดิมทีความใฝ่ฝันแบบนี้เป็นความใฝ่ฝันของเจ้าอาณานิคมที่จะ เชื่อมจีนกับพม่าและสิงคโปร์อยู่แล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในการพูดคุยเรื่องนี้ที่ผ่านมาเขาพบว่าโครงข่ายระบบรางของภูมิภาคเรานั้นยัง ไม่เคยพัฒนาต่อเนื่องมาเลยนับตั้งแต่ยุคอาณานิคม
เรื่องนี้ ประชาธิปัตย์ก็เคยส่งตัวแทนไปพูดคุยกับจีนเช่นกันเมื่อครั้งเป็นรัฐบาล แต่ก็ยอมรับว่าด้วยเงื่อนไขทางการเมืองในยุคปลายรัฐบาลนั้นก็เป็นไปได้ยาก ที่จะขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้ ซึ่งหากขยายรายละเอียดนั้นก็คงจะต้องมีทั้งเรื่องว่าโครงการขนาดใหญ่นั้นจะ ต้องเข้าสู่การถกเถียงในสภา และทั้งเรื่องที่ว่าจีนจะเป็นตัวเลือก/ทางเลือกเดียวหรือไม่ในการพัฒนาระบบ รางท่ามกลางระบบเทคโนโลยีและการลงทุนที่มีมากมายหลายทาง
ข่าวสุดท้าย ที่จะขอประมวลมาให้ฟังกลับเป็นข่าวที่เชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูงในกรณี ญี่ปุ่น ซึ่งประเด็นที่เป็นที่สนใจไม่ใช่เรื่องรถไฟว่าจะเร็วขึ้นไหม แต่กลับเป็นเรื่องที่ว่า อนาคตของสายการบินต้นทุนต่ำที่จะเปิดใหม่ ในญี่ปุ่นนั้นจะมีความเป็นไปได้แค่ไหน เมื่อเทียบกับเงื่อนไขใหญ่ที่มีอยู่แล้ว คือ ระบบรถไฟความเร็วสูงที่มีประสิทธิภาพ การครอบงำของธุรกิจการบินรายใหญ่เดิม และวัฒนธรรมการเดินทางของคนญี่ปุ่น
สุดท้ายแล้วเขาก็ฟันธงกันว่า อนาคตของสายการบินต้นทุนต่ำที่จะบริการเชื่อมต่อภายในประเทศนั้นยังต้องใช้ เวลาอีกสักพัก และหนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำสำเร็จก็คงจะต้องเป็นเรื่องของการส่งเสริมการท่อง เที่ยว (เสียมากกว่าเรื่องของการเดินทางปกติ)
กล่าวโดยสรุป ท่ามกลางข่าวคราวเรื่องของรถไฟความเร็วสูงในโลก สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การพูดถึงการลงทุนเรื่องของรถไฟความเร็วสูงนั้นกลับกลายเป็นส่วนสำคัญของ หลายประเทศในโลก แทนที่จะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความทันสมัยในแบบโบราณเมื่อร้อยกว่าปี ก่อน หรือเป็นเพียงการโชว์เทคโนโลยีว่าใครเร็วกว่าใคร
รวมทั้งความ เชื่อว่าโลกจะเชื่อมกันด้วยระบบรางมากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรกของความเชื่อมโยงนี้จะดูเป็นเรื่องของการเพิ่มความเชื่อมโยง ภาคในแต่ละประเทศเสียก่อน
ส่วนประเด็นเรื่องความเร็วว่าใครเร็วกว่า ใครนั้น ก็เริ่มพูดกันบนเงื่อนไขว่า แต่ละที่จะมีปัญญาแบกรับต้นทุนความเร็วสักแค่ไหน และอาจจะต่อเนื่องไปยังเงื่อนไขของปริมาณที่ลดลงและราคาที่สูงขึ้นของน้ำมัน ที่ทำให้คนเริ่มหันมามองว่าการจะมีการขนส่งทางเลือกอื่นๆ นั้นก็สำคัญ
และ คงปฏิเสธได้ยากว่า เราคงต้องมองเรื่องนี้จากหลายมุม โดยเฉพาะเราเจือปนไปด้วยอคติและข้อมูลมากน้อยแค่ไหนว่าคนอื่นๆ นอกจากตัวเราจะมีปัญญาขึ้นรถไฟได้ไหม
อย่าลืมว่าต้นทุนในการเดิน ทางในชนบทนั้นก็สูงอยู่มาก แต่คนชนบทก็ใช้จ่ายกับเรื่องเดินทางอยู่มิใช่น้อย บางทีในบางเรื่องนั้นเขาก็อาจจะเลือกที่จะจ่ายมากกว่าเรื่องอื่นๆ ถ้ามันมีความแน่นอนมากกว่า
นอกจากนั้นแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟนั้นหากจัดให้เป็นระบบจริงๆ ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งกับสายการบินราคาถูกได้อยู่ เพราะความแน่นอนของการบินและโอกาสของการล่าช้านั้นมีมากกว่า รวมทั้งเงื่อนไขเรื่องของการเข้าถึงย่านเศรษฐกิจเองนั้น รถไฟยังมีแต้มต่อเพราะเข้าถึงใจกลางเมืองได้เลย ขณะที่การบินนั้นแม้ว่าอาจจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่เงื่อนไขที่จะต้องไปเชื่อมต่อกับการเดินทางเข้าเมือง และเงื่อนไขความผันผวนของราคาน้ำมันเองนั้นก็ยังมีอยู่มาก
มิพัก ต้องกล่าวถึงว่า การเชื่อมต่อด้วยรถไฟความเร็วสูงในวันนี้ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ทำไมโลกนี้ เขาถึงหันกลับมาพูดเรื่องนี้มากขึ้น เพราะว่าเขาไม่ได้เถียงกันเฉพาะเรื่องทางเศรษฐศาสตร์ (economics) ในแง่ความคุ้มทุนและรูปแบบการกู้เงินเท่านั้น
แต่เขาพูดกันในเรื่อง ของ ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ economic geography ภูมิศาสตร์เมือง (urban geography) และการวางแผนพัฒนาภูมิภาค (regional geography) เพราะเขาต้องการปรับรูปแบบพื้นที่ใหม่ ทั้งในแง่ของการขยายพื้นที่เมืองที่มีอยู่ให้ใหญ่ขึ้น ด้วยการเชื่อมโยงพื้นที่ใกล้ๆ กันให้เป็นผืนเดียวกัน หรือทำให้พื้นที่ที่มีอยู่แน่นขึ้น เพื่อสร้างตลาดที่พักอาศัยในเมืองให้มีจำนวนมากขึ้นได้ (โดยไม่ต้องลดมาตรฐานลง) และที่สำคัญคือส่งเสริมการพัฒนาเมืองระดับรองๆ ต่อไป ซึ่งว่ากันว่าโลกในวันนี้หนึ่งในทางออกของปัญหาเมืองใหญ่คือการสร้างเมือง ระดับรองให้เข้าถึงได้มากขึ้นด้วย และอาจรวมการพลิกฟื้นเมืองที่เดิมนั้นเคยรุ่งเรืองมาก่อนในยุคเก่า
ทั้งนี้ ไม่รวมเรื่องของการอธิบายถึงความเป็นธรรมในการคมนาคมขนส่งด้วย เพราะว่าในทางหนึ่งนั้น อาจจะมีความคิดความเชื่อแบบหนึ่งว่า การขยายตัวของเมืองที่ดีนั้นควรจะมาจากการสร้างพื้นที่ชานเมืองที่ทำให้บ้าน ราคาถูกลง และใช้รถยนต์เดินทางผ่านทางหลวงและทางด่วน แต่ทุกครั้งที่มีการสร้างทางใหม่ๆ นั้นประชากรบางกลุ่มก็เข้าไม่ถึงเงื่อนไขเช่นนี้เช่นกัน ถ้าเขาไม่มีรถหรือไม่สามารถซื้อบ้านได้ สู้มาพัฒนาความแน่นของเมืองเดิมให้มีความเป็นธรรมมากขึ้นและมีโอกาสมากขึ้น อาทิ เรื่องของการเช่าบ้านและแหล่งงานที่จะเกิดขึ้น
สุดท้าย(ของ สุดท้าย) ก็คือเรื่องของรถไฟความเร็วสูงนี้ก็ชวนให้คิดถึงเรื่องของ รถไฟว่าเป็นประเด็นคลาสสิกที่ไม่เคยจางหายไป จากข้อถกเถียงของการเมืองวัฒนธรรม ตราบเท่าที่เงื่อนไขบางข้อนั้นยังเชื่อมโยงกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของ ความทันสมัย (modernity) การแผ่ขยายอำนาจยึดครองพื้นที่ที่เรียกว่า อาณานิคม (colonialism) การสร้างสำนึกความเป็นชาติร่วมกัน (nationalism) และทุนนิยม (capitalism) ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้ เรียงร้อยเข้าด้วยกันผ่านการต่อสู้ช่วงชิงความหมาหยถึงประวัติศาสตร์การ สร้างรถไฟของอินเดียตั้งแต่เริ่มแรกนับแต่ยุคอาณานิคม การต่อต้านอาณานิคม และการสร้างสำนึกความเป็นชาติและสร้างชาติใหม่หลังอาณานิคม ผ่านการ
ต่อสู้ ช่วงชิงความหมายและเปลี่ยนแปลงพื้นที่แห่งชาติผ่านการกำหนดเงื่อนไขการ เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ของผู้คน สิ่งของ และสำนึกใหม่ของประชาชาติ
เขียนมาทั้งหมดนี้ ก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าอนาคตของระบบรางในบ้านเราจะถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกมากน้อยแค่ ไหน ว่าจะเป็นเพียงเรื่องของการให้เหตุผลที่ผิดพลาดทางการเมือง เป็นเรื่องของการลงทุนเพื่อ ยกระดับประเทศ เป็นบทเรียนของการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ที่เหมาะสม หรือเป็นการสร้างสำนึกใหม่ทางการเมือง (ว่าการสนับสนุนโครงการ หรือไม่สนับสนุนโครงการนั้นจะสร้างสำนึกความเป็นชาติได้มากกว่ากัน)
.....................................................................................................................................
......................................................................................................................................
เข้าใจตรูหน่อย!!
เครดิตมุขสุดติ่งโดย : อนุกูล ตั้งเสนารักษ์
Nalina Nina 55555นั่นสิ
......................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
TALKS
ฮียุนเซียว ลี: การหลบหนีจากเกาหลีเหนือของฉัน
http://www.ted.com/talks/lang/th/hyeonseo_lee_my_escape_from_north_korea.html
................................................................................................................................
......................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น