วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

29/05/2556



เดี๋ยวนี้ คนเราจะเชื่อด้วยเหตุแค่สักว่ามันเขียนอยู่ในใบลาน ท่านทั้งหลายจงเข้าใจกันเสียใหม่ให้ถูกต้อง ใบลานนั้นไม่ใช่พระไตรปิฎก; ใบลานบางแผ่นก็เขียนพระไตรปิฎก; แต่ว่าใบลานส่วนมากไม่ได้เขียนพระไตรปิฎก คือเขียนอะไรเพ้อเจ้อตามความเข้าใจของผู้เขียนก็ยังมีมาก

ดังนั้นถ้าไปเข้าใจเสียว่า มีอยู่ในใบลาน เป็นเชื่อได้อย่างนี้แล้วก็จะมีเมฆหมอกอย่างหนึ่ง คือความมืดสีขาว ดังที่กล่าวมานี่เอง แม้ สมัยนี้ไม่ได้เขียนในใบลาน แต่พิมพ์เป็นเล่มหนังสือ มันก็เหมือนกัน เล่มหนังสือที่เป็นพระไตรปิฎกก็มี ไม่เป็นพระไตรปิฎกก็มีมากมาย จะเชื่อเพียงสักว่า มันมีในคัมภีร์ ในตำรา ในหนังสือแล้ว มันก็ใช้ไม่ได้ คือกลายเป็นเมฆเป็นหมอกขึ้นมาได้โดยไม่รู้สึกตัว

ทีนี้ แม้ว่าจะมีอยู่ในพระไตรปิฎกจริงๆ คือว่าเราเปิดดูพระไตรปิฎกจะพบข้อความนี้ และในนั้นก็เขียนไว้ชัดเจนว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงข้อความนี้ แม้แต่อย่างนี้ พระพุทธเจ้าก็ยังตรัสสอนว่าอย่าไปเชื่อ คืออย่าเพ่อเชื่อ อย่างน้อยก็อย่าเพ่อเชื่อ ต้องมาทดสอบดูด้วยการปฏิบัติถ้าปฏิบัติแล้วมันดับกิเลสดับทุกข์ได้อย่างไรจึงจะค่อยเชื่อ อย่างนี้เป็นต้น
อย่างนี้ก็แปลว่า พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ดีที่สุดแล้ว คือ ได้ตรัสมอบหมายเครื่องมือให้แก่เรา สำหรับทำลายเมฆหมอกนั้นเสีย อย่าให้คำภีร์กลายเป็นเมฆหมอกขึ้นมา อย่าให้พระพุทธภาษิตแท้ๆ กลายเป็นเมฆหมอกขึ้นมา

พุทธทาสอินทปัญโญ (หนังสือ โลกนี้มีแต่คนบ้า หน้า ๘๗-๘๘)
.............................................................................................................



» Life 101 ภูมิใจเสนอ... GTR : The Great Teacher 'Rafe' ยอดครู ระดับโลก
» "ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ : สรรพวิธีและสารพัดลูกบ้าในห้อง 56"

หนังสือ Bestseller เล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ครูเพื่อศิษย์ชาวอเมริกัน นาม... เรฟ เอสควิท (Rafe Esquith)

ในฐานะครูประจำชั้นประถม 5 ของโรงเรียนรัฐบาล Hobart Boulevard Elementary School แห่งนคร Los Angeles, California

ที่ซึ่งเขาสอนเด็ก ๆ จากครอบครัวผู้อพยพยากจนให้รู้จักบทละครเชกสเปียร์ เล่นดนตรีของวีวัลดี (Vivaldi) และร็อกแอนด์โรล ควบคู่ไปกับการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ อย่างเข้มข้น จนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้

แต่สิ่งที่ครูเรฟให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การปลูกฝังเด็ก ๆ ให้เติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรม

::::::::::::::::::


เรฟ เอสควิท เล่าเรื่องด้วยภาษาง่าย ๆ และเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เขาไม่เพียงแนะเทคนิคที่เขาพบว่าใช้ได้ผลดีในการอบรมเด็ก ๆ สำหรับครูและพ่อแม่ผู้ปกครองเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจแก่เพื่อนร่วมอาชีพให้มีศรัทธาในสิ่งที่พวกเขากำลังทำในฐานะครู

นั่นคือ...การสร้างคนดีมีคุณภาพให้แก่สังคม

เขาปฏิเสธงานที่เสนอเงินเดือนมากกว่าถึงสี่เท่า เพียงเพื่อจะได้อยู่ในที่ ๆ เด็ก ๆ ต้องการเขาสิ่งที่ได้พบเห็นในโรงเรียนแห่งนี้ทำให้ครูเรฟสะเทือนใจอย่างมาก

เด็กร้อยละ 90 มาจากครอบครัวผู้อพยพเชื้อสายลาตินและเกาหลี มีความเป็นอยู่ต่ำกว่าระดับความยากจนและไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ อาศัยในย่านเสื่อมโทรม ที่เด็กสิบขวบบางคนพกอาวุธปืนมาโรงเรียน...ส่วนแก๊งอันธพาลและยาเสพติดเป็นเรื่องที่พบเห็นเป็นเรื่องปกติในชีวิต

เด็กที่จบจากชั้นประถมเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นที่อาจจะได้เรียนต่อจนจบมัธยมปลาย

"ผมทำใจไม่ได้ที่พบว่า ดินแดนที่เราเชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความเสมอภาคนี้ ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น"

"ด้วยเหตุนี้ ผมจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับโอกาสเท่าเทียมกันอย่างที่ รัฐธรรมนูญของเราให้คำมั่นไว้"

::::::::::::::::::


ในหนึ่งวันของครูเรฟยาวนานกว่าของครูคนอื่น ๆ เขาเริ่มสอนตั้งแต่ 06:30 น. และสอนไม่หยุดจนกระทั่งเวลา 5 หรือ 6 โมงเย็น

เด็ก ๆ ของครูเรฟก็เช่นเดียวกัน พวกเขาทำงานหนัก หลายคนสมัครใจมาเรียนก่อนนักเรียนห้องอื่น ๆ ในโรงเรียนถึงสองชั่วโมง

พวกเขาเต็มใจที่จะมาเรียนแต่เช้า ฝึกซ้อมระหว่างเวลาหยุดพักทำงานอยู่จนเย็นและมาโรงเรียนในวันหยุด โดยยอมแลกกับเวลาดูทีวีและเล่นวิดีโอเกม...ตามที่สัญญาไว้กับครู

การที่ครูเรฟใช้เวลาอยู่กับเด็ก ๆ มากกว่าชั่วโมงเรียนตามปกติทำให้เขาสอนวิชาต่างๆ ที่จะต้องมีการการทดสอบมาตรฐาน และสอนสิ่งที่เขารักเป็นเป็นชีวิตจิตใจ เชกสเปียร์, มาร์ก ทเวน และเบสบอล ควบคู่กันไปอย่างได้ผล

เขามีปรัชญาการสอนที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในธรรมชาติของเด็กและการให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนอย่างแท้จริง

::::::::::::::::::


ครูเรฟคิดค้นแนวการเรียนการสอนแบบใหม่ว่า ห้องเรียนต้องเป็นที่ ๆ เด็กได้เรียนรู้และสนุกสนานไปพร้อม ๆ กัน

ความตั้งใจจริงกับการเรียนรู้ความต้องการของเด็กนำมาประยุกต์การเรียนสอนในแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ลูกศิษย์ของครูเรฟเป็นนักอ่านตัวยง พวกเขารักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ พวกเขาอ่านวรรณกรรมชั้นยอดปีละหลายสิบเล่ม

พวกเขาไม่เพียงอ่านบทละครของเชกสเปียร์ แต่ยังสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของตัวละครได้อย่างน่าทึ่

เด็กนักเรียนของครูเรฟหรือคณะละครเชกสเปียร์แห่งโฮบาร์ตตามที่คนทั่วไปรู้จัก จะฝึกซ้อมอย่างหนักนานหลายเดือนก่อนเปิดการแสดงในเดือนมิถุนายนของทุกปี

คณะละครน้อยนี้ไม่เพียงแต่โด่งดังไปทั่วประเทศ แต่มีชื่อเสียงไปถึงยุโรป รู้จักในนามละครเชกสเปียร์แต่ละเรื่องที่ห้อง 56

::::::::::::::::::


» ตัวอย่างการเรียนการสอน...ของครูเรฟและนักเรียน

Case Study#1 : สอนคณิตฯ (ทักษะในการทำข้อสอบ)

ไม่มีใครอยากดูโง่ ทุกคนชอบความรู้สึกว่าตนฉลาด แต่ละวันในชั่วโมงคณิตศาสตร์ ...หลังจากที่เราเล่นเกมคณิตคิดในใจ หรืออาจจะเล่นเกมบัซซ์ไปสักรอบแล้ว

เราจะเริ่มทำโจทย์ทักษะแบบใดแบบหนึ่งสำหรับคาบนั้น ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ง่าย ๆ อย่างการบวก หรือซับซ้อนอย่างพีชคณิต ผมมักจะสอนทักษะก่อนแล้วให้เด็กลองพยายามทำโจทย์เองสัก 10-15 ข้อ

สมมุติว่า...ผมสอนเรื่องการบวก ก่อนที่ผมจะให้โจทย์เด็ก ผมจะเขียนโจทย์อีกข้อหนึ่งบนกระดาน

63+
28
---
ก.
ข.
ค.
ง.

เรฟ: เอาละนักเรียนทุกคน สมมุติว่านี่เป็นแบบทดสอบสแตนฟอร์ด 9 ซึ่งเราทุกคนต่างรู้ดีว่ามันจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเธอไม่ว่าจะเป็นความสุข ความสำเร็จ และจำนวนเงินฝากในธนาคารของพวกเธอ (เด็กหัวเราะคิกคัก) ใครตอบได้บ้าง?

ทุกคน: 91
เรฟ: ดีมาก ลองเอาเลข 91 มาวางไว้ข้างข้อ ค. ใครอยากจะบอกครูบ้างว่าข้อ ก. จะเป็นตัวอะไรดี?
ไอเซล: 35
เรฟ: เยี่ยมมาก! ทำไมต้องเป็น 35 ล่ะไอเซล?
ไอเซล: สำหรับเด็กเอาไปลบแทนที่จะเอาไปบวก
เรฟ: ใช่แล้ว ใครมีคำตอบที่ผิดสำหรับข้อ ข. บ้าง?
เควิน: 81 ครับ สำหรับคนที่ลืมทดเลข
เรฟ: ถูกต้องอีกแล้ว ดูซิว่าครูมีนักสืบหัวเห็ดที่สามารถหาคำตอบข้อ ง. ได้ไหม?
พอล: 811 เป็นไงครับ สำหรับเด็กที่บวกอย่างเดียวโดยไม่ทด

เวลาเด็กห้อง 56 ทำข้อสอบแบบมีตัวเลือก ถ้ามีโจทย์ปัญหาอยู่ 20 ข้อ พวกเขาจะมองมันเป็นโจทย์ปัญหาที่มี 80 ข้อ

หน้าที่ของพวกเขาคือค้นหาคำตอบที่ถูกต้อง 20 ข้อ และคำตอบที่ไม่ถูกอีก 60 ข้อ

มันน่าขำสุดๆ เวลาได้ยินเสียงเด็กๆ ที่กำลังทำแบบทดสอบข้อสอบมาตรฐานคณิตศาสตร์อยู่ในห้อง เสียงที่ได้ยินบ่อยที่สุดจะเป็นเสียงหัวเราะคิดคักเบา ๆ เมื่อเด็ก ๆ จับผิดอะไรได้บางอย่าง

เด็ก ๆ ชอบเอาชนะข้อสอบ จึงอดหัวเราะชอบใจไม่ได้เมื่อหากับดักเจออันแล้วอันเล่

::::::::::::::::::


Case Study#2 : ความล้มเหลวเป็นเรื่องดี

เมื่อ 2-3 ปีก่อน กลุ่มครูหนุ่มสาวจากโรงเรียนในกำกับของรัฐ (charter school) มาใช้เวลาทั้งวันที่ห้อง 56 ครูเหล่านี้ยอดเยี่ยมมากพวกเขาทั้งกระตือรือร้น ฉลาด และเอาใจใส่

อย่างไรก็ดี ผมสังเกตเห็นว่าแนวทางการสอนของพวกเขามีข้อผิดพลาดที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่ง พวกเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยให้เด็กรู้สึกดีกับตัวเองเสียจน ไม่ยอมให้นักเรียนตอบผิดหรือรับผิดชอบอะไรเลย

สัปดาห์นั้นเราทำจรวดกัน นักเรียนของผมทำงานเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 คน แต่ละกลุ่มทำจรวดโมเดลแบบไวกิ้ง คู่มือ และวัสดุใช้ในการประกอบจรวด

สิ่งที่ท้าทายสำหรับแต่ละทีมคือ การวัดขนาด วางแผน และประกอบจรวดอย่างถูกต้องแม่นยำ

มีกลุ่มหนึ่งที่พยายามมากแต่ผิดพลาดในการจัดวางหัวจรวด ปรากฏ...ครู 2-3 คนคอยเข้าไปช่วยเด็ก เพื่อแสดงให้ดูว่าจะประกอบจรวดอย่างไรให้ถูกต้อง

มีหลายครั้งทีเดียวที่ผมต้องขอร้องอย่างสุภาพแต่หนักแน่นให้อาคันตุกะเหล่านั้น...ปล่อยให้เด็กทำเอง

ครู: (กระซิบ) คุณไม่เข้าใจ เรฟ เด็กทำไม่ถูก
เรฟ: ผมเข้าใจ
ครู: ปีกมันบิดนะ
เรฟ: ใช่
ครู: ปุ่มปล่อยจรวด ก็ติดกาวใกล้ส่วนหัวเกินไป
เรฟ: ใช่
ครู: จรวดมันยิงไม่ขึ้นน่ะสิ
เรฟ: ที่แรกก็งี้แหละ...
ครู: แต่....
เรฟ: แล้วในกลุ่มเขาก็จะคิดค้นกันเองแหละว่าทำไมจรวดมันถึงไม่ขึ้น เด็กๆ จะกลับมาที่ห้องแล้วช่วยกันขบคิด นี่เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทำตลอดเวลา

เป็นเรื่องราวสำคัญที่ต้องจำไว้ว่า ครูอย่างเราให้คำจำกัดความคำว่า ล้มเหลว ต่างกันออกไป

ในห้องเรียน 56 จรวดที่บินไม่ขึ้นไม่ใช่ความล้มเหลว ความล้มเหลวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเด็กนักเรียนละความพยายามที่จะแก้ปัญหา

มันอาจจะแก้ได้ใน 5 นาที หรืออาจใช้เวลา 2 เดือน อย่างในกรณีที่นักเรียนของผมพยายามสร้างรถไฟเหาะขนาดยักษ์ แต่ไม่สามารถสร้างทางโค้งที่มีแรงสู่ศูนย์กลางมากพอจะทำให้รถเคลื่อนไปตามรางอย่างปลอดภัยได้

แต่สองเดือนของการทดลองที่ล้มเหลวกลับเป็นเวลาที่เด็ก ๆ ได้อัศจรรย์ใจและสนุกตื่นเต้นกับวิทยาศาสตร์มากที่สุดในปีนั้น

สุดท้าย...เมื่อรถไฟเหาะใช้การได้ในที่สุด เด็ก ๆ ก็พูดได้เต็มปาก ว่าพวกเขาทำด้วยตัวเอง พวกเขาเข้าใจฟิสิกส์ของรถไฟเหาะ

ผมสอนได้ดีที่สุดในช่วงสองเดือนนั้นด้วยการเย็บปากตัวเองสนิทและปล่อยให้เด็ก ๆ ทำเอง

::::::::::::::::::


จึงไม่น่าแปลกใจที่ เรฟ เอสควิทได้รับการยกย่องและรางวัลมากมาย อาทิ

- Disney National Outstanding Teacher of the Year Award
- รางวัล Sigma Beta Delta Fellowship จากมหาวิทยาลัย John Hopkins
- รางวัล "Use Your Life Award" เป็นเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากโอปราห์ วินฟรีย์
- รางวัล "As You Grow Award" จาก Parents Magazine
- เหรียญเชิดชูเกียรติ National Medal of Arts
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จาก สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2

::::::::::::::::::


แบบอย่างที่ดีงาม ของครูเรฟ เอสควิท ได้ส่งผลเชิงบวกข้ามทวีปมาสู่แวดวงการศึกษาไทยด้วย!

สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ได้นำหลักการคิดของเขา มาประยุกต์ให้เห็นบทบาทและภาพที่ชัดของ "ครูสอนดี" ไว้ 6 ประการด้วยกัน...

ประการแรก : หากครูต้องการให้เด็กขยัน เอาจริงเอาจังและตั้งใจเรียน ครูต้องทำให้เห็นว่าครูก็ขยัน เอาจริงเอาจังและตั้งใจสอนไม่ต่างกัน

ประการที่ 2 : การสอบสำคัญก็จริง แต่ไม่สำคัญเท่ากับการที่ช่วยเด็กให้เติบโตเป็นคนที่เข้มแข็งและมีคุณค่า

ประการที่ 3 : การเรียนการสอนต้องเป็นแบบบูรณาการทักษะต่าง ๆ ต้องเป็นประโยชน์ในชีวิตจริง ไม่ใช่เพียงเพื่อคะแนนสอบ

ประการที่ 4 : เด็กๆ จะกลายเป็นนักอ่านตลอดชีวิต หากเขาได้อ่านหนังสือดี ๆ ที่ทำให้เขาร้องไห้หรือหัวเราะไปกับตัวละครได้

ประการที่ 5 : ศิลปะแทบทุกแขนงเป็นเครื่องมือวิเศษในการสอนเด็ก ๆ ศิลปะเปิดโอกาสให้เด็กๆ รักษาความเป็นตัวของตัวเองในท่ามกลางสังคมที่สนใจแต่มาตรฐาน

ประการที่ 6 : การสอนเปรียบเสมือนเป็นการเดินทางไกลที่ทรหดและยาวนาน แต่อย่าท้อถอยหรือล้มเลิกง่ายๆ ไม่มีทางลัดใดๆ (There Are No Shortcuts) ในการสร้างเยาวชนที่มีคุณภา

::::::::::::::::::


Life 101 เชิญชวนทุกท่านมาร่วมด้วยช่วยกัน พัฒนาระบบการศึกษาไทย ...หันมาจุดตะเกียง แทนที่จะด่าความมืด (ขอยืมศัพท์ของ ดร.วรภัทร์)

เรามีความเชื่อว่า...ความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริงของสังคม วัดได้จาก...จำนวน "คนดี-มีคุณภาพ-มีคุณธรรม-รู้จักตัวเอง-คิดเพื่อคนอื่นเป็น" ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราก้าวหน้า (ไม่ใช่วัดด้วย GDP)

ไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องไปฝากความหวังที่ รมต.ศึกษาฯ คนไหน

แค่เริ่มต้นง่าย ๆ จากในบ้านเราเองก่อน...ทำบรรยากาศในบ้านให้เป็นห้อง 56 เป็น Home School ที่มีพ่อแม่ ผู้ปกครอง แปลงร่างเป็น "ครูเรฟ" เป็นดาวยั่ว ที่คอยยั่วให้เด็ก ๆ ของเรา รักการเรียนรู้ และเป็นคนดี มีคุณภาพที่แท้จริง

กำจัดข้ออ้างเรื่อง "ไม่มีเวลา" ออกจากหัวไปซะ เพราะด้วยทรัพยากรเวลาที่จำกัดวันละ 24 ชั่วโมง เหมือน ๆ กัน คนเราจึง "ให้เวลา" กับสิ่งที่ ตนเองเห็นว่า "สำคัญ"


จากใจ

#ทีมงาน Life 101

::::::::::::::::::


Credit : Blog ครูนอกกะลา
......................................................................................................................

ไม่ได้ติดตามเรื่องราวก่อนหน้านี้
แต่เห็นน่าสนใจกับการแก้ข้อกล่าวหา ก็ขอเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้

หรือจะเอา! คดีพลิกซะแล้ว กลายเป็นผู้โพสคลิปเอาดีแต่ตัวเอง [คลิปแก้ต่างด้านใน]

http://pantip.com/topic/30541817
................................................................................................................

...........................................................................................................................



http://www.prabkaya.co.th/
ดูแทบไม่ออก ว่าเป็นถังน้ำมัน
................................................................................................................................

ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลี ที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 บริเวณถนนราชดำริ ในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง มาจากกระสุนความเร็วสูงฝั่งทหาร


วันนี้ (29 พ.ค.56) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำสั่งแสดงรายละเอียดการเสียชีวิต และเหตุพฤติการณ์แห่งความตาย ของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลี ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หลังมีการสืบพยานนัดสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยนางสาวอลิซาเบตต้า โปเลงกี น้องสาวของนายฟาบิโอ พร้อมมารดาและพี่สาว ได้เดินทางมาร่วมรับฟังคำสั่งในครั้งนี้ด้วย เช่นเดียวกับผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติจำนวนมากที่ให้ความสนใจในคดีนี้

ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาจากผลการชันสูตรพลิกศพ โดยเจ้าหน้าที่นิติเวช ซึ่งระบุว่า นายฟาบิโอถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ทะลุหัวใจ ปอด และตับ เป็นเหตุให้เสียเลือดมากจนถึงแก่ความตาย

โดยจากการสืบพยานและผู้เชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุตรงกันว่าไม่มีบุคคลอื่นใดในบริเวณดังกล่าวที่มีอาวุธปืน และกระสุนปืนขนาด .223 ก็มีแต่เจ้าหน้าที่ทหาร ใช้กับปืน M-16 และ HK เท่านั้น โดยพยานที่เห็นผู้ตายถูกยิง ก็ถูกกระสุนชนิดเดียวกันยิงเข้าที่ขา มาจากทิศทางเดียวกัน

ศาลจึงมีคำสั่ง ให้นายฟาบิโอ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยเหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย มาจากการถูกกระสุนปืนความเร็วสูง ทะลุหัวใจ ปอด ตับ ทำให้เสียเลือดมาก จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยกระสุนปืนมาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เคลื่อนตัวเข้ามาจากแยกศาลาแดง มุ่งสู่แยกราชประสงค์

..............................................................................................................



เคล็ดลับสมองเงินล้าน!!
การลงทุนมี "ความเสี่ยง" ก็จริง แต่ผู้ที่สำเร็จจะเรียนรู้วิธี "บริหารความเสี่ยง" ให้ลดลงเหลือน้อยที่สุด เขาจึงทำกำไรได้มากขึ้น! ... "ความไม่รู้" ต่างหาก คือ ความเสี่ยงอย่างยิ่ง!!!
- โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ -

FB : Coach Siriluck Tansiri


** ถ้าวันนี้การเงินของคุณยังไม่ดีเท่าไร อ่านที่ link นี้นะคะ **
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=465265356885071&set=a.132314420180168.31291.126493324095611&type=1&theater
............................................................................................................................



ระวัง....มันจะมาโดยไม่รู้ตัว

  • Bordin Tik ยังงี้เรียกว่า ... เห้เข้า

  • Pipat Posawad เท่านั้นไม่พอ ชอบมาตอนจะเลิกงานด้วย ครับ 555

.............................................................................................................................


(May 29) ลุ้นระทึก"กนง."กดปุ่มดอกเบี้ย - การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เพราะทุกสายตาจับจ้องไปที่ผลการประชุมของ กนง.ว่าจะตัดสินใจกับดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ที่2.75% อย่างไร

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อรัฐบาลต้องการให้ลดดอกเบี้ยดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่า และดูแลเศรษฐกิจที่มีสัญญาณชะลอตัวลง

ขณะที่ ธปท.ยังรักษาจุดยืนการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพ เพราะเศรษฐกิจมีสัญญาณฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น และภัยร้ายจากเงินเฟ้อที่ยังวางใจไม่ได้หลังจากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้การประชุม กนง. ที่ผ่านมาล่าสุดมีมติให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม ไม่ได้ลดตามแรงกดดันทางการเมือง

การไม่ตอบสนองด้วยการลดดอกเบี้ยตามความต้องการของฝ่ายการเมือง นำไปสู่กระแสที่ว่ารัฐบาลกำลังหาช่องปลด ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ที่นั่งเป็นประธาน กนง. ออกจากตำแหน่งเพื่อเป็นการตัดเสี้ยนหนามในการลดดอกเบี้

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการปลดผู้ว่าการ ธปท.ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหตุผลการปลดจะต้องมีความผิดที่ร้ายแรง และรัฐบาลจะชงเรื่องปลดกันเองเหมือนในอดีต ต้องให้คณะกรรมการ ธปท. เป็นคนเห็นชอบและเสนอให้รัฐบาลปลดออกจากตำแหน่งเมื่อรัฐบาลปลดผู้ว่าการ ธปท.ไม่ได้ การดำเนินการแทรกแซง กนง.เพื่อให้ลดดอกเบี้ยก็ทำได้ยาก เป็นผลให้ความขัดแย้งของรัฐบาลและ ธปท.ยังเป็นเหมือนสึนามิใต้น้ำที่รอวันปะทุ

ดังนั้นการประชุม กนง. ในวันที่ 29 พ.ค. 2556 จึงเป็นครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง เพราะไม่ว่าผลออกมาอย่างไร ย่อมส่งผลสั่นสะเทือนกับเศรษฐกิจ และคนที่เกี่ยวข้องทั้งนั้น

สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ความเห็นยังแตกเป็น 2 ฝ่าย ในฝ่ายที่ต้องการให้ลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะรัฐบาลส่งสัญญาณชัดเจนว่า กนง.ต้องลดดอกเบี้ยสถานเดียวเท่านั้น

การส่งสัญญาณยังเลยเถิดไปถึงการกำหนดอัตราที่ต้องลดถึง 1% ต่อปี ตีกันปิดทางกนง.จะลดดอกเบี้ย 0.25% เพื่อเป็นการลดกระแสกดดันทางการเมือง

ที่สำคัญรัฐบาลได้ผนึกกำลังของหน่วยงานต่างๆ กดดันให้ กนง.ลดดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ขยายตัวได้ 5.3% ต่ำกว่าที่คาด จนต้องลดประมาณการเศรษฐกิจทั้งปีลงเหลือ 4.2-5.2% ต่อปี จากเดิม 4.5-5.5% ต่อปี โดยพุ่งเป้าไปที่ค่าเงินบาทแข็งทำให้การส่งออกสะดุด การขยายตัวของเศรษฐกิจจึงเซไปด้วย

สศช.ยังเรียกร้องให้ ธปท.พิจารณาลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1% เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่รัฐบาลกดดันให้ ธปท.ลดดอกเบี้ย

การพุ่งเป้าให้ ธปท.ลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ถูกมองว่า การลดดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขค่าเงินบาทไม่มีเหตุผลที่จะกล่าวอ้างมากดดัน ธปท.ได้อีกต่อไป หลังจากที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 29-30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยแข็งค่าไปถึง 28.55 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ประสานเสียงรับลูกปรับประมาณการส่งออกจาก 8-9% เหลือ 7-7.5% เนื่องจากโดนพิษเงินบาทแข็งค่า เพื่อเป็นการกดดัน ธปท.อีกแรง ต่างจากปีที่ผ่านมาที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกไว้ 15% ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงทั้งที่สุดท้ายการส่งออกขยายตัวเพียงแค่ 4% เท่านั้น

นอกจากนี้ วีรพงษ์ รามางกูร ประธาน ธปท. ก็ออกมาขย่มองค์กรของตัวเองให้ลดดอกเบี้ย เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดหายนะทางเศรษฐกิจ เพราะผลขาดทุนของ ธปท.จะเพิ่มจากที่มีอยู่ 5 แสนล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาท

ขบวนการกดดันให้ ธปท.ลดดอกเบี้ยยังรวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินสายส่งหนังสือให้หน่วยงานต่างทั้งทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการคลัง กดดันให้ ธปท. ลดดอกเบี้ย เพราะการที่ค่าเงินบาทแข็งทำให้รัฐบาลส่งออกข้าวที่รับจำนำไว้ไม่ได้

จะเห็นว่ากลุ่มก้อนที่ยืนอยู่ฝ่ายให้ ธปท.ลดดอกเบี้ย เป็นกลุ่มใหญ่และมีการกดดันในทุกรูปแบบที่จะดำเนินการได้

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เห็นว่าไม่ควรลดดอกเบี้ยก็ยังมีอยู่ นักวิชาการ นายแบงก์จำนวนไม่น้อยสนับสนุนแนวทางของ ธปท.ที่ไม่ลดดอกเบี้ยแก้ปัญหาเงินบาทแข็ง แต่ควรออกมาตรการคุมให้ตรงจุดแทนจะเกิดผลประสิทธิภาพมากกว่า

โดยนักวิชาการที่เห็นว่าไม่ควรดอกเบี้ย เพราะค่าเงินไม่ได้แข็ง เศรษฐกิจยังไม่มีปัญหา ก็ไม่ควรกระตุ้นให้เกิดปัญหาเสถียรภาพภายหลัง ซึ่งจะทำให้แก้ได้ยาก และส่งผลเสียมากกว่า

หรือแม้ตัว ประสาร ก็ยังมีท่าทีอ่อนนอกแต่แข็งใน ไม่ยอมโน้มเอนตามแรงกดดันทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้ ธปท.ได้ออกหนังสือชี้แจงการดำเนินการดูแลค่าเงินบาทให้สาธารณชนรับทราบ ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่ ธปท.ไม่เคยทำมาก่อน จนทำให้ถูกตีความว่า ธปท.ตั้งการ์ดสู้กับแรงกดดันจากรัฐบาล

ซึ่งหากจะตีความให้ง่ายๆ คือ ธปท.ยังเห็นว่าไม่ควรลดดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้

นอกจากนี้ล่าสุด ประสาร ยังตั้งข้อสังเกตตัวเลขเศรษฐกิจของ สศช.ที่มีหลายตัวไม่ตรงกับ ธปท. ทำให้เรื่องบานปลายถูกตีความว่า สศช.ทำตัวเลขเศรษฐกิจให้ต่ำเกินจริง ให้รัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือกดดัน ธปท.ให้ลดดอกเบี้ย จน สศช.ต้องออกมาชี้แจงเป็นพัลวันว่าไม่ได้ทำตัวเลขเศรษฐกิจเอาใจรัฐบาล

ทาง สศช.ระบุว่า ธปท.จะดูตัวเลขการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์แล้วมาตัดสินว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวดีไม่ได้ เพราะสินเชื่อเพื่อการบริโภคของครัวเรือนของธนาคารพาณิชย์คิดเป็น 37% ของสินเชื่อทั้งระบบ โดยไตรมาสแรกยอดสินเชื่อทั้งระบบมียอดคงค้าง 7.87 ล้านล้านบาท เป็นของธนาคารพาณิชย์ 2.97 ล้านล้านบาท ส่วน 63% เป็นสถาบันการเงินของรัฐ

เมื่อดูทั้งสองด้านจะเห็นว่ามีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

อย่างไรก็ดี การที่สินเชื่อของธนาคารรัฐไม่มีการขยายตัว ก็ไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าเกิดเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากในช่วงต้นปีธนาคารของรัฐแต่ละแห่งล้วนมีปัญหา

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) มีปัญหาหนี้เสียท่วมธนาคาร จำเป็นต้องเพิ่มทุน แต่คลังสั่งให้ทำแผนฟื้นฟูมาก่อนจึงจะเพิ่มทุนให้ ดังนั้น ธนาคารทั้งสองนี้แทบจะไม่มีการขยายสินเชื่อ

นอกจากนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน ก็เปลี่ยนตัวกรรมการผู้จัดการธนาคารใหม่ จึงมีการปรับแผนองค์กรและปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจอยู่ การไล่ปล่อยสินเชื่อจึงยังไม่สูงมากนัก การที่สินเชื่อธนาคารของรัฐไม่ลดลง ก็ไม่สามารถวัดได้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัว

อย่างไรก็ดี จากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของตัวเลขเศรษฐกิจไทย ทำให้น้ำหนักของการจะตัดสินลดดอกเบี้ยหรือไม่ดูก้ำกึ่งกัน

อย่างไรก็ตามการลดดอกเบี้ย เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ กนง. ที่มีคณะกรรมการ 7 คน ซึ่งเป็นคนจาก ธปท. 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 คน ซึ่งจะพิจารณาภายใต้ข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ที่สำคัญการพิจารณาของ หาก กนง.มองเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระยะยาวเป็นสำคัญ มีความเป็นไปได้ที่ กนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ต่อไป เพราะหากพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจด้านสังคมของ สศช.ออกมาล่าสุด ก็พบว่ามีปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่ง และประชาชนมีรายได้ไม่พอจ่า

ขณะที่ปัญหาฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ก็ยังไม่น่าไว้ใจ และปัญหาเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าแพง ทำให้มีน้ำหนักว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ต่อไป

ซึ่งมีนักวิเคราะห์ของธนาคารพาณิชย์ประเมินว่านอกจาก ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แล้วในอนาคตยังมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกต่างหาก เพื่อสกัดเงินเฟ้อและฟองสบู่เศรษฐกิจในบางอุตสาหกรรม เป็นการตัดไฟไว้แต่ต้นลม

แต่หากทีมเศรษฐกิจของ ธปท.ตรวจสอบว่าข้อมูลเศรษฐกิจของ สศช.สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ก็อาจจะต้องยอมลดดอกเบี้ยลงเพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ตกต่ำจนดึงกลับขึ้นมายาก

ในภาวะไม่แน่ใจ เพื่อความปลอดภัย กนง.อาจจะลดดอกเบี้ยเป็นขั้นครั้งละ 0.25% เพื่อประเมินผลทางเศรษฐกิจอีกครั้ง

ซึ่งการลดดอกเบี้ย 0.25% แม้ว่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีปัญหาความขัดแย้งของรัฐบาลและ ธปท.ปะทุขึ้นรอบใหม่ เพราะฝ่ายการเมืองตั้งป้อมไว้แล้วว่าลด 0.25% ไม่พอ

ถึงขนาด กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่แสดงจุดยืนว่า ธปท.ต้องลดดอกเบี้ยมาตลอด ให้ความเห็นไว้ก่อนการประชุม กนง.ว่า หาก กนง.ไม่ลดดอกเบี้ย หรือลดแค่สลึงเดียว ผลที่ตามมาคือ ผู้ว่าการ ธปท.จะต้องหนาวแน่ๆ

ดังนั้น การประชุม กนง.ในวันนี้ จึงเป็นนัดหยุดโลก เพราะนอกจากต้องลุ้นว่ามติของ กนง. จะออกมาอย่างไรแล้ว ยังต้องลุ้นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจากมติที่ออกมาด้วยว่าจะทำให้เกิดการช็อกทางเศรษฐกิจตามมาหรือไม

Source: Posttoday
...................................................................................................................


.................................................................................................................................

..........................................................................................................................



ดอกเบี้ยนโยบายลด 0.25% ลงไปที่ 2.50% ... แต่เปิดตลาดภาคบ่ายมาก็ร่วง เหมือนคาดกันว่าจะลดมากกว่านี้
.................................................................................................................

หลักฐานน่าสนใจ

เปิดหลักฐานใหม่ อาจารย์ ม.บูรพาส่อปลอมใบเสร็จจ้างรถทัวร์พา นิสิตฯ ป.โทดูงาน

http://www.isranews.org/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/item/21368-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AF-%E0%B8%9B-%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.html
.............................................................................................................

หากครูบาอาจารย์ ยังทุจริตคอรัปชั่น แล้วจะสอนลูกศิษย์ให้ไม่ทุจริตได้อย่างไร?
เป็นกันมาตั้งแต่สถานที่เพาะบ่ม แล้วจะคาดหวังให้โตมาไม่โกง?

ดูชัดๆ หลักฐานมัด “อาจารย์นิติฯ”ม.บูรพา ปลอมลายมือ“ลูกศิษย์”เบิกเงินค่าดูงาน "ลม"?

http://www.isranews.org/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99/item/21404-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E2%80%9C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AF%E2%80%9D%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B2-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E2%80%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E2%80%9D%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%A1.html
..................................................................................................................................


คำถาม
หนูทำงานกับคนๆนึงมาเกือบสิบปีแล้ว
เค้าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เห็นแก่ตัว ชอบกดลูกน้องต่อหน้าคนอื่น วันๆคอยจ้องจับผิดว่าใครทำอะไรอยู่บ้าง
กราดเกรี้ยว พูดจาประชดประชัน เหน๋บแนมให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี ไม่เห็นใจลูกน้องที่ทำงานหนัก เพราะตัวเองเป็นคนบ้างาน นี่เป็นเพียงส่วนนึงที่คิดออกตอนนี้นะคะ
แต่สิ่งที่ทำให้ร่วมงานกันมาจนถึงวันนี้เห็นจะเป็น งาน ที่มีคุณค่าต่อคนอื่น ได้เดินทางเห็นสิ่งต่างๆ
พักหลังๆมานี้ อาการเค้าเริ่มหนักขึ้น เคยเตือนเค้าไปแต่ก๋ไม่ฟัง
เค้าหลงตนไปแล้ว ว่าถ้าเค้าไม่ดีจิงคงเดินมาไม่ถึงตรงนี้ ตอนนี้ไม่มีใครทำงานกับเค้า แล้วค่ะ ลูกน้องก็ลาออกไปหมด เค้าเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ ไม่ฟังคำเตือน หนูกลัวว่าเค้าจะเป็นบ้าค่ะ
หลายครั้งที่จะเลิกทำงานกับเค้าแต่ก็มีเหตุให้กลับมาทุกครั้งไป
อยากทราบมุมมองของพี่จิกต่อเรื่องนี้ เพราะตอนนี้สับสนมากว่าคนที่จิตใจไม่ดีจะสามารถคิดและทำสิ่งดีๆ ได้หรือคะ หรือเป็นแค่การสร้างภาพ หรือเป็นสิ่งที่เค้าอยากเป็นแต่เป็นไม่ได้
................

คำตอบ

คงไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ มีแต่เรื่องเล่าของลุงแม้นสั้นๆครับ

ลุงแม้นขับรถขึ้นดอยตะโหนดทุกวันเป็นเวลามาสิบปีมาแล้ว
วันหนึ่งลุงแม้นรู้สึกเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับงานของตัวเองขึ้นมา ความรู้สึกเหนื่อยใจนั้นมากมายถึงขนาดทำให้ลุงแม้นอยากเลิก
ลุงแม้นจึงมานั่งเหม่อที่ยอดดอย ใช้เวลาไปกับการมองพระอาทิตย์ตกดิน
มองไปมองมา จู่ๆก็มีข้อสอบดังขึ้นในหัวข้อหนึ่ง พอมีข้อสอบลอยขึ้นมา ลุงแม้นก็เกิดความสบายใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ข้อสอบข้อเดียวที่ว่ามีดังนี้

ลุงแม้นขับรถขึ้นดอยตะโหนดมาสิบปีแล้วเพราะเหตุใด
ก.ลุงแม้นรักดอยตะโหนดเป็นพิเศษ
ข.ลุงแม้นรักเส้นทางของดอยตะโหนดเป็นพิเศษ
ค.ลุงแม้นรักการขับรถ ขอแค่เป็นรถ ให้ไปขับที่ไหนก็ได้
ง.ลุงแม้นรักรถ ขอแค่เห็นรถ ไม่ต้องขับก็ได้
จ.ลุงแม้นรักดอยทุกดอย ขอให้เป็นดอยลุงแม้นพร้อมที่จะไปขับรถ จะขี่จักรยานหรือจะเดินขึ้นก็ได
............................
.................................................................................................................

............................................................................................................................



ทำไมต้องไปกลัวเสียศักดิ์ศรีในการหาความรู้

เริ่มต้นหัดใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในวัย 65 ปี และเริ่มเล่นอินเตอร์เน็ตในวัยต้น 70 จากการแนะนำของบุคคลรุ่นน้องอย่าง ศักดา วิมลจันทร์ และพอภัทร์ สดสร้อย มีเว็บเพจเป็นของตนเอง คือ pencyber (bookcyber.com)

"ทำไมจะต้องไปกลัวเสียศักดิ์ศรีในการหาความรู้ philosopher แปลว่า ปรัชญา philo แปลว่าความรู้ sopher แปลว่าความรัก ความรักในความรู้ ไม่มีอายุ ไม่มีแก่อ่อน ผมอยากรู้ ชีวิตผมอายุมากแล้ว ผมต้องการสาระ สาระแปลว่าความรู้ นักปราชญ์ก็อยากรู้ เขาถึงเป็นปราชญ์

"ใครบ้างในโลกนี้กลัวเทคโนโลยี แม้แต่พระยังไม่กลัวเลย พระยังใช้อินเตอร์เน็ตค้นคว้าพระธรรมบท ไม่มีใครกลัวหรอกครับ กลัวแต่มันไม่ทำงาน ผมเรียกมันว่าหมอผีนะ อินเตอร์เน็ตคือ หมอผีผู้รอบรู้ทุกอย่าง นี่คือสิ่งที่ผมชอบ"

"ความศักดิ์สิทธิ์ของงานเขียนนั้นมันต่างกันที่ 'ขมับ' หรือสมอง ไม่ใช่อยู่ที่เครื่องมือหรือยี่ห้อปากกา คุณจะใช้พิมพ์ดีด หรือคอมพิวเตอร์ก็ตาม ทุกอย่างมันอยู่ที่สมอง ความพากเพียร และความฝึกฝน

ครูของผมเคยสอนว่า คนเราทำอะไรจะเก่งต้องสนใจและฝึกฝน อย่างการเดินเล่นของผม ไม่ใช่ผมชอบเดินเล่นนะ แต่ผมอายุ 76 แล้ว ผมต้องเดินเพื่อไม่ให้เป็นง่อย เช่นกันกับสมองต้องใช้ไม่อย่างนั้นมันจะฝ่อ 'คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อดำรงชีพอยู่เท่านั้น แต่ต้องมีความจำและเรียกใช้ความจำนั้นได้เมื่อต้องการจะใช้' นี่เป็นหนึ่งในประโยคของนักเขียนโนเบลที่ผมรักมากที่สุด กาเบรียล การ์เซีย มาร์เควซ

"เว็บไซต์ที่ห้ามเด็กเข้าไปดู ผมอยากดู ผมจะได้รู้ว่ามันเป็นโทษหรือมันเป็นคุณ เด็กมีสิทธิรู้ทุกอย่าง มีสิทธิปฏิเสธทุกอย่าง ไม่ใช่เด็กสมัยเล่นหม้อข้าวหม้อแกง เด็กสมัยนี้ต้องรู้ทุกอย่างไม่อย่างนั้นแพ้ฝรั่งเขา ไม่ว่าเรื่องสัปดนหรือสมบัติผู้ดี ต้องรู้ไว้เปรียบเทียบกัน"

"เป้าหมายของเว็บเพจ pencyber นี้คือ ผมต้องการสอนเด็กใหม่ที่อยากเป็นนักเขียน ผมอยากให้เด็กเป็นนักเขียนมากๆ จะได้ไปสู้กับฝรั่ง มีโนเบลไพรซ์สักคนหนึ่ง ผมชอบอ่านที่เด็กรุ่นใหม่เขาคุยกันในอินเตอร์เน็ต ทำให้ผมได้คำศัพท์ใหม่ๆ

ครั้งหนึ่งผมเคยถามพรานบูรพ์ที่รุ่นคราวอาผม ว่าทำไมถึงชอบมาคุยกับพวกผมแกตอบว่ามาดูคนรุ่นหนุ่มอย่างพวกคุณว่ามีความคิดและภาษาอะไรกันบ้าง พรานบูรพ์นี่เป็นถึงยอดนักปราชญ์ของเมืองไทย คนเมื่อก่อนเขาเก่งนะ ที่ในหนังสือเรียนบอกคนสมัยก่อนน่ะโง่ ไม่จริง แล้วเราสิยังไปหาว่าคนรุ่นต่อไปว่าเดี๋ยวจะไม่มีกิน คนแต่ละรุ่นมันต้องเอาตัวรอดให้ได้ อย่าไปดูถูกเขา เราต้องให้เกียรติคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพคนรุ่นเก่า"

อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียน
อดีตบรรณาธิการนิตยสาร 'ฟ้าเมืองไทย' วัย 85 ปี

ที่มา : นิตยสาร สารคดี, เมษายน 2547
..............................................................................................................

............................................................................................................................

ทางรถไฟสายเอเชีย

http://portal.settrade.com/blog/10000Li/2013/05/29/1294

..........................................................................................................................


ข้อโต้แย้งคลาสสิคของพวกทวงคืนประการหนึ่งที่เราได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็คือ "ประเทศไทยเป็นประเทศร่ำรวย/อุดมด้วยทรัพยากรปิโตรเลียม" โดยอ้่างเหตุผลว่าประเทศเราผลิตน้ำมันได้มากกว่าประเทศบรูไนซึ่งทราบกันดีกว่าเป็นประเทศเศรษฐีน้ำมันเสียอีก นำมาสู่ข้อสรุปว่าจริงๆคนไทยต้องได้ใช้น้ำมันถูกกว่า/เท่ากับบรูไน คนไทยควรจะร่ำรวยเท่ากัีบคนบรูไน แต่ปตท.มันเลว มันโกง คนไทยเลยโดนสูบทรัพยากรไปหมด บลาๆๆๆๆๆ

ถ้าเราจะใช้ตรรกะอย่างที่ว่ามา โดยดูแต่ตัวเลขการผลิตโดดๆ ไม่ดูบริบทอื่นใดประกอบ งั้นเราก็คงจะกล่าวได้เหมือนกันว่า "ประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิม" เหมือน/ยิ่งกว่าบรูไน เพราะประชากรมุสลิมในไทยมีเยอะกว่าของบรูไนเป็นเท่าตัว!!!!!!!

นี่คือตัวอย่างของตรรกะที่บกพร่องครับ ประเทศไทยมี "จำนวน" มุสลิมเยอะกว่าบรูไน แต่เมื่อเทียบ "สัดส่วน" แล้วประชากรมุสลิมในไทยมีเพียงประมาณ 6% เท่านั้น แต่ประชากรมุสลิมในบรูไนมีถึง 50-70% ประเทศไทยจึงไม่ใช่ประเทศมุสลิมแบบบรูไน

มันก็โยงมาถึงเรื่องปิโตรเลียมตรงนี้ละครับ ตรรกะป่วยๆที่พวกทวงคืนทั้งสอวอ-หม่อมชอบใช้ก็คือเทียบแต่ "ปริมาณ" การผลิตปิโตรเลียม แล้วก็โมเมใหญ่โตว่าเราต้องรวยกว่าเค้า ทั้งที่จริงแล้วเราต้องไปดู "สัดส่วน" ระหว่างการนำเข้า/ส่งออก ว่าจริงๆแล้วเราผลิตได้มากพอจริงหรือไม่ เพราะบรูไนร่ำรวยได้เนื่องจากการบริโภคปิโตรเลียมในประเทศเค้าน้อยมาก จึงเหลือส่งออกได้มาก น้ำมันในประเทศก็ใช้ของที่ผลิตในประเทศได้เกือบ 100% จึงกำหนดราคาเองได้ทำให้ถูก แต่ของไทยเรานั้นเราผลิตได้มากกว่าเค้าก็จริง แต่เราก็บริโภคมากกว่าเค้ามหาศาลเช่นกัน ทำให้เราผลิตได้ไม่พอกับที่บริโภค จึงต้องนำเข้าในปริมาณมหาศาลเช่นกัน

แอดมินขอยกตัวอย่างเพิ่มเติมยังงี้ครับ นายเอได้เงินเดือน 5,000 บาท ส่วนนายบีได้เงินเดือน 2,000 บาท มองเผินๆก็เหมือนนายเอรวยกว่านายบีใช่มั้ยครับ แต่ถ้าไปดูจริงๆแล้วนายเอมีลูกสิบคน ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกเดือนละ 8,000 บาท ทำให้เดือนนึงนายเอต้องไปยืมเงินชาวบ้านมาอีก 3,000 บาท ส่วนนายบีนั้นมีลูกแค่คนเดียวเสียค่าเลี้ยงดูเดือนละ 1,000 บาท เดือนนึงนายบีเหลือเงินเก็บ 1,000 บาท แบบนี้เราจะเรียกว่าใครรวยกว่ากันครับ

นี่เป็นสิ่งที่เราต้องเน้นย้ำให้มากๆครับ เพราะพวกทวงคืนชอบเอาตัวเลขเฉพาะส่วนมาหลอกคนที่ไม่รู้ เราต้องนำเสนอความเข้าใจที่ถูกอย่าให้คนไปหลงเชื่อข้อมูลตัดแปะ+ตรรกะวิบัติเหล่านั้นครับ

ปล.ข้อมูลการผลิตน้ำมันดิบ (Crude oil) ในภาพเป็นของปี 2012 นำมาจาก eia.gov ส่วนข้อมูลประชากรมุสลิมเป็นของปี 2010 นำมาจาก http://features.pewforum.org/muslim-population/
.............................................................................................................................


สัมภาษณ์แบบ Exclusive
พ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร
หน.ทีมรักษาความปลอดภัยเครือ CT
คลิปแรก ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

ดูและคิด วิเคราะห์เองเถิด
อย่าปล่อยให้อคติหนุนนำ ชีวิต

อันนี้แค่คลิปแรก และมีเด็ดกว่านี้อีกแน่นอน
ประมาณ 10 คลิป เอาอันแรกไปก่อนตามสัญญา

********************

ดูได้ตามลิงก์ เชิญชม
http://youtu.be/bSgw3usqNeg

********************

บทสรุป ย่อ

- การเตรียมการรับมือกับเพลิงของเซ็นทรัลมีมาตรฐานมาก
มีการฝึกทุกปี เท่ากับมีสถานีดับเพลิงทุกห้างสรรพสินค้า
อุปกรณ์ คน พร้อมตลอด 24 ช.ม. ที่จะเผชิญกับอัคคีภัยขนาดใหญ่

กล้อง CCTV ของเซ็นทรัลเป็นอย่างไร?

- เราถือว่า CCTV เป็นปัจจัยในความปลอดภัยด้านอัคคีภัยด้วย
สามารถจับภาพของผู้วางระเบิดได้ตลอดเวลา
ในอดีตที่ผ่านมาตอนเซ็นทรัลราดพร้าว
เคยมีเหตุการณ์สงสัยว่าเป็นการวางระเบิด ก็สามารถทวนกลับไปดูได้

แสดงว่าทุกพื้นที่ของอาคารเซ็น กล้องจับความเคลื่อนไหวได้หมด?

- ใช่ มีห้องคอนโทรนถึง 3 ห้อง
มีหน้าที่ควบคุมงานระบบทั้งหมด อลาม
สปริงเกอร์ ปั้มน้ำ ไฟสัญญาณต่างๆ CCTV

CCTV ครอบคลุมพื้นที่ขนาดไหน?

- มีกล้อง 30-40 ตัวต่อชั้น
จุดสำคัญจะเพิ่มตัวแบบแพนได้
รอบนอกดึงสัญญาณต่างๆ ได้ 1 km
ในการดูภาพต่างๆ เพื่อหาผู้ต้องสงสัย

ก่อนหน้าที่เคยมีกรณีศึกษาเรื่องการทำงานของ CCTV ก่อนหน้านี้หรือ?

- มี เราจับคนร้ายได้ เพราะได้ภาพประสานกัน
- เคยเกิดเหตุขึ้นครั้งหนึ่ง ใช้เวลาแต่งตัว เข้าไปดับไฟไม่เกิน 3 นาที

มีการเปลี่ยนกะกันอย่างไร?

- มีการเปลี่ยน 2 ชั่วโมงต่อคน แต่ละห้องมี 3 คน

บันทึกเก็บได้นานเท่าไหร่?

- อย่างน้อย 15 วัน มากกว่านั้นได้แล้วแต่การติดตั้

ไฟล์มีโอกาสที่คนอื่นจะก็อบออกมาได้หรือไม่?

- ทำไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ระดับหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย

เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมาที่ราชประสงค์ทางเซ็นทรัล
มีการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

- ช่วงเดือนมีนา มีการประชุมระดับผู้บริหาร กรรมการผู้จัดการ
ผู้ปฏิบัติการ ตำรวจพื้นที่ เพื่อกำหนดนโยบาย วางแผนรักษาความปลอดภัย

- ที่ประชุมมีการประชุมกันหลายรอบ ผลสรุปคือ
ถ้าคนเสื้อแดงมีการถูกสลายการชุมนุม ไม่ให้ปะทะตอบโต้
เน้นการอำนวยความสะดวกให้คนเสื้อแดงเขามาและออกไป

กูต้องได้ 10 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ
..............................................................................................................



ลอตเตอรี่ จะออกแล้วนะครับ ครั้งนี้ผมทำบุญมาเต็มที่แล้ว รู้สึกว่าถูกรางวัลแน่ๆ
ผมบอกเลยว่าเลขออก 41 (เอามาจากเลข like เพจพูดไม่คิด)
.................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น