วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

02/05/2556


โกดักขายกิจการล้างหนี้ หลุดล้มละลายอีสต์แมน โกดัก ประกาศข้อตกลงส่งมอบธุรกิจฟิล์มและพรินติ้ง ให้กับกองทุนบำนาญอังกฤษ ปลดหนี้ที่ค้างอยู่กับกลุ่มเจ้าหนี้รายหลัก หลุดพ้นล้มละลาย

ธุรกิจที่จะถูกขายในครั้งนี้ รวมถึง ร้านค้าปลีก รูปเอกสาร และแผงถ่ายรูปทั่วโลกของโกดักที่ลูกค้าสามารถถ่ายรูปด่วนได้โกดักระบุว่า บริษัทได้ขายธุรกิจภาพถ่ายบุคคล และรูปเอกสารให้กับกองทุนบำนาญโกดักอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของบริษัทในวงเงิน 650 ล้านดอลลาร์ และไกล่เกลี่ยหนี้มูลค่า 2,800 ล้านดอลลาร์

นายแอนโตนิโอ เปเรซ ประธานกรรมการบริหาร และหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทโกดัก กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยปลดหนี้ทั้งหมดของโกดัก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องที่จำเป็นสำหรับการทำให้บริษัทหลุดพ้นจากการพิทักษ์ทรัพย์สิน ภายใต้กฎหมายล้มละลายมาตรา 11

หลังจากที่ปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว โกดัก ที่มีขนาดกิจการเล็กลง วางแผลที่จะขายธุรกิจพรินเตอร์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าประเภทธุรกิจ และเพลทแท่นพิมพ์ด้วย ตามด้วยการขายธุรกิจฟิล์มสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นลำดับต่อไ

ทั้งนี้ โกดักได้ยื่นคำร้องขอพิทักษ์ทรัพย์ทรัพย์สิน ภายใต้กฎหมายล้มละลาย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 หลังจากที่ดำเนินธุรกิจมานานถึง 131 ปี เพราะไม่สามารถแข่งขันในธุรกิจภาพถ่ายดิจิทัลได้ แม้จะเป็นธุรกิจกลุ่มแรกๆ ในการพัฒนาภาพถ่ายดิจิทัลก็ตาม

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

..........................................................................................................




ความจริงที่ต้องเผชิญ

ครูผู้หญิงกำลังขับรถจากบ้านไปโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ท่ามกลางการคุ้มกันของทหารในพื้นที่ ภายใต้สถานการณ์ความรุนแรงที่มักพุ่งเป้าไปยังบุคลากรทางการศึกษา

ภาพถ่าย วินัย ดิษฐจร

ติดตามชมสารคดีพิเศษไฟใต้ ได้ในฉบับเดือนพฤษภาคม 2556

เรื่องโดย ชัยรัตน์ จิโรจน์มนตรี นักสื่อสารอิสระ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเครือข่ายช่างภาพแดนใต้ เคยทำงานกับศูนย์ข่าวอิศราในช่วงแรกๆของสถานการณ์ไฟใต้ปัจจุบันทำงานสื่อสารสาธารณะ ประเด็นชายขอบของคนเล็กคนน้อยในพื้นที่ต่างๆ
 
.............................................................................................................



» เวลางานต้อง “สุดตัว” เวลาส่วนตัวก็ “สุดใจ”

`การทุ่มเวลาให้กับงาน จนลืมความสำคัญกับตัวเอง ไม่ใช่ชีวิตที่ถูกต้อง เพราะเวลาที่เราเจ็บป่วย ก็จะมีแต่คนที่รักเราเท่านั้นคอยดูแล´

ผมเป็นนักสะสมครับ แต่ไม่ได้เป็นของมีค่าอะไร เฉลยเลยว่าเป็น “Mail” ที่ได้ forward กันต่อๆ มา ซึ่งยอมรับว่าวันนี้มีไม่ต่ำกว่าหลักห้าร้อยแล้ว และแต่ละเรื่องก็ดีๆ เก็บไว้ใน Folder ส่วนตัว

ว่างเป็นเมื่อไหร่ ก็หยิบมาอ่าน หลายๆ อันสอนคติการใช้ชีวิต ให้มองมุมใหม่ บางอันเตือนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับเป็นเด็กที่อ่านแล้ว ไม่รู้จักจำ ไม่เอาไปใช้สักที

ล่าสุด ผมสบโอกาสกลับไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ “ดร.อภิวัฒน์” หรือชื่อใหม่ “ดร.วรฑา” ที่ลงในคมชัดลึกฉบับเดือนกันยายน ปี 48 อีกครั้ง อ่านจบปุ๊บ ก็ถึงกับตาสว่าง อดเอามาเล่าต่อไม่ได้ เป็นคติเตือนใจมากๆ

เลยกราบขออนุญาตครอบครัว “วัฒนะชยังกูล” มาด้วยความเคารพ โดยการยกเอาบางประโยคมานะครับ

“การทุ่มเวลาให้กับงาน จนลืมความสำคัญกับตัวเอง ไม่ใช่ชีวิตที่ถูกต้อง เพราะเวลาที่เราเจ็บป่วย ก็จะมีแต่คนที่รักเราเท่านั้นคอยดูแล หากเหตุผลของการทำงานหนักคือเพื่อเลี้ยงดูลูกเมีย ในที่สุดแล้ว ผลที่เกิดขึ้นก็จะมีแต่ลูกเมียเท่านั้นที่ได้รับความทุกข์นี้”


◌◌◌◌◌◌◌◌


คำสัมภาษณ์ข้างบน ทำให้ผมนึกถึงอีกประโยคที่มีคนเสียดสีไว้อย่างเจ็บปวด “ต่อให้เราทำงานหนักแค่ไหน ถ้าตายในหน้าที่ สุดท้ายบริษัทก็ให้ได้แค่พวงหรีด และเงินใส่ซองทำบุญ”

ใจหนึ่งผมไม่เห็นด้วย เพราะไม่คิดว่าเราต้องมองโลกในแง่ลบขนาดนี้ และบริษัทก็ไม่ได้ใจร้ายเสมอไป แต่อีกใจหนึ่ง เมื่อมองโลกตามความเป็นจริง ก็เริ่มเข้าใจ

คนที่พูดประโยคนี้คนแรก คงไม่มีอะไรไปกว่า ต้องการเตือนสติให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเข้าใจสัจธรรมของโลก และสร้างสมดุลชีวิตให้มากที่สุด

เพราะชีวิตไม่ได้มีเพียงด้านเดียว การใช้ชีวิตเพื่องานอย่างสุดโต่ง จนหลงลืมสิ่งรอบตัวอื่นๆ สุดท้ายอาจไม่เหลือชีวิตให้ใช้ก็ได้

ผมเองตอนเด็กก็เคยเชื่อผิดๆ ว่าบริษัทขาดคนอย่างเราไม่ได้ ขนาดมีวันพักร้อนก็ไม่ค่อยใช้ เจ็บป่วยยังไม่อยากลา จนเมื่อโตขึ้น จึงได้รู้ว่าเป็นการสำคัญตัวผิดเอามากๆ

และบริษัทเอง ก็ไม่ยินดีถ้าชีวิตนี้เราจะสะกดแต่คำว่า “งาน” อย่างเดียว


◌◌◌◌◌◌◌◌


เรื่องเดียวกันนี้ ผมเคยนั่งคุยกับเพื่อนบนโต๊ะอาหาร หลายคนถึงกับเล่าทั้งน้ำตาให้เป็นอุทาหรณ์ ตัวเองทุ่มเทกับงานสุดๆ บ้านช่องไม่กลับ จนลืมพ่อ ลืมบทบาทหน้าที่ของลูกที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

วันที่ท่านล้มป่วย ต้องรักษาตัวและจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมา เดินเกมผิดพลาดมาตลอด ไม่สามารถย้อนนาฬิกาชีวิตกลับไปแก้อะไรได้แล้ว สิ่งที่เหลือก็เป็นเพียงความทรงจำไว้เตือนใจ ไม่ให้ย้ำรอยประวัติศาสตร์เดิมๆ

แต่อย่าเข้าใจผิดว่า ผมกำลังบอกให้เอาเปรียบองค์กร เพราะผมไม่ได้มีใจเยี่ยงนั้น การทำงานก็ต้องเต็มที่ ทำด้วยใจรัก และสุดกำลังความสามารถ โดยคิดเสมือนว่าเป็นธุรกิจของตัวเอง

แต่อีกนั่นแหละ ชีวิตจริงไม่ได้มีแค่งานเท่านั้น สมการของงานเท่ากับเงิน แต่ก็เป็นเพียงเพื่อการหาเสบียงไว้เลี้ยงตัว ลำพังงานกับเงิน ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

บริบทของชีวิตยังมีพ่อ มีแม่ มีลูก มีเพื่อน มีคนรัก ที่สำคัญมี “ตัวเอง” ที่ทั้งหมดทั้งมวลต้องอาศัย “ใจ” ในการดูแลไม่แพ้กับ “งาน”


◌◌◌◌◌◌◌◌


ลูกน้องผมคนหนึ่ง กำลังมีลูกวัยน่ารัก พูดไว้น่าคิด...

"พอกลับบ้านทีไร ลูกหลับแล้วทุกที เวลาที่มีให้เขาหายไปทุกวันๆ เอาอะไรมาชดเชยก็ไม่ได้ ไม่เหมือนกับงาน ต่อให้เรากลับเร็ว พรุ่งนี้มาก็ต้องเจออยู่ดี มันไม่หนีไปไหนหรอก"

ผมเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์…ถึงเราทอดทิ้งงานแค่ไหน กลไกขององค์กร การควบคุมจากนายจ้าง การประเมินผล ก็ผลักดันให้เรากลับมาสนใจอยู่วันยังค่ำ

แต่ครอบครัวไม่ใช่ ถ้าล้มเหลว แตกแยก ขาดการเอาใจใส่ บางครั้งบางทีก็เอาคืนมาลำบาก หรือกลับมาแล้ว ความรู้สึกก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ต่างกับแก้วที่ร้าว หรือกระจกที่เริ่มมีรอย

คิดจะซ่อมน่ะหรือ? ยังไง ความสวยก็กลับมาไม่ถึงครึ่งของๆ เดิมที่เคยมีหรอก

หรือเพราะลึกๆ เราคิดว่าพ่อ แม่ คนในครอบครัว คือของตายที่ไม่มีวันทิ้งเร

ลองกลับไปทบทวนดีๆ ถ้าใครคิดแบบนี้จริงๆ ผมว่าน่าน้อยใจแทนพวกเขานะครับ


◌◌◌◌◌◌◌◌


สำหรับคนที่เป็นเจ้าคนนายคน อยากย้ำว่าการให้ Reward กับพนักงาน บางครั้งอาจไม่สำคัญเท่ากับการให้ “ใจ” ที่คนรับรู้สึกและสัมผัสได้

ตกเย็น ผมอยากเห็นภาพที่เจ้านายตบไหล่ลูกน้อง พร้อมกับย้ำให้กลับบ้านกลับช่อง ไปดูแลคนที่รัก หรือไปใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างอื่น ไม่ใช่จมอยู่กับงานแต่อย่างเดียว

ที่สำคัญเมื่อกลับบ้าน ก็ต้องถึงบ้านแบบจริงๆ ไม่ต้องเอางานหรือความเครียดผูกติดหลังไปด้วย ความสุขที่บ้าน คือการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ทำกิจกรรมร่วมกัน

ไม่ใช่กลับมา แต่ก็เลือกที่จะนั่งหน้าเครียดอยู่บน laptop ทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ให้ลูกๆ หรือคนในครอบครัวนั่งมองตาปริบๆ


◌◌◌◌◌◌◌◌


ผมสนุกและคิดต่อว่า หลักสูตร Training ขององค์กรทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ เน้นไปทางความรู้ ทักษะที่มุ่งหวังให้พนักงานเอากลับมาทุ่มเทพัฒนาบริษัท แต่ละเลยคอร์สที่สอนการใช้ชีวิต ความรัก ความสุขต่อปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ

ทั้งที่เวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน งาน represent เพียงแค่หนึ่งในสามเท่านั้น!

การได้สอนให้พนักงานใช้ชีวิตให้เป็น ในมุมกลับจะเป็นผลดีต่อองค์กรด้วยซ้ำ งานวิจัยก็เคยมีให้เห็นแล้ว คนที่มีปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาครอบครัว จะลงเองด้วยความเครียด และทำงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ชีวิตไม่ใช่ละคร คนเขียนบท ผู้กำกับ คนเล่นก็คือตัวเอง โดยแวดล้อมและบริบท มีตัวแสดงหลากหลาย งาน ก็คือชีวิต ครอบครัวก็คือชีวิต ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ การสร้างสมดุลให้เกิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ และท้าทายมนุษย์เงินเดือนมากๆ

คติง่ายๆ ทิ้งท้ายไว้ครับ เวลางานต้อง “สุดตัว” เวลาส่วนตัวก็ “สุดใจ” ไปเลยครับ


◌◌◌◌◌◌◌◌


Credit : ชัยพล กฤตยาวาณิชย์

......................................................................................................

...............................................................................................................




ฉบับเดือนพฤษภาคม 2556

วินัย ดิษฐจร เป็นช่างภาพอิสระผู้ถ่ายทอดเรื่องราวในพื้นที่ความขัดแย้ง เขาเริ่มต้นเก็บผลงานชิ้นนี้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2547 และเคยใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟนับสิบชั่วโมงเพื่อไปลั่นชัตเตอร์เพียงไม่กี่ภาพ

“ให้ตายขณะทำสิ่งที่รักและมีคุณภาพ ยังดีกว่าตายเพราะการจราจรในเมืองกรุง หรือโดนลูกหลงเพราะช่างกลตีกันเป็นไหนๆ”

คำคมจากช่างภาพหัวใจแกร่งท่านนี้

.....................................................................................................




"โซลาร์เซลล์" แบบใหม่

เซลล์แสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ หรือเซลล์ โฟโตโวลตาอิก (Photovoltaic cell) เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำซึ่งทำหน้าที่แปลงพลังงานแสงหรือโฟตอนเป็นพลังงานไฟฟ้า

ซึ่งที่ผ่านมา โซลาร์เซลล์ เป็นหนึ่งในรูปแบบของการผลิตพลังงานสะอาดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ถึงแม้จะมีราคาค่อนข้างสูงก็ตาม

และโซลาร์เซลล์สมัยใหม่นั้น สามารถที่จะเพ่งไปที่การเก็บพลัง งานให้ได้จำนวนมากๆ อย่างเดียวได้ แต่นั่นก็จะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัย และอาจกลายเป็นการสร้างความเสียหายให้กับตัวมันเอง

ล่าสุด บริษัทไอบีเอ็ม จึงผุดโครงการพัฒนาแผงโซลาร์เซลล์ตัวใหม่ ที่จะสามารถแก้ปัญหาความเสียหายจากการเก็บพลังงานมากๆ ดังที่เป็นอยู่ได้ ถือว่าเป็นก้าวในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานจากแสงอาทิตย์ครั้งใหญ่อีกก้าวหนึ่งเลยทีเดียว

โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้ จะไปช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของชิพโฟโตโวลตาอิก ที่ทำหน้าที่คอยเก็บ พลังงานตรงกลางแผงโซลาร์เซลล์ โดยอาศัยเทคนิคการให้ความเย็นแบบใหม่ที่เรียกว่า "microchannel water cooling" ซึ่งจะทำให้ชิพแต่ละตัวบนแผงโซลาร์เซลล์นั้น สามารถที่จะเก็บพลังงานได้นานกว่าเดิม 2,000 เท่า

สำหรับแผงโซลาร์เซลล์ตัวต้นแบบ สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ 25 กิโลวัตต์ และน้ำร้อนที่ได้จากกระบวนการยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะอื่นได้อีกมากมาย

สุดท้ายคือทางไอบีเอ็มระบุด้วยว่า ราคาของมันจะถูกกว่าโซลาร์เซลล์แบบเก่าๆ ซึ่งจะช่วยทำให้มันแพร่หลายในวงกว้างทั่วโลกนั่นเอง

คอลัมน์ หมุนก่อนโลก/ข่าวสดออนไลน์
ปอลนาโช่ khaosod.sci@gmail.com

..................................................................................................


คำบ่นของคนญี่ปุ่น

ณ ปัจจุบันนี้ ในประเทศของผม ทหารญี่ปุ่นไม่ (สามารถ) ยุ่งเรื่องการเมืองได้ เพราะการที่นายทหาร/กองทัพมีบทบาททางด้าานการเมืองเคยนำประเทศผมไปสู่ความชิบหาย (ขออภัยในการใช้คำที่หยาบ แต่การที่โดนระเบิดปรมาณูสองลูก การเสียดินแด ผู้เสียชีวิตหลักสิบล้านและอุตสาหกรรมถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงทั้งประเทศ ต้องใช้คำที่ไม่สุภาพคำนี้ครับ) หลังจาก พล.เอก.โตโจ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีจากทหารคนสุดท้าย และถูกประหารชีวิตหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศญี่ปุ่นไม่เคย (และไม่อาจ) มีนายกที่มาจากทหาร กองทัพที่เรียกว่า กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมโดยพลเรือนอย่างเต็มที ไม่ให้มีส่วนรวมใดๆ ในการเมืองและการกำหนดนโยบายของประเทศ หน้าที่ของกองทัพญี่ปุ่นคือการป้องกันประเทศ และประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับกองทัพเพราะกองทัพก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ขนาดรัฐมนตรีกลาโหมก็มาจากนักการเมืองพลเรือน

เมื่อทหารเป็นผู้นำของประเทศหรือประเทศนำโดยรัฐบาลทหาร ประเทศนั้นไม่อาจมีการพัฒนาหรือความเจริญ เนื่องจากผู้นำในกองทัพไม่เคยผ่านการเลือกตั้ง แต่เข้าถึงอำนาดโดยอาศัยรัฐประหาร

ประเทศพม่าเคยเป็นประเทศที่รวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉี่ยงใต้ (ถ้าไม่เชื่อก็กรุณาศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ครับ) แต่ทุกท่านทราบว่า ชะตากรรมของประเทศนี้เป็นอย่างไรหลังจากกองทัพที่นำโดยนาย เน วิน ยึดอำนาจการปกครอง

ประเทศเกาหลีก็เช่นเดียวกัน ประเทศเกาหลีใต้เคยนำโดยรัฐบาลทหาร แต่หลังจากเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นรัฐบาลพลเรือน ประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ส่วนประเทศเกาหลีเหนือ ทุกคนทราบอย่างดีว่า ประเทศดังกล่าวอยู่ในสภาพเศรษฐกิจอย่างไร

ผมเคยได้ยินคนไทยหลายคนบอกว่า ประเทศไทยไม่พัฒนาเพราะนักการเมืองมีปัญหาและคุณภาพต่ำ ถึงแม้ว่านักการเมืองไทยมีปัญหา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศไทยไม่พัฒนา การที่ประเทศไทยไม่พัฒนา (หรือมีการพัฒนาน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียหรืออาเซียน) นั้นเกิดขึ้นจากการที่ทหารมีบทบาทมากเกินไปในการเมือง ถึงแม้ว่าประเทศไทยมีระบอบการปกครองซึ่งเป็นประชาธิปไตยก็ตาม แต่ทหารยังคิดว่า เค้ามีอำนาจเหนือกว่าการเลือกตั้ง นี่คือที่มาของปัญหาการเมืองประเทศไทย

ตราบใดที่เสียงของประชาชนอยู่ใต้รองเท้าของทหาร ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงมิอาจเกิดขึ้น

........................................................................................................


บนไม่ลงล่าง

สิ่งที่ท้าทายความเชื่อที่ว่า "มนุษย์เห็นแก่ตัว" คือการส่งความช่วยเหลือของประชาชนในชาติต่างๆ ไปให้แก่ผู้คนในประเทศอื่นที่ประสบภัย

ถึงแม้คนที่ไม่เคยบริจาคเลย อย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้สึกเห็นใจชะตากรรมของชาวต่างชาติต่างภาษาเช่นนี้ในข่าวทีวี เป็นเครื่องยืนยันว่า "น้ำใจ" ของมนุษย์นั้น ข้ามพรมแดนได้เสมอ

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ผู้ที่ใจดีที่สุดก็ยังต้องฉุกคิด หากเห็นว่าเงินหรือสิ่งของที่ส่งไปช่วยเหลือ ถูกดูดหายเข้ากลีบเมฆหมด และไม่เคยไปถึงผู้ประสบภัย

เมื่อไม่นานมานี้ ชาวฮ่องกงจำนวนหนึ่งต่อต้านแผนของรัฐบาล ที่จะส่งความช่วยเหลือไปให้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะโกรธแค้นจากข่าวฉาวเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่เปิดโปงว่า เจ้าหน้าที่กาชาดจีนฮุบเงินบริจาคไปซื้อของหรูและมีชีวิตสุขสบา

สัปดาห์ก่อน ก็เพิ่งมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่นับสิบคนของทางการเซียร์ราลีโอน ถูกสอบในคดีโกงเงินบริจาคที่นานาประเทศส่งให้ประเทศแอฟริกันอันยากจนนี้

หรือกรณีของอัฟกานิสถาน ที่ถึงแม้ชาติตะวันตกจะทุ่มเงินกี่ล้านๆ บาทให้ ก็ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรพัฒนา ส่วนใหญ่เป็นเพราะถูกคอร์รัปชั่นรับประทาน หรือไม่ก็ขาดการบริหารที่มีประสิทธิภาพ

จริงอยู่ที่โครงการช่วยเหลือระหว่างประเทศได้สร้างประโยชน์มากมาย และประชาคมโลกต้องให้ความสำคัญแก่โครงการเช่นนี้

แต่กรณีซ้ำซากเหล่านี้ ก็พลอยทำให้หลายคนสงสัยว่าจะบริจาคเงินแก่ประเทศเหล่านี้ไปทำไม เพราะสุดท้ายก็เข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจเบื้องบนแทนที่จะเป็นประชาชนเบื้องล่าง

การคอร์รัปชั่นจึงทำร้ายทั้งคนในชาติ และทำลายวัฒนธรรมความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย

คอลัมน์ รุ้งตัดแวง
สปาย-กลาส, ข่าวสดออนไลน์

..........................................................................................................

ขอร่วมไว้อาลัย ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
ในวันที่ท่านถึงแก่อสัญกรรม (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526)

ท่านเป็นรัฐบุรุษอาวุโสที่ผมชื่นชมและเคารพมาก

ท่านเป็นผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย และเป็นผู้ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย 

ท่านเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ประศาสน์การเพียงคนเดียวของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง

ท่านเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารชาติไทย (ปัจจุบัน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย)

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ท่านเป็นผู้นำขบวนการเสรีไทยต่อต้านกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้สงคราม

ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในรัชกาลที่ 8 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกย่องในฐานะ "รัฐบุรุษอาวุโส"

ในปี พ.ศ. 2542 ที่ประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 30 ขององค์การยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้มีมติประกาศให้ ปรีดี พนมยงค์ เป็น "บุคคลสำคัญของโลก" และได้ร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาลของเขา ระหว่าง พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2544 

ในโอกาสนี้และบรรยากาศการเมืองในเวลานี้ 
ผมขอนำบทความของท่านมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

................................................................................
จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม 

โดย...ปรีดี พนมยงค์


ด้วยคณะกรรมการจัดงานสังสรรค์ชาวธรรมศาสตร์ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ประจำปี ๒๕๑๖ ปรารถนาได้บทความหรือคำขวัญของข้าพเจ้าไปลงพิมพ์ในหนังสือที่ระลึกซึ่งจะจัดทำขึ้น ข้าพเจ้ายินดีสนองศรัทธาโดยให้คำขวัญว่า

“จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม”

ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงบทความเป็นอรรถาธิบายพอสังเขปประกอบคำขวัญนั้น ดังต่อไปนี้

๑. วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ของชาติไทย คือเป็นวันชัยชนะก้าวแรกของเยาวชนหญิงชายไทย ภายใต้การนำของนิสิตนักศึกษานักเรียนแห่งสถานศึกษามากหลาย ซึ่งได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากราษฎรไทยทุกชนชาติ และทุกชนชั้นวรรณะที่รักชาติจำนวนหลายล้านคน ผนึกกันเป็นขบวนการเรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ให้แก่ปวงชนชาวไทย ฝ่ายครองอำนาจรัฐสั่งทหารและตำรวจเฉพาะส่วนที่ยอมเป็นเครื่องมือของพวกเขา ใช้อาวุธทันสมัยเข้าปราบปรามขบวนการนั้น ซึ่งมีแต่มือเปล่าหรือบางคนมีเพียงแต่ไม้พลองเพื่อป้องกันตัว แต่ขบวนการนั้นมิได้หวาดหวั่น โดยยืนหยัดมั่นคงยอมพลีชีพกับสละความสุขความสำราญส่วนตัว เพื่อชาติและมวลราษฎร ซึ่งเป็นที่เคารพรักยอดยิ่งที่สุด วีรชนเป็นจำนวนมากต้องถูกฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บและสาบสูญไป ส่วนผู้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่โดยมิได้รับบาดเจ็บทางกาย ก็ได้รับความเหน็ดเหนื่อยทางกายและทางสมองอย่างหนัก ผลแห่งความเสียสละแห่งวีรชนทั้งหลายในการต่อสู้โดยชอบธรรมได้บรรลุชัยชนะก้าวแรก คือรัฐบาลซึ่งมีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีและจอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นรองนายกรัฐมนตรีต้องลาออกพร้อมทั้งตำแหน่งผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ครั้นแล้วได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้แถลงยืนยันจะจัดการให้มีรัฐธรรมนูญประชาธิไตยและมีการเลือกตั้งภายใน ๖ เดือน 

ข้าพเจ้าขอร่วมมือกับมวลราษฎรไทยที่รักชาติแสดงความสักการะและสุดดีวีรชนทั้งปวงนั้น พระพุทธองค์ทรงเทศนาสั่งสอนไว้มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า สาธุชนพึงบำเพ็ญตนด้วยกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีอุปการะคุณ ชาวไทยที่เป็นคริสต์ศาสนิกชนและอิสลามิกชน ก็บำเพ็ญตนปฏิบัติตามทำนองคลองธรรมเช่นเดียวกับของพระศาสดา ดังนั้นจึงเป็นการสมควรแล้วที่เราชาวไทยที่รักชาติจำนวนมากมายแสดงกตัญญูรู้อุปการคุณของวีรชนโดยทางกาย วาจา ใน และการบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ตลอดทั้งร่วมมือกันในการสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่วีรชนทั้งหลายนั้น

พระพุทธองค์ตรัสไว้อีกว่ากตัญญูจะต้องควบคู่ไปกับกตเวที ฉะนั้นการพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม ให้มั่นคงไว้และพัฒนายิ่งขึ้นนั้น จึงเป็นกตเวทีสำคัญยิ่งที่สาธุชนผู้รักชาติพึงปฏิบัติ

๒. สาธุชนที่รักชาติโดยยกชาติเหนือประโยชน์ส่วนตัวก็ย่อมใช้ทรรศนะจากจุดยืนหยัดในมวลราษฎรวินิจฉัยเจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม ได้ เพราะวีรชนทั้งหลายนั้นมิใช่มีแต่บุคคลที่มีเหล่ากำเนิดหรือมีฐานะแห่งชนชั้นวรรณะหนึ่งใดโดยเฉพาะ หากวีรชนเหล่านั้นมีเหล่ากำเนิดและมีฐานะทางเศรษฐกิจและทางการเมืองชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งคนจน กรรมกร ลูกจ้าง ชาวนา ข้าราชการชั้นผู้น้อย และนายทุนรักชาติที่ยกชาติเหนือประโยชน์ส่วนตัวและทุกชนชาติไทย (National monorities) ที่มีสัญชาติไทย ดังนั้น เจตนารมณ์ของวีรชนทั้งหลายนี้ต้องการรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ทั้งในทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางทรรศนะอันเป็นคติธรรมใช้เป็นหลักนำในการปฏิบัติเพื่อความไพบูลย์ของทุกชนชั้นวรรณะและทุกชนชาติที่รักชาติ

ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตั้งแต่ยุคปฐมกาลเป็นต้นมา แสดงให้เห็นตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในหลายบทความ และหลายปาฐกถาแล้วว่า เศรษฐกิจเป็นรากฐานสำคัญแห่งมนุษยสังคม ส่วนระบบการเมืองเป็นแต่เพียงโครงร่างเบื้องบนที่จะต้องสมานกับความต้องการทางเศรษฐกิจของมวลมนุษย์ในสังคม ถ้าหากรัฐธรรมนูญอันเป็นแม่บทแห่งกฎหมายสอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจนั้น วิกฤตการณ์ทางสังคมก็ไม่เกิดขึ้นและประเทศชาติก็ดำเนินก้าวหน้าไปตามวิถีทางวิวัฒน์ (Evolution) อย่างสันติ ถ้าหากรัฐธรรมนูญไม่สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจของสังคม วิกฤตการณ์ก็ต้องเกิดขึ้นตามกฎธรรมชาติแห่งข้อขัดแย้งระหว่างสองสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กัน ถ้าสาธุชนที่รักชาติพิจารณาให้ถ่องแท้แล้วก็จะเห็นได้ว่ามูลเหตุที่วีรชนได้พลีชีพและสละความสุขสำราญส่วนตัวเรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้นก็สืบมาจากมวลราษฎรไทยได้รับความอัตคัดขัดสนอย่างแสนสาหัส แต่ระบบการเมืองที่ไม่มีรัฐธรรมนูญหรือมีเพียงแต่ชื่อว่ารัฐธรรมนูญนั้น ขัดแย้งกับความต้องการทางเศรษฐกิจของมวลราษฎร วีรชนจึงได้พลีชีพและสละความสำราญส่วนตนเพื่อปรารถนาให้ชาติไทยมีระบบการเมืองโดยระบอบรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ ที่สมานกับความต้องการทางเศรษฐกิจของมวลราษฎรและเพื่อให้ทุกชนชาติร่วมกันเป็นเอกภพแห่งประเทศไทย

สาธุชนที่รักชาติย่อมมีความสลดใจที่เห็นว่า กลิ่นคาวโลหิตของวีรชนยังไม่ทันหมดไปก็มีบุคคลแห่งบางพรรคพยายามช่วงชิงชัยชนะก้าวแรกของวีรชนไป เพื่อประโยชน์ของพรรคพวกเขาโดยเฉพาะ อาทิ การถือเอารัฐธรรมนูญที่พวกเขาทำขึ้นเป็นแบบฉบับในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนวิธีการร่างที่จะตั้งต้นจากเจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชนทุกชนชั้นวรรณะและทุกชนชาติที่มีสัญชาติไทยเป็นแม่บท สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมอำนวยให้ฝ่ายที่ต้องการพิทักษ์เจตนารมณ์นั้นของวีรชนต้องหาทางต่อสู้ขนาดเบาหรือขนาดรุนแรง สุดแท้แต่วิธีการของแต่ละองค์การที่เป็นฝ่ายนำของแต่ละชนชั้นวรรณะ และแต่ละชนชาติ ฝ่ายที่ใช้วิธีรุนแรงอยู่แล้วก็จะสามารถระดมมวลราษฎรโดยอ้างสภาพการณ์เช่นว่านั้นเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าวิธีร่างรัฐธรรมนูญแบบนั้นนำไปสู่ประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนเท่านั้น ซึ่งมวลราษฎรไม่อาจอาศัยระบบรัฐธรรมนูญที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยสมบูรณ์แก้ความทุกข์ยากของมวลราษฎรถ้วนหน้าได้ ฉะนั้นเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ข้าพเจ้าจึงขอร้องให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ละเว้นวิธีร่างที่ตั้งอคติเอารัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนเป็นแบบฉบับนั้นแล้วตั้งทรรศนะตามเจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม

*หมายเหตุ* คัดลอกเฉพาะตอนที่ ๑ และตอนที่ ๒ จากบทความ “จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม” จากหนังสือ “แนวความคิดประชาธิปไตยสมบูรณ์ของปรีดี พนมยงค์” จัดพิมพ์โดยมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ และโครงการ ๖๐ ปี ประชาธิปไตย

บรรณาธิการ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์ บรรณาธิการฝ่ายวิชาการ วิษณุ วรัญญู พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๓๕
...........................................................................
ข้อมูลจาก สถาบันปรีดี พนมยงค์ และ วิกิพีเดีย


จักรพงษ์ จำรูญ พ่อสร้างชาติ ด้วยสมอง และสองแขน
พ่อสร้างแคว้น ธรรมศาสตร์ ประกาศศรี
พ่อของข้าฯ นามระบือ ชื่อปรีดี
แต่คนดี เมืองไทย ไม่ต้องการ

..............................................................................................................

....................................................................................................................


Extern มช. มาขอให้เขียนอะไรบางอย่างเพื่อใส่ในหนังสือรุ่น ถูกขอมาเป็น 10 กว่ารุ่นแล้ว แต่จำได้ว่าผมเคยเขียนให้รุ่นเดียว เพราะอารมณ์มันถึง

แล้วคืนนี้ ก็เป็นอีกครั้ง ที่ฮอร์โมนมันหลั่ง อารมณ์มันได้ เลยขอถือโอกาสมอบให้กับน้องๆ ที่จบใหม่และเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานทุกสถาบันเลยนะครับ :)

"ผมจะไม่ขอให้พวกคุณเป็นหมอที่ดี เพราะถ้า 6 ปีในโรงเรียนแพทย์ทำให้พวกคุณเป็นหมอที่ดีไม่ได้ ก็ป่วยการที่จะมาฝากความหวังไว้กับคำขอเลื่อนลอยสั้นๆ เพียงแค่ประโยคเดียว

สิ่งที่ผมอยากจะขอคือ ขอให้ทุกคนเตรียมรับกับการเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้ง และการพลัดพราก ปีแรกหลังสำเร็จการศึกษาจะเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแทบทุกอย่างรอบกาย ซึ่งแม้จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่ก็มักแฝงมาซึ่งความเจ็บปวดเสมอ

คุณพร้อมหรือยังที่จะรับมือกับความขัดแย้งจากทุกสรรพสิ่งที่จินตนาการไปถึง ภาระ หน้าที่ ผลประโยชน์ ความคิดเห็น หรือแม้แต่สีเสื้ออันแตกต่าง ล้วนชักนำให้เกิดความขัดแย้ง จำให้ขึ้นใจเสมอว่า ไม่ใช่ตัวความขัดแย้งหรอกที่เป็นปัญหา แต่วิธีที่เราจะจัดการกับความขัดแย้งนั้นต่างหากที่จะก่อให้เกิดปัญหา

และเตรียมตัวพบกับการพลัดพรากอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งหนึ่งในชีวิต จากครอบครัว จากเพื่อน จากสถาบัน จากตึกรามบ้านช่อง และถนนหนทางที่คุ้นเคย ถึงแม้จะเป็นครั้งใหญ่ แต่ผมรับรองได้เลย ว่าการพลัดพรากนี้ จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย...

ถ้าคุณพร้อมจะรับมือกับทั้ง 3 อย่างนี้แล้ว อย่าเกร็งครับ ก้าวเท้าออกไปเลย “ชีวิต” รอคุณอยู่"

โลก... ยินดีต้อนรับครับ

.........................................................................................................

.................................................................................................................




เมื่อความจริงเริ่มปรากฎ "แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา 2551 เป็นแถลงการณ์ที่ค้ำประกันสิทธิของไทยในพื้นที่ทับซ้อนอยู่" = เป็นแถลงการณ์ที่รักษาดินแดน ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย ดังนั้น นพดล คือผู้ปกป้องแผ่นดินไทย

..............................................................................................................




คนไทยหรือเปล่าาาาาาา

............................................................................................................




จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อในวันหนึ่งมีผลการวิจัยที่พบว่าคอนกรีตสามารถซ่อมแซมตัวเองได้? ค้นหาคำตอบที่น่าสนใจนี้ได้ในบทความเรื่อง "Self-healing Concrete" ตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ http://bit.ly/Zok2Sf

..............................................................................................................



โปรโมชั่นของสหกรณ์ ม.ช. ที่ครีเอตมากๆ ^_^

.............................................................................................................




'แนวเทือกเขาหินทราย ทอดตัวตามแนวทิศตะวันตก-ตะวันออก มีลักษณะเป็นสันเขาตัดเรียบเหยียดยาวสุดลูกหูลูกตา ภาษาท้องถิ่นที่ผู้คนอยู่อาศัยแถบนั้นเรียกตลอดแนวว่า พนมดงเร็ก ซึ่งเป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขาไม้คาน ต่อมา ทางราชการเรียกตามภาษาไทยด้วยความไม่เข้าใจว่า พนมดงรัก

ภูมิศาสตร์ของพนมดงเร็กคือการยกตัวของแผ่นดินกลายเป็นเขตแดนตามธรรมชาติ และกลายเป็นสันปันนั้นลงสู่พื้นที่สองฝั่งเขา ได้แก่ทางทิศเหนือคือแผ่นดิ เขมรสูง หรือภาคอีสานตอนล่างของไทย ที่เรียกว่าเขมรสูงเพราะแผ่นดินที่ยกตัวขึ้นเป็นที่ราบสูงมีลำน้ำมูลเป็นหลัก ส่วนทางทิศใต้ คือ เขมรต่ำ เป็นพื้นที่ราบลุ่มไปจรดทะเลสาบในประเทศกัมพูชา

แนวเขาพนมดงเร็กไม่ได้มีแต่ภูเขาสูงตลอดทั้งหมด แต่ภูมิประเทศจะสลับไปด้วยที่สูงต่ำ บางแห่งเป็นช่องเขาขาดหรือสันเตี้ยๆพอเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิประเทศจากที่ราบเป็นภูเขาก็ต่อเมื่ออยู่บริเวณปลายสุดของแนวผาชันแล้ว

ภูมิประเทศเช่นนี้เอง มีบทบาทต่อมนุษย์ที่อยู่อาศัยในแถบนี้มาแล้วไม่น้อยกว่าพันปี เพราะได้พบหลักฐานของชุมชนโบราณซึ่งมีศาสนสถานเป็นปราสาทต่างๆในวัฒนธรรมเขมรกระจุกตัวกันอยู่ตามแนวช่องเขาที่เป็นจุดผ่านทางภูมิประเทศสำคัญของผู้คนในสองพื้นที่ คือเขมรสูงและเขมรต่ำ

เหตุที่ผู้คนต้องเดินทางติดต่อกันก็เพราะว่าทรัพยากรในพื้นที่ทั้งสองมีไม่เหมือนกัน จึงเกิดการแลกเปลี่ยนค้าขายขึ้น

ดินแดนอีสานใต้ลุ่มน้ำมูล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเกลือ(สินเธาว์) โลหะ (เหล็ก)

ในขณะที่ที่ราบลุ่มทะเลสาบเขมร เต็มไปด้วยปลาและข้าวซึ่งปลูกกันได้มากกว่าปีละหน

บริเวณที่เป็นช่องเขาซึ่งมีจำนวนมากกมายระหว่างเทือกพนมดงเร็กจึงกลายเป็นจุดนัดพบและแลกเปลี่ยนสินค้าจากแดนไกลของสองพื้นที่ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการทำสงครามเมื่อเกิดความขัดแย้งมาแต่สมัยโบราณ

ช่องเขาที่รู้จักกันดีของพนมดงเร็ก ได้แก่ ช่องตะโก ช่องสระแจง ช่องโอบก ช่องตาเมือน ช่องจอม ช่องพริก ฯลฯ แล้วยังมีช่องทางรองที่ผู้คนพื้นถิ่นใช้สัญจรอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เช่น ช่องบันไดหักตรงปราสาทพระวิหาร

จะเห็นได้ว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพนมดงเร็กที่เป็นแนวเทือกเขาแสดงเขตแดนทางธรรมชาตินั้นมีบทบาทต่อผู้คนมาแต่อดีต คือเป็นจุดหมายตาการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศซึ่งบังคับให้ต้องข้ามผ่านโดยใช้ช่องเขาในการแลกเปลี่ยนทรัพยากรของจากดินแดนต่างๆ และกิจกรรมดังกล่าวยังคงมีชีวิตชีวาอยู่จนถึงปัจจุบันที่ด่านชายแดนทุกๆแห่งบนแนวพนมดงเร็ก'

........................................................................................................




กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติรายงานปริมาณการผลิตปิโตรเ่ลียมในประเทศไทยตรงตามความเป็นจริงหรือไม่?

มีสมาชิกท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตมาว่า ทำไมกรมเชื้อเพลิงฯไม่รายงานตัวเลขการผลิตปิโตรเลียมของแหล่งบัวบานซึ่งอยู่ในแอ่ง(Basin)สงขลา แสดงว่ากรมปกปิดบิดเบือนข้อมูลใช่หรือไม่?

แอดมินจึงไปค้นมา ตอบได้เต็มปากว่า "ไม่ใช่ครับ"

แหล่งบัวบานเป็นแหล่งปิโตรเลียมที่อยู่ในพื้นที่หลักของแหล่งสงขลา มีผู้ได้รับสัมปทานคือบ.ซีอีซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบ.ลูกของ Coastal Energy ซึ่งเป็นบ.พลังงานข้ามชาติ ในเว็บของบริษัท http://www.coastalenergy.com/operations/offshore-thailand.html ได้ระบุไว้ชัดเจนว่ามีแหล่งผลิตสำคัญในทะเลไทยคือแหล่งสงขลาและบัวบาน พอไปอ่านรายงานประจำปีของบริษัท http://www.coastalenergy.com/fileadmin/user_upload/pdf/financial_stmt/2012_Annual_Report_01.pdf พบว่ารายงานตัวเลขการผลิตในปี 2012 ทั้งปีอยู่ที่ 19,738 BOE/D (บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) นี่คือตัวเลขของแหล่งสงขลาและบัวบานรวมกัน (ดูในหน้า 6)

จากนั้นก็ต้องไปดูตัวเลขจากเว็บของกรมเชื้อเพลิงฯ ในส่วนปริมาณการผลิตปี 55 ของแหล่งสงขลา http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=prodReport&year=2012 แต่เนื่องจากกรมฯยังไม่ได้สรุปรายงานของปี 55 ออกมา เราจึงต้องเปิดข้อมูลทีละเดือนแล้วนำมาบวกเพื่อหารเฉลี่ยเอาเอง ซึ่งตัวเลขนี้แอดมินคิดออกมาได้ 19,752 BOE/D (ถ้ากลัวแอดมินจะคิดผิดก็ไปช่วยกันคำนวนนะครับ)

ลองย้อนกลับไปเทียบตัวเลขกันนะครับ รายงานของบริษัทอยู่ที่ 19,738 ตัวเลขของกรมอยู่ที่ 19,752 ข้อมูลนี้บอกเราสองเรื่องครับ

1.กรมฯไม่ได้ปิดบังตัวเลขการผลิตของแหล่งบัวบาน แต่เค้าเอาตัวเลขรวมใส่ไว้ในแหล่งสงขลาแล้วต่างหาก
2.ที่นักทวงคืนเคยด่ากรมฯไว้ว่าตัวเลขเชื่อถือไม่ได้นั้น กรณีศึกษานี้บอกเราในขั้นต้นแล้วว่าไม่จริงครับ ถ้าตามสมมติฐานของพวกทวงคืน กรมต้องบอกตัวเลขน้อยๆเพื่อให้ดูว่าไทยเราผลิตได้น้อย ส่วนตามหลักการลงทุน บริษัทน้ำมันก็ต้องบอกตัวเลขสูงๆ จะได้น่าเชื่อถือ แต่มาเทียบตัวเลขแล้ว มันแทบจะเท่ากันเลยครับ ของกรมสูงกว่านิดหน่อยอีกตะหาก เป็นการย้ำกันว่าข้อมูลของกรมนั้นถูกต้อง

ถ้าท่านสงสัย ก็สามารถใช้วิธีเดียวกันนี้ในการสอบทานได้ครับ โดยเอาตัวเลขของกรมไปเทียบกับตัวเลขของบริษัทต่างๆ แต่ต้องทำความเข้าใจว่าบ.Coastal นี้เค้ารับสัมปทานไม่มาก จึงเอาตัวเลขมาเทียบกันได้่ง่าย จึงต้องระวังตรงนี้ครับ เพราะบางบริษัทมีรับสัมปทานหลายแหล่ง มีการร่วมทุนกับบริษัทอื่นในแหล่งเดียวกันก็มี ทำให้ข้อมูลนั้นไม่อาจจำแนกได้ชัดเจนว่ามาจากแหล่งไหนกันบ้าง

สมาชิกคนหนึ่งก็เคยท้วงมาว่าข้อมูลของกรมกับตัวเลขของเชฟร่อนนั้นไม่ตรงกัน ซึ่งที่ไม่ตรงก็เพราะว่าสมาชิกท่านนั้นคิดตัวเลขของเชฟรอนเฉพาะแหล่งหลักๆ แต่ไม่ได้นับรวมแหล่งย่อยๆซึ่งมีการรับสัมปทานร่วมหรือทับซ้อนกับบริษัทอื่น ตัวเลขเลยไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นผลจากการคำนวนที่ไม่ถูกต้องนั่นเอง หาใช่เพราะการบิดเบือนของกรมฯแต่อย่างใดไม่

ข้อมูลสัมปทานปิโตรเลียมโดยละเอียด อ่านได้จากรายงานประจำปีของกรมครับ http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=annualReport

...........................................................................................................




ถ้าสื่อมวลชน .....

...................................................................................................................


คือถ้าคุณอยากเป็น"คนดี" คุณก็แค่ด่ารัฐบาล ด่าแม๊ว ด้วยคำหยาบๆคายๆ เกลียดเค้าอย่างไม่ต้องมีเหตุมีผละไร แต่ต้องเกลียด ยิ่งมากยิ่งดี

ถ้าคุณอยากจะโดนด่าว่าเป็น"ควาย" คุณก็แค่ต้องตั้งคำถาม และสงสัยคนพวกแรก...... ก็เท่านั้น....

..................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น