วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

24/04/2556



ของที่ไม่ดี
ถ้าปล่อยให้มีมากเกินไป นานหนักเข้าก็จะเอาไม่อยู่
บางทีจึงต้องทำการ"ปฏิวัติ"กันเสียบ้าง
เพื่อชะล้างความไม่ดีให้หมดไปเสียคราวหนึ่ง
เมื่อความงมงายเป็นของไม่ดี
ชาวพุทธเราจึงต้องทำการ"ปฏิวัติความงมงาย"

นักปฏิวัติไสยศาสตร์
ในสมัยก่อนนั้น (แม้ในสมัยนี้ก็เถอะ) ความเชื่อและการ
กระทำในทางงมงาย หรือไสยศาสตร์มีอยู่ทั่วไป
ในหมู่พี่น้องประชาชนชาวไทย

"ความงมงาย"
คำว่า ความงมงาย หมายถึงความหลงเชื่อโดยไร้เหตุผล
หรือโดยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือเหตุผลของผู้อื่น

ตัวอย่างความงมงาย
ความงมงายนั้นมีอยู่อย่างมากมาย ในที่นี้จะยกมาแสดงเป็นตัวอย่างในบางเรื่องเช่น
๑ ความเชื่อในเรื่องโชคร้าย
๒ ความเชื่อในเรื่องลางดีลางร้าย
๓ ความเชื่อในเรื่องเคราะห์ดี เคราะห์ร้ายหรือบังเอิญ
๔ ความเชื่อในเรื่องดวงดี ดวงร้าย
๕ ความเชื่อในสิ่งที่ตื่นกันว่าขลังศักดิ์สิทธิ์
๖ ความเชื่อในเทพเจ้า สิ่งดลบันดาล
๗ ความเชื่อเกี่ยวกับพระภูมิเจ้าที่ ผีบ้าน ผีเรือน
๘ ความเชื่อที่ซัดทอดแต่กรรมตะพึดตะพือ
๙ ความเชื่อในเวทมนต์คาถาอาคม นะหน้าทอง เสน่ห์ยาแฝด
๑๐ความเชื่อในทางโหราศาสตร์และยึดติดพึ่งพาจนเลยเถิดไป

เหล่านี้เป็นต้น ล้วนแต่จัดเป็นความงมงายทั้งสิ้น
คนเราสามารถงมงายในอะไรๆต่างๆได้หลายเรื่อง แม้แต่ความเชื่อ
ดิ่งลงไปว่า เทคโนโลยีเท่านั้นเป็นทางรอดของมนุษย์ความลุ่มหลงในคอมพิวเตอร์ เป็นต้น นี่ก็นับว่าเป็นความงมงายเช่นกัน

ปณิธานของหลวงพ่อปัญญานันทะ ปฏิวัติความงมงาย หน้า ๕-๖
 
.........................................................................................................




กล่องน้ำผลไม้ เอามาทำกระเป๋าใส่เศษสตางค์ แบบคน Go Greenhttp://www.iurban.in.th/diy/recycle-juice-carton-to-a-cute-purse/

.....................................................................................................


"Boundary" หนังสารคดีที่นำเสนอ ปัญหาชายแดนไทยไ้ด้อย่างรอบด้าน ไม่ยึดติดในกรอบความคลั่งชาติ ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์หนังทั้งต่างชาติและไทยจำนวนมาก เป็นหนังเรื่องล่าสุดที่โดนแบนในตอแหลแลนด์ ดินแดนแห่งความดัดจริต ... ถ้าผู้สร้างไม่อยากโดนแบนแนะนำให้ทำหนังใหม่ อย่าเสนอข้อเท็จจริงมาก อย่านำเสนออะไรที่มันมีหลายมิติ ซับซ้อน ที่ต้องใช้สมองคิด เพราะคนมีการศึกษาแบบไทยๆ และคนดีแบบไทยๆ เค้าชอบดูอะไรที่มีด้านเดียว ให้เลือกแค่ขาว-ดำ เรียบๆ ไม่ต้องใช้สมองมาก เช่น หนังประเภทฮีโร่ดีหมดจด รบกับปีศาจแสนชั่วร้าย ไอ้มดแดง จูเรนเจอร์ เหนือเมฆ ประเภทนี้

.......................................................................................................


...............................................................................................................



for english please scroll down.

ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง / ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ในราชอาณาจักรไทย

ผลการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ ของคณะอนุกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดีทัศน์ เรื่องฟ้าต่ำแผ่นดินสูง ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ในราชอาณาจักรไทย ด้วยเนื้อหาที่ขัดต่อความมั่นคงของชาติ และความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และการนำเสนอข้อมูลบางเหตุการณ์ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล โดยไม่มีบทสรุปทางเอกสาร

จากย่อหน้าข้างต้นคือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ภาพยนตร์ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง ไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ในราชอาณาจักรไทย โดยข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้จากการลงไปยังพื้นที่จริงจากมุมมองของประชาชนในพื้นที่จริงที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหาร ส่วนหนึ่งทางผู้สร้างต้องการให้ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง เป็นพื้นที่การแสดงออกให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริงๆได้แสดงมุมมอง ทัศนคติ และ ความคิดเห็นที่พวกเค้าไม่มีโอกาสได้สื่อและได้พูดออกมาสู่สาธารณชนได้รับรู้ ประชาชนควรมีสิทธิได้พูดในสิ่งที่คิด และภาพยนตร์ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเป็นการนำสารของประชาชนทุกฝ่ายมาสู่สาธารณชน และอยากให้ฟังความคิดเห็นที่ต่างกันและอยู่ร่วมกันได้ในสังคม และยังคงเชื่อว่าประชาชนไทยมีวิจารณญาณในการทำความเข้าใจในชุดข้อมูลนี้ด้วยตัวของพวกเขาเอง

ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ ผมจะยื่นอุธรณ์ในขั้นต่อไป และแม้ในท้ายที่สุด ภาพยนตร์จะไม่ได้รับอนุญาต ผมก็จะถ่ายทอดสิ่งที่ผมได้พบเห็น ได้พูดคุย ได้เข้าใจ จากการลงพื้นที่จริงบริเวณชายแดนทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา ผ่านการพูดและการเขียนของผม ต่อไป

นนทวัฒน์ นำเบญจพล


Boundary Banned by Censors, Screening Not Permitted in Kingdom of Thailand

“The Film and Video sub-committee [attached to the Ministry of Culture] do not permit the documentary film “Boundary” (Fah Tum Pandin Soong) to be screened in Kingdom of Thailand. The film’s content is a threat to national security and international relations. The film presents some information on incidents that are still being deliberated by the Thai court and that have not yet been officially concluded.”

The above statement is excerpt from the verdict of the Film and Video sub-committee. The information I present in my film has been gathered from my first-hand experience in actual locations of the ongoing Thai-Cambodian border conflicts. It presents the viewpoints of the residents in the border areas who feel direct impact of the Preah Vihear spats. One of my intentions is to let the film be a space for the people in the troubled territories to voice their views, opinions and feelings that they haven’t had a chance to do so in the media report on the issue. I believe that the public deserve to hear these voices, and I believe that the people in the conflicts have a right to speak their minds. The film “Boundary” wishes to bring messages from involved parties to the public domain, in order that we’re able to listen to, as well as learn to tolerate, different opinions. I believe that the Thai public possess intellect and judgment to interpret and understand the set of information proposed by the film.

“Boundary” has been banned. But I will continue to speak and write about my experience from my travel and encounters with the people of the border areas. I will also appeal to the National Film and Video Committee.

Nontawat Numbenchapol

......................................................................................................

.................................................................................................................



หนูดาชาอยากร่วมสนับสนุนการอ่านบ้างครับ *w*

Read for no Drama !!!

...............................................................................................................



สติปัญญาและความพากเพียร เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาเราสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง
 
.............................................................................................................



ภาพนี้หลายคนอาจจะเคยเห็นแล้ว แต่เพจนี้โพสโดยแอดมินเจ้าของลายมือปากกาสีแดงเลยนะครับ แหม่

เป็นข้อสอบธรรมะทางก้าวหน้าของเด็กชายชินจังชั้นป.2 (ปัจจุบันคงอยู่ชั้น ป. 4 - 5) ตอนนั้นแชร์ไปที่ีเพจ "อนุบาน" (ปัจจุบันหาเพจนี้ไม่เจอแล้ว) แล้วก็มีอีกหลายเพจแชร์ต่อ ๆ กันไป

ถ้ามองอย่างผิวเผินเราจะเห็นว่ามันฮา แต่ถ้ามองดี ๆ มันสะท้อนให้เห็นอะไร ๆ อีกหลายอย่าง เช่น ความพยายามและตั้งใจของเด็ก ที่จะตอบข้อสอบให้ครบทุกข้อ (ผมก็เลยพยายามหาจุดให้คะแนน 555+) สภาพสังคมที่พ่อแม่ ผู้ปกครองดื่มเหล้าให้เด็กเห็น

จุดที่ผมชอบมากก็คือ กระดาษแผ่นนี้ให้ความรู้สึกถึงเรื่องสั้นแนวทดลองของ "วินทร์ เลียววาริณ" นักเขียนระดับซีไรต์ ที่ปูเรื่องด้วยนมจืดจากการตอบคำถามข้างบน และตบท้ายด้วยการหักมุมให้ตอนจบเป็นบทสรุปที่ พ่อแม่ให้เงินลูกไปซื้อนมจืด แต่ตัวเองกลับนั่งกินเหล้าให้ลูกเห็น

ขอมอบภาพนี้ ให้กับแฟนเพจทุกท่าน และเด็กชายชินจังอีกครั้ง รวมทั้งเพจ "อนุบาน" ที่นำภาพนี้ไปเผยแพร่ในตอนนั้น (ปัจจุบันคิดว่าปิดเพจไปแล้วครับ)

....................................................................................................



อัพเดทราคาน้ำมันประจำวันที่ 24 เมษายน 2556

................................................................................................................

ดูฉบับเต็มได้ที่ http://www.sujitwongthes.com/wp-content/uploads/2013/04/woman-is-boss.pdf
..................................................................................................




ชื่อโครงการ: ชุดkit(ง่ายๆ ได้ผลมาก)

11 ไอเดียง่ายๆ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันด้วยเง­ิน 0 บาท 10 ไอเดียเป็นของเรา ที่เหลือเป็นของคุณ ร่วมแสดงไอเดียง่ายๆ ได้ที่บูธจุฬา งานสถาปนิก '56

นิสิต ศิร อนุกูลประโยชน์
นิสิต ไหมไท คุณาวงศ์
นิสิต กชวัช บูรณภิญโญ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ASA 101 มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอผลงานสร้างสรรค์พ­ื้นที่ หรืออุปกรณ์ใช้สอยขนาดเล็ก ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยกำหนดให้อยู่ในงบประมาณไม่เกิน 101 บาท ประชาชนที่เห็นผลงาน สามารถนำแนวคิดไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย และทำไ­ด้จริงในชีวิตประจำวัน ภายใต้แนวความคิด " Borderless : แข่งขัน...แบ่งปัน"

ชมผลงานจริงได้ที่ งานสถาปนิก '56 วันอังคารที่ 30 เมษายน - วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2556 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ไอเดียง่ายๆ หน้าร้อน จากสถาปัตย์ จุฬาฯ
ผู้แนะนำคุณ Maitai Kunawong
http://youtu.be/iFHwn6Qomns

..............................................................................................

http://prachatai3.info/journal/2013/04/46377?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook


ฟ้าต่ำ แผ่นดินสูง : “เขาพระวิหาร” ในภาพยนตร์ที่ห้ามคนไทยดู

ช่วงการต่อสู้ทางการศาลเพื่อแย่งชิงสิทธิในการครอบครองพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรใกล้ชิดติดกับปราสาทเขาพระวิหาร ฟ้าต่ำ แผ่นดินสูง หรือ Boundary ภาพยนตร์สารคดีเล็ก ๆ โดยนนทวัฒน์ นำเบญจกุล ได้รับเลือกเป็นภาพยนตร์ฉายเปิดในเทศกาลภาพยนตร์สารคดีศาลายา อีกราวสี่วันต่อมาจากพิธีเปิด ฟ้าต่ำ แผ่นดินสูง ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ชมแทบเต็มความจุของห้องประชุมชั้นห้าของหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ และปิดท้ายด้วยการฉายที่ธรรมศาสตร์พร้อมการเสวนาของชาญวิทย์ เกษตรศิริ
น่าเสียดายว่าผู้ชมที่ได้ชมไปอย่างเป็นทางการในสามรอบที่ว่าน่าจะเป็น “ผู้โชคดี” เพราะล่าสุดภาพยนตร์เรื่องนี้โดยคณะกรรมการเซนเซอร์ให้เรทห้ามฉายด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงและอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ซึ่งนนทวัฒน์จะยื่นอุทธรณ์อีกเช่นเดียวกับท่านอื่นที่โดนก่อนหน้า)
มีภาพยนตร์ไทยน้อยเรื่องที่นำเขาพระวิหารมาเป็นใจกลางการเล่าเรื่อง โดยมากมักเป็นสารคดีทางโทรทัศน์ที่ถูกผลิตในทิศทางการสูญเสียดินแดนและเรียกร้องนำดินแดนทับซ้อนเหล่านี้คืน มีวาทกรรมมากมายถูกผลิตขึ้นในช่วงพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยกลับมาแสดงบทบาททางการเมืองช่วงรัฐบาลประชาธิปัตย์
จุดเริ่มต้นของฟ้าต่ำ แผ่นดินสูงเกิดขึ้นเมื่อนนทวัฒน์เดินทางตามทหารเกณฑ์นายหนึ่งกลับไปยังบ้านเกิดที่อยู่ใกล้ ๆ ภูมิซรอล เดิมทีนนทวัฒน์ตั้งใจเล่าเรื่องของทหารที่ต้องปฏิบัติภารกิจทั้งในภาคใต้และเหตุการณ์ที่คอกวัวในเดือนเมษายน 2553 ดังนั้นในช่วงแรกฟ้าต่ำฯ จึงคล้ายสำรวจชีวิตความเป็นอยู่ในท้องถิ่นที่ทหารคนนี้ใช้ชีวิต ทว่าจุดเปลี่ยนของเรื่องก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาพบว่าพื้นที่หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในเขตได้รับผลกระทบจากการเรียกร้องเขาพระวิหารเช่นเดียวกัน
หนังสำรวจความคิด ความรู้สึก และความเสียหายทั้งเชิงกายภาพและความรู้สึกของชาวบ้านในเขตพื้นที่นั้น กล้องแบบแฮนด์เฮลด์ติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารหลังการยิงถล่มกันไป แม้เหตุการณ์ผ่านไปพักใหญ่แต่เรื่องราวและร่องรอยยังหลงเหลือเหมือนเกิดขึ้นเมื่อราวสิบนาทีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต่างเล่าเหตุการณ์เฉียดตาย  พร้อมพาไปดูร่องรอยกระสุนที่สถานที่ราชการ บ้านเรือนของชาวบ้าน พวกเขาต่างอยู่ด้วยกำลังใจพร้อมมีองค์ความรู้ที่หลายคนในเมืองไม่มีวันรู้ เช่น ถ้าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากอีกฝั่ง ให้รีบหมอบ ถ้านับเวลาถึงกำหนดแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ถือว่ารอด
บทสนทนากับชาวบ้านเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและคำถามมากมาย พวกเขาไม่เคยต้องการพื้นที่ดังกล่าวเหมือนที่คนในเมืองกลุ่มหนึ่งเรียกร้อง แล้วทำไมพวกเขาต้องมาเป็นคนรับผลกรรมด้วย (พร้อมโบ้ยกลาย ๆ ว่าเป็นเพราะรัฐบาลในเวลานั้นที่ทำให้เกิดการยิงต่อสู้กัน) บางบ้านหายไปในพริบตาจนเจ้าของบ้านร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง แม้เวลาต่อมาจะได้เงินบริจาคมาสร้างบ้านหลังใหม่ได้ แต่ก็มิอาจทดแทนบ้านหลังเดิมที่เธอมีควาทรงจำมากมายจากการเก็บหอมรอมริบสร้างขึ้น
นนทวัฒน์ใช้เทคนิคบางอย่างทำให้ได้ความคิดเห็นของผู้คนฝั่งกัมพูชามาด้วย ความรู้สึกของคนที่ต้องผจญกับเสียงปืนนั้นไม่ต่างกัน ทว่าในข้อมูลเรื่องเล่าเหล่านั้นต่างมีน้ำเสียงแค้นเคืองอยู่บ้างที่รัฐไทยกระทำกับรัฐกัมพูชามาเสมอ จากข้อมูลของนนทวัฒน์ ชาวบ้านไม่ได้ทราบความขัดแย้งภายในประเทศของไทย คนกัมพูชาส่วนใหญ่ก็มักเหมารวมว่ารัฐบาลไทยต้องการดินแดนเพิ่มเติม
เหตุผลหนึ่งที่ออกจากปากทหารในเขมรได้น่าสนใจมากคือเรื่องหลักเขตแดนที่โดยทำลายหรือโดนโยกย้าย (พวกเขาบอกว่าหลักถูกเลื่อนเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา) สำหรับพวกเขาแล้วพรมแดนไม่เคยมีอยู่จริง มีเพียงหลักเขตแดนที่โดยทำลายไปในช่วงเขมรแดงและโดนเคลื่อนย้ายจากฝ่ายทหารไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ดังนั้นสำหรับพวกเขา พรมแดนก็เป็นแค่เส้นสมมติที่เคลื่อนที่ได้และไม่เคยมีอยู่จริง
หนังสารคดีไม่ใช่ความจริงแท้ คนทำหนังสารคดีทุกคนล้วนมีประเด็นที่ต้องการเล่า และจุดมุ่งหมายสำคัญก็คือโน้มน้าวให้คนเชื่อในสิ่งที่เขาต้องการบอก ผ่านการใช้ข้อมูลและภาพฟุตเตจจริง และเมื่อชมเราก็พบว่าสายตาของนนทวัฒน์และสายตาที่เขาเล่าคือสายตาเดียวกัน สายตานั้นมุ่งต้องการให้คนที่ได้ชมหันมาสนใจคนที่อยู่ในพื้นที่บ้าง พวกเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาพระวิหารและดินแดนดังกล่าว แต่ทำไมถึงต้องมาซวยทั้งที่ต้นเหตุเกิดขึ้นจากใครไม่รู้ในเมืองกรุงผู้โดนชาตินิยมขวาจัดกัดกลืน
อย่างน้อย ๆ ที่สุด ความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการได้พาไปเห็นชีวิตที่ได้รับผลกระทบ และก่อให้เกิดการถกเถียงกันว่าการเรียกร้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น คุ้มค่าหรือเปล่า (ยิ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่สูญเสียของคนย่านนั้นไม่ว่าไทยหรือกัมพูชา)
น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้โดนแบนด้วยข้อหาอันแสนใจแคบว่ามีปัญหาต่อความมั่นคงและอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่หากพินิจพิเคราะห์กันแล้ว ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้แสนมนุษยนิยม มุ่งให้ความสำคัญกับชีวิตคนมากเสียกว่าดินแดนที่เรียกร้อง ซึ่งในทัศนะผู้เขียน ถึงได้ไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะนำไปทำประโยชน์อะไรต่อ ความมั่นคงจะมีไปทำไมถ้าชีวิตคนในชายแดนไม่มีความสุขในชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะสนใจไปทำไมทั้ง ๆ ที่คนในประเทศไม่น้อยต่างซวยเพราะผลของนโยบายต่างประเทศ ณ เวลานั้น ๆ (จนมีคนพูดว่าแล้วหนังอย่างพระนเรศวร / บางระจันที่ประกาศว่าหงสาวดี ที่ประวัติศาสตร์ไทยประกาศชัดว่า คือพม่า ศัตรู อันดับหนึ่ง มิยักเคยถูกข้อหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบ้าง)
ผู้เขียนก็ขอให้กำลังใจกับนนทวัฒน์ (ซึ่งก็เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว) และขอให้การอุทธรณ์นั้นผ่าน ส่วนสำคัญคืออยากให้ผู้ชมได้ชมในโรงภาพยนตร์ตามความหวังของผู้กำกับ และขอแสดงความไม่นับถือต่อผู้ที่แบนหนังเรื่องนี้ ที่แสดงความไร้อารยธรรมเป็นครั้งที่สามนับแต่ที่พระราชบัญญัติภาพยนตร์อันแสนขัดแย้งต่อแนวคิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกประกาศใช้
ท้ายที่สุด ฎีกาแล้วยังไม่ได้ผล  ช่องทาง new media จะทลาย boundary ทางกฎหมายและท้าทายอำนาจที่รัฐมอบให้คนงี่เง่าอย่างชนิดคนเหล่านั้นไม่มีวันคาดถึง

................................................................................................................

http://prachatai.com/journal/2013/04/46375


ศาลอังกฤษตัดสินให้นักธุรกิจขาย GT200 มีความผิดฐานต้มตุ๋น

"เจมส์ แมคคอร์มิค" ซึ่งค้าเครื่องที่อ้างสรรพคุณว่าสามารถตรวจระเบิดและวัตถุนานาชนิด ในนาม ADE651 - Alpha6 - GT200 ฯลฯ ล่าสุดศาลอังกฤษได้ตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง โดยจะพิพากษาลงโทษในวันที่ 2 พ.ค. นี้ ขณะที่ในไทยมีผู้ถูกดำเนินคดีความมั่นคงหลังถูกค้นบ้านแล้วชี้ด้วยเครื่อง GT200
ภาพเผยแพร่โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เมื่อเดือนมีนาคมปี 2550 เป็นภาพทหารไทยในพื้นที่ชายแดนใต้ระหว่างสาธิตการใช้อุปกรณ์ GT200 ล่าสุดศาลอังกฤษตัดสินให้นายเจมส์ แมคคอร์มิค ผู้ที่จำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าวมีความผิดฐานฉ้อโกง (แฟ้มภาพ/ประชาไท/กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า)
The Independent รายงานวานนี้ (23 เม.ย.) ว่าอดีตตำรวจ ซึ่งผันตัวมาเป็นนักธุรกิจชาวอังกฤษ "เจมส์ แมคคอร์มิค" อายุ 57 ปี ถูกศาลอาญากลางของอังกฤษและเวลส์ ตัดสินให้มีความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งสร้างรายได้จากการขายอุปกรณ์ที่ตั้งต้นมาจาก "ไม้หาลูกกอล์ฟ" ซึ่งราคาขายอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐ หรือราว 600 บาท แต่นำไปขายกว่าชิ้นละ 40,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1.2 ล้านบาท โดยกำไรสูงสุดเกิดจากการขายในสงครามอิรัก ซึ่งเขาขายได้ถึง 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,250 ล้านบาท
โดยนายเจมส์ แมคคอร์มิค อ้างด้วยว่าเครื่องตรวจขอบเขาสามารถตรวจจับได้ทุกสิ่งตั้งแต่ระเบิดจนถึงช้าง รวมถึงสารเสพติด ของเหลวหลายชนิด อัญมณี งาช้าง และคนหาย และอุปกณ์สามารถตรวจทะลุกำแพง ใต้น้ำ และใต้ดิน อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่ระบุว่าสามารถช่วยให้ผู้คนปลอดภัยจากการวางระเบิดนั้นไร้ประโยชน์ โดยสายอากาศที่อ้างว่าใช้ตรวจจับวัตถุต่างๆ ก็ไม่ได้มีวงจรเชื่อมต่ออะไร และไม่มีแหล่งพลังงาน และมีการทดสอบจากนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากและพบว่าเครื่องดังกล่าวไม่อาจใช้ได้จริงอย่างที่มีการอ้างคุณสมบัติโดยบริษัท ATSC ของนายเจมส์ แมคคอร์มิค
นอกจากอิรักแล้ว ปากีสถาน เลบานอน เม็กซิโก และไทย ซึ่งมีเหตุฆาตกรรม และความรุนแรงทางการเมือง ก็เป็นลูกค้าของเจมส์ แมคคอร์มิคด้วย นอกจากนี้ อย่างน้อยในกรณีของอิรัก ยังพบการติดสินบนในการซื้อขายอุปกรณ์นี้ด้วย โดย พล.ต.ญิฮัด อัล จาบิรี หัวหน้าศูนย์เก็บกู้วัตถุระเบิด ของกระทรวงมหาดไทยอิรัก ขณะนี้ต้องโทษจำคุกในข้อหาคอรัปชั่น โดยตัวเขาเคยกล่าวปกป้องอุปกรณ์นี้ว่า "ผมไม่แคร์ว่าพวกเขาจะพูดว่าอะไร ผมรู้จักเรื่องระเบิดมากกว่าพวกอเมริกัน และในข้อเท็จจริงผมรู้เรื่องระเบิดมากกว่าใครในโลก"
ไนเจล ร็อค ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนประจำสถานีตำรวจ Avon and Somerset  ซึ่งสืบสวนในคดีดังกล่าวได้เตือนว่า "อุปกรณ์ตรวจจับ" ยังคงถูกใช้ในบางประเทศ "อุปกรณ์ตรวจจับซึ่งถูกใช้และยังคงใช้ที่จุดตรวจนั้น คนที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวยังเชื่อว่ามันใช้งานได้ จริงๆ มันใช้งานไม่ได้ พวกเรารับทราบหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิทยาศาสตร์ และผู้นำในสาขานั้นๆ จำนวนมาก และผู้ที่ระบุว่าอุปกรณ์นี้เป็นการฉ้อโกงและปลอมแปลง"
โดยนายเจมส์ แมคคอร์มิค เป็นเจ้าของบ้านมูลค่า 3.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 155.75 ล้านบาท ที่เซอร์คัส เมืองซัมเมอร์เซ็ท ซึ่งมีนิโคลัส เคทเป็นเพื่อนบ้าน เขายังเป็นเจ้าของเรือยอร์ชมูลค่า 6 แสนปอนด์ หรือ 26.7 ล้านบาท และยังเป็นเจ้าของบ้านไร่พร้อมคอกม้ามูลค่า 2 ล้านปอนด์ หรือ 89 ล้านบาท ทั้งนี้ศาลตั้งวงเงินของคำสั่งห้ามเอาไว้ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ ของเขากำลังถูกสืบสวน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่พบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดจำนวนมาก
ขณะที่ ศาลกำหนดอ่านคำพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนี้ ในวันที่ 2 พ.ค.

GT200 ในกองทัพไทย และผู้ได้รับผลกระทบ
ก่อนหน้านี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์เรื่อง GT200 ในรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อปี 2553 ว่า "ผมอยากขยายความหลักการทำงานนิดหนึ่ง สสารทุกอย่างในโลกมนุษย์ จะมีสนามแม่เหล็กของมัน ซึ่งจะแตกต่างกัน หลักการของการใช้เครื่อง GT200 ก็คือ เราจะตรวจหาอะไร เราก็เอาสารชนิดนั้นมาทำเป็นเซ็นเซอร์การ์ดแล้วใส่เข้าไปในนี้ ซึ่งก็จะมีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้น สมมติว่าเราใส่เรื่องของยาเสพติด ยาไอซ์เข้าไป เมื่อเครื่องทำงานก็จะไปตรงกับยาไอซ์ ซึ่งอยู่ในภูมิประเทศที่เรากำลังหา เนื่องจากมีสนามแม่เหล็กที่ตรงกัน ตัวเสาสัญญาณจะเบนไปหา แต่ลักษณะการใช้เครื่อง GT200 จะเหมือนการใช้แผนที่เข็มทิศ ก็คือต้องเดินสอบ เขาเรียกสอบแนวเส้นเล็ง เดินตามแกน X แกน Y เพื่อให้แนวเส้นเล็กตัดกัน จะกำหนดเป็นพื้นที่คร่าวๆ ได้ อาจจะรัศมี 3 เมตร จริงๆ แล้วในการปฏิบัติเพื่อกำหนดพื้นที่ให้แคบลง ว่าตรงไหนมีความน่าจะเป็นที่จะมีวัตถุระเบิดหรือวัสดุที่เราจะหาอยู่"
อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 53 พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ช่วงทันข่าวเด่น โดยยืนยันว่าทางหน่วยงานจะยังใช้เครื่อง จีที 200 ต่อไปเป็นส่วนเสริม เพื่อตีวงการตรวจสอบวัตถุระเบิดให้แคบลง และว่าเครื่องจีที 200 นั้นหน่วยงานยังใช้ได้ผล และยืนยันว่าหน่วยงานจะยังใช้ต่อไป ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นห้ามซื้อ แต่ไม่ได้ห้ามใช้ ในปัจจุบันยังไม่มีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพมาทดแทน นอกจากนี้มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว เพราะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถตรวจสอบวัตถุระเบิดได้ยาก
ขณะเดียวกัน มีราษฎรใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา อย่างน้อย 4 ราย เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องตรวจวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 ด้วย โดยถูกออกหมายจับและดำเนินคดี เนื่องจากถูกตรวจค้นบ้านและถูกชี้ด้วยเครื่องจีที 200 โดยประชาไทเคยนำเสนอเรื่องมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2553 (อ่านต่อที่นี่)
โดยนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ หัวหน้าศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดยะลา เคยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่เครื่อง GT 200 ชี้ไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการตั้งข้อสมมติฐานว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคือมีการพบสารระเบิดติดอยู่ที่เสื้อผ้า จากนั้นผู้ที่ถูกเครื่อง GT200 ชี้ จะถูกนำตัวไปสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  โดยบุคคลเหล่านั้นจะถูกข่มขู่ หรือบังคับให้รับสารภาพ หรือบางกรณีก็ถูกทำร้ายร่างกาย โดยไม่สามารถหาข้อมูลมาหักล้างได้เลย ขณะที่ไม่มีการกล่าวอ้างในชั้นศาล ว่าได้ตัวบุคคลเหล่านี้มาดำเนินคดีด้วยการใช้ GT 200 แต่อย่างใด
โพสต์ทูเดย์ ระบุด้วยว่า หน่วยงานรัฐที่จัดซื้อเครื่อง GT 200 และ ALPHA 6 มีทั้งสิ้น 13 หน่วยงาน คือ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  จังหวัดพิษณุโลก กรมการปกครอง กรมศุลกากร กรมสรรพาวุธทหารบก ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดยะลา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กองบัญชาการกองทัพไทยโดยศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  และกรมราชองครักษ์
ส่วน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในวันนี้ก็ระบุว่า ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ระบุว่ามีคำสั่งให้เลิกใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว และขณะนี้มีการจัดหาเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด Fido มาทดแทน GT 200

.........................................................................................................

...........................................................................................................































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น