วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

15/04/2556


เมื่อวานฟังข่าวช่อง 7 สะดุ้งอยู่ 2 เรื่องครับ

1. ผู้ที่เล่นน้ำที่สีลมจำนวนมากไม่ยอมรับกับการที่เจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เลิกเล่นน้ำเพื่อจะเข้ามาทำความสะอาดพื้นที่ในเวลา 22.00 น. เพื่อส่งคืนพื้นที่ให้เป็นถนนในวันรุ่งขึ้นตามที่ได้ประกาศไว้ โดยให้เหตุผลมว่า "ที่นี่เป็นประเทศไทย"

2. ทหารไทยพร้อมทำสงครามกับกัมพูชาทันที ถ้าศาลโลกตัดสินให้ไทยเสียผลประโยชน์

ตรองดูเอาเองเถอะครับว่า สังคมเรามันทุเรศขนาดไหน

001


..........................................................................................................................


To remind myself!
ความเป็นปัจจเจก
I am I ฉันก็คือฉัน
You are you คุณก็คือคุณ
I do my things ฉันทำสิ่งที่ฉันอยากทำ
You do your things คุณทำสิ่งที่คุณอยากทำ
I am not in this world to live up to your expectations
ฉันไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพื่อทำสิ่งที่คุณคาดหวัง
And you are not in this world to live up to mine
และคุณก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพื่อทำตามความควาดหวังของฉัน
But one day, when we find each other, the world is beautiful
แต่วันใดสิ่งที่เราทำต่างก็ตรงกับสิ่งที่คาดหวังกันและกัน วันนั้นโลกก็สวยโสภา

บทกวีข้างต้นไม่รู้ว่าเป็นของใคร ทางฝรั่งที่เขาเอามาเผยแพร่ก็บอกว่าเป็นผลงานของ "นิรนาม" เห็นเป็นข้อคิดท่ดีก็เลยเอามาเผยแพร่ต่อให้คนเรายอมรับความเป็นปัจเจกซึ่งกันและกัน เราไม่ควรเอาความคาดหวังของเราไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้คนเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ หากใครเขาทำต่างจากสิ่งที่เราคาดหวัง อทนที่เราจะชิงชังด่าทอต่อว่าเขา เราน่าจะพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อพยาามเข้าใจว่า ทำไมเขาคิดเช่นนั้น พูดเช่นนั้น ทำเช่นนั้น ถ้าหากเราเข้าใจได้ เราก็จะยับยั้งการตำหนิเขาได้ ถ้าหากเราไม่เข้าใจก็ถามเขาด้วยถ้อยคำสำเนียงที่เป็นมิตร หลีกเลี่ยงการประเมินเขาว่าดีหรืิอเลว โง่หรืฉลาด ผิดหรือถูก ก็จะก่อให้เกิด constructive conversation การสนทนาเชิงสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้ทบทวนความรู้ ความเชื่อ และความคิดเห็นของตนเอง เป็นการพัฒนาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กันและกันด้วยไมตรี เช่นนี้แล้ว ตนที่คิดต่างก็อยู่ร่วมกันได้ ตามหลักการที่ว่า "แตกต่าง ไม่แตกแยก แต่เติมเต็ม"

........................................................................................................................

คนไทยเห็นอะไรก็เชื่อ
http://drama-addict.com/2013/04/15/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD/

.......................................................................................................................


Amazing Pendulum Waves


http://www.facebook.com/photo.php?v=503820213007737

Kung Witoon Yes it is Amazing!

......................................................................................................................


.....................................................................................................................


ไอ้แก่แซงคิว

วันหนึ่งผมไปเดินเล่นพารากอนสรวงสวรรค์ของสลิ่มศรี สลิ่มศักดิ์ทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือมันไม่ใช่ที่สำหรับผมจริง ๆ ครับ ข้าวของหลายอย่างแพงเกินความจำเป็น ทั้ง ๆ ที่พอออกจากห้างไปมันก็เหมือน ๆ กับห้างอื่น ๆ

ผมเดินเล่นกับแฟนจนผมหิวน้ำ และด้วยความที่ผมรู้จักใช้เงิน ผมก็เลยเดินลงไปซื้อน้ำในซุปเปอร์ชั้นล่างสุด เมื่อผมเลือกน้ำดื่มได้เสร็จแล้วก็จะเดินไปจ่ายเงินที่จุดบริการชำระเงิน แน่นอนต้องเข้าแถวให้เรียบร้อย ในขณะที่ถึงคิวของผม ผมค่อย ๆ ยื่นขวดน้ำให้พนักงาน มีไอ้แก่ตัวหนึ่งมันยื่นขวดน้ำให้พนักงานแซงผม ให้ตายเถอะครับ ไอ้พนักงานบ้ามันก็ดันบ้านจี้รับแล้วก็ติ๊ดเรียบร้อยครับ แล้วมันก็พูดราคาออกมา...

ในขณะนั้น ผมอาศัยจังหวะสบายใจของพวกมันพูดขึ้นมาว่า "ไอ้แก่นี้มันแซงคิวผม คุณดันเห็นดีเห็นงามด้วย สงสัยผมคงต้องคุยกับผู้จัดการคุณสะแล้ว" พนักงานหน้าซีดครับ ไอ้แก่หันมามองหน้าผมจะเอาเรื่องที่ผมไปเรียกมันแบบนั้น ผมหันไปมองแล้วพูดว่า "หรือไม่จริงวะ" พนักงานก็เลยขอโทษผมแล้วก็คือนขวดน้ำให้ไอ้แก่ไป พร้อม ๆ กับบอกให้ไปเข้าคิว ดูเหมือนไอ้แก่มันจะหัวเสียน่าดู ในใจมันคงคิดว่าผมไร้มารยาทต่อผู้ใหญ่

ช่วยไม่ได้นะครับ ผู้ใหญ่ที่ไร้จิตสำนึกต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ควรค่าให้ผมเคารพหรอกครับ

001


...............................................................................................................................




Concept ออกแแบบกระดิ่งหน้าบ้าน บุรุษไปรษณีย์เห็นต้องมีอึ้ง!!!


...........................................................................................................................




ภูสิงห์ ศรีสะเกษ


......................................................................................................................




ธุรกิจที่สร้างสรรค์ผลงานที่ก่อประโยชน์และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับมนุษย์ ธุรกิจนั้นย่อมเป็นธุรกิจที่ดีและมีอนาคต


..........................................................................................................................


"คือถ้าคนที่กูรู้จักคนไหนเชื่อว่าการเสนอให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เป็นเรื่องเดียวกับการล้มเจ้าแล้ว กูก็จะจัดระดับสติปัญญาของพวกแม่งแบบจำกัดไว้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่สมควรจะเสวนาด้วยเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องใช้สมองครับ และคงจะคุยได้แค่เรื่องเพลงนิวจิ๋วหรือหนังตลกอย่างพี่มากเท่านั้น" มิตรสหายท่านหนึ่ง


............................................................................................................................


คุณเคยเจอคนที่ไม่เชื่อทฤษฏีวิวัฒนาการไหม?
พอปฏิเสธส่วนที่ตกผลึกไปแล้วของวิทยาศาสตร์ส่วนที่อธิบายชีวิต
คุณจะไปต่อไม่ถูก

ต่อไปเอาอันนี้ให้อ่าน


เพจ คนไม่ได้มาจากลิง —
หนึ่งในสิ่งที่คนมักเข้าใจกันก็คือวิวัฒนาการนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ สังเกตไม่ได้ มีแต่ขุดหาฟอสซิลมาเชื่อมโยงกันว่าไอ้นี่เป็นญาติไอ้โน่นมั่วๆ เท่านั้น แต่ไม่เห็นมีวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นจะๆ คาตาเสียที

แต่ความเข้าใจนี้ไม่ถูกต้องครับ

ตัวอย่างที่ 1. วิวัฒนาการของนกฟินช์
ในขณะที่คนจำนวนมากรับรู้ว่าชาร์ลส์ ดาร์วินได้แนวคิดเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาจากการสังเกตนกฟินช์บนหมู่เกาะกาลาปากอส สิ่งที่อีกหลายคนยังไม่รู้ก็คือนับจากวันนั้นจนวันนี้ นกฟินช์ยังแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการอยู่เรื่อยๆ เช่นนกฟินช์สายพันธุ์ Medium ground finch (Geospiza fortis) มีขนาดจงอยปากที่เล็กลงเพื่อให้สะดวกต่อการกินเมล็ดพืชเล็กๆ มากขึ้นหลังจากที่นกตัวใหญ่กว่าเข้ามาแย่งหาอาหารบนเกาะจนแทบจะต้องสูญพันธุ์ไป

ตัวอย่างที่ 2. การคัดเลือกตามธรรมชาติที่ได้รับอิทธิพลจากมนุษย์
มนุษย์เองก็เป็นปัจจัยหนึ่งในกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติได้เช่นกัน เมื่อมนุษย์ชอบหาบัวหิมะมาบริโภค โดยเฉพาะที่ใหญ่ๆ บัวหิมะก็เริ่มจะมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้การที่มนุษย์ชอบตกปลาหรือล่ากวางคาริบูก็ทำให้สายพันธุ์ที่มนุษย์นิยมล่านี้ชักจะมีขนาดเล็กลงและเริ่มสืบพันธุ์เร็วขึ้น (ก่อนวัยอันควร?)

ตัวอย่างที่ 3. วิวัฒนาการในมนุษย์
มนุษย์มีการปรับตัวให้เข้ากับภูมิภาค วัฒนธรรม และอาหารการกิน ทำให้มนุษย์ในแต่ละท้องที่เริ่มพัฒนาความแตกต่างจากมนุษย์ที่อาศัยที่อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ความต้านทานต่อผลิตภัณฑ์จากนมที่ปรากฏในชาวยุโรปมากกว่าชาวจีนหรือชาวแอฟริกา

ตัวอย่างที่ 4. ผีเสื้อพัฒนาการต้านเชื้อแบคทีเรีย
ประชากรผีเสื้อเขตร้อนในเกาะแปซิฟิกใต้พัฒนาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งภายในปีเดียว ตอนแรกตัวเมียจะติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะทำให้ตัวผู้ตายก่อนที่จะฟัก ทำให้ประชากรผีเสื้อเพศผู้มีจำนวนลดน้อยลงมากเหลือแค่ 1% จากประชากรทั้งหมด แต่ในปีถัดมาประชากรเพศผู้กลับเพิ่มเป็น 40% ของประชากรทั้งหมด เนื่องด้วยมีวิวัฒนาการยีนต้านแบคทีเรียขึ้นมา

ตัวอย่างที่ 5. ขาคางคกยาวขึ้น
คางคกมีพิษชนิดหนึ่งถูกชาวออสเตรเลียนำมาใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชอ้อยในช่วงปี 1936 แต่เริ่มมีการระบาดเป็นศัตรูพืชที่ควบคุมไม่ได้เสียเอง นักวิจัยพบว่าในช่วง 20 ปีแรกมันแพร่กระจายตัวได้แค่ 6 ไมล์ต่อปีเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลายเป็น 30 ไมล์ต่อปีแล้ว จากการศึกษาพบว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะขาของมันยาวกว่าเดิมถึง 6% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าครองพื้นที่ที่เหมาะสมจะยึดเป็นแหล่งอาศัยได้ดีขึ้น

ตัวอย่างที่ 6. รูป intermediate form ของปลาซีกเดียว
ปลาซีกเดียวคือปลาที่มีลำตัวแบนข้าง มีตาสองข้างอยู่บนด้านเดียวกัน เช่นปลาลิ้นหมา ปลาช่อม่วง ซึ่งแม้คำอธิบายว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้สะดวกต่อการนอนแบนราบบนพื้น ไม่ให้ตาที่อยู่คนละซีกกันต้องไปแตะพื้นตลอดเวลาก็เลยวิวัฒนาการมาอยู่ด้านเดียวกันซะเลยจะค่อนข้างฟังขึ้น แต่นักชีววิทยาก็ยังมีข้อโต้แย้งว่าแต่รูป intermediate form (คือรูปร่างระหว่างการวิวัฒนาการ) จากที่ตาอยู่คนละข้างมาเป็นข้างเดียวกันนี่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ เพราะตาที่ย้ายข้างแบบครึ่งๆ กลางๆ มันก็ยังอยู่ข้างเดียวกับพื้นอยู่ดี แต่ตอนนี้นักชีววิทยาพบแล้วว่ามันมีวิวัฒนาการแบบนี้จริง ก็เพราะพบปลาดึกดำบรรพ์ที่เป็น intermediate form ระหว่างการย้ายดวงตาเข้าจนได้

ตัวอย่างที่ 7. จิ้งเหลนเสียขา
นักวิทยาศาสตร์พบว่าจิ้งเหลนบางชนิดจากที่เคยมีขา มีนิ้วเท้า 5 นิ้ว วิวัฒนาการไปเป็นจิ้งเหลนไร้ขาได้เพียงในเวลาเพียง 3.6 ล้านปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างสั้นสำหรับการวิวัฒนาการ เนื่องจากขานั้นเป็นอุปสรรคต่อการแหวกว่ายดินหรือทราย ก็เลยหดหายมันไปเสียเลย

ขอบคุณบทความต้นฉบับจาก NBNC News ครับ
http://www.nbcnews.com/id/29040024/ns/technology_and_science-science/t/signs-evolution-action


..........................................................................................................................


กวดวิชา แป๊ะเจี๊ย ความรู้คู่คุณธรรม การสอบเข้ามหาวิทยาลัย.. แก้ยังไง


http://www.youtube.com/watch?v=CcvIDG6_Wiw&feature=youtu.be

.........................................................................................................................

ศาลโลกวันแรก กัมพูชาชี้ปัญหาเกิดจากการเมืองภายในของไทยเอง


http://prachatai3.info/journal/2013/04/46239?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook


Mon, 2013-04-15 18:38

กัมพูชาแถลงด้วยวาจาวันแรก ชี้ ไทยทำให้เกิดความคลุมเครือในการอ้างแผนที่ ระบุปัญหาการเมืองภายในไทยเป็นเหตุความขัดแย้ง ด้านกลุ่ม 'กำลังแผ่นดิน' นัดระดมพลปักธงชาติไทยที่ผามออีแดงวันที่ 17 เม.ย. นี้
เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ศาลโลก กรุงเฮก เริ่มการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มการแถลงด้วยวาจา โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย นายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาต่างเข้าร่วมในการพิจารณาวันแรก
สำหรับคำร้องของกัมพูชานั้น กัมพูชาอ้างว่าค าพิพากษาเดิมไม่ชัดเจน และไทยยังไม่ได้ปฏิบัติตาม โดยยังมิได้ถอนกำลังทหารหรือตำรวจออกจากบริเวณใกล้เคียงปราสาท โดยกัมพูชาให้เหตุผลว่า วรรคปฏิบัติการที่ 2 ของคำพิพากษาเดิมไม่ระบุชัดเจนว่า “บริเวณใกล้เคียงปราสาท” ครอบคลุมพื้นที่แค่ไหน ดังนั้น กัมพูชาจึงขอให้ศาลฯ ตัดสินว่า ขอบเขตของ “บริเวณใกล้เคียงปราสาท” จะต้องเป็นไปตามเส้นเขตแดนที่ปรากฏบน “แผนที่ภาคผนวก 1” ซึ่งแนบท้ายคำฟ้องของกัมพูชาในคดีเดิม ตามที่กัมพูชาถ่ายทอดเส้นดังกล่าวในปัจจุบัน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าบริเวณดังกล่าว มีขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร
โดยนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ชี้แจงด้วยวาจาระบุถึงสาเหตุที่กัมพูชาต้องยื่นให้ศาลโลกตีความ คำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ.2505 (ค.ศ. 1962) เนื่องจากกัมพูชาต้องการความชัดเจนในเรื่องของเขตแดน อธิปไตยและบูรณภาพ อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่า ศาลโลกตัดสินไปแล้วว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในการครอบครองของกัมพูชา
ทนายความของฝายกัมพูชา ระบุด้วยว่าปัญหาระลอกล่าสุดที่เกิดขึ้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในของไทยเอง ซึ่งปี 2006 (พ.ศ. 2549) นั้น นายกรัฐมนตรีทักษิณ เป็นนายกนั้นไทยได้เห็นชอบกับการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่ในเดือนกันยายนปี 2006 มีการรัฐประหาร ในวันที่ 17 พ.ค. 2007 (พ.ศ.2550) ประเทศไทยได้ส่งบันทึกช่วยจำมายังกัมพูชา มีการพูดถึงเขตพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และอ้างเรื่องเขตแดนตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนที่ L7017 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ไทยจัดทำขึ้นมาฝ่ายเดียว และเป็นแผนที่ใหม่ที่เขียนว่า “ลับ” ไม่ได้เป็นแผนที่ที่อยูในเอ็มโอยู ปี 2000 (พ.ศ.2543)
พอมาถึงปี 2008 (พ.ศ.2551)ไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง และผู้แทนสองรัฐบาลได้ลงนามในแถลงการร่วมปี 2008 โดยรัฐบาลไทยได้ให้ความสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของทางกัมพูชา และ 7 ก.ค. ปี 2008 คณะกรรมการมรดกโลกได้เตรียมขึ้นทะเบียน แต่ ศาลปกครองของไทยได้ระบุให้ลงนาม MOU ระหว่างไทย-กัมพูชา ของรมต.ต่างประเทศไทยขณะนั้น (นพดล ปัทมะ) เป็นโมฆะ
กัมพูชาจึงต้องทำการประท้วงไปยังสมัชชาสหประชาชาติ ว่าแผนที่ใหม่ของไทยไม่สอดคล้องกับภาคผนวก และไม่สอดคล้องกับคำพิพากษาของศาล และสิ่งท่ำไทยกำลังทำตอนนี้คือการพยายามรื้อฟื้นการตีความคำพากษาของศาลโลก
และนำมาสู่การร้องขอต่อศาลโลกให้ตีความคำพิพากษาศาลโลกอีกครั้ง
กลุ่มกำลังแผ่นดิน เตรียมปักธงที่ผามออีแดง 17 เม.ย.
สำหรับการเคลื่อนไหวในส่วนของประชาชนไทย เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า กลุ่มพลังจะรวมตัวกันในวันที่ 17 เม.ย. เพื่อรวมพลังนำ"ธงชาติไทย" ไปปักในพื้นที่เขาพระวิหาร โดยนายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้นัดหมายกับกลุ่มพลังมวลชนทวงคืนแผ่นดินเขาพระวิหารทุกกลุ่มทุกเครือข่าย โดยในวันที่ 17 เมษายนนี้ จะรวมพลังชาวไทยผู้รักชาติจำนวนประมาณ 10,000 คนนำเอาธงชาติไทย ความสูง 21 เมตรขึ้นไปปักที่บริเวณเขาพระวิหาร หรือบริเวณภูมะเขือให้ได้ ซึ่งจะเริ่มรวมพลังกันตั้งแต่เวลา 07.00 น. บริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนขึ้นไปบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งหากมีการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ จะทำไม้ง่ามประมาณ 50 อันเพื่อใช้สำหรับผลักดันลวดหนามหีบเพลงที่ขวางถนนให้พ้นทาง เพื่อนำขบวนขึ้นไปบริเวณผามออีแดงให้ได้
ลำดับเหตุการณ์ความขัดแย้งระลอกใหม่ไทย-กัมพูชา
หลังจากศาลโลกเคยมีคำสั่งเมื่อปี 2505 ให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา เวลาผ่านไปกว่า 50 ปี ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยพื้นที่พิพาทบริเวณเขาพระวิหารก็ได้เกิดขึ้นระลอกใหม่ในปี 2551
โดยในวันที่ 26 มิถุนายน 2551 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 17 มิถุนายน 2551 ที่รับรองการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่สนับสนุนให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
ขณะเดียวกันพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ในปี 2551 ก็นำประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารมาเป็นประเด็นหนึ่งในการขับไล่รัฐบาล
และหลังจากที่ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนตามคำขอของกัมพูชาให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ก็นำมาซึ่งความตึงเครียดอีกครั้งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา ได้ต่างเพิ่มกำลังทหารที่บริเวณชายแดน กระทั่งหลังเปลี่ยนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความขัดแย้งที่ชายแดนได้ลุกลามเป็นการปะทะเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2552
และต่อมาการปะทะระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชาได้ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งในปี 2553 ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ทำให้ต่อมารัฐบาลกัมพูชาต้องขอคำสั่งคุ้มครองจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งต่อมาได้ออกคำสั่งให้ทั้งสองประเทศต้องถอนกำลังทหารในวันที่ 18 กรกฎาคม 2554
กระทั่งล่าสุดเมื่อ 18 กรกฎาคม 2555 หรืออีก 1 ปีต่อมาทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชามีการถอนทหารออกจากเขตปลอดทหารรอบปราสาทพระวิหารเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศถ่ายทอดสดการพิจารณาคดี
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ถ่ายทอดสดการให้การทางวาจา พร้อมแปลเป็นภาษาไทยทันทีคำต่อคำ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะถ่ายทอดผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ (๑) เว็บไซต์ที่กระทรวงฯ จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ทาง www.phraviharn.org  (สามารถเลือกฟังเสียงภาษาที่ใช้จริง เสียงภาษาอังกฤษ และเสียงภาษาไทย) (๒) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ช่อง ๑๑) (๓) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM ๙๒.๕ และ AM ๘๙๑ และ (๔) สถานีวิทยุสราญรมย์ AM ๑๕๗๕
โดยวันนี้เป็นการแถลงด้วยวาจาของฝ่ายกัมพูชา ส่วนกำหนดการแถลงด้วยวาจาของทั้ง 2 ฝ่ายมีดังนี้
วันจันทร์ 15 เมษายน 2556 - โดยกัมพูชา
เวลากรุงเฮก   เวลากรุงเทพ
10.00 น. – 13.00 น. 15.00 น. – 18.00 น.
15.00 น. – 16.30 น. 20.00 น. – 21.30 น.
           
วันพุธ 17 เมษายน 2556 - โดยไทย
เวลากรุงเฮก   เวลากรุงเทพ
10.00 น. – 13.00 น. 15.00 น. – 18.00 น.
15.00 น. – 16.30 น. 20.00 น. – 21.30 น.
           
รอบสองของการให้การทางวาจา
วันพฤหัสบดี 18 เมษายน 2556 - โดยกัมพูชา
เวลากรุงเฮก   เวลากรุงเทพ
15.00 น. – 17.00 น. 20.00 น. – 22.00 น.
           
วันศุกร์ 19 เมษายน 2556 - โดยไทย
เวลากรุงเฮก   เวลากรุงเทพ
15.00 น. – 17.00 น. 20.00 น. – 22.00 น





.........................................................................................................................




สรุปคำแถลง"ฮอร์ นัมฮง-3ทนายกัมพูชา" เหตุยื่นศาลโลกตึความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี2505

แถลงด้วยวาจาระบุถึงสาเหตุกัมพูชาต้องยื่นให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือโลกตีความ คำพิพากษาเมื่อวันที่ 15มิถุุนายน 2505 เนื่องจากกัมพูชาต้องการความชัดเจนในเรื่องของเขตแดน อธิปไตยและบูรณภาพ อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่า ศาลโลกตัดสินไปแล้วว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนของกัมพูชา

รองนายกฯกัมพูชา ระบุรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งกำลังทหารรุกรานประเทศกัมพูชา ในพื้นที่รอบๆปราสาทพระวิหาร ซึ่งกัมพูชาพยายามขอขื้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)นายฮอร์ นัมฮง ยังอ้างถึงหลักฐานต่างๆที่แสดงให้เห็นว่า ระหว่างปี 2551,2552,2554 ฝ่ายไทยใช้กำลังอาวุธ บุกรุกดินแดนของกัมพูชา ทำให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและผู้อพยพพลัดถิ่นเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันศาลโลกมีคำสั่งมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ 18กรกฎาคม 2554 ฝ่ายไทยและกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทหรือเขตปลอดทหาร นายฮอร์ นัมฮงแถลงย้ ำต่อศาลโลกว่า กัมพูชาต้องการให้ตีความคำพิพากษาปี 2505 เรื่องเขตแดนที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการปักปันเขตแดน

ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีอ้างคำแถลงของนายฮอร์ นัมฮง ระบุว่า ปราสาทพระวิหารเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติสุขที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา หากปราศจากการตีความคำพิพากษา 2505แล้ว อาจเกิดผลที่ไม่คาดหมายดังนั้นจึงควรป้องกันเพื่อให้สองประเทศอยู่ร่วมอย่างมิตร เกิดสันติสุขและความร่วมมือต่อกัน

เวลา 15.30น.นายฌอง มาร์ค ซอเรล ทนายความฝ่ายกัมพูชาชาวฝรั่งเศส แถลงต่อศาลโลกโดยหยิบยกหลักฐานคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ระบุศาลพิพากษาตามแผนที่ภาคผนวก1หรือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000ระวางดงรัก ครอบคลุมพื้นที่ปราสาทพระวิหารและบริเวณใกล้เคียงปราสาท (Vicinity of the Temple) และไทยจะต้องถอนกำลังทหารออกจากเขตแดนรอบปราสาทพระวิหารนายซอเรลระบุว่า เส้นเขตแดนระหว่างไทยกัมพูชาจะต้องยึดตามแผนที่แนบท้าย ไม่ใช่ตีความเลื่อนลอยอย่างที่ไทยกล่าวอ้าง

เวลา 16.00น. เซอร์แฟรงคลิน เบอร์แมน ทนายความฝ่ายกัมพูชาคนที่สอง เป็นชาวอังกฤษแถลงต่อศาลโลกระบุไทยไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก เมื่อปี 2554ที่ให้ถอนทหารออกจากเขตพิพาทรอบปราสาทพระวิหาร ไทยถอนกำลังทหารออกไปเมื่อศาลโลกมีคำสั่งมาตรการชั่วคราว วันที่ 18กรกฎาคม 2554 แต่ส่งกำลังทหารกลับเข้าไปในพื้นที่พิพาทกับกัมพูชาอีกครั้งจึงอยากให้ศาลโลกตีความให้เป็นคำสั่งถาวรมิใช่เป็นเพียงคำสั่งชั่วคราวเท่านั้น

เวลา 17.00น. เซอร์แฟรงคลิน เบอร์แมน ทนายความฝ่ายกัมพูชาคนที่สอง ชาวอังกฤษแถลงด้วยวาจาในคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลกเพิ่มเติม โดยหยิบยกหลักฐานของฝ่ายไทยที่เป็นมติคณะรัฐมนตรี(มติครม.) เมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2505 เป็นหลักฐานหลังศาลโลกมีคำพิพากษาแล้ว
นายเบอร์แมนอ้างถึงมติครม.ดังกล่าวว่า ฝ่ายไทยกำหนดเส้นแบ่งเขตไทยกัมพูชาเอาเองและล้อมรั้วลวดหนาม อีกทั้งยังมีคำสั่งห้ามรุกล้ำเขตแดนถ้าใครละเมิดจะถูกยิง

"มติครม.ของไทยถือเป็นการตีความคำพิพากษาของศาลและเป็นการกระทำของไทยเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งเส้นเขตแดนขีดเส้นนั้นมีพื้นที่น้อยกว่าในแผนที่ภาคผนวกคำพิพากษากว่าครึ่งหนึ่ง"นายเบอร์แมนเรียกร้องให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505ให้ชัดเจนเพื่อให้ไทยปฎิบัติตาม

เวลา 17.30น. นายร็อคแมน บุนดี ทนายความฝ่ายกัมพูชาคนที่สาม ชาวอเมริกันแถลงด้วยวาจาในคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลกเพิ่มเติม โดยหยิบยกหลักฐานเขตแดนที่ล้อมด้วยรั้วลวดหนามซึ่งไทยเป็นฝ่ายทำขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2505โดยกัมพูชาถือว่าเป็นการกระทำของฝ่ายไทยเพียงฝ่ายเดียวและรัฐบาลไทยยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ยิงคนที่รุกล้ำดินแดนอีกด้วยนายบุนดี กล่าวว่า เมื่อสมเด็จนโรดม สีหนุ เสด็จฯเยือนปราสาทพระวิหารในปี 2506 ทรงไม่เห็นด้วยที่ไทยปักรั้วลวดหนาม แต่ทางไทยได้อ้างเองฝ่ายเดียวว่าสมเด็จสีหนุทรงพอใจ ทั้งนี้รัฐบาลกัมพูชาได้ร้องทักท้วงตลอด และยื่นประท้วงไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในปี 2509

นายบุนดีแถลงต่อศาลโลกอีกว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ในปี 2533 - 2550 ไทยยอมรับ แผนที่ในภาคผนวกหนึ่ง (ฉบับแนบท้ายสัญญาของฝรั่งเศสที่ศาลโลกใช้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา) มาโดยตลอด กระทั่งเกิดรัฐประหารปี 2549 ไทยได้เผยแพร่แผนที่หมายเลข L7017 ลากเส้นแบ่งเขตแดนตาม มติครม.ของไทย ในปี 2505 เป็นครั้งแรก แผนที่ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคำตัดสินของศาลโลกในปี 2505

"กัมพูชาอ้างอิงจากแผนที่ในภาคผนวกหนึ่งมาโดยตลอด รัฐบาลไทยเคยยอมรับแผนที่ดังกล่าว แต่ไม่ใช่แผนที่ หมายเลข L7017 กำหนดโดยมติครม. ของไทยฝ่ายเดียว "นายบุนดีกล่าว
สดตอนนี้ช่อง 11 ต่อครับ!
-------------------------------------------


...........................................................................................................................

พลังงานไทย เพื่อคนไทย (จริงๆ) - ตอนที่ 4 ความเข้าใจเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายในการสำรวจผลิตปิโตรเลียมและราคาขายปิโตรเลียมที่ถูกต้อง
http://www.facebook.com/notes/siriwat-whin-vitoonkijvanich/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-4-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%9C/10151593691759124

...........................................................................................................................




มีเพื่อนท่านหนึ่งเอาภาพนี้มาโพสต์ถามในหน้าเพจ แอดมินจะไม่ขอลงลึกในรายละเอียดนะครับ แต่มันมีประเด็นที่ชัดเจนมากในรูปนี้คือ "การตีความข้อมูล" ครับ

การตีความข้อมูลแบบผิดๆเป็นวิธีที่ฝ่ายทวงคืนฯใช้มาหลายครั้งหลายหนครับ ในรูปนี้ก็ด้วยครับ เค้าบอกว่ารายงานของบ.เฮสที่ได้สัมปทานในไทยระบุว่าต้นทุนการผลิตปิโตรเลียมในไทยต่ำที่สุดแต่ขายได้ราคาดีที่สุด

แอดมินดูภาพแล้วงงจนต้องเกาหัวสี่ห้ารอบ ในภาพเค้าบอกว่าประเทศไทยตรงไหนครับ? เห็นแต่คำว่า Asia แต่คนทำรูปนี้กลับเหมาว่า Asia = Thailand ไปซะอย่างนั้น นี่เป็นการตีความข้อมูลที่ตลกมากครับ คือไทยอยู่ในเอเชีย ก็เหมาไปว่าข้อมูลของทั้งเอเชียเป็นข้อมูลของประเทศไทยด้วยซะเลย แบบนี้มันถูกเหรอครับ?

เราจะเห็นว่าตัวเลขในรูปมันคือค่าเฉลี่ยของข้อมูลทั้งหมด คนทำรูปเค้าลืมไปหรือเปล่าครับว่าเอเชียเนี่ยมีกี่ประเทศ แล้วพวกประเทศโอเปคประเทศตะวันออกกลางก็อยู่ในนี้ด้วย คิดทั้งในแง่ความเป็นจริงและในเชิงสถิติแล้วมันไม่มีทางจะเอาชุดข้อมูลเฉลี่ยทั้งหมดนี้มาอ้างให้เป็นตัวเลขของประเทศไทยได้เลยครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ ถ้าค่าเฉลี่ยรายได้ต่อวันของทั้งประเทศอยู่ที่ 300 บาท หมายความว่าคุณต้องมีเงินเดือนวันละ 300 เหมือนกันรึเปล่าครับ? ไม่จำเป็นใช่มั้ยครับ เพราะสมาชิกของข้อมูลอาจมีค่ามากหรือน้อยกว่าค่าเฉลี่ยก็ได้ เช่นเดียวกับกรณีข้อมูลต้นทุนการผลิตปิโตรเลียมข้างต้นนั้นนั่นเองครับ เอาค่าเฉลี่ยทั้่งทวีปแล้วมาเคลมว่านี่เป็นข้อมูลของประเทศไทยเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งครับ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่คือเถียงในระดับของการตีความข้อมูลเองนะครับ ยัีงไม่ได้ลงในรายละเอียดของตัวข้อมูลเลยด้วยซ้ำ ถ้าดูตรงด้านล่างเค้าก็เขียนบอกไว้ว่าต้นทุนที่ว่ามานี้ไม่รวมเงินทุนที่ต้องลงไปเป็นค่าสำรวจ ค่าตั้งแท่นขุด ค่าดำเนินการ ค่าบริหาร ไม่รวมค่าภาคหลวง ไม่รวมภาษีที่ต้องจ่ายให้รั

โดยสรุปแล้วก็กล่าวได้ว่ารูปที่ทำขึ้นนี้ก็เป็น "ทริค" ที่ฝ่ายทวงคืนทำขึ้นมาลวงให้คนเชื่อในข้อมูลผิดๆนั่นเองครับ


..........................................................................................................................

มหากาพย์เขาพระวิหาร #1

เกาะกระแสเรื่องเขาพระวิหารสักหน่อย
ผมก็หวังว่า หลักกฏหมายปิดปาก และการยอมรับโดยปริยายของเจ้านโรดม สีหนุ จะทำให้ไทยมีโอกาสชนะในครั้งนี้ 

ที่จริงแล้ว ในเรื่องเขาพระวิหาร หลายๆคนคงได้ยินมาว่า ในปี พ.ศ. 2505 ศาลโลกได้พิพากษาให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ซึ่งในครั้งนั้นคำพิพากษาของศาลโลกได้ทิ้งปมที่ต้องตีความไว้ 2 เรื่องคือ 
1. “เขตแดน” ที่ศาลไม่ได้ตัดสิน
2. “พื้นที่ที่ไทยต้องคืนให้กัมพูชา” ซึ่งศาลไม่ได้ระบุว่าควรมีเท่าใด

จนเกิดเป็นประเด็นร้อนในปัจจุบัน (ที่จริงก็ร้อนเป็นพักๆ โดยเฉพาะการเอามาเป็นประเด็นการเมืองในปี พ.ศ.2551)

แต่ถ้าได้ศึกษาย้อนกลับไปแล้วจะพบว่า ไทยได้ปล่อยโอกาสในการได้เขาพระวิหารกลับคืนมาหลุดมือไปเองหลายครั้ง! 

ชุดแรก(หลายต่อหลายครั้งมากในชุดนี้): คือในช่วงที่แผนที่ที่รู้จักกันในนามแผนที่ภาคผนวก 1 มาตราส่วน 1: 200,000 ตารางกิโลเมตรถูกเผยแพร่จากฝรั่งเศส ซึ่งแผนที่นี้เป็นเหมือนภูเขาไฟลูกย่อมๆ ที่ปะทุขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงเวลาต่างๆ 

ในช่วงปี พ.ศ. 2447 ถึง พ.ศ. 2451 ประเทศฝรั่งเศสมีฐานะเป็นรัฐผู้อารักขากัมพูชา ได้ทำสัญญากับประเทศไทยอยู่หลายฉบับ แต่มีสัญญาอยู่ฉบับหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ คือ สัญญาซึ่งลงในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2447 มีความตกลงอยู่ว่า พรมแดนที่เป็นปัญหาให้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ในการแบ่งเขตแดน และให้แต่งตั้งคณะกรรมการปักบันเขตแดน เพื่อได้ทำการสำรวจบริเวณพื้นที่แถบนั้น และปักปันเขตแดนชุดใหม่ 

ซึ่งคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมา 2 ชุด (เนื่องจากมีการลงนามในสัญญาแลกเปลี่ยนดินแดนเพิ่มเติม) ก็ได้สรุปเรื่องการปักปันดินแดนเป็นที่เรียบร้อย ในจุดที่เป็นสันปันน้ำก็ยึดตามสนธิสัญญา ซึ่งชัดเจนตามธรรมชาติ และเขาพระวิหารก็อยู่ในเขตไทยตามแนวสันปันน้ำ

ไม่ควรมีปัญหาอะไรเลย !!!

แต่ปรากฎว่ามีการจัดทำแผนที่ ที่จำนวน 11 ท่อน มาให้รัฐบาลสยามในจำนวนนี้มีแผนที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับดินแดนบริเวณเขาพระวิหารด้วยฉบับหนึ่ง ทางฝรั่งเศสลากเส้นเอาเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของประเทศไทย ไปอยู่ในฝั่งเขตแดนกัมพูชาของทางฝรั่งเศสด้วย โดยมิได้ยึดแนวสันปันน้ำเป็นเกณฑ์
สาเหตุที่มีการจัดทำแผนที่นี้เพราะว่า 
มีหลักฐานชัดเจนว่าไทย "ขอร้อง" ให้ฝรั่งเศสจัดทำขึ้น!
"
เมื่อสถานทูตไทย ณ กรุงปารีส ได้รับแผนที่ทั้ง 11 ฉบับจาก
คณะกรรมการปักปันฝ่ายฝรั่งเศส เอกอัครราชทูตได้มีหนังสือไปยัง กต.
ในกรุงเทพฯมีข้อความว่า 
“ในเรื่องที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนสยามตามคำร้องขอของกรรมการ
ฝ่ายสยามให้กรรมการฝ่ายฝรั่งเศสช่วยจัดทำแผนที่เขตแดนต่าง ๆ ขึ้น
นั้น บัดนี้ คณะกรรมการฝ่ายฝรั่งเศสได้ปฏิบัติงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ทูตไทยคนดังกล่าวยังระบุว่าตนได้รับแผนที่จำนวน 50 ชุด และได้ส่งแผนที่
อย่างละชุดไปยังสถานทูตไทยในยุโรปและอเมริกา
"
สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้ขอบคุณทูตฝรั่งเศส ณ กรุงเทพฯ และขอแผนที่เพิ่มอีกอย่างละ 15 ชุดเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ข้าหลวงประจำจังหวัด

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2452 คณะกรรมการจัดทำแผนที่ประเทศสยามก็ยังได้ประชุมกันที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดทำแผนที่ประเทศสยามฉบับย่อขึ้น โดยใช้แผนที่ภาคผนวกที่ 1 เป็นแม่แบบ
ต่อมาในต้นปี พ.ศ. 2472 สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้เสด็จไปทอดพระเนตรเขาพระวิหาร ซึ่งมีนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสคอยต้อนรับ และมีธงฝรั่งเศสประกาศอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร
การเสด็จครั้งนี้ ถูกชี้เป็นเหตุการณ์ที่สยามยอมรับอำนาจอธิปไตยของฝรั่งเศสเหนือดินแดน ตามแผนที่เจ้าปัญหา

นอกจากนั้น
ระหว่างปี พ.ศ. 2477 -2478  ไทยทำการสำรวจบริเวณนี้ด้วยตนเอง และพบความจริงข้อนี้ และแผนที่ที่ทำขึ้นเองนี้ก็แสดงว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตไทย แต่ไทยยังคงใช้แผนที่ภาคผนวก 1 ตลอดมา
และในปี พ.ศ. 2480 เมื่อมีการลงนามสนธิสัญญากับฝรั่งเศสเพื่อยืนยันเส้นเขตแดนร่วมที่มีอยู่แล้วอีกครั้งหนึ่ง “กรมแผนที่ของสยามก็ยังคงพิมพ์แผนที่แสดงว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในเขตของกัมพูชาอยู่อีก”
การที่สยามไม่คัดค้านและยังใช้อ้างอิงหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการเสด็จเยือนของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ จึงถูกมองว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดจนทำให้แพ้คดีในภายหลัง

หมายเหตุ:
อาจารย์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์อุษาคเนย์ ได้ให้ความเห็นอีกแง่มุมหนึ่งว่า
"สมัยโน้น ปราสาทเขาพระวิหารหาใช่ประเด็นสำคัญอะไรไม่...สมัยการล่าเมืองขึ้นซึ่งตรงกับรัชกาลที่ 5 ที่มีกรมพระยาดำรงฯ เป็น 'มท. 1' เป็น'พระหัตถ์ข้างขวา' ตัวปราสาทถูกทิ้งร้างอยู่ในป่า หนทางไปก็แสนทุรกันดาร คนที่สนใจก็มีเีพียงนักโบราณคดีหรือข้าราชการฝรั่งเศสและสยามไม่กี่คน ประชาชนทั่วไปยกเว้นชาวบ้านแถบนั้นไม่รู้จักปราสาทเขาพระวิหาร"

จึงไม่แปลกที่ไม่มีการทักท้วง

ส่วนเรื่องแผนที่ รัฐบาลสยามสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงทำเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2418 โดยจ้างนายเฮนรี อาลาบาสเตอร์(ต้นตระกูลเศวตศิลา) ชาวอังกฤษ เป็นที่ปรึกษา และมีการทำผังเมืองกรุงเทพฯ ทำแผนที่วางสายโทรเลขไปยังเมืองพระตะบอง และยังจ้างผู้เชียวชาญอย่างเจมส์ แมคคาธี (ต่อมาเป็นพระวิภาคภูวดล เจ้ากรมเซอร์เวทางและทำแผนที่)เพื่อทำแผนที่พระราชอาณาเขตที่มีปัญหากับเจ้าอาณานิคมอีกด้วย

ดังนั้น ประเด็นหลักของเรื่องนี้คือ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของเจ้าอาณานิคมฝรั่ง กับการทูตเรือปืนนั่นเอง


...........................................................................................................................




































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น