» เปิดตัว "สองแสบ" จอมขโมย...ความสุข
มีการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกั บ "รายได้ และ ความสุข" ของคนทั่วโลก เป็นเวลาหลายสิบปี พบว่า...ในช่วงห้าสิบปีที่ผ ่านมา รายได้ของประชากรเพิ่มขึ้นก ว่า 10 เท่า เช่น สหรัฐอเมริกา ที่รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นจา ก 3,000 เหรียญเป็น 30,000 เหรียญ แต่ดัชนีความสุขของประชากรใ นช่วงเวลาเดียวกันไม่ได้เพิ ่มขึ้นเลย!
นั่นแสดงว่า...รายได้ที่มาก ขึ้นอาจไม่ได้มีผลกับความสุ ขอย่างแท้จริง
นักวิจัยพบว่าเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ความสุขของประชากรไ ม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้นั้ นมาจากสองสาเหตุหลัก...
หนึ่งคือ "ความเคยชิน"
สองคือ "การเปรียบเทียบตนเองกับผู้ อื่น"
◌◌◌◌◌◌◌◌
“ความเคยชิน” คือปัญหาทางจิตวิทยาของมนุษ ย์ จะสังเกตุเห็นว่าในช่วงแรกท ี่เราได้ของชิ้นใหม่ๆ มาไม่ว่าจะเป็นของเล่นใหม่ บ้านใหม่ หรือรถยนต์คันใหม่ เราจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจ และรู้สึกพออกพอใจในสิ่งของ ชิ้นนั้นอยู่ตลอดเวลา
ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้า ของในช่วงแรกจะสูงมาก หลายคนอาจเห่อรถยนต์ใหม่จนต ้องตั้งชื่อให้กับรถยนต์ของ ตนเอง หรือไม่ก็เช็ดล้างทำความสะอ าดอยู่ตลอดเวลา รถยนต์มีร่องรอยนิดหน่อยก็อ าจทำให้อารมณ์เสีย หรือพาลโกรธคนรอบข้าง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ของเล ่นชิ้นใหม่นั้นก็ไม่ใหม่อีก ต่อไป รถยนต์ใหม่กลายเป็นรถยนต์เก ่า ดูเหมือนความรู้สึกในช่วงแร กของการเป็นเจ้าของได้หายไป
รถยนต์คันเดิมที่เคยขับดีวิ ่งเงียบดูเหมือนว่าจะเริ่มม ีเสียงดังและไม่ทันสมัยเท่า รถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวขา ยรุ่นล่าสุด
“ความเคยชิน” ทำให้สิ่งที่เรามีกลายเป็น "เรื่องธรรมดา"
นักลงทุนหลายคนเริ่มต้นจากเ งินไม่กี่แสนบาท...จนทำเงิน ได้หลายสิบหรือหลายร้อยล้าน ในช่วงแรก ดูเหมือนจะตื่นเต้นที่ทำเงิ นได้มาก แต่พอเวลาผ่านไปเงินที่มีก็ ดูเหมือนจะเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
หลายคนมีเงินล้านอยากมีเงิน เป็นสิบล้าน พอมีสิบล้านก็อยากจะมีร้อยล ้าน พันล้านต่อไปไม่มีที่สิ้นสุ ดเพราะความเคยชินต่อเงินที่ มีอยู่
เศรษฐีหลายคนไม่มีความสุขทั ้งๆ ที่มีเงินมากมายเพราะปัญหาเ รื่อง...ความเคยชิน
◌◌◌◌◌◌◌◌
ปัญหาที่สองคือ "การเปรียบเทียบตนเองกับผู้ อื่น"
มีการทำแบบสอบถามนักศึกษามห าวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถามว่าถ้ าให้เลือกทางเลือกสองข้อ
ข้อแรก...จบมาแล้วนักศึกษาม ีรายได้ 5 หมื่นเหรียญต่อปี ขณะที่นักศึกษาคนอื่นมีรายไ ด้ 3 หมื่นเหรียญ
หรือข้อสอง...จบมาแล้วนักศึ กษาคนนั้นมีรายได้ 1 แสนเหรียญต่อปีขณะที่คนอื่น มีรายได้ 2 แสนเหรียญ จะเลือกข้อไหน
จากการทดลองพบว่านักศึกษาส่ วนใหญ่เลือกข้อหนึ่งนั่นคือ ..ยอมมีรายได้ลดลงครึ่งหนึ่ งแต่ขอให้ได้เงินเดือนมากกว ่าคนอื่น
แสดงว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ชอบเป รียบเทียบตนเองกับคนอื่น ถึงแม้จะมีเงินมากน้อยแค่ไห นก็ตามขอแค่มีมากกว่าคนอื่น ก็จะพอใจ แต่ถ้ามีน้อยกว่าคนอื่นอาจท ำให้ไม่มีความสุขได้
ถ้าดูรอบตัวจะพบว่า...ในควา มเป็นจริง เวลาเพื่อนบ้านหรือญาติสนิท ออกรถยนต์คันใหม่ เรามักจะคิดว่ารถยนต์ที่เรา มีนั้นดูเก่าไปในทันที
บางคนทำเงินจากตลาดหุ้นได้ห ลายแสนบาท แต่พออีกคนทำได้เป็นล้านดูเ หมือนจะทำให้เราทำเงินได้น้ อยลงเช่นกัน
มีนักลงทุนท่านหนึ่งบอกว่าม ีเงินในพอร์ต 30 ล้านบาท บางคนอาจมองว่าโอ้โหเยอะมาก เลยไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาเงิ นจำนวนนี้ได้หรือไม่ ขณะที่อีกบางคนอาจมองว่ามีเ งินในพอร์ตไม่กี่สิบล้านบาท แค่นี้น้อยมากๆ
ซึ่งในความเป็นจริง เงินจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเรีย กว่ามากหรือน้อยขึ้นกับมุมม องของแต่ละบุคคล
ดังนั้นถ้าอยากมีความสุขคงต ้องเอาชนะปัญหาของมนุษย์ในส องเรื่องนี้ให้ได้นั่นคือเร ื่องของ "ความเคยชิน" และ "การเปรียบเทียบตนเองกับผู้ อื่น"
ถ้าทำได้จะทำให้เรา "พอใจ" ในสิ่งที่มีอยู่และมีความสุ ขอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะมีเงินมากหรือน้ อยเพียงใดอาจไม่ใช่เรื่องสำ คัญอีกต่อไป เพราะมีผู้รู้กล่าวว่าเมื่อ ไหร่ที่เรา "พอ" เมื่อนั้นเราก็จะมี "ความสุข"
◌◌◌◌◌◌◌◌
Life 101 ฝากทิ้งท้าย...'ภาวะฉุกคิด' ในวันหยุดสงกรานต์
สมมติว่า มีคน 6 คน เป็นเพื่อนกัน...
1) นาย A พาครอบครัว ออกไปทานข้าวกันพร้อมหน้าพร ้อมตาที่ร้านอาหารแถวๆ บ้าน
2) นาย B พาครอบครัว ไปพักผ่อนลั้ลลากัน ที่...หัวหิน
3) นาย C กลับไปหาครอบครัว ที่...จ.ตรัง
4) นาย D พาครอบครัว ไปเที่ยว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ที่...ญี่ปุ่น
5) นาย E พาครอบครัว ไปล่องทะเลสาบ ลูกาโน ที่...สวิตเซอร์แลนด์
6) นาย F นั่งป้อนข้าวให้แม่ และอยู่เฝ้าท่านทั้งวัน ที่...โรงพยาบาล
สมาชิกครอบครัวของ A-F สามารถมีความสุข ด้วย score เต็ม 100 ได้ทุกๆ ครอบครัว
แต่ความสุข ของตัวนาย A, B, C, D, E, F เอง มีสิทธิ์ถูกขโมยไปทันที แค่เขาเข้า fb แล้วเริ่มปฏิบัติการ "เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่ น"
ขอให้มี 'ความสุข' ด้วย score เต็ม 100 กันทุกคนนะครับ
จากใจ....
#ทีมงาน Life 101
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : บทความ Value Way - "ความสุขอยู่ที่ไหน" | วิบูลย์ พึงประเสริฐ
มีการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกั
นั่นแสดงว่า...รายได้ที่มาก
นักวิจัยพบว่าเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ความสุขของประชากรไ
หนึ่งคือ "ความเคยชิน"
สองคือ "การเปรียบเทียบตนเองกับผู้
◌◌◌◌◌◌◌◌
“ความเคยชิน” คือปัญหาทางจิตวิทยาของมนุษ
ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้า
แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ของเล
รถยนต์คันเดิมที่เคยขับดีวิ
“ความเคยชิน” ทำให้สิ่งที่เรามีกลายเป็น "เรื่องธรรมดา"
นักลงทุนหลายคนเริ่มต้นจากเ
หลายคนมีเงินล้านอยากมีเงิน
เศรษฐีหลายคนไม่มีความสุขทั
◌◌◌◌◌◌◌◌
ปัญหาที่สองคือ "การเปรียบเทียบตนเองกับผู้
มีการทำแบบสอบถามนักศึกษามห
ข้อแรก...จบมาแล้วนักศึกษาม
หรือข้อสอง...จบมาแล้วนักศึ
จากการทดลองพบว่านักศึกษาส่
แสดงว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ชอบเป
ถ้าดูรอบตัวจะพบว่า...ในควา
บางคนทำเงินจากตลาดหุ้นได้ห
มีนักลงทุนท่านหนึ่งบอกว่าม
ซึ่งในความเป็นจริง เงินจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเรีย
ดังนั้นถ้าอยากมีความสุขคงต
ถ้าทำได้จะทำให้เรา "พอใจ" ในสิ่งที่มีอยู่และมีความสุ
◌◌◌◌◌◌◌◌
Life 101 ฝากทิ้งท้าย...'ภาวะฉุกคิด'
สมมติว่า มีคน 6 คน เป็นเพื่อนกัน...
1) นาย A พาครอบครัว ออกไปทานข้าวกันพร้อมหน้าพร
2) นาย B พาครอบครัว ไปพักผ่อนลั้ลลากัน ที่...หัวหิน
3) นาย C กลับไปหาครอบครัว ที่...จ.ตรัง
4) นาย D พาครอบครัว ไปเที่ยว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ที่...ญี่ปุ่น
5) นาย E พาครอบครัว ไปล่องทะเลสาบ ลูกาโน ที่...สวิตเซอร์แลนด์
6) นาย F นั่งป้อนข้าวให้แม่ และอยู่เฝ้าท่านทั้งวัน ที่...โรงพยาบาล
สมาชิกครอบครัวของ A-F สามารถมีความสุข ด้วย score เต็ม 100 ได้ทุกๆ ครอบครัว
แต่ความสุข ของตัวนาย A, B, C, D, E, F เอง มีสิทธิ์ถูกขโมยไปทันที แค่เขาเข้า fb แล้วเริ่มปฏิบัติการ "เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่
ขอให้มี 'ความสุข' ด้วย score เต็ม 100 กันทุกคนนะครับ
จากใจ....
#ทีมงาน Life 101
◌◌◌◌◌◌◌◌
Credit : บทความ Value Way - "ความสุขอยู่ที่ไหน" | วิบูลย์ พึงประเสริฐ
.................................................................................................................................
มาตามคำเรียกร้องครับ ข้อโต้แย้งหลักให้ไปอ่านในร ูปเก่านะครับhttps://www.facebook.com/ photo.php?fbid=176006595889 382&set=a.164688717021170. 1073741826.164688133687895 &type=1&relevant_count=1
รูปนี้พยายามนำเสนอประเด็น( แบบมั่วๆ)เพิ่มขึ้นมา ว่าเพราะการกดดันของพวกทวงค ืน ทำให้ปตท.ยอมลดส่วนแบ่งตัวเ องลง แล้วก็เอาตัวเลขค่าการกลั่น กับค่าการตลาดมาเทียบกับปีก ่อน แต่ก็มั่วอยู่ดีครับ ขอแย้งดังนี้ครับ
1.ดังที่เขียนไปในรูปเก่า ว่าการเอาน้ำมันดิบ 1 บาร์เรล แล้วมาตีเป็นต้นทุนเบนซิน แบบ 1 ต่อหนึ่งมันใช้ไม่ได้ เพราะน้ำมันดิบ 1 บาร์เรลไม่ได้กลั่นออกมาเป็ นเบนซินหมด ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก หรือแม้แต่การสูญเสียในกระบ วนการกลั่นก็ทำให้ต้นทุนส่ว นน้ำมันดิบที่สะท้อนในราคาน ้ำมันเบนซินจะสูงขึ้น ดังนั้นการที่หม่อมทวงคืนเอ าต้นทุนน้ำมันดิบแบบมั่วมาค ิดค่าการกลั่น ทำให้ได้ค่าการกลั่นสูงเกิน จริง
2.ข้อนี้เด็ดครับ หม่อมบอกว่าเพราะพวกหม่อมกด ดัน ปตท.เลยยอมลดค่าการตลาด จาก 4.53 เป็น 3.34 อันนี้เป็นของ 95 นะครับ แต่พอแอดมินไปเปิดโครงสร้าง ราคาน้ำมันตัวอื่นดูถึงกับข ำก๊ากเลยครับ เพราะค่าการตลาดน้ำมันตัวอื ่น "ขึ้นหมดทุกตัว" -โซฮอล 91 ขึ้นจาก 1.39 เป็น 2.28 โซฮอล 95 ขึ้นจาก 1.17 เป็น 2.26 ครับ
ข้อมูลนี้หมายความว่าค่าการ ตลาดนั้นจะเฉลี่ยๆกันไปในทุ กผลิตภัณฑ์น้ำมันครับ แล้วก็อย่างที่ในภาพของหม่อ มนั่นแหละ ว่าช่วงที่ราคาน้ำมันดิบลดล งกองทุนน้ำมันก็อาจเก็บเงิน เพิ่ม แล้วเฉลี่ยค่าการตลาดเพื่อช ดเชยช่วงที่เคยต่ำสลับกันไป ทำให้ถ้าไปดูราคาขายปลีกกลุ ่มแก๊สโซฮอลจริงๆจะพบว่าราค าไม่ได้ต่างจากปีก่อนมากนัก
สรุปแล้วหม่อมเล่นตลกใช่มั้ ยที่บอกว่าปตท.ลดส่วนแบ่งเพ ราะพวกทวงคืนกดดัน หรือกำลังแสดงปาหี่หลอกลวงส าวกของตัวเองกันแน่ครับ
ปล.เชิญทุกท่านไปโหลดข้อมูล มาเทียบกันด้วยตัวท่านเองได ้ที่http://www.eppo.go.th/ petro/price/index.html
รูปนี้พยายามนำเสนอประเด็น(
1.ดังที่เขียนไปในรูปเก่า ว่าการเอาน้ำมันดิบ 1 บาร์เรล แล้วมาตีเป็นต้นทุนเบนซิน แบบ 1 ต่อหนึ่งมันใช้ไม่ได้ เพราะน้ำมันดิบ 1 บาร์เรลไม่ได้กลั่นออกมาเป็
2.ข้อนี้เด็ดครับ หม่อมบอกว่าเพราะพวกหม่อมกด
ข้อมูลนี้หมายความว่าค่าการ
สรุปแล้วหม่อมเล่นตลกใช่มั้
ปล.เชิญทุกท่านไปโหลดข้อมูล
..........................................................................................................................
BBC defends Baroness Thatcher Ding Dong song decision
http://www.bbc.co.uk/news/uk-22126940
.............................................................................................................................
............................................................................................................................
นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ
ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีม ติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องที่ข องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะส.ว.สรรหาที่ขอให ้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรม นูญ มาตรา 68 จากกรณีที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริกับคณะ และพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกระทำการใช้สิทธิและเสร ีภาพตามรัฐธรรมนูญในญัตติแก ้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการตัดสิ ทธิของบุคคลในการพิทักษ์รัฐ ธรรมนูญหรือไม่ ว่า ประเด็นเรื่องมาตรา 68 คงไม่ใช้เรื่องที่จะว่าไปตามเหตุผลของกฎ หมายอีกต่อไป เพราะว่า ศาลได้หลุดพ้นจากปริมณฑลแห่ งเหตุผลทางกฎหมายไปแล้ว เนื่องจากศาลกลายเป็นผู้ใช้ อำนาจตามดุลยพินิจส่วนตัวไป แล้วตั้งแต่ใช้อำนาจรับพิจา รณาเมื่อครั้งกรณีการแก้ไขร ัฐธรรมนูญมาตรา 291 ว่าขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญมาต รา 68 หรือไม่ ดังนั้นไม่ว่าศาลจะรับหรือไ ม่ในกรณีมาตรา 68 ก็เป็นเรื่องผิดทั้งหมด แต่การที่ศาลไม่รับคำร้องขอ งนายเรืองไกรก็ยิ่งทำให้ควา มผิดตรงนี้ปรากฏชัดขึ้นไปอี ก เพราะศาลรับคำร้องของนายสมช าย แสวงการ ส.ว.สรรหา คำร้องของนายบวร ยสินทร กับคณะ ที่ระบุว่า ส.ส. ส.ว.ร่วมเสนอญัตติแก้ไขรัฐธ รรมนูญทั้ง 312 คนมีความผิดตามมาตรา 68 ไว้พิจารณา แต่คำร้องของนายเรืองไกร ที่ระบุว่า ประชาธิปัตย์ร่วมเสนอชื่อ ส.ส.เป็นกรรมาธิการญัตติเดี ยวกันนั้น ศาลกลับเห็นว่าไม่มีมูลที่จ ะไปพิจารณา
“ประเด็นของคำร้องของนายเรื องไกรกับคำร้องของนายสมชายแ ละนายบวรเป็นคนละประเด็นกัน ซึ่งใครๆก็ทราบดี แต่ที่ปัญหาที่เป็นประเด็นน ่าคิดในกรณีดังกล่าวก็คือว่ า ศาลใช้มาตรฐานหรือหลักเกณฑ์ ใดในการพิจารณามูลความผิดนี ้ ซึ่งสาธารณชนไม่อาจทราบได้เ ลย อย่างดีศาลรัฐธรรมนูญก็จะแถ ลงข่าวหรือมีเอกสารข่าวอธิบ ายเหตุผลสั้นๆว่าทำไมถึงรับ หรือไม่รับ ซึ่งอ่านดูก็ไม่ทราบได้ว่าศ าลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการพิจ ารณา ซึ่งโดยหลักการทั่วไปศาลควร จะต้องมีการทำคำสั่งที่อธิบ ายหลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่า รับหรือไม่รับเพราะเหตุใดออ กมาเป็นลายลักษณ์อักษรและมี เหตุผลประกอบให้กับประชาชนแ ละสื่อมวลชนได้รับทราบด้วย” นายวีรพัฒน์ กล่าว
ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีม
“ประเด็นของคำร้องของนายเรื
..........................................................................................................................
.............................................................................................................................
...............................................................................................................................
"แทตเชอร์" แบบอย่างผู้นำรุ่นหลัง
การจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวั นกลับด้วยโรคเส้นเลือด ในสมองแตกในวัย 87 ปีของหญิงเหล็กหรือบางคนยกย ่องเป็นนางสิงห์เหล็ก "มาร์กาเร็ต แทตเชอร์" อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแ ละคนเดียวของอังกฤษ ได้ทิ้งตำนานอันเป็นแบบอย่า งผู้นำทั้งสตรีและสุภาพบุรุ ษควรเอาเยี่ยงอย่าง เฉพาะอย่างยิ่งภาวะผู้นำที่ มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแนว "ลัทธิเสรีนิยม" พร้อมแนวทางการปฏิรูประบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนนโยบายจ ากแบบ "เคนเชี่ยน" หันมาใช้วิธีการบริหารตามแน วคิด "ตลาดเสรี" และแนวคิด "การเงินนิยม" และเน้นจัดการอุปทาน หรือที่เรียกว่า "Supply Side" ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในช่ว งนั้น
แนวทางหลักๆ ที่มาร์กาเร็ตใช้และเป็นที่ ฮือฮาเรื่องความเด็ดขาดด้วย การใช้ "นโยบายแปรรูป" หรือ "Privatization" ซึ่งเป็นการแปรรูปองค์กรหรื อหน่วยงานของรัฐมาเป็นของเอ กชน ซึ่งแนวคิดนี้รัฐบาลประชาธิ ปัตย์เคยคิดจะนำมาใช้หลังวิ กฤตต้มยำกุ้ง แต่ถูกสหภาพแรงงานและพวกไม่ เห็นด้วยลุกขึ้นมาต่อต้าน และประณามว่า "ขายชาติ" จนรัฐบาลสมัยนั้นต้องยกธงขา ว
สำหรับแทตเชอร์เธอไม่สนใจว่ าสหภาพแรงงานจะประท้วง คัดค้านนโยบาย มุ่งมั่นเดินหน้าแปรรูปเศรษ ฐกิจอย่างกล้าหาญ
นอกจากนี้ แทตเชอร์ยังเดินหน้าเปิดทาง เสรีการค้าและการเงินผ่อนคล ายกฎระเบียบต่างๆ เช่น ผ่อนคลายระเบียบแรงงานที่จะ ทำให้เกิดความคล่องตัว ยืดหยุ่นในการจ้างงานและควา มสามารถในการแข่งขันของธุรก ิจ รวมถึงกลไกรัฐสวัสดิการต่าง ๆ ถูกโอนไปให้เอกชนดูแล
บทบาทที่คนทั้งโลกได้จดจำเป ็นอย่างดีไม่มีวันลืม นั่นคือ กรณีสงครามแย่งชิงหมู่เกาะฟ อล์กแลนด์ ระหว่างอังกฤษและอาร์เจนติน า ในปี 1982
ในด้านหนึ่งแทตเชอร์อาจจะได ้รับการยกย่องถึงความสามารถ มีภาวะผู้นำสูง แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เจ็บ ปวดกับการใช้นโยบายตัดลดงบป ระมาณรายจ่าย โครงการต่างๆ ที่คนยากจนเคยได้รับก็ลดลงห รือยุบทิ้ง จึงเป็นที่โกรธแค้นของคนที่ ได้รับผลกระทบอย่างมาก
ผู้นำที่เข้มแข็ง เด็ดขาดนำพาประเทศอยู่รอด ย่อมมีทั้งคนรักและคนเกลียด ไม่ใช่บริหารแบบเบลอๆ อยู่ไปวันๆ ไม่กล้าตัดสินใจกลัวจะเสียค ะแนน หรือกลัวคนเกลียด
นั่นไม่มีอยู่ในสมองของหญิง เหล็ก "มาร์กาเร็ต แทตเชอร์" คนนี้
คอลัมน์ เมืองไทย25น.
ทวี มีเงิน/ข่าวสดออนไลน์
การจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวั
แนวทางหลักๆ ที่มาร์กาเร็ตใช้และเป็นที่
สำหรับแทตเชอร์เธอไม่สนใจว่
นอกจากนี้ แทตเชอร์ยังเดินหน้าเปิดทาง
บทบาทที่คนทั้งโลกได้จดจำเป
ในด้านหนึ่งแทตเชอร์อาจจะได
ผู้นำที่เข้มแข็ง เด็ดขาดนำพาประเทศอยู่รอด ย่อมมีทั้งคนรักและคนเกลียด
นั่นไม่มีอยู่ในสมองของหญิง
คอลัมน์ เมืองไทย25น.
ทวี มีเงิน/ข่าวสดออนไลน์
................................................................................................................
...........................................................................................................................
เหตุใดโดมธรรมศาสตร์ต้องสร้ างเป็น 6 เหลี่ยม ?
ท่านสังเกตและทราบความหมายแ ฝงหรือเปล่า
. . .
ตัวโดมที่เป็นรูป 6 เหลี่ยม เพราะจะได้สะท้อนถึง
"หลักที่หก" ในหลัก 6 ประการของคณะราษฎร
คือ "จะต้องให้การศึกษาเต็มที่แ ก่ราษฎร"
โดยไม่มีการแบ่งแยกฐานะหรือ ชนชั้นใดๆ
(มธ. เป็น 'มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของ ไทย' ที่ให้โอกาสประชาชนทั่วไปสา มารถเข้ามาศึกษาระดับมหาวิท ยาลัยได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะเชื้อพระวง ศ์ คนในวัง ข้าราชการ หรือชาวกรุงเทพฯ)
...
ส่วนที่ยอดตัวโดมแหลมขึ้นฟ้ านั้น
เปรียบโดมเสมือนดินสอที่จดบ ันทึกวิชาความรู้
และเรื่องราวต่างๆ ไม่รู้จักจบสิ้น เอาไว้บนผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ ...
นายจิตรเสน (หมิว) อภัยวงศ์
สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงเป็นผ ู้ออกแบบ ตึกโดม
-------------------------- ----------------------
Photo: folkswaken
ท่านสังเกตและทราบความหมายแ
. . .
ตัวโดมที่เป็นรูป 6 เหลี่ยม เพราะจะได้สะท้อนถึง
"หลักที่หก" ในหลัก 6 ประการของคณะราษฎร
คือ "จะต้องให้การศึกษาเต็มที่แ
โดยไม่มีการแบ่งแยกฐานะหรือ
(มธ. เป็น 'มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของ
...
ส่วนที่ยอดตัวโดมแหลมขึ้นฟ้
เปรียบโดมเสมือนดินสอที่จดบ
และเรื่องราวต่างๆ ไม่รู้จักจบสิ้น เอาไว้บนผืนฟ้าอันกว้างใหญ่
นายจิตรเสน (หมิว) อภัยวงศ์
สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงเป็นผ
--------------------------
Photo: folkswaken
.......................................................................................................................
พุทธแบบญี่ปุ่น
ใครก็ตามที่เคยไปต่างประเทศ และได้ไปเยี่ยมศาสนสถาน หรือว่า ศาลเจ้าของประเทศต่างๆ เคยลองตั้งคำถามไหมครับว่า พวกเขากำลังสื่อสารอะไรกับ พระผู้เป็นเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิที่พวกเ ขาเคารพบูชาศรัทธาสักการะกั นอยู่บ้าง เห็นอยู่ชาติหนึ่งครับ จะพบว่าพวกเขาใช้เวลาในการไ หว้เจ้าและไหว้พระสั้นมากๆ จนทำให้ผมต้องหันมามองตัวเอ งว่า หรือว่าพวกเขาไหว้พระนานไปห น่อย ชาติที่ผมว่าถึงก็คือ ญี่ปุ่นนั่นเองครับ ไม่ว่าจะไปที่ ศาลเจ้าชินโต หรือว่าวัดพุทธแบบเซน ก็จะพบว่าคนญี่ปุ่นไหว้เจ้า และพระ โดยการใช้เวลาสั้นๆ เพียงครู่เดียว
บังเอิญว่าผมได้มีโอกาสไปเย ี่ยมชมร้านพุทธศิลป์แบบญี่ป ุ่น ร้านโมริตะ ที่ริเวอร์ซิตี้ ถนนเจริญกรุง และได้มีโอกาสพบกับ คุณสมชัย ว่องสกุลชัย เจ้าของร้านผู้สนใจในวัฒนธร รมญี่ปุ่น และเข้าถึงคนญี่ปุ่น (จากการที่อยู่ที่ญี่ปุ่นมา ยาวนานหลายสิบปี) จึงได้ความรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชาวญี ่ปุ่นต่อศาสนาประจำชาติ หรือ “ชินโต” (ที่จะพบว่า วัดชินโตนั้นมีเอกลักษณ์นอก เหนือจากประตูแบบญี่ปุ่น ก็คือการไม่มีรูปปั้นประติม ากรรมใดๆ) ชาวญี่ปุ่นเพียงตบมือสองครั ้ง (เพื่อปลุกให้เทพเจ้าตื่น และจากนั้นก็พนมมือเพื่อขอบ คุณเทพเจ้า) และต่อพุทธแบบมหายานเซน ที่ชาวญี่ปุ่นใช้เวลาในการไ หว้พระสั้นมากๆ
ศาสนาพุทธนั้นเข้าสู่ญี่ปุ่ นในช่วงราวศตวรรษที่ ๗ หรือหากเทียบกับประวัติศาสต ร์จีนก็ช่วงสมัยราชวงศ์ถัง หรือพันสามร้อยกว่าปีที่แล้ ว จากนั้นก็มีศูนย์กลางอยู่ที ่นารา คามาคูระ เป็นที่น่าสังเกตว่า พุทธศิลป์ของญี่ปุ่นนั้นส่ว นใหญ่ ทำด้วยไม้ ไม่ได้หล่อจากปูน หรือจากโลหะ และจะพบว่าประติมากรรมเหล่า นี้ส่วนใหญ่จะเป็นรูปพระโพธ ิสัตว์กวนอิม หากจะมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุ ทธเจ้าบ้าง ก็จะเป็นช่วงก่อนการตรัสรู้ ช่วงบำเพ็ญทุขกรกิริยา แต่หายากมากที่จะเป็นประติม ากรรม พระพุทธองค์หลังการตรัสรู้ นอกจากนี้ ก็จะมีเหล่าเทพ เช่นท้าวจตุโลกบาลที่คอยพิท ักษ์ทิศทั้งสี่ เป็นต้น
คุณสมชายได้อธิบายว่า คนญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากคนไ ทยคือ เมื่อยามที่ได้เช่าพุทธศิลป ์ไปนั้น จะมีไว้เพื่อเป็น “กำลังใจ” มิได้มีไว้เพื่อ “ขอพร” ดังนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า เวลาชาวญี่ปุ่นไหว้พระ ไม่ว่าจะเป็นที่วัดหรือพุทธ ศิลป์หรืองานประติมากรรมพุท ธที่บ้าน จะใช้เวลาสั้นมากๆ เพราะพวกเขา “ขอบคุณ” ที่ทำให้ตนเองมีชีวิต และเป็นกำลังใจในการเดินหน้ า มากกว่าที่จะ “ขอ” พรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อา จจะแตกต่างจากคนไทยเรา ที่ใช้เวลาในการไหว้พระนานม ากเพราะว่ามีรายการที่จะขอพ ร หรือขอให้ความหวังของตนเองเ ป็นจริง อยู่จำนวนมากมายมหาศาล ว่าง่ายๆ คือทัศนคติเริ่มต้นในการไหว ้พระของสองชาตินั้นแตกต่างก ัน
คุณสมชายเล่าว่า คนญี่ปุ่นมีหลักการที่เชื่อ กันว่า คนเราเกิดมาเบื้องบนให้กุญแ จมาคนละหนึ่งดอก และนั่นคือชีวิตที่ให้เราได ้ดำเนิน ส่วนจะเดินอย่างไร ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวคนถือ กุญแจดอกนั้น แล้วมิได้ขึ้นกับเบื้องบนแล ้ว ถ้าจะว่าไปแล้วก็สอดคล้องกั บหลักพุทธเถรวาทที่เรานับถื อกันอยู่ล่ะครับกล่าวคือ เกิดมาพร้อมกับกรรมเก่า ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับทิฐ ิ ของตนเองว่าจะเลือกทางที่เป ็นสัมมา หรือมิจฉา ไม่มีใครสามารถที่จะมีอิทธิ พลเหนือเราได้ แต่บางคนอาจมีฐานกรรมดีเดิม มากกว่าคนอื่น จนสามารถเดินทางสัมมาได้ง่า ยกว่ามิจฉา เป็นต้น
ได้ฟังแล้วก็เลยอยากจะให้ลอ งเทียบกันดูถึงทัศนคติที่มี ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และตนเอ ง ของชาติเขาและชาติเรา ที่แน่นอนว่าทุกรูปแบบล้วนแ ต่มีข้อดีในตัวเอง หากว่าแตกต่างกัน แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะ ไม่เคยเอ่ยปากขอให้คนอื่นช่ วย เว้นแต่ว่าจะเข้าตาจนแล้วจร ิงๆ เพราะเชื่อว่าตนเองต้องช่วย เหลือตนเองให้สุดความสามารถ เสียก่อน (และในทางตรงกันข้ามก็ยินดี ช่วยเหลือผู้อื่นทันทีที่ได ้รับการร้องขอเช่นเดียวกันอ ย่างสุดความสามารถเพราะรู้ว ่าฝ่ายร้องขอคงไม่ไหวแล้วจร ิงๆ)
พูดกันเรื่องพุทธศิลป์แล้ว อยากจะอรรถาธิบายสักเล็กน้อ ยครับว่า ภาพที่เห็นคือ รูปจำลองของชิ้นงานศิลปะแห่ งชาติของญี่ปุ่นที่จำลองมาจ ากองค์จริงที่ประดิษฐานอยู่ ในเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดทุกร ายละเอียด หรือแม้แต่ร่องรอยความชำรุด อันเป็นเพราะผ่านกาลเวลามาน ับหลายร้อยหรือแม้แต่พันปี
แต่นอกเหนือไปจากความงดงามใ นทางประติมากรรม (ที่ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีอั นทันสมัยและความประณีตบรรจง ของช่างญี่ปุ่นจากโมริตะ) แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ท่าทีของผู้ครอบครองที่มีต่ อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในรูปของพ ุทธศิลป์เหล่านี้มากกว่า ว่าเราจะทำให้พุทธศิลป์เหล่ านี้นำเราให้อยู่บนมรรคมีอง ค์ ๘ อย่างเหนียวแน่นอย่างไรต่าง หาก
ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, รู้โลกไม่สู้รู้ตน
เดลินิวส์, พุธที่ 3 เมษายน 2556
http:// www.dailynews.co.th/ article/630/194706
ใครก็ตามที่เคยไปต่างประเทศ
บังเอิญว่าผมได้มีโอกาสไปเย
ศาสนาพุทธนั้นเข้าสู่ญี่ปุ่
คุณสมชายได้อธิบายว่า คนญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากคนไ
คุณสมชายเล่าว่า คนญี่ปุ่นมีหลักการที่เชื่อ
ได้ฟังแล้วก็เลยอยากจะให้ลอ
พูดกันเรื่องพุทธศิลป์แล้ว อยากจะอรรถาธิบายสักเล็กน้อ
แต่นอกเหนือไปจากความงดงามใ
ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, รู้โลกไม่สู้รู้ตน
เดลินิวส์, พุธที่ 3 เมษายน 2556
http://
...............................................................................................................................
............................................................................................................................
ทำไม "ทักษิณ" ไม่กลับมาสู้คดี
"นพดล ปัทมะ" มีคำตอบ?
วันนี้(13 เมษายน 2556) นายนพดล ปัทมะ
ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว (Noppadon Pattama) ดังนี้
มีคนถามผมว่าถ้า
"ทักษิณ" ไม่ผิดจริง ทำไมไม่มาสู้คดี ผมคิดว่าคำถามนี้น่าสนใจ
และอยากจะชี้แจงครับ ผมยินดีตอบคำถามที่สงสัยอย่างบริสุทธิ์ใจ ดังนี้
1)หลังยึดอำนาจ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้ง
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
ซึ่งประกอบด้วยคนที่เป็นปฎิปักษ์กับทักษิณมาสอบสวนในหลายคดี เพราะจะเอาผิดให้ได้
เพื่อใช้สร้างความชอบธรรมในการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน
การรัฐประหารนั้นถือว่าขัดหลักนิติธรรม
การตั้งปฎิปักษ์มาสอบสวนเป็นการขัดหลักนิติธรรมแบบดับเบิล
2) ผมขอยกตัวอย่างคดีที่ดินรัชดาที่ตัดสินว่า
พตท ทักษิณผิดนั้นก็เป็นผลการสอบสวนของคตส. ครับ ข้อเท็จจริง
ท่านเซ็นให้ภรรยาไปประมูลซื้อที่ดินที่เป็นทรัพย์สินเน่าจากกองทุนฟื้นฟู
ภายใต้แบงค์ชาติ ท่านไม่ได้ใช้อำนาจนายกฯช่วยภรรยาตนเอง เพราะเป็นการประมูลซื้อ
เปิดซองกันจะๆเลยครับ ใครเสนอราคาสูงสุดก็ได้ไป
3) นอกจากนั้นก่อนประมูลก็ถามแบงค์ชาติว่าภรรยานายกประมูลได้ไหม
เขาตอบว่าประมูลได้ คุณหญิงจึงเข้าประมูล และใช้ชื่อจริง ถ้าท่านไม่บริสุทธิ์ใจ
ท่านคงไม่ใช้ชื่อตนเองเข้าประมูลหรอกครับ
4) การตัดสินของศาลไม่ถูกต้องตามกฎหมายในหลายประเด็นครับ
ประเด็นแรกมาตรา 100 กฎหมายปปช.ห้ามคู่สมรสของเจ้าหน้าที่รัฐทำสัญญากับหน่วยงานที่ตนกำกับ
ควบคุม หรือสั่งการ เช่น เมียของรัฐมนตรีคมนาคมไม่สามารถขายรถเมล์ให้ ขสมก.
แต่สามารถขายยาแก้ปวดให้กระทรวงสาธารณสุขได้
เพราะสามีของตนไม่ได้กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข
5) โดยหลักการตีความกฎหมายนั้น
กฎหมายจำกัดสิทธิ์ต้องตีความอย่างแคบ
และกฎหมายให้สิทธิ์ต้องตีความอย่างกว้างกฎหมายมาตรา 100 นี้เป็นกฎหมายจำกัดสิทธิ์ครับ
ต้องตีความอย่างแคบ แต่ในคดีนี้ศาลตีความอย่างกว้าง
โดยตีความว่านายกฯมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ
ซึ่งตามกฎหมายแล้วแบงค์ชาติเป็นอิสระจากรัฐบาลนายกฯสั่งการไม่ได้ เห็นมั้ยครับรัฐบาลเห็นว่าดอกเบี้ยสูง
ก็สั่งผู้ว่าแบงค์ชาติให้ลดดอกเบี้ยไม่ได้
กองทุนฟื้นฟูยิ่งเป็นอิสระจากรัฐบาลไกลออกไปอีกครับ
6) ต้องยอมรับครับว่าในบรรยากาศบ้านเมืองเช่นนี้
เราอยากเห็นความเป็นกลางและความเที่ยงธรรมของการตัดสินครับ เราไม่อยากเห็นใครเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อทำลายกันทางการเมือง
เราต้องไม่มีการบังคับและใช้กฎหมายอย่างสองมาตรฐาน
ผมว่าถ้าเราใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ สอบสวนปกติ ตัดสินปกติ
ใครก็อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
7) ท่านใดที่ไม่ได้ได้รับความอยุติธรรมอาจไม่เข้าใจว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน
การยุบพรรคเพียงเพราะกรรมการบริหารคนเดียวทำผิดแล้วตัดสิทธิ์กรรมการที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบเหมาเข่ง
การเปิดพจนานุกรรมเพื่อหาความหมายของคำว่าลูกจ้างทั้งๆที่ต้องเอาความหมายจากประมวลกฎหมายแพ่งหรือกฎหมายแรงงานเท่านั้น
และการตัดสินให้ท่านสมัครพ้นจากความเป็นนายกฯเพราะการไปทอดไข่เจียวออกทีวี
หรือแม้กระทั่งการไปเติมคำว่า "อาจ" ไปในรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือการใช้กฎหมายที่ประกาศโดยคณะรัฐประหารย้อนหลังตัดสิทธิ์กรรมการพรรคการเมืองพรรคไทยรักไทย
ก็ขัดหลักนิติธรรม เพราะกฎหมายใช้ย้อนหลังเป็นคุณได้ แต่ใช้ย้อนหลังเป็นโทษไม่ได้ครับ
ดังนั้น
ที่ถามว่าทำไม พันตำรวจโท ทักษิณไม่กลับมาต่อสู้คดี ผมคงต้องถามกลับละครับว่า
เหยื่อของการรัฐประหาร
จะได้รับความยุติธรรมจากคดีที่เริ่มต้นสอบสวนโดยคณะรัฐประหาร
และโดยคนที่เป็นปฎิปักษ์ทางการเมืองของเหยื่อ ซึ่งล้วนละเมิดหลักนิติธรรมหรือไม่
ผมว่าคำตอบหาได้ไม่ยากเลยครับ
..........................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น