วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

28/05/2556

จาก Status: เพจ ขอกูพูดบ้างเหอะ 

"ผมกลัวคนผิดไม่ยอมรับ และคนทำผิดแต่ไม่อายครับ" ผู้สันทัดกรณีท่านหนึ่ง





เอาคำจากเจ้าสัวมาฝาก เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆครับ
..........................................................................................................................




ลูกจ้างร้านอาหารในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องมือสะอาดอยู่เสมอ หากเข้าห้องน้ำ ไอจาม ดื่มน้ำ หรือทำกิจกรรมอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องล้างมือ ลูกจ้างจะต้องล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นและใช้สบู่ล้างมือโดนออกแรงถูมือจนเกิดฟองสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย 10-15 วินาที โดยต้องเน้นที่เล็บและซอกนิ้วเป็นพิเศษ แล้วล้างออกด้วยน้ำที่ไหลผ่านจากนั้นจึงเช็ดให้แห้ง
(Section 113953.3(a) California Health and Safety Code)

www.matralaw.com
............................................................................................................................



แก้วธรรมดาถ้าเราใส่ความคิดสร้างสรรค์ ก็สร้างความแตกต่างได้ ^,^
.......................................................................................................................

............................................................................................................................




สังขารไม่เที่ยงหนอ....
..............................................................................................................

.........................................................................................................................

เห็นพี่ประภาสกับคุณตัน ผมก็สนใจมากๆละครับ ^_^

อยากเป็นลูกศิษย์ใครกันบ้างครับ?
................................................................................................................




อคติ คือ ความลำเอียง เกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้

คือความลำเอียงเพราะรัก เรียกว่าฉันทาคติ
ความลำเอียงเพราะชัง เรียกว่าโทสาคติ
ความลำเอียงเพราะกลัว เรียกว่าภยาคติ
ความลำเอียงเพราะเขลา เรียกว่าโมหาคติ

อคติ 4 ประการนี้ ไม่ว่าตัวใดตัวหนึ่ง ถ้าเกิดขึ้นในใจของบุคคลใดแล้ว
ทำให้บุคคลนั้นต้องตกต่ำลงไปเรื่อยๆ
ทำไมจึงต้องตกต่ำ เพราะว่าความคิดมันผิด
การพูดผิด การกระทำผิด
การคบหาสมาคมก็จะพลอยผิดพลอยเสียไปด้วย
เพราะอาศัยอคติ 4 นี้เป็นฐานอยู่ในใจ
เรื่องอื่นที่มันจะเกิดขึ้นมันก็จะเอียงไปตามอคติที่มีอยู่
เช่น เรามีความรัก เราก็มองคนไปในแง่ดี มีประโยชน์แก่ตน
ใครมาบอกว่าไม่ดีนั้นไม่ยอมรับ

ตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่นว่า นาย “ก” นี่เป็นอยู่กับใครคนหนึ่ง
แล้วคนคนนั้นไปกระทำอะไรเข้าสักอย่างหนึ่ง
ซึ่งคนส่วนมากเขาก็เห็นว่ามันไม่ถูก ไม่เหมาะ
ไม่ควรด้วยประการต่างๆ

แต่ว่านาย “ก” ไม่ได้คิดเช่นนั้น ไม่ได้มองเห็นในรูปเช่นนั้น
กลับพูดว่าท่านผู้นั้นเป็นคนที่ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้
เช่นนาย “ก” ได้รับความอุปถัมภ์ค้ำชูจากคนนั้นในเรื่องต่างๆ นานา
เจ็บไข้ได้ป่วย ที่เขาช่วยรักษามารดาตาย เขาช่วยทำศพให้
หรือว่ามีความทุกข์ความเดือดร้อนก็วิ่งไปหาให้ความช่วยเหลือ
ความช่วยเหลือเกื้อกูลต่างๆ นั้น เป็นเครื่องมัดจิตใจนาย “ก”
ให้มีความรักความเคารพต่อบุคคลนั้น

แต่ไม่ได้คิดไปถึงว่าสิ่งที่เราได้
มันเป็นเรื่องของปัจเจกชน หรือเป็นเรื่องของมหาชน
คิดแต่เพียงประการเดียวว่าเขาดีต่อฉันอย่างนั้นอย่างนี
ส่วนที่เขากระทำอะไรลงไปในเรื่องที่
เป็นความผิดความเสียหายนั้น กลับมองไม่เห็น
ทำไมจึงมองไม่เห็น ก็เพราะว่าอคติเข้าครอบงำใจ

ปัญญานันทภิกขุ

นานาสาระธรรม Instagram สวนโมกข์กรุงเทพ
http://instagram.com/suanmokkh_bkk
.......................................................................................................................



ชอบพูดกันนักว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละแปดบรรทัด
ฉันเลยเอาเรื่องยาวๆมาลงให้อ่านติดๆกันในช่วงนี้
แล้วก็น่ายินดีที่กดโปรดและปันเป็นจำนวนหลักพัน
จริงหรือที่คนไทยอ่านหนังสือน้อยบรรทัดอย่างที่เขาว่า
ลงชื่อ คุณชายพุฒิภาส
.........................................................................................................................



"ดิสเครดิต" ประเทศ

จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเราอยู่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเรื่อง "ดิสเครดิตประเทศ" อย่างน้อย ๆ ก็เห็นอยู่ 2-3 เรื่อง ความขัดแย้งระหว่างคลัง-แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์ ที่เห็นไม่ลงรอยกันเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การบริหารจัดการพลังงานที่เกิดไฟฟ้าดับบ่อย ๆ โครงการลงทุนบริหารจัดการน้ำ 3.01 แสนล้านบาทที่ทำท่าจะเละตุ้มเป๊

ความขัดแย้งระหว่างคลังกับแบงก์ชาติ ในกรณีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องควรลดดอกเบี้ยสกัดเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า เพื่อพยุงไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไปหรือไม่

ตอนนี้ได้ขยายวงถึงสภาพัฒน์เป็นคู่ขัดแย้งร่วมหลังแถลงตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสแรกซึ่งออกมาน่าผิดหวัง จนถูกมองว่าปั้นตัวเลขเอาใจรัฐบาล เพื่อบีบคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ลดดอกเบี้ยในวันที่ 29 พ.ค.นี้

อันที่จริงในอดีตความขัดแย้งระหว่างแบงก์ชาติกับคลังมีทุก ๆ รัฐบาล แม้แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของสภาพัฒน์กับแบงก์ชาติส่วนใหญ่ก็เห็นต่างกันมาตลอด แต่ก็ไม่เคยออกมาตอบโต้กันดุเดือดและเปิดเผยต่อสาธารณชนเท่าครั้งนี้

ยิ่งโต้ก็ยิ่งลดความน่าเชื่อถือลง เท่ากับเป็นการสะท้อนว่าสถาบันเศรษฐกิจของประเทศไม่เป็นเอกภาพ

อีกทั้งปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย ๆ ในรัฐบาลนี้ ตั้งแต่ความวิตกกังวลกรณีพม่าหยุดซ่อมแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ทำให้ต้องหยุดส่งก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าราชบุรีในช่วงสงกรานต์ จนต้องขอความร่วมมือกันช่วยลดการใช้ไฟฟ้าครั้งใหญ่

ถัดมาแค่เดือนเดียวเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ สร้างความตื่นตระหนกและสร้างความเสียหายเศรษฐกิจในพื้นที่มหาศาล จนมีคำถามถึงกระทรวงพลังงานถึงศักยภาพการบริหารจัดการพลังงานของประเทศ

งานนี้ไม่มีใครรู้ว่ามีเบื้องหลังการถ่ายทำหรือไม่ แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความมั่นคงด้านพลังงานของไทยเริ่มจะลดน้อยถอยลงทุกที

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโครงการลงทุนบริหารจัดการน้ำ 3.01 แสนล้านที่กำลังทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ขนาดนักลงทุนจากญี่ปุ่นและกลุ่มทีมไทยแลนด์ของคนไทยแท้ ๆ ยังต้องขอถอนตัวไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย เพราะไม่มั่นใจว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจน และความเป็นไปได้ของโครงการ การบริหารจัดการของผู้รับผิดชอบโครงการทั้งที่โครงการใหญ่อย่างนี้มีเอกสารไม่กี่หน้า

ปรากฏการณ์เหล่านี้ล้วนแต่ "ดิสเครดิตประเทศ" ทั้งสิ้น

คอลัมน์ เมืองไทย25น.
ทวี มีเงิน/ข่าวสดออนไลน์
..............................................................................................................



ถ้าำทำเต็มที่แล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจ
แต่ถ้าทำไม่เต็มที่ ก็ควรเสียใจ

และให้คิดเสมอว่า เราย้อนเวลาไม่ได้
ถ้าทำอะไรแล้วจะเสียใจภายหลัง ก็อย่าทำ

- โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ -

FB : Coach Siriluck Tansiri
............................................................................................................



ความมั่นคงด้านพลังงาน

จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ในช่วงค่ำของวันที่ 21 พ.ค.2556 ที่ผ่านมา สร้างความกังวลถึงประเด็นความมั่นคงด้านไฟฟ้าในระยะยาว

ไม่เพียงพื้นที่ภาคใต้ แต่รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญ เพราะหากพิจารณาโครงสร้างความต้องการใช้ไฟฟ้า เทียบกับกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ เปรียบเทียบกับภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.8% (ปี 2552-2555) จากการเติบโตของภาคธุรกิจทั้งโรงแรม อสังหา ริมทรัพย์ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร โดยเป็นการเพิ่มขึ้นสูงเป็นอันดับ 2 รองจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 8.1% ภาคเหนือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.7%

ทั้งนี้ เห็นได้ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่โต 4.5% ต่อปี และแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าในส่วนภูมิภาค น่าจะเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า

ขณะที่ กำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ต่ำกว่าความต้องการ โดยปัจจุบันโรงไฟฟ้าในภาคใต้ 6 แห่ง รวมมีกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 2,200 เมกะวัตต์ เทียบกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่อยู่ที่ประมาณ 2,400 เมกะวัตต์ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านไฟฟ้าของภาคธุรกิจและประชาชนในพื้นที่ภาคใต้

สำหรับพื้นที่ภาคใต้นั้น มีการคาดการณ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นถึง 3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเบื้องต้นภาครัฐมีแผนปรับระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงให้มีขนาด 500 KV เท่ากันหมดทั่วประเทศ พัฒนาเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใน โรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าจะนะแห่งที่ 2 กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์

หากกำลังผลิตไฟฟ้าที่คาดว่าจะเข้าใหม่ เกิดความล่าช้าของโรงไฟฟ้ารายใหม่ที่เข้าระบบ ก็ย่อมหมายถึงความเสี่ยงทางด้านความมั่นคงด้านไฟฟ้าของไทย ที่อาจส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจโดยรวม

ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องวางแผนรับมือ โดยภาครัฐควรเร่งกำลังผลิตไฟฟ้าที่จะเข้าสู่ระบบทั้งในส่วนที่ผลิตเอง และส่วนที่รับซื้อจากเอกชน รวมทั้งที่นำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจและยอมรับ เกี่ยวกับปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันควรส่งเสริมภาคการผลิต รวมทั้งภาคครัวเรือนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ

เศรษฐกิจติดดิน/ข่าวสดออนไลน์
โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
............................................................................................................


.................................................................................................................................




I like this quote.
..............................................................................................................................



[ Design ] Abri -Boca ผลงานของ Philipp Süssmann ศิลปินชาวเยอรมัน ที่มีธีมการออกแบบคือ transformation ที่ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนจากความอิสระเปิดโล่ง เป็นพื้นที่ส่วนตัว และสงบ เมื่อปิดเจ้าหลังคาไม้ซึ่งทำให้เราเหมือนอยู่ในรังส่วนตัว ที่น่าจะทำให้การนอนของเราอบอุ่น หลับสบายขึ้นแน่นอนเลย
...........................................................................................................................



... เวลาอยากไล่รัฐบาล ใส่หน้ากาก "ไล่เผด็จการ"
เวลามีรัฐประหาร ถอดหน้ากาก "ไล่เผด็จการ" ออก
... เวลาจะโวยเรื่องเหนือเมฆ ใส่หน้ากาก "เสรีภาพสื่อ"
เวลาสมเจียมออกตอบโจทย์ ถอดหน้ากาก "เสรีภาพสื่อ" ออก
... เวลาจะปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ ใส่หน้ากาก "ลอกมาจากยุโรป"
เวลาEUประนาม112 ถอดหน้ากาก "ลอกมาจากยุโรป" ออก
... ลูกนักการเมืองคนนึง โดนข่มขู่ ใส่หน้ากาก "ต้องรู้จักแยกแยะเค้าไม่เกี่ยว"
ลูกนักการเมืองอีกคน โดนขู่เอากาแฟราด ถอด "ต้องรู้จักแยกแยะเค้าไม่เกี่ยว" ออก
... เวลา สส พรรคนึงเกิดเรื่องต่อยตี ใส่หน้ากาก "รักษากฎหมาย"
เวลา สส อีกพรรคนึงยิงคนตายยังอยู่ในสภา ถอดหน้ากาก "รักษากฎหมาย" ออก

สัส ถ้าพวกเมิงจะเปลี่ยนหน้ากากกันไวและเก่งขนาดนี้ ไปสมัครคณะระบำเปลี่ยนหน้ากากเฉินตูเหอะ
........................................................................................................................



เจ๋งดีเน๊อะ

Kung Witoon Such a good idea!

.................................................................................................................


รู้ไปทำไมว่า ไคล์ แมคโดนัลด์ จากเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ตอนอายุ 26 ปี เขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเองและไม่มีงานทำ เขาตัดสินใจแลกเปลี่ยนสิ่งของในอินเตอร์เน็ต เริ่มจากการใช้คลิปหนีบกระดาษสีแดงตัวเดียว เขาแลกเปลี่ยน 14 ครั้งในเวลา 1 ปี กับสิ่งของที่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้รับบ้านสองชั้นมาหนึ่งหลัง

ทุกวันนี้ เขาบริจาคบ้านหลังนั้นให้เป็นทรัพย์สินของเมือง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำเมืองและชุมชน

ในปัจจุบัน อาจารย์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ท่านหนึ่ง แจกคลิปหนีบกระดาษให้นักศึกษาในวิชาผู้ประกอบการ แล้วให้ไปสร้างกิจการมา ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากไคล์ แมคโดนัลด์คนนี้

ข้อมูลจาก เฟสบุ๊คของ Taratorn Ratananarumitsorn

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก
http://oneredpaperclip.blogspot.com/p/one-red-paperclip-project.html
http://www.cbc.ca/news/canada/story/2006/07/07/paperclip-house.html
...................................................................................................................

นักข่าวอิเหนาเบิกความเหตุสลายม็อบ เผยถูกยิงด้วย"เอ็ม 16"-นัดฟังคำสั่งชันสูตร"ช่างภาพอิตาลี" 29 พ.ค.

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1363335966&grpid=00&catid=00

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีที่ถูกยิงเสียชีวิตจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารในการสลายผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่บริเวณสี่แยกศาลาแดงไปจนถึงแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด ถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

ในวันนี้พนักงานอัยการนำตัวนายมิเชล มาร์ค อายุ 58 ปี ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ NOS เรดิโอแอนด์เทเลวิช ประจำกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เข้าเบิกความผ่านล่ามแปลภาษา สรุปว่า ได้รับมอบหมายให้ทำข่าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2553 ได้เข้ามาทำข่าวการชุมนุมของกลุ่ม นปช. และเข้าพักที่โรงแรมอัมรินทร์ อยู่บริเวณแยกประตูน้ำ มีหน้าที่ทำข่าวตั้งแต่บริเวณโรงแรมอัมรินทร์ไปจนถึงสวนลุมพินี โดยในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ดูข่าวจากโทรทัศน์ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเคลื่อนที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกศาลาแดง โดยใช้รถทหารเป็นแนวหน้า จึงรีบออกไปดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุโดยไปรวมกลุ่มอยู่กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศและผู้ชุมนุมที่บริเวณสวนลุมพินีใกล้โรงแรมรีเจ้นท์ ห่างจากแยกศาลาแดงประมาณ 400-500 เมตร เมื่อหันไปมองทางแยกศาลาแดงเห็นทหารในชุดเครื่องแบบพร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 กำลังเคลื่อนพลเข้ามา

นายมิเชลเบิกความต่อว่า พยานไม่เห็นเหตุการณ์ขณะที่นายฟาบิโอถูกยิง เพราะพยานก็วิ่งหนีไปที่แยกราชประสงค์เช่นกัน ขณะที่พยานวิ่งอยู่นั้นก็ถูกกระสุนยิงเข้าที่ด้านหลัง พยานใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ่ายทอดสดไปยังสถานี และมีพลเมืองดีพาพยานไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงทราบว่านายฟาบิโอถูกยิงเสียชีวิต จากนั้นถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวชเมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงเดินทางกลับอินโดนีเซีย อีก 5 สัปดาห์จึงเดินทางมาโรงพยาบาลสมิติเวชให้หมอผ่าเอาหัวกระสุนออก พยานนำหัวกระสุนส่งให้ดีเอสไอเป็นหลักฐาน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนบอกว่า หัวกระสุนที่ผ่าออกจากตัวพยานเป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 โดยในวันเกิดเหตุไม่เห็นชายชุดดำแต่อย่างใด

ภายหลังพยานเบิกความเสร็จสิ้นแล้วพนักงานอัยการแถลงว่าจะขอนำพยานเข้าเบิกความอีก 2 ปาก ส่วนทนายความญาติจำเลยแถลงขอนำพยานเข้าเบิกความอีก 10 ปาก ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีศาลไต่สวนเพื่อมีคำสั่งเพียงว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด ถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่งจากการไต่สวนพยานที่ผ่านมาก็ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนเพียงพอต่อการทำคำสั่งแล้ว จึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวนพยานที่เหลือ และนัดฟังคำสั่งในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนวันนี้มี น.ส.อลิซาเบท โปเลงกี น้องสาวนายฟาบิโอ ผู้ตายเข้าฟังการไต่สวนพร้อมพยานซึ่งเป็นชาวต่างชาติอีกประมาณ 3-4 ปาก


ภายหลัง น.ส.อลิซาเบทกล่าวว่า การไต่สวนพยานในคดีนี้ได้ยินพยานหลายปากเบิกความซึ่งเป็นพยานที่ดี แต่ก็มีบางปากที่ศาลไม่ให้เบิกความ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าศาลจะได้หลักฐานทั้งหมดในคดีครบถ้วนแล้ว
...............................................................................................................




สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ระบุราคาไข่ขึ้น-ลงตามกลไกการตลาด วอนสื่ออย่าชี้นำ หยุดใช้คำว่าไข่แพง

28 พฤษภาคม 2556 go6TV - นายมงคล พิพัฒน์สัตยาวงศ์ สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยว่า ราคาไข่ไก่ที่ปรับตัวสูงขึ้น ไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นทางการเมือง และสื่อมวลชนควรหยุดใช้คำว่า "ไข่แพง" แต่ควรพิจารณาอย่างเป็นธรรม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยราคาไข่ไก่ที่สูงขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิปรับตัวขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขาดน้ำ แม่ไก่อ่อนแอ การออกไข่ลดลง ปริมาณไข่ที่ออกสู่ตลาดลดลงตามไปด้วย โดยวานนี้ (27 พ.ค.) มีประมาณ 30 ล้านฟอง ต่ำกว่าปริมาณความต้องการที่ 32 ล้านฟองต่อวัน ซึ่งการเปิดเทอมไม่ส่งผลให้ความต้องการไข่ไก่เพิ่มขึ้น สถานการณ์การดังกล่าวจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เมื่อฝนตกอากาศเริ่มเปลี่ยนทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตสินค้าที่หลากหลาย สามารถบริโภคสินค้าอย่างอื่นทดแทนไข่ไก่ได้ ดังนั้นเมื่อไข่ไก่มีราคาแพงจนผู้บริโภครับไม่ได้ สุดท้ายราคาก็จะปรับตัวลดลง ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยที่ต้องไม่บิดเบือน นโยบายทุกอย่างควรเปิดโอกาสให้กับผู้เลี้ยงไก่ไข่ด้วย

นายมงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า วงการไก่ไข่ของไทย มีการขาดทุนต่อเนื่องเมื่อ 15 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง ต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาไข่ไก่ปรับตัวลดลง เพราะผลผลิตมีมากเกินความต้องการ การระบายไข่ไก่ออกตลาดประเทศเพื่อนบ้านทำได้ยาก ทั้งหมดทำให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยต้องปิดตัวลง ผู้ประกอบการขนาดกลางต้องลดกำลังการผลิต มีเพียงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ได้เพราะมีรายได้จากธุรกิจอื่นมาสนับสนุน ปัจจุบันเมื่อสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น ผู้เลี้ยงจะเริ่มมีกำไร ก็มีการเรียกร้องถึงราคาไข่แพง ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ขอวอนขอไปถึงพรรคการเมืองบางพรรค ที่เอาประเด็นราคาไข่มาโจมตีกันไปมา ขอให้อย่าโยงให้เป็นประเด็นทางการเมือง ขอให้คนเลี้ยงไก่อยู่ได้บ้า

http://www.go6tv.com/2013/05/blog-post_5133.html

http://youtu.be/je7VJEtxsTA
..................................................................................................................

...........................................................................................................................



ไอย์จัง...เงิบ


ปล.คราวก่อนแชร์มา เอามาจัดใหม่ ชอบอ่ะมุกนี้ // ม่อน
.............................................................................................................................




ประเด็นเคสเรื่องการรวบรวมภาพจากกล้อง CCTV
ของร้านค้าใน CTW มันมีอยู่ว่า

ประมาณสัปดาห์ถัดมาหลังจากห้างถูกเผาแล้ว
ผู้ประกอบการ และที่เป็นเจ้าหน้าที่
ผู้รับผิดชอบของแต่ละร้านถูกเรียกขึ้นไป
ยังอาคารสำนักงาน ด้านบนของตึกๆ หนึ่งย่าน อโศก

มีนายทหารระดับสูง 2 ท่าน (มีชื่อเสียง)
พบได้บ่อยๆ ในทีวีช่วงนั้น
ทำการขอสำเนา cctv จากทุกๆกล้อง ของร้านค้าเช่า
ที่มีการคะเนว่า "กลุ่มผู้ปฏิบัติการวางเพลิง" จะเดินผ่าน

เงื่อนไขของนายทหาร 2 ท่าน ง่ายและสั้นมาก ดังนี้

1) ขอก็อปภาพจากกล้องของทุกๆร้านไว้

2) ภาพที่หลุดออกไป ถ้าเช็คว่าตรงจากมุมกล้องของร้านค้าไหน ...
จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่จะตามมา
เช่น พ่อ แม่ ลูก เมีย ญาติ ฉะนั้นจงเลือกเอาว่า

2.1) จะทำก็อปปี้ไว้ แล้ว ยอมเสี่ยงในข้อ 2)
2.2) ทิ้ง master record ไว้ที่นี่ แล้วกลับไปมือเปล่า พร้อมความปลอดภัย
2.3) จะไม่ให้สำเนา และไม่ทิ้ง master record ไว้
ขอออกจากห้องประชุมแบบร่างไร้วิญญาณ

จบข่าว ... ต้องจับมันให้ได้ ใครคือกลุ่มปฏิบัติการ ?

กูต้องได้ 10 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ

Supapong Wanitpongpan อันนี้เก็บไว้เป็นข้อมูล เพราะไม่สามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ว่าจริงเท็จประการใด

..................................................................................................................




ถ้าคุณเดินสะดุดขาตัวเองล้ม คุณก็คงโทษรัฐบาลซินะครับ
.........................................................................................................................




“บลูมเบอร์ก”บอก.. แต่ระวังสรุปผิด ! ไทยดูดีด้วยอันดับที่ 47 (ตารางส่วนที่๑ อันดับยิ่งต่ำยิ่งดี) เทียบกับ “ค่าครองชีพ” คนไทย “ใช้น้ำมันแพงมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก...แต่...

ข้อสรุปดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะราคาน้ำมันต่อลิตรไม่ใช่ค่าใช้จ่ายน้ำมันต่อวัน
การเปรียบเทียบที่เหมาะสมกว่าคือ ค่าใช้จ่ายน้ำมันเฉลี่ยต่อวัน หารด้วย รายได้เฉลี่ยต่อวัน

…..จะพบว่าคนไทยมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 2% ไม่ใช่ 25% จากรายได้ อยู่ในอันดับที่ 26 ในขณะที่มาเลเซียซึ่งมีรายได้สูงกว่าไทยเกือบเท่าและค่าน้ำมันก็ต่ำกว่าเกือบเท่าตัว กลับติดอันดับที่ 19 ซึ่งแย่กว่าของไทย สิงคโปร์ซึ่งมีราคาน้ำมันสูงกว่ามาเลเซียเกือบ 3 เท่ารายได้สูงมากกว่า 4 เท่าตกอยู่ในอันดับที่ 55 ซึ่งก็ดีกว่าอันดับในส่วนที่ ๒.

ไฉนกลับตาลปัตร? ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นคือ มาเลเซียราคาน้ำมันถูกมากทำให้การใช้ฟุ่มเฟือย ทั้งมีการลักลอบใช้ผิดประเภท จึงทำให้ค่าใช้จ่ายเป็น 2.2% (สูงกว่าไทย) ส่วนสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆที่ระบบขนส่งมวลชนกว้างขวาง รัฐสร้างแรงจูงใจให้คนประหยัดน้ำมันเพราะราคาแพงแล้วยังมีการเก็บภาษีการใช้รถในเขตเมืองชั้นในอีกด้วย

ทำไมมาเลเซียอุดหนุนราคาน้ำมันให้ประชาชนใช้ถูกๆได้ แต่รัฐบาลไทยไม่ยอมทำ? …….
ศักยภาพการผลิตน้ำมันเทียบกับการใช้ในประเทศต่างกันมาก….การที่เราขุดได้น้อยและได้ผลตอบแทนน้อยกว่าบางประเทศ (คือ ถัวเฉลี่ย57.6% หรือ 71.7% เฉพาะระบบ Thailand III ที่ใช้กับสัมปทานตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบัน ต่ำกว่า 85%ในบางประเทศ) แปลว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาต้องโกงกันหมด

อันที่จริงรัฐบาลไหนๆก็สามารถจัดให้มีการอุดหนุนราคาน้ำมันให้ถูกๆได้ แต่เป็นเรื่องของนโยบายและการจัดลำดับความสำคัญ เพราะภาษีและรายได้ของรัฐมีจำกัด ….ต้องดูว่าใช้เงินทำอะไรจะคุ้มค่าในการสร้างความอยู่ดีมีสุขแก่ประชาชนและความเจริญทางเศรษฐกิจ…..ถ้าตั้งราคาน้ำมันให้ถูกๆ ก็อาจทำให้การใช้ไม่มีประสิทธิภาพ ดังที่เคยอธิบาย…..เกี่ยวกับการตกอันดับของประเทศมาเลเซียข้างต้น

ดูตารางและบอความเต็ม(สั้นๆ)ได้ที่ : https://www.facebook.com/notes/อานิก-อัมระนันทน์/คนไทยจ่าย-25-กับน้ำมันแพง/10201249784352824
..........................................................................................................................



"...การนำเสนอเนื้อหาในโลก Online บางเรื่อง มิได้ผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างเหมาะสม อาจเพราะเป็นการนำเสนอโดยคน โดยกลุ่มบุคคล ที่มีความมุ่งหวังให้เกิดผลทางใดทางหนึ่งที่วางไว้ ซึ่งแน่นอนย่อมไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนทุกด้าน บาลานซ์ และระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการ Share, Post, Download, Comment, Forward etc.

มุมนี้แตกต่างจากการที่เราเสพข่าวสารจากสื่อมวลชนแน่นอน เพราะสื่อมวลชนจะมีกรอบของจริยธรรมสื่อควบคุมอยู่ หรือเรียกง่ายๆ ว่ามีจิตสำนึกที่จะตรวจสอบ บาลานซ์ข้อเท็จจริง ด้วยการให้โอกาสทุกฝ่ายได้ชี้แจง เลือกที่จะนำเสนออย่างเหมาะสม หากประเด็นนั้นสุ่มเสี่ยง

เรากำลังเจอเรื่องนี้มากขึ้นทุกวัน จนขอเรียกว่า การขยายข่าวสารแบบ Persons to Persons และ Gorilla War Fair หรือเอาให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ใน Social Network จะสามารถเกิดสงครามกองโจรได้เสมอจาก Normal User ที่สร้างสรรค์ Content ขึ้นมาเอง

ต้องช่วยกันส่งเสริมให้คนใช้ Social Media ในทางสร้างสรรค์ และองค์กรต่างๆ ทั้งสื่อและที่ประกอบธุรกิจอื่น ก็ต้องหันมาช่วยรณรงค์ประเด็นนี้กันด้วย อาทิ เห็นเขา Forward อะไรมาให้หยุดอ่านซะก่อน อย่าเพิ่งเอะอะก็กด Share แบบนั้นก็เท่ากับเราเองนั่นแหละไปเสริมให้เรื่องมันถูกขยายต่อ สรุปต้องใช้สติและมีจุดยืนมากๆ"

วิเชียร เมฆตระการ
ประชาชาติธุรกิจ, 17 พ.ค. 2556
.......................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น