หมั่นเสริมสร้างปัญญา อย่าแสวงหาสิ่งงมงาย
เกิดเป็นคนทั้งที ควรรู้จักหาปัญญาใส่ตัว อย่ามัววิ่งหาสิ่งงมงายอยู่ เลย ปัญญานั่นแหละจะช่วยตนได้ สิ่งงมงายที่ไหนช่วยไม่ได้ห รอก
หลวงพ่อสั่งสอนไว้ว่า เราไปวัด..คนไปวัดกันบ่อยๆ แต่ว่าไม่ค่อยจะไปเพื่อการศ ึกษา แต่ไปทำเรื่องอื่น ไปด้วยกิจกรรมเรื่องไสยศาสต ร์มาก แล้ววัดต่างๆก็เหมือนกัน ส่งเสริมกันแต่ไสยศาสตร์ ส่งเสริมความโง่ของประชาชน ไม่ส่งเสริมความฉลาดไม่พยายามพูดจาแนะนำให้คนมีปัญญา ให้คนมีแสงสว่างส่องใจเพื่อ จะได้ไม่เป็นทุกข์ แต่ว่าทำอะไรในทางไสยศาสตร์ กันเสียมากเช่นว่าให้พระดูด วงชะตาราศี รดน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ หรือทำพิธีรีตองอะไรต่างๆ
แม้เป็นคนที่มีการศึกษา มีปัญญาตามโลกนิยม แต่ก็เป็นปัญญาประเภทต่ำๆ ไม่ใช่เป็นปัญญาตามหลักพุทธ ศาสนา ซึ่งเป็นปัญญาชั้นสูง เป็นปัญญาที่ช่วยให้เราเข้า ใจสิ่งทั้งหลายตามสภาพที่เป ็นจริง ปัญญาอย่างนี้มีกันน้อย แล้วก็มักจะไปทำอะไรอื่นคนช ั้นผู้ใหญ่เช่นผู้บริหารชาต ิบ้านเมือง ก็ยังอยู่ในสภาพอย่างนั้นไป หาพระก็ไปเพื่อขอวัตถุ ไม่ขอธรรมะ...ไม่สนใจธรรมะ
การที่คนสนใจแสวงหาวัตถุนี้ ไม่ช่วยให้พระศาสนาเจริญไม่ ช่วยให้พระเจริญในทางการศึก ษาธรรมะ แต่หันไปศึกษาเรื่องไสยศาสต ร์ เรียนวิชาหมอดู เรียนวิชาปลุกเสก ลงเลขลงยันต์แล้วก็ดังเหมือ นกัน มีชื่อเสียงในหมู่คนโง่ ดังในหมู่ปัญญาชนที่ปนกับคว ามโง่มากอยู่
การกระทำอย่างนี้ไม่ได้ช่วย ให้ศาสนาเจริญก้าวหน้าอย่าง ไรแต่ว่าเขาก็หาเงินได้ เขาได้เงินจากคนปัญญาอ่อนไม ่ทำให้คนดีขึ้น ไม่ทำให้คนฉลาดขึ้นแม้แต่น้ อย อยู่อย่างใดก็อยู่อย่างนั้น ยังหลงอยู่ยังงมงายอยู่อย่า งนั้น
หลวงพ่อปัญญานันทภิขุ : ปฎิวัติความงมงาย เลิกเชื่อไร้เหตุผล พึ่งตนและพึ่งธรรม หน้า ๑๔๐-๑๔๑
เกิดเป็นคนทั้งที ควรรู้จักหาปัญญาใส่ตัว อย่ามัววิ่งหาสิ่งงมงายอยู่
หลวงพ่อสั่งสอนไว้ว่า เราไปวัด..คนไปวัดกันบ่อยๆ แต่ว่าไม่ค่อยจะไปเพื่อการศ
แม้เป็นคนที่มีการศึกษา มีปัญญาตามโลกนิยม แต่ก็เป็นปัญญาประเภทต่ำๆ ไม่ใช่เป็นปัญญาตามหลักพุทธ
การที่คนสนใจแสวงหาวัตถุนี้
การกระทำอย่างนี้ไม่ได้ช่วย
หลวงพ่อปัญญานันทภิขุ : ปฎิวัติความงมงาย เลิกเชื่อไร้เหตุผล พึ่งตนและพึ่งธรรม หน้า ๑๔๐-๑๔๑
...................................................................................................................
.........................................................................................................................
แบตฯจิ๋ว ชาร์จด้วยแรงสั่นสะเทือน
บริษัทไมโครเจนของสหรัฐ ประกาศเตรียมวางจำหน่าย "โบลต์" แบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่สามารถ ชาร์จประจุไฟฟ้าได้จากแรงสั ่นสะเทือน โดยหวังให้เป็นทางเลือกใหม่ ของผู้บริโภคในโลกที่เต็มไป ด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าพกพา ซึ่งแบตเตอรี่กำลังกลายเป็น ข้อจำกัดมากกว่าข้อได้เปรีย บของอุปกรณ์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
โบลต์ ใช้หลักการของสั่นสะเทือนทำ ให้ครีบที่อยู่ภายในขยับขึ้ นลงส่งแรงผ่านไปยังแผ่นแปลงพลังงานที่จะเปล ี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงา นไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่ โดยแรงสั่นสะเทือนดังกล่าวจ ะต้องมีความถี่ตั้งแต่ 120 เฮิร์ตซ์ขึ้นไป (120 ครั้งต่อวินาที) ซึ่งผู้ใช้สามารถนำกล่องโบล ต์ไปติดไวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ า
อาทิ เช่น พัดลม ไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น โดยเมื่อโบลต์ชาร์จประจุไฟจ นเต็มแล้ว ไฟแอลอีดีที่ด้านหน้าจะกะพร ิบ โดยผู้ใช้สามารถนำโบลต์ไปเช ื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้า อื่นๆ เพื่อชาร์จประจุไฟได้ อย่างไรก็ดี โบลต์ ยังไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้า ได้มากพอจะนำไปชาร์จสมาร์ตโ ฟนได้ แต่เพียงพอสำหรับอุปกรณ์เซ็ นเซอร์ขนาดเล็กแทน เช่น เครื่องวัดลมยางพกพา หรือนาฬิกาตั้งโต๊ะทั่วไป เป็นต้น โดยไมโครเจน เปิดเผยว่า โบลต์ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ไต รมาสที่สองของปีนี้
ข่าววิทยาการ/ข่าวสดออนไลน์
บริษัทไมโครเจนของสหรัฐ ประกาศเตรียมวางจำหน่าย "โบลต์" แบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่สามารถ
โบลต์ ใช้หลักการของสั่นสะเทือนทำ
อาทิ เช่น พัดลม ไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น โดยเมื่อโบลต์ชาร์จประจุไฟจ
ข่าววิทยาการ/ข่าวสดออนไลน์
.............................................................................................................................
..............................................................................................................................
"God does not play dice" -- Albert Einstein
"God does play dice" -- Stephen Hawking
..........................................................................................................................
ต้นไม้ 1 ต้น จะช่วยอะไรได้บ้าง ?
Credit : Info Graphic
......................................................................................................................
» วิธีรับมือกับ ...ป ล า เ น่ า... ในองค์กร
"ปลาเน่าต้นทุนต่ำ"...สำนวน นี้เราได้ยินติดหูกันมาช้าน าน แต่จะเป็นจริงหรือไม่...ในช ีวิตการทำงานในปัจจุบัน ดร. สตีเฟ่น ร็อบบิ้นส์ ผู้เขียนหนังสือ เคล็ด (ไม่) ลับ กับการบริหาร ฅ. คน ยืนยันว่าจริงครับ!
ในเคล็ด (ไม่) ลับ ข้อที่ 35 จากทั้งหมด 53 ข้อ อ้างถึงผลการศึกษาวิจัยที่ย ืนยันว่า หากสมาชิกคนหนึ่งคนใดในทีมจ งใจทำงานน้อยกว่าปกติ ชอบพร่ำบ่นโวยวาย ออกอาการ ‘องุ่นเปรี้ยว’ คือ ขาดความสุขในการทำงานและเกะ กะระรานผู้อื่นไปทั่ว จะทำให้เกิดการบั่นทอนศักยภ าพ ตลอดจนขวัญกำลังใจของทีมงาน อย่างไม่ต้องสงสัย
เรียกว่า เป็นมะเร็งร้ายที่น่ากลัว และสามารถลุกลามไปยังส่วนต่ างๆ ขององค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง
::::::::::::::::
โดยทั่วไป มนุษย์เจ้าปัญหามักจะเป็นคน ส่วนน้อยในองค์กร แต่มักจะเรียกร้องความสนใจม ากเป็นพิเศษ
ส่งผลให้เกิดสภาพความขัดแย้ งในทีม สูญเสียการสื่อสารที่ดีมีไม ตรีจิตและมิตรภาพ จนเกิดความรู้สึกที่ย่ำแย่ย ุ่งเหยิงไปตามๆ กัน โดยเฉพาะหากเป็นทีมงานที่มี ขนาดเล็ก ก็จะยิ่งส่งผลรุนแรงมากขึ้น
การรับมือกับปลาเน่า คือ หัวหน้างานควรป้องกันไม่ให้ ปลาเน่าทำสมาชิกคนอื่นแปดเป ื้อนเสียหาย เนื่องจากเรื่องราวแย่ๆ มักจะแพร่กระจายได้รวดเร็วม ากว่าเรื่องดีๆ หลายร้อยหลายพันเท่า เพราะ ‘เม้าท์’ ได้มันส์และมีรสชาติกว่ากัน เยอะ
หัวหน้างานจึงต้องระบุปัญหา ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม รวมถึงมีมาตรการเชิงรุกมาดำ เนินการอย่างเฉียบขาด หากพบสมาชิกคนใดปล่อยพลังงา นด้านลบออกมา
::::::::::::::::
หากพบว่าพนักงานใหม่เป็นปลา เน่า องค์กรควรจัดการกับคนเหล่าน ี้เสียตั้งแต่ในช่วงทดลองงา น อย่าให้ผ่านพ้นไป
แต่สิ่งท้าทายยิ่งกว่า คือ การรับมือกับพวก ‘ปลาดี’ ที่กำลังส่งกลิ่นโฉ่เนื่องจ ากเริ่มติดโรคปลาเน่า กลับเป็นปัญหาหนักอกกว่า
วิธีการรับมือ คือ รีบประเมินว่าปลาเน่าเหล่าน ี้อยู่ในวิสัยที่จะกลับมาอย ู่กับร่องกับรอย ประพฤติตัวเป็นคนดี ขยันขันแข็งในการทำงานได้หร ือไม่ และมีสิ่งใดเป็นเหตุจูงใจให ้เปลี่ยนไป
จึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้น ำในการกำจัดพนักงานที่มีทัศ นคติในการทำงานย่ำแย่ นิสัยไม่ดี ชอบสร้างความแตกแยก และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างทันท่วงที
เพราะคนเหล่านี้จะอยู่เบื้อ งหลังเหตุร้ายต่างๆ และล่อลวงผู้บริหารด้วยการซ ักทอดความผิดแก่ผู้อื่นอย่า งแนบเนียน รวมถึงความสามารถในการพิสูจ น์ข้อดีจุดเด่นของตนเองให้ค นทั่วไปหลงเชื่อได้
::::::::::::::::
โชคร้ายที่หลายองค์กรทำได้แ ค่การย้ายปลาเน่าไปอยู่แผนก อื่น โดยเฉพาะผู้บริหารอาวุโส องค์กรแทบไม่แตะต้องให้กระท บกระเทือน เป็นวัฒนธรรมการส่งปลาเน่าไ ปอยู่ข้องอื่น
ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดอย่า งร้ายแรง เพราะปลาเน่าจะพยายามทำให้ป ลาทุกตัวในข้องสกปรกตามไปด้ วย ถือเป็นปลาที่มีต้นทุนต่ำ พร้อมทำทุกอย่างแม้กระทั่งเ อาตัวเองเข้าแลก เพื่อบั่นทอนขวัญกำลังใจ และดิสเครดิตให้ผู้อื่นมัวห มองไปด้วย
ผมประหลาดใจในข้อสรุปของสตี เฟ่น ร็อบบิ้นส์ที่บอกว่า การวางเฉยและหวังว่าปลาเน่า จะกลับตัวกลับใจนั้นเป็นเรื ่องที่สำเร็จได้ยากในความเป ็นจริง
มีวิธีเดียวเท่านั้น คือ ต้องกำจัดให้สิ้นซาก เพราะต้นทุนของการปล่อยปลาเ น่าทิ้งไว้ช่างสูงเหลือเกิน !
::::::::::::::::
Credit : คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย | คอลัมน์ CEO Challenge
"ปลาเน่าต้นทุนต่ำ"...สำนวน
ในเคล็ด (ไม่) ลับ ข้อที่ 35 จากทั้งหมด 53 ข้อ อ้างถึงผลการศึกษาวิจัยที่ย
เรียกว่า เป็นมะเร็งร้ายที่น่ากลัว และสามารถลุกลามไปยังส่วนต่
::::::::::::::::
โดยทั่วไป มนุษย์เจ้าปัญหามักจะเป็นคน
ส่งผลให้เกิดสภาพความขัดแย้
การรับมือกับปลาเน่า คือ หัวหน้างานควรป้องกันไม่ให้
หัวหน้างานจึงต้องระบุปัญหา
::::::::::::::::
หากพบว่าพนักงานใหม่เป็นปลา
แต่สิ่งท้าทายยิ่งกว่า คือ การรับมือกับพวก ‘ปลาดี’ ที่กำลังส่งกลิ่นโฉ่เนื่องจ
วิธีการรับมือ คือ รีบประเมินว่าปลาเน่าเหล่าน
จึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้น
เพราะคนเหล่านี้จะอยู่เบื้อ
::::::::::::::::
โชคร้ายที่หลายองค์กรทำได้แ
ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดอย่า
ผมประหลาดใจในข้อสรุปของสตี
มีวิธีเดียวเท่านั้น คือ ต้องกำจัดให้สิ้นซาก เพราะต้นทุนของการปล่อยปลาเ
::::::::::::::::
Credit : คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย | คอลัมน์ CEO Challenge
..........................................................................................................................
................................................................................................................................
...............................................................................................................................
ไปถ่ายรูปคู่กับกันดัมขวัญใ จคนรุ่นผม
......
สมัยนี้ผู้ใหญ่มักโจมตีการ์ ตูนว่าจะทำให้เด็กมีพฤติกรร มรุนแรง
ทั้งๆที่พวกเขาก็เติบโตมากั บ
หัวขโมยอย่างอะลาดิน
นักซิ่งที่ขับรถเร็วเกินกำห นดอย่างแบทแมน
คนวิตถารที่โชว์กางเกงในอย่ างซูเปอร์แมน
กลาสีสูบจัดอย่างป๊อปอาย
หญิงสาวที่กลับบ้านหลังเที่ ยงคืนอย่างซินเดอเรล่า
.........
การ์ตูนจะทำให้เราเสียคนจริ งๆหรือ
......
สมัยนี้ผู้ใหญ่มักโจมตีการ์
ทั้งๆที่พวกเขาก็เติบโตมากั
หัวขโมยอย่างอะลาดิน
นักซิ่งที่ขับรถเร็วเกินกำห
คนวิตถารที่โชว์กางเกงในอย่
กลาสีสูบจัดอย่างป๊อปอาย
หญิงสาวที่กลับบ้านหลังเที่
.........
การ์ตูนจะทำให้เราเสียคนจริ
..........................................................................................................................
Don't feed the troll !!!
โทรลล์
โทรลล์ (อังกฤษ: troll) อยู่ในตำนานสแกนดิเนเวียมีรูร่างคล้ายคนแคระแต่มีขนาดใหญ่กว่าสูงประมาณ 20 ฟุตพวกมันอาศัยอยู่ในถ้ำ
มีทั้งดุร้ายและใจดี พวกนี้มีผิวหยาบ เท้าแบนและกลิ่นตัวรุนแรงมาก
โทรลล์แบบต่างๆ ตามจินตนาการที่วาดออกมา
โทรลล์ถ้ำจาก ภาพยนตร์ไตรภาคลอร์ดออฟเดอะริงส์โทรลล์ หนึ่งในหมู่สิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ประหลาดกึ่งมนุษย์ พวกมันไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก
แต่มีอยู่ทั่วไปตามเนินต่างๆ ที่ตีนเทือกเขามิสตี้ เมื่อเผ่าเอลฟ์ป้องกันไม่ให้เผ่าโทรลล์แพร่กระจายมาตามเขาทางใต้
พวกมันจึงใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งเอทเทนมัวร์ และโทรลล์เฟนส์ ซึ่งถูกเรียกชื่อนี้เนื่องจากมีเผ่าโทรล์จำนวนนับหมื่นนับแสนที่เรียกสถาน ที่นั้นว่าบ้าน
เหล่ากอบลินจะรุกรานพื้นที่นี้อยู่บ่อยๆ เพื่อจับโทรลล์ถ้ำมาเป็นทาส สิ่งมีชีวิตที่โชคร้ายเหล่านี้มักถูกใช้เป็นเหมือนทหารม้าหรืออาวุธบุกเมือง
เนื่องจากกล้ามเนื้อของพวกมัน สามารถปราบศัตรูได้เกือบทุกคนที่เชื่องช้าหรือไม่ฉลาดพอ ที่จะหลบมันให้อยู่ในระยะปลอดภัย
แม้แต่คณะพันธมิตรแห่งแหวนยังต้องพบกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ในสถานที่ปิด กับโทรลล์ถ้ำตัวเดียวในเหมืองแห่งมอเรีย
โทรลล์ถ้ำนั้นมีจำนวนมากพอที่จะส่งออกไปเป็นกลุ่มเพื่อปะทะกับศัตรู พวกมันจะมีปัญหากับหอกและลูกธนูเป็นพิเศษ
เนื่องจากไม่ฉลาดพอที่จะหลีกเลี่ยงอุปสรรคเหล่านี้ขณะที่พยายามเข้าประชิดศัตรู นอกจากนี้โทรลล์ถ้ำ ยังอ่อนแอต่อแสงอาทิตย์จ้า
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถพบได้ทั่วมิดเดิลเอิร์ธ และเป็นที่รู้กันว่าทั้งเซารอน และเผ่ากอบลินจะเกณฑ์พวกมันเข้ามาในกองทัพทันทีที่พบ
โทรลล์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว สูงได้ถึงสิบสองฟุต และหนักได้กว่าหนึ่งตัน โทรลล์โดดเด่นในเรื่องพละกำลังที่มากพอๆกับความโง่เขลาของมัน
ส่วนใหญ่ มีนิสัยโหดร้ายและไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมได้ โทรลล์มีถิ่นกำเนิดในสแกนดิเนเวีย แต่ทุกวันนี้อาจพบได้ในอังกฤษ ไอร์แลนด์ และบริเวณอื่นๆในยุโรปตอนเหนือ
โดยทั่วไปโทรลล์สื่อสารกันด้วยเสียงคำรามที่ดูเหมือนเป็นภาษาอย่างหยาบๆแต่บางตัวก็
อาจจะเข้าใจและพูดภาษามนุษย์ได้บ้างสายพันธุ์ที่ฉลาดหน่อยได้รับการฝึกฝนให้ทำหน้าที
ยามรักษาการณ์
-โทรลล์มีอยู่สามชนิด คือ โทรลล์ภูเขา โทรลล์ป่า และโทรลล์แม่น้ำ
-โทรลล์ภูเขาเป็น พันธุ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดและดุร้ายที่สุด หัวล้านผิวสีเทาซีด
-โทรลล์ป่าผิวสีเขียวซีด และบางสายพันธุ์ก็มีผมสีเขียวหรือสีน้ำตาลที่บางและยุ่งเหยิง
-โทรลล์แม่น้ำมีเขาสั้นๆและอาจมีขนดก ผิวสีม่วง มักจะซ่อนตัวอยู่ใต้สะพาน
-โทรลล์กินเนื้อดิบๆและไม่ค่อยจู้จี้เรื่องเหยื่อมากนัก เหยื่อของมันก็มีตั้งแต่สัตว์ป่าไป จนถึงมนุษย์
มารู้จัก Troll แห่งโลก Internet กันเถอะ
Troll?
เป็นชื่อที่ใช้เรียกผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชั้นต่ำระดับเลวในกลุ่มสังคมต่างๆ แห่งโลก Internet โดยเฉพาะ Newsgroup และ BBS
ซึ่งพวกมันจะชอบสร้างความกดดันในบอร์ดด้วยวิธีการต่า งๆ อาทิเช่น
- โพสต์กระทู้หรือข้อความในลักษณะที่เป็นการยั่วให้คนอื่นโมโหหรือเกิดการทะเลาะกันอย่
างรุนแรงในหัวข้อหนึ่งๆ
- ชอบตั้งประเด็นสร้างข้อโต้แย้งและพยายามโน้มน้าวใจผู้อื่นหรือแม้กระทั่งทำให้คนอื่น
เสียความรู้สึกในประเด็นนั้นๆ
- ปล่อยข่าวลือต่างๆ ในทางที่ไม่ดีกับคนหรือกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
- ชอบอวดภูมิความรู้ข่มคนอื่นเพื่อให้ชนะการโต้เถียงนั้นๆ (ซึ่งส่วนใหญ่จะมั่วและอ้างโน่นอ้างนี่แบบหัวชนฝามากกว่า)
- เป็นตัวต้นเหตุของสงครามความกดดันในรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Flame War โดยเฉพาะการโจมตีตัวบุคคลทั้งทางตรงและทางอ้อม
มันเกิดมาเพราะอะไร?
มีอยู่หลายสาเหตุเหมือนกันที่ทำให้คนธรรมดาๆ กลายพันธุ์เป็น Troll ได้เช่น
- อยากเด่นอยากดังโดยใช้วิธีลัดสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง (ซึ่งร้อยทั้งร้อยก็ชื่อเสียนั่นแหละ)
- เป็นพวกเก็บกดมีปัญหาด้านครอบครัว
- โรคจิต และสนุกสนานกับการล้อเล่น อีกทั้งยังชอบทำลายความคิดความรู้สึกของผู้อื่นเป็นอาจิณ
จะรู้ได้ยังไงว่าคนที่เราสงสัยอยู่เป็น Troll?
นอกจากคุณสมบัติของ Troll ข้างต้นแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสงสัยว่าเขาหรือใครก็ตามเป็น Troll หรือไม่ ก็ให้ใช้คำพูดที่สุภาพโต้ตอบไปซะ
ในบางครั้งเขาอาจจะแค่อารมณ์เสียเฉยๆ ในเรื่องบางเรื่องทีไม่เป็นไปดั่งใจเขา (อาจจะไม่ใช่ Troll จริงๆ) ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะสงบลงในเวลาไม่นานนัก
แต่ถ้าเกิดคนคนนั้นยังอยู่ในลักษณะเกรี้ยวกราดและพอใ จที่จะแสดงอารมณ์แบบนั้นอยู่แล้วล่ะก็ขอให้พึงระลึกไ ว้เลยว่ามันต้องเป็น Troll แน่ๆ
จะรับมือกับพวก Troll ได้อย่างไร?
Do not feed the Troll !!
คุณอาจจะคิดว่าพวก Troll ส่วนใหญ่อาจจะสามารถเยียวยาได้ด้วยเหตุผล แต่มันไม่ได้ผลกับ Troll ที่ชอบใช้แต่อารมณ์หรือรักสนุกเสียเท่าไหร่
มันไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง คุณไม่สามารถทำให้มันสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวมันกระทำได้ เจรจาต่อรองกับมันก็ไม่ได้
อย่าว่าแต่กฏเลย มันไม่สนใจหรอก และส่วนใหญ่ก็จะทำตัวเป็นพวกต่อต้านสังคมด้วย ซึ่ง Troll ที่แท้จริงจะไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดใดๆ ของคุณเลย
ถ้าคุณให้เหตุผลมัน มันชนะ
ถ้าคุณเถียงมัน มันชนะ
ถ้าคุณระเบิดอารมณ์ใส่มัน มันชนะ
ทางที่ดีที่สุดที่จะกำจัดมันคือตัดหางปล่อยวัดมันซะ ไม่ต้องสนใจว่ามันจะพ่นน้ำลายมาอย่างไร
เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเสวนากับพวกที่มีระดับการรับ รู้อยู่แค่บัวใต้น้ำ... เปล่าประโยชน์ๆๆๆๆ~! (ทำเสียงเหมือนดีโอในเรื่องโจโจ้ล่าข้ามศตวรรษเพื่อให้ได้อารมณ์)
น่าเสียดายที่บางคนใจอ่อนไปหน่อย ในบางครั้งก็เลยไปติดหลุมพรางที่มันวางอยู่ (ไปทำตามที่บอกข้างบนให้มันชนะ) ...ขอให้พึงระวังไว้ให้ดี
สรุป
พวก Troll ถือเป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสงสารมาก... เหมือนกับเด็กเกเรที่ไม่รู้จักโต... เมื่อเจอมันก็จงปล่อยให้มันอยู่ไปของมันอย่างงั้นแหละ
การโต้เถียงมันก็เหมือนกับเป็นการโยนอาหารให้กับมัน ทำให้มันมีชีวิตอยู่อย่างโหดร้ายในโลกอินเตอร์เน็ตต่อไป
เพราะฉะนั้น... ปล่อยมันไปซะ... ถือซะว่าทำบุญให้กับพวกมันก็แล้วกัน (ถ้ามันมาก่อกวนก็ถีบมันซะไม่ต้องไปคุยกับมันให้เปลืองวาจา
................................................................................................................................
การปล้นธนาคารที่ ฮาและมีสาระ
โจรปล้นธนาคารที่กวงซู โจรตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออ กมาว่า
"ทุกคนอย่าขยับ เงินเป็นของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ"
ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเ องเพื่อปกป้องเงินของรัฐ
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด" บิดเบือนนิดเดียวความคิดเรา ก็เปลี่ยนไปไกลแล้ว
-------------------------- -----------------------
ผู้หญิงคนนึงนอนอยู่บนโต๊ะแ ละกำลังจะกรี๊ด ทันใดนั้นโจรตะโกนใส่ผู้หญิ งว่า "เรามีวัฒนธรรม ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้มาข่มขืนคุณ!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การเป็นมืออาชีพ" ตั้งมั่นในเป้าหมายอย่างเดี ยวไม่ว่อกแว่ก
-------------------------- -----------------------
เมื่อโจรกลับถึงฐานลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระด ับปริญญาโท MBA บอกกับรุ่นพี่โจรว่า "รุ่นพี่ เรามานับเงินกันว่าได้มาเท่ าไหร่" แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้ นประถมกล่าวว่า "แกนี่มันโง่มากเลย เงินตั้งเยอะตั้งแนะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่า เราได้มาเท่าไหร่!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ประสบการณ์" ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มี ค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนั ก
-------------------------- -----------------------
เมื่อโจรกลับไปแล้ว ผู้จัดการธนาคารสั่งให้รองผ ู้จัดการโทรหาตำรวจที่เบอร์ 191 แต่ผู้จัดการธนาคารกลับค้าน ว่า "เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรเอาไปมาก กว่านั้นอีก 5 ล้าน"
เราเรียกสิ่งนี้่ว่า "ว่ายตามน้ำ" หรือการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอ กาส
-------------------------- -----------------------
ผู้จัดการกล่าวว่า "นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนา คารทุกเดือนก็ดีสินะ"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การฆ่าเวลาเล่นๆ" ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสุข ของเราอีกแล้ว
-------------------------- -----------------------
วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่ามี โจรปล้นธนาคาร 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไปนับแล้วน ับอีก ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า "เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคาร ออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่ม ันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาทเลย การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง "
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ"
-------------------------- -----------------------
ผู้จัดการธนาคารยิ้มร่าอย่า งแรง เพราะว่าอยู่ดีๆเขาก็มีเงิน เพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท โดยที่เป็นความผิดของโจรปล้ นธนาคาร
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "โคตรโกง" เซียนเหนือเซียน แต่ไม่ใช่ในสิ่งดี
-------------------------- -----------------------
โตไปไม่โกงกันนะครับ แปลโดย แอดมิน Dektalent.com
โจรปล้นธนาคารที่กวงซู โจรตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออ
"ทุกคนอย่าขยับ เงินเป็นของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ"
ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเ
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด" บิดเบือนนิดเดียวความคิดเรา
--------------------------
ผู้หญิงคนนึงนอนอยู่บนโต๊ะแ
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การเป็นมืออาชีพ" ตั้งมั่นในเป้าหมายอย่างเดี
--------------------------
เมื่อโจรกลับถึงฐานลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระด
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ประสบการณ์" ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มี
--------------------------
เมื่อโจรกลับไปแล้ว ผู้จัดการธนาคารสั่งให้รองผ
เราเรียกสิ่งนี้่ว่า "ว่ายตามน้ำ" หรือการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอ
--------------------------
ผู้จัดการกล่าวว่า "นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนา
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การฆ่าเวลาเล่นๆ" ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสุข
--------------------------
วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่ามี
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ"
--------------------------
ผู้จัดการธนาคารยิ้มร่าอย่า
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "โคตรโกง" เซียนเหนือเซียน แต่ไม่ใช่ในสิ่งดี
--------------------------
โตไปไม่โกงกันนะครับ แปลโดย แอดมิน Dektalent.com
...........................................................................................................................
............................................................................................................................
.............................................................................................................................
..............................................................................................................................
.............................................................................................................................
มันแปลกดีนะ
....................................................................................................................
พลิกชีวิตคนพิการด้วยรถเข็น
สำหรับประเทศด้อยพัฒนา ความพิการนอกจากจะนำมาซึ่งค
ราคาของอุปกรณ์เหล่านี้ เช่น รถเข็น ขาเทียม ฯลฯ มักมีราคาสูงมากเกินกว่าที่
............................................................................................................................
...........................................................................................................................
..........................................................................................................................
Bill Gates: Steve Jobs was better at design than I was
http://news.cnet.com/8301-17852_3-57584129-71/bill-gates-steve-jobs-was-better-at-design-than-i-was/?subj=cnet&tag=title
..........................................................................................................................
ศักยภาพปิโตรเลียมในภาคอีสาน
กลุ่มทวงคืนพลังงาน ได้ตัดแปะ บิดเบือน กล่าวอ้าง คำสัมภาษณ์ของ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ให้ดูเหมือนว่า แผ่นดินอีสาน เป็นภูมิภาคที่มีทรัพย์สินอันมีค่ามหาศาลฝังอยู่ใต้ดิน ชั้นความหนา 1-2 กิโลเมตร คาดว่ามีแหล่งปิโตรเลียมกินพื้นที่กว่า 1 แสนตารางกิโลเมตร ในขณะที่คนอีสานส่วนใหญ่ยังเป็นคนที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย โดยอ้างถึงภาพนี้ครับ
อันที่จริงภาพดังกล่าวนี้เป็นเพียงแปลงที่นำมาเปิดสัมปทานรอบที่ 20 ไม่ได้เป็นบริเวณที่แสดงว่ามีปิโตรเลียมอยู่ทั้งหมด ซึ่งผลการออกสัมปทาน ผลการสำรวจและการคืนพื้นที่กลับมาให้รัฐได้เคยกล่าวแล้วในบทความก่อน ในครั้งนี้ผมขอแชร์ข้อมูลด้านศักยภาพปิโตรเลียมทางภาคอีสาน ประวัติการสำรวจ ปริมาณการผลิตและปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีอยู่ในภูมิภาคนี้
การสำรวจหาปิโตรเลียมในภาคอีสาน เริ่มต้นในปี 2514 สัมปทานรอบที่ 1 บริษัทยูเนียนออลย์ เจาะหลุมสำรวจหลุมแรกที่ภาคอีสาน บริเวณ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ชื่อหลุม กุฉินารายณ์-1 ไม่พบปิโตรเลียม
ในช่วงปี 2522-2533 สัมปทานรอบที่ 6 7 และ 8
บริษัทเอสโซ่ โคราช เจาะหลุมสำรวจ 7 หลุม พบก๊าซธรรมชาติจำนวน 4 หลุม มีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์เพียง 2 หลุม ซึ่งอยู่ในแปลง E5(รอบที่ 6) คือ หลุมน้ำพอง-1A (2524) และ หลุมน้ำพอง-2 (2526) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นแหล่งผลิตก๊าซน้ำพอง ในปี 2533 ส่วนอีก 2 หลุมที่พบและไม่สามารถพัฒนาได้คือ หลุมชนบท-1 และ หลุมดงมูล-1
บริษัทเอสโซ่ อุดร เจาะหลุมสำรวจ 3 หลุม พบก๊าซธรรมชาติ 1 หลุม ในแปลง EU1(รอบที่ 8) คือ หลุมภูฮ่อม-1 (2526) ซึ่งต่อมาได้พัฒนารวมกับหลุมในแปลง E5 เป็นแหล่งผลิตก๊าซสินภูฮ่อม ในปี 2549
บริษัทฟิลลิบ เจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม ในแปลง P2 คือ หลุมโนนสัง-1 ไม่พบปิโตรเลียม
ในช่วงปี 2533-2543 สัมปทานรอบที่ 13 และ 15
มีหลายบริษัทที่เข้ามาสำรวจ เช่น บริษัทยูโนแคล,ไทยเชลล์,เท็กซาโค่,โทเทล โคราช และ อมาราดา เฮสส์ เป็นต้น ได้เข้ามาทำการเจาะสำรวจ รวมกัน 10 หลุม พบก๊าซธรรมชาติเพียง 2 หลุม คือ หลุมดาวเรือง-1 และหลุมมุกดาหาร-1 แต่ไม่สามารถพัฒนาได้ และพบเพียงร่องรอย อีก 2 หลุม คือหลุมห้วยมุก-1 และหลุมภูเวียง-1
ในช่วงปี 2543-2555 สัมปทานรอบที่ 18 19 และ 20
ในปี 2545 บริษัท อมาราดา เฮสส์ ได้เจาะหลุมสำรวจเพิ่มเติมในพื้นที่สงวนในแปลง E5 โดยเจาะหลุมภูฮ่อม-3st พบก๊าซธรรมชาติ และต่อมาได้เจาะหลุมประเมินผลอีกหลายหลุม และพัฒนาร่วมกับหลุมที่เจาะพบในแปลง EU1 จนพัฒนาเป็นแหล่งผลิตก๊าซสินภูฮ่อมได้ในปี 2549
นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายบริษัทให้ความสนใจเข้ามาสำรวจขุดเจาะ เช่น บริษัท อพิโก โคราช ,ทาเท็ก ,ซาลาเมนเดอร์ และรวมถึงบริษัท ปตท.สผ. โดยเจาะหลุมสำรวจรวมกัน 6 หลุม พบก๊าซธรรมชาติ 3 หลุม แต่ไม่สามารถพัฒนาได้ คือหลุม TEW-E ,TEW-EST และ หลุมรัตนะซึ่งเจาะในปี 2554 โดยบริษัท ปตท.สผ.ฯ ใช้เงินลงทุนเจาะสำรวจไปกว่า 44 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,300 ล้านบาท) ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อกลับมาเจาะใหม่อีกครั้ง
ในปี 2555 บริษัท อพิโก ได้กลับมาเจาะหลุมประเมินผลในแปลง L27/43 คือ หลุมดงมูล-3st พบก๊าซธรรมชาติในเชิงพาณิชย์ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาแหล่ง เพื่อผลิตก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ในภาคอีสาน เป็นแหล่งที่ 3 ต่อจาก แหล่งก๊าซน้ำพอง และ สินภูฮ่อม
สรุปภาพรวมการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมในภาคอีสานและความสำเร็จในการพบปิโตรเลียม
ตัวอย่างในการใช้ภาพ เช่น ในปี 2533 มีการเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุม เจาะหลุมประเมินผล 2 หลุม และเจาะหลุมพัฒนา 1 หลุม รวมเป็น 5 หลุม ผลการเจาะพบก๊าซ 2 หลุม แต่มีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์คือผลิตได้ 1 หลุม คือ หลุมน้ำพอง-6
ผลการขุดเจาะหลุมในภาคอีสานรวมกันทั้งหมด 49 หลุม ไม่พบน้ำมัน พบก๊าซธรรมชาติ 24 หลุม แต่ในจำนวนนี้เป็นหลุมที่มีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์เพียง 14 หลุม (แหล่งน้ำพอง 8 หลุม แหล่งสินภูฮ่อม 5 หลุม และแหล่งดงมูล 1 หลุม) พัฒนาเป็นแหล่งผลิตก๊าซได้ 2 แหล่ง และอยู่ในระหว่างการพัฒนาอีก 1 แหล่ง ปริมาณสำรองก๊าซที่พบรวมกันประมาณ 1 ล้านล้าน ลบ.ฟุต คิดเป็นสัดส่วนได้ประมาณร้อยละ 3 ของปิโตรเลียมที่พบในประเทศไทย
อัตราการผลิตก๊าซ และ ปริมาณการผลิตสะสม
การผลิตก๊าซในภาคอีสาน เฉลี่ยในปี 2555 ผลิตได้ประมาณ 108 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 3.7 ของปริมาณที่ผลิตได้ภายในประเทศ (2,930) หรือ คิดเป็นร้อยละ 2.3 ของความต้องการใช้ก๊าซในประเทศไทย (4,800) ก๊าซที่ผลิตได้ส่วนใหญ่นำไปใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และที่เหลือใช้ทำก๊าซสำหรับรถยนต์(NGV) นอกจากผลิตก๊าซแล้ว แหล่งสินภูฮ่อมยังสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวได้อีกประมาณ 450 บาร์เรลต่อวันอีกด้วย
จนถึงสิ้นปี 2555 ทั้งสองแหล่งผลิตก๊าซขึ้นมาใช้ประโยชน์รวมกันได้แล้วประมาณ 590 พันล้าน ลบ.ฟุต ยังคงเหลือปริมาณสำรองก๊าซที่พิสูจน์แล้วอีกประมาณ 400 พันล้าน ลบ.ฟุต
การลงทุนในภาคอีสานแยกตามกิจกรรมได้ดังนี้
การลงทุนสำรวจในภาคอีสานมีมูลค่าประมาณ 17,800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนได้ประมาณร้อยละ 10 ของการลงทุนสำรวจทั่วประเทศ(185,500) โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมในทุกกิจกรรมประมาณ 35,800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 2 ของการลงทุนทั้งหมด(1,626,900)
มูลค่าก๊าซและก๊าซธรรมชาติเหลวรวมกันประมาณ 81,250 ล้านบาท รัฐมีรายได้จากค่าภาคหลวง 10,156 ล้านบาท ในจำนวนนี้ร้อยละ 40 ส่งเข้ากระทรวงการคลัง จัดสรรให้ อบต./เทศบาล ในพื้นที่สัมปทาน ร้อยละ 20 จัดสรรให้ อบต./เทศบาลอื่นๆ ร้อยละ 20 และจัดสรรให้ อบจ. ทั่วประเทศ ร้อยละ 20 และเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียมอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท (คำนวณตามสูตรจาก 2 โครงการ)
จากสัมปทาน 20 รอบ รวมพื้นที่ทั้งหมดที่ออกสัมปทานไปประมาณ 190,000 ตารางกิโลเมตร ผู้รับสัมปทานสำรวจพบและพัฒนาเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติได้ 3 แหล่ง บนพื้นที่ที่ได้รับอนุมัติให้เป็นพื้นที่ผลิตเพียง 300 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.16 ของพื้นที่ที่ออกสัมปทานไปทั้งหมด จึงเป็นข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า ภาคอีสาน ไม่ได้มีปิโตรเลียมครอบคลุมพื้นที่ 1 แสนตารางกิโลเมตร ตามที่ได้มีการบิดเบือน และจากข้อมูลไม่เคยมีการขุดพบแหล่งน้ำมันในภูมิภาคนี้
จากสถิติความต้องการใช้ก๊าซในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ทำให้มีความจำเป็นต้องเร่งสำรวจหาก๊าซในภาคอีสานต่อไป เพราะเป็นความหวังเดียวที่จะมาทดแทนก๊าซจากอ่าวไทยได้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านการสำรวจขุดเจาะจะมีมูลค่าสูงมาก เมื่อเทียบกับภาคกลางและในอ่าวไทย อีกทั้งตลาดก๊าซในภูมิภาคนี้ยังมีความไม่แน่นอน (ขึ้นกับปริมาณที่พบ) เพราะหากใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าก็จะแข่งกับการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้(ซื้อไฟฟ้าจากลาวถูกกว่าใช้ก๊าซอีสานผลิตไฟฟ้า) และหากใช้ทำก๊าซในรถยนต์ก็ยังมีความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ดังนั้น แทนที่จะต่อต้านคัดค้าน ควรหันมาให้การสนับสนุนการสำรวจหาปิโตรเลียมในภาคอีสานเพื่ออนาคตของชาติจะดีกว่า....
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะครับ..
อ่านแล้วชอบใจ ไม่ต้องกด Like นะครับ ขอให้กด Share แทน ขอบคุณครับ
บทความก่อนหน้า ความสำเร็จในการขุดเจาะปิโตรเลียมในประเทศไทย กดตามลิงค์ ข้างล่างนี้ครับ
........................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น