.............................................................................................................................
» "ซัมซุงศึกษา" : เปิดเผยกลยุทธ์สำคัญที่เปลี ่ยนชะตากรรมของ Samsung ไปตลอดกาล
ในช่วงปี 1980-1990 บริษัท Samsung เป็นบริษัทเกาหลีธรรมดาบริษ ัทหนึ่ง ยิ่งเวลาผ่านไป Samsung ค้นพบว่าตนเองเป็นบริษัทที่ ขาดพัฒนาการ และ Inward-looking เป็นผลให้ Output ของบริษัทเป็นสินค้าพื้นๆ ไม่มีอะไรน่าตี่นเต้น
และแน่นอน...เมื่อสินค้าไม่ มีความแตกต่าง Samsung ก็ต้องอยู่ในเกมของการต่อสู ้กันที่ราคา ทำให้กำไรของสินค้าต่อชิ้นบางมาก
ปี 1993 คือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั ้งยิ่งใหญ่ของ Samsung ประธานบริษัท Lee Kun-Hee ตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางในการ ทำธุรกิจจากการเป็นบริษัทท้ องถิ่น เขาต้องการให้ Samsung กลายมาเป็นบริษัทระดับโลก
● ประการแรก...เขานำผู้บริหาร จากโลกตะวันตกเข้ามาทำงานใน บริษัท
● ประการที่สอง...เขาเปลี่ยนว ิธีการในการบริหารงานบุคคล
จากเดิมให้ความสำคัญกับคำว่ า “ระบบอาวุโส” มาเน้นที่ “ฝีมือและคุณภาพ” ของพนักงาน ดังนั้นการขึ้นเงินเดือน การปรับตำแหน่ง จะอยู่ที่คุณภาพมากกว่าคำว่ า Seniority
● ประการที่สาม.... Lee ยกเลิกระบบ Life time employment พูดง่ายๆ ก็คือถ้าใครฝีมือไม่ดี มีสิทธิกลับไปนอนเล่นที่บ้า น
● ประการที่สี่ ที่ Lee ให้ความสำคัญ คือการลงทุนเป็นเงินจำนวนมห าศาลในเรื่อง Research & Development เพื่อยกระดับตัวเองให้กลายม าเป็นบริษัทระดับโลกให้จงได ้
ทุกวันนี้ 25% ของจำนวนพนักงาน Samsung ทำเรื่อง R&D ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เรากำลังพูดถึงคนจำนวน 50,000 คนที่ทุกๆ วันพวกเขาต้องคิดค้นอะไรใหม ่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ Samsung
เงินลงทุนทางด้าน R&D ของ Samsung มีค่าเท่ากับ 9% ของรายได้ของบริษัท ประเด็นคือพวกเขาทุ่มสุดตัว เพื่อทำให้ตัวเองก้าวเข้าไป ในตลาดโลกแข่งขันกับสินค้าข องโลกตะวันตกให้ได้
◌◌◌◌◌◌◌◌
ปัจจัยสุดท้ายที่ Lee Kun-Hee ตัดสินใจทำ ซึ่งต้องบอกว่าขอยกมือไหว้ใ นความเด็ดเดี่ยวและการมองกา รไกลอย่างที่ผู้บริหารธรรมด าไม่กล้าที่จะทำ สิ่งที่ Lee ทำเป็นแนวคิดง่ายๆ ...
เขาคัดเลือกคนหนุ่มคนสาวที่ เป็นดาวรุ่งของบริษัทจำนวน 4,700 คน แล้วส่งคนเหล่านี้ที่เขาเรี ยกว่าเป็น “Regional specialist” ไปอยู่ในประเทศต่างๆ ทั้งหมด 80 ประเทศ โดยคนเหล่านี้จะถูกส่งไปอยู ่ในแต่ละประเทศเป็นเวลา 15 เดือน
ในสามเดือนแรกพวก Regional specialist จะถูกส่งไปเข้าค่ายในประเทศ เกาหลี เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่ องภาษา วัฒนธรรมและประเพณีปฏิบัติข องแต่ละประเทศ
พวกเขาต้องตึ่นตั้งแต่ตี 5.50 ออกวิ่ง นั่งสมาธิ เรียนรู้เรื่องมารยาทในการท านอาหารของแต่ละประเทศ การเต้นรำ และวิธีในการเข้าสังคม
หลังจากนั้นคนเหล่านี้จะถูก ส่งออกไปประจำในแต่ละประเทศ เป็นเวลา 12 เดือน ไปในทุกมุมของโลก ไม่ว่าในโลกตะวันตก หรือประเทศเกิดใหม่
ถามว่าทำไม เพราะ Samsung อยากจะครองโลก Samsung มีวิสัยทัศน์ว่าตนเองต้องกา รเจาะตลาดในทุกประเทศบนโลกน ี้
ดังนั้นคนของเขาที่เป็น Regional specialist จะอยู่ในทุกหัวระแหง และคนเหล่านี้ต้องเสียสละคว ามสุขส่วนตัวเพราะพวกเขาต้อ งไปอยู่คนเดียว ไม่สามารถนำครอบครัวร่วมเดิ นทางไปด้วย
คำถามก็คือคนเหล่านี้ไปทำอะ ไรในเวลา 12 เดือน พวกเขาไม่ต้องทำงาน หน้าที่ของพวกเขาคือไปใช้ชี วิตเสมือนหนึ่งคนท้องถิ่นใน ประเทศนั้นๆ
ไปซึมซับวิถีชีวิตของคนในแต ่ละประเทศ ไปเข้าใจวิธีคิดของผู้คน เรียนรู้พฤติกรรมของคนในแต่ ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน
ไปพบปะผู้คนเพื่อสร้าง Connection แล้วทำรายงานส่งกลับไปที่สำ นักงานใหญ่ที่เกาหลี
◌◌◌◌◌◌◌◌
โดยสรุป...การส่ง Regional specialist ไปทั่วโลกเพื่อให้คนเหล่านั ้นสร้าง Personal connection ที่ใช้ในการเจาะตลาดแต่ละปร ะเทศ
Samsung รู้ดีว่า Personal connection ไม่สามารถสร้างภายในระยะเวล าอันสั้น ดังนั้นคนของเขาจะใช้เวลาสร ้างเครือข่ายเป็นเวลาหนึ่งป ี
ประโยชน์ข้อที่สองคือ Regional specialist เมื่ออยู่ในแต่ละประเทศนานพ อ เขาจะมีความเข้าใจผู้บริโภค ในแต่ละประเทศ เขาจะเข้าใจความหมายของคำว่ า “เกรงใจ” ของคนไทยคืออะไร และสิ่งละอันพันละน้อยเหล่า นี้ทำให้ Samsung เจาะตลาดด้วยยุทธศาสตร์ “Act local, think global”
ค่าใช้จ่ายในการส่ง Regional specialist ไปทั่วโลกต้องบอกว่าเป็นค่า ใช้จ่ายจำนวนมหาศาล บริษัทต้องลงทุนเป็นเงิน 100,000 เหรียญต่อปีต่อคน ไม่นับเงินเดือนและสวัสดิกา รอย่างอื่น
ดังนั้น...ต่อปีบริษัทต้องล งทุนถึง 470 ล้านเหรียญ และมองไม่เห็นเลยว่าผลตอบแท นที่จับต้องได้เป็นอะไร
จุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งของโคร งการนี้คือ...ที่สำนักงานให ญ่ที่เกาหลีของ Samsung จะขาดคนหนุ่มคนสาวที่เป็นดา วรุ่งช่วยขับเคลื่อนบริษัท เพราะพวกเขาถูกส่งออกไปเดิน เล่นทั่วโลก
โครงการนี้เป็นโครงการสุดยอ ดของวิธีคิดในการสร้าง Samsung ให้เป็น Global player พวกเขายินดีลงทุนเป็นเงินมห าศาล ฝึกฝนสร้างคนที่กินเวลานานเ ป็นปี
เป็นโครงการที่ผลตอบแทนมีคว ามไม่แน่นอนมาก แต่พวกเขากล้าเสี่ยงและอดทน ยินดีรอเวลาให้พวก Regional specialist มีความพร้อม
เมื่อเวลามาถึง...คนเหล่านี ้จะถูกส่งกลับไปที่ประเทศที ่พวกเขาเคยอยู่ คนเหล่านี้จะถูกแต่งตั้งเป็ นผู้บริหารเพื่อนำผลิตภัณฑ์ Samsung ตะลุยตลาด
◌◌◌◌◌◌◌◌
ภายในเวลาเพียงสิบปี Samsung กลายเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังมา กที่สุดในตลาดโลก
ในปี 2011 แบรนด์ Samsung เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุ ดอันดับ 17 ของโลกจากการจัดอันดับของบร ิษัท Interbrand ทิ้งคู่แข่งอย่าง Sony แบบไม่เห็นฝุ่น
ทุกวันนี้ Samsung เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลา ดโลกของสินค้า 13 ประเภท ยกตัวอย่างธุรกิจโทรศัพท์มื อถือซึ่ง Samsung เป็น Late comer
พวกเขาเริ่มผลิตโทรศัพท์มือ ถือเป็นครั้งแรกในปี 1988 และไม่ได้รับการตอบรับจากตล าดเลย
ภายในเวลาเพียง 24 ปี Samsung กลายเป็นโทรศัพท์มือถืออันด ับหนึ่งของโลกด้วยส่วนแบ่งต ลาด 22.9% ด้วยยอดขาย 98 ล้านเครื่องในเก้าเดือนแรกข องปี 2012
แม้แต่ตลาดโทรศัพท์มือถือ Smartphone พวกเขาก็เป็นที่หนึ่งนำหน้า iPhone ด้วยส่วนแบ่งตลาด 35.2% ขายไปได้ทั้งหมด 56.9 ล้านเครื่องในเก้าเดือนของป ี 2012
ในขณะที่ iPhone มีส่วนแบ่งตลาด 14.3% ด้วยยอดขาย 26.9 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียว กัน
นี่เป็นตัวอย่างของการกล้าต ัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่เพียงค รั้งเดียว...ที่เปลี่ยนชะตา กรรมของบริษัทให้กลายมาเป็น Superpower player
และการตัดสินใจอย่างนี้ยากท ี่จะใช้เหตุผลมา Quantify ว่าโครงการนี้มีความคุ้มค่า ในการลงทุนหรือไม่
นี่คือสุดยอดของคำว่า “The greatest decision of all time”
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ | แกะดำทำธุรกิจ - บทความ "LONG HAUL VISION"
ในช่วงปี 1980-1990 บริษัท Samsung เป็นบริษัทเกาหลีธรรมดาบริษ
และแน่นอน...เมื่อสินค้าไม่
ปี 1993 คือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั
● ประการแรก...เขานำผู้บริหาร
● ประการที่สอง...เขาเปลี่ยนว
จากเดิมให้ความสำคัญกับคำว่
● ประการที่สาม.... Lee ยกเลิกระบบ Life time employment พูดง่ายๆ ก็คือถ้าใครฝีมือไม่ดี มีสิทธิกลับไปนอนเล่นที่บ้า
● ประการที่สี่ ที่ Lee ให้ความสำคัญ คือการลงทุนเป็นเงินจำนวนมห
ทุกวันนี้ 25% ของจำนวนพนักงาน Samsung ทำเรื่อง R&D ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เรากำลังพูดถึงคนจำนวน 50,000 คนที่ทุกๆ วันพวกเขาต้องคิดค้นอะไรใหม
เงินลงทุนทางด้าน R&D ของ Samsung มีค่าเท่ากับ 9% ของรายได้ของบริษัท ประเด็นคือพวกเขาทุ่มสุดตัว
◌◌◌◌◌◌◌◌
ปัจจัยสุดท้ายที่ Lee Kun-Hee ตัดสินใจทำ ซึ่งต้องบอกว่าขอยกมือไหว้ใ
เขาคัดเลือกคนหนุ่มคนสาวที่
ในสามเดือนแรกพวก Regional specialist จะถูกส่งไปเข้าค่ายในประเทศ
พวกเขาต้องตึ่นตั้งแต่ตี 5.50 ออกวิ่ง นั่งสมาธิ เรียนรู้เรื่องมารยาทในการท
หลังจากนั้นคนเหล่านี้จะถูก
ถามว่าทำไม เพราะ Samsung อยากจะครองโลก Samsung มีวิสัยทัศน์ว่าตนเองต้องกา
ดังนั้นคนของเขาที่เป็น Regional specialist จะอยู่ในทุกหัวระแหง และคนเหล่านี้ต้องเสียสละคว
คำถามก็คือคนเหล่านี้ไปทำอะ
ไปซึมซับวิถีชีวิตของคนในแต
ไปพบปะผู้คนเพื่อสร้าง Connection แล้วทำรายงานส่งกลับไปที่สำ
◌◌◌◌◌◌◌◌
โดยสรุป...การส่ง Regional specialist ไปทั่วโลกเพื่อให้คนเหล่านั
Samsung รู้ดีว่า Personal connection ไม่สามารถสร้างภายในระยะเวล
ประโยชน์ข้อที่สองคือ Regional specialist เมื่ออยู่ในแต่ละประเทศนานพ
ค่าใช้จ่ายในการส่ง Regional specialist ไปทั่วโลกต้องบอกว่าเป็นค่า
ดังนั้น...ต่อปีบริษัทต้องล
จุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งของโคร
โครงการนี้เป็นโครงการสุดยอ
เป็นโครงการที่ผลตอบแทนมีคว
เมื่อเวลามาถึง...คนเหล่านี
◌◌◌◌◌◌◌◌
ภายในเวลาเพียงสิบปี Samsung กลายเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังมา
ในปี 2011 แบรนด์ Samsung เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุ
ทุกวันนี้ Samsung เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลา
พวกเขาเริ่มผลิตโทรศัพท์มือ
ภายในเวลาเพียง 24 ปี Samsung กลายเป็นโทรศัพท์มือถืออันด
แม้แต่ตลาดโทรศัพท์มือถือ Smartphone พวกเขาก็เป็นที่หนึ่งนำหน้า
ในขณะที่ iPhone มีส่วนแบ่งตลาด 14.3% ด้วยยอดขาย 26.9 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียว
นี่เป็นตัวอย่างของการกล้าต
และการตัดสินใจอย่างนี้ยากท
นี่คือสุดยอดของคำว่า “The greatest decision of all time”
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ | แกะดำทำธุรกิจ - บทความ "LONG HAUL VISION"
.................................................................................................................................
...............................................................................................................................
ขอแรงเพื่อนๆกดแชร์กดไลค์ให ้กับคนดีของสังคมท่าบี้ด้วย ค่ะ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้า นี้เองเวลา ตรงเกือบถึงท่าเกียกกาย หากใครเคยนั่งเรือด่วนเจ้าพ ระยาจะรู้จักดี เราอยู่ประมาณเกือบท้ายเรือ ได้ยินเสียงคนตะโกนว่ามีคนต กเรือ คนบนเรือก็อื้ออึงเลยทีนี้ กระเป๋าเรือก็ตะโกน คนบนเรือก็พยายามโยนห่วงยาง ลงไปให้ แต่คือมันไกลจากเรือมาก เลยไม่ถึง แล้วนี้มันกลางแม่น้ำเจ้าพร ะยาเลยนะ ก็มีพี่คนนี้แหละแกเป็นผู้โ ดยสารนะ กระโดดลงไปช่วยคนที่ตกเรือ แต่คลื่นจากเรือมันซัดแกทำใ ห้เกือบหมดแรง ทำท่าจะจมน้ำอยู่หลายที ในที่สุดก็ช่วยขึ้นมาได้ คนที่ตกลงไปเป็นผู้หญิง รู้อีกทีตอนกระเป๋าเรือ บอกว่าเค้ากระโดดลงมาเองจาก หัวเรือ ไม่ได้พลัดตกลงไป นาทีชีวิตมาก น้องเค้าจะฆ่าตัวตาย เป็นเหตุการณ์ที่ให้ข้อคิดว ่าชีวิตมันมีค่ามาก จงใช้ทุกนาทีที่เหลือให้มีส ตินะคะ ส่วนพี่คนนี้รู้แค่ว่าแกทำง านอยู่การบินไทย ไม่ทราบชื่อ เพราะแกเวียนหัว ให้แกนั่งนิ่งๆพี่พยาบาลบอก คนดีแบบนี้สมควรได้รับคำชื่ นชมและยกย่องจากสังคมเราค่ะ
Supapong Wanitpongpan http://www.facebook.com/photo.php?v=118166041714331
คลิปตอนที่เขาเข้าไปช่วยคนที่จะฆ่าตัวตาย
............................................................................................................................
แค่นามบัตรก็กินขาด!!!
..............................................................................................................................
รู้ไปทำไมว่า น้ำอัดลมที่ถูกมองว่าเป็นเค
.................................................................................................................................
ความสุขธรรมดา เกิดขึ้นมาจากความสามัญ
.........................................................................................................................
ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
—
คาถาศักดิ์สิทธิ์ เจิมรถปลอดภัย
ให้ทางทุกครั้งที่มีโอกาส
.............................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น