วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

05/05/2556




หลักความเชื่อของพระพุทธศาสนา
สิ่งอะไรในโลกนี้จะดลบันดาลให้ใครเป็นอะไรไม่ได้ ให้เข้าใจอย่างนั้น ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ถูกต้อง เราก็ไม่ต้องไปเที่ยวไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่เขาเรียกว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องไปไหวเสาหลักเมือง ไม่ต้องไปไหว้ศิวลึงค์ ไม่ต้องไปไหว้ต้นไม้ไม่ต้องไปไหว้พระพรหมหน้าโรงแรมเอราวัณ หรือไม่ต้องไปไหว้อะไรๆที่มนุษย์มันเสกสรรปั้นแต่งขึ้นด้วยความโง่เขลา

สำหรับคนโง่เขลาให้ไปกราบไหว้ เราจะไม่ไปไหว้สิ่งเหล่านั้น...แต่เราจะใช้ปัญญาของเราพิจารณาสิ่งต่างๆด้วยตัวของเราเอง เพื่อให้รู้ว่ามันเป็นอะไรอย่างถูกต้อง นี่คือหลักการของพระพุทธศาสนา

เราไม่ค่อยได้สอนเรื่องอย่างนี้ พระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายก็ไม่ค่อยย้ำให้ญาติโยมเข้าใจโยมจึงไม่เข้าใจ จึงหลงไหลมัวเมากันอยู่ ยังจะไปวิงวอนบนบานศาลกล่าว เพื่อให้ได้สิ่งนั้นอย่างนี้..ซึ่งมันไม่ได้ แต่มันได้ด้วยการกระทำของเราเอง เราจะต้องลงมือทำเองเราจึงจะได้ จะให้ใครเอามาให้ไม่ได้ ใครจะดลบันดาลให้เกิดทอง ๒ ตุ่มหน้าบ้าน มันไม่ได้ มันนิทาน ถ้าแต่งเป็นเรื่องนิทาน เอามากกว่าร้อยตุ่มก็ได้ เพราะนิทานมันเขียนได้ แต่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้

ปณิธานของหลวงพ่อปัญญานันทะ หนังสือ ปฎิวัติความงมงาย หน้า ๘๐-๘๑

.....................................................................................................




มรดกสำคัญของท่านพุทธทาสที่จะช่วยให้พ้นทุกข์
๒๐ ปีละสังขารพุทธทาสภิกขุ

..............................................................................................................




"เราไม่ได้มองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็นหรอก เราเห็นมันตามที่เราเป็น"

Anaïs Nin

.........................................................................................................

.........................................................................................................




สัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ มีนาคม 56
(ข้อมูลจากรมธุรกิจพลังงาน)

...........................................................................................................




"เสี่ยง" Vs "น่าเสี่ยง"

เมื่อวานลูกศิษย์ในกลุ่ม MONEY FITNESS ของผมได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนกัน

กลุ่มของเรามีกิจกรรมแบบนี้อยู่เสมอ ... ผมเองก็ชอบการเรียนรู้วิธีนี้ เพราะเป็นการเรียนและลงมือทำกับของจริง ได้ผลลัพธ์จริงเป็นกระแสเงินสด หรือที่เรียกว่า Passive Income

หลายครั้งที่คนเราเสียเวลากับการเรียนมากเกินไป จดทุกคำ จำทุกเม็ด เป็นนักทฤษฎี ไม่เคย "ปฏิบัติ"

ซึมซับแต่ความรู้มือสองที่เขียนไว้ในตำรา แต่ไม่เคยสร้างความรู้มือหนึ่งขึ้นมาเองด้วยการ "ลงมือทำ" ลงมือปฏิบัติจนเกิดผลจริง

ที่แย่กว่านั้นก็คือ บางคนเรียนมากไป จนเริ่มกลัว และไม่กล้าทำอะไรเลย

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าเราจะศึกษามากหรือน้อยแค่ไหน การลงทุนก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี

เมื่อความเสี่ยงไม่มีทางหายไป ... สิ่งเดียวที่นักลงทุนทำได้ ก็คือ เปลี่ยนการลงทุนที่โคตร "เสี่ยง" ให้กลายเป็นการลงทุนที่ "น่าเสี่ยง"

ผมเองจะตั้งคำถาม 3 ข้อในทุกครั้งที่ลงทุนเสมอ นั่นคือ

1. ผลตอบแทนที่น่าจะเป็นสำหรับการลงทุนนั้นเป็นเท่าใด อยู่ในระดับที่น่าสนใจหรือไม่

2. โอกาสที่ผลตอบแทนจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเกิดจากอะไรบ้าง

3. เราจะปิดโอกาสที่ผลตอบแทนจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือลดความเสี่ยงของมันได้อย่างไร

ถ้าผลตอบแทนที่คาดหวังมากพอ และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สามารถควบคุมและบริหารจัดการได้ ผมก็จะเริ่มใส่ทรัพยากรของตัวเองลงไป

"การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำให้มันเรื่อง 'น่าเสี่ยง' ทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน"

......................................................................................................


http://www.facebook.com/photo.php?v=447308985361934
......................................................................................................




นานๆ ครั้ง เราจะได้เห็นบทความ แนะนำ ห้องสมุดของกรุงเทพฯ กันบ้าง

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000053028

ต้องรีบนำมาเผยแพร่ทันที

ปล. ไม่ได้ใช้บริการหอสมุดแห่งชาติมานานมาก ดูจากภาพแล้ว ชวนไปอย่างยิ่งนะ ว่าไหม

.............................................................................................................




การประพรมน้ำพระพุทธมนต์
เป็นเพียงการถือเอาประโยชน์ทางจิตวิทยา
มีผลเต็มที่ในหมู่ชนปัญญาอ่อน

แต่ควรทำไปในนามของพระธรรม
เพื่อให้รู้สึกว่าให้ผลเป็นความสงบเย็น
เหมือนความเย็นของน้ำ

พุทธทาสภิกขุ

โดยเพจ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

.........................................................................................................



แหม่ หายไปนาน ไม่ว่างกันทั้งแอดหมีและแอดหมอเลย

ข่าวเก่าแล้วนะครับ แต่คนเราก็ยังแชร์ไปเรื่อยๆ

ข่าวเขาบอกว่า
ดูเอานะคับเป็นความรู้ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยสังเกตุ

The color codes underneath the tubes ความหมายของสีที่ปลายหลอด

Blue - Natural (สีน้ำเงิน=สารธรรมชาติ)

Red - Mix (สีแดง=ผสมผสานระหว่างสารธรรมชาติกับเคมี)

Black - Chemical (สีดำ= ส่วนประกอบจากเคมี

ต้องไปดูที่หลอดของบ้านเรามั่ง มีโค้ดสีอย่างนี้หรือเปล่า.

ยาสีฟัน แซคไลออนเป็นสีดำ ครีมล้างหน้าทุกยี่ห้อในห้องน้ำ เป็นสีดำ ครีมนวดผมสมุนไพรอะไรๆ ก็เป็นสีดำ แม้แต่ยาสีฟันสมุนไพรดอกบัวคู่ยังเป็นสีดำเลย อ้าว..

เครดิต สายน้ำกับตะวันทัวร์ แมนเมือง

จากลิงค์ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=471219502951316&set=a.388091334597467.87550.388077977932136&type=1&ref=nf

แต่ก็มีลิงค์ที่แก้ข่าวออกใสด้วยนะครับ ว่าที่ก้นหลอดไม่ได้บอกว่าเป็นสารเคมี แต่ แถบสีที่ว่าเป็นเพียง ตัวระบุตำแหน่ง (marker) สำหรับกระบวนการพิมพ์ (Printing process) เท่านั้น บางครั้งภาษาอังกฤษจะเรียกตัวนี้ว่า "Eye-Mark" หรือ "Eye spot" ซึ่งตัวแถบที่ว่านี้ จะสามารถทำให้ตัวเซนเซอร์ที่อยู่ในเครื่องพิมพ์ สามารถตัวจับตำแหน่งระบุพิกัดของสิ่งที่จะพิมพ์ได้ดียิ่งขึ้น

ดูได้จากลิงค์ http://boy-nano.blogspot.com/2013/04/blog-post.html

แต่จริงๆน่ะ สีต่างๆก็มั่ว ลองไปดูบางยี่ห้อที่เป็นสารเคมีล้วนๆ ยังเป็นสีน้ำเงิน นี่พวกเธอไม่เอะใจเลยเหรอ

แต่ยังไง ถ้ามีข่าวลือใหม่ๆ ก็แจ้งเราด้วยนะจ๊ะ

.........................................................................................................




๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช

.............................................................................................................


คนขายกาแฟสด (เด่นชัย) ขี้โกง / แค่ 10 บาท / ใช้เวลา 4 ชม.เพื่อให้รู้ ถูก-ผิด ให้รู้จักอ่อนน้อม และคำขอโทษ


http://pantip.com/topic/30442453
.............................................................................................................


คุณชายกบ ตอน ค่า FT (fuck together)


http://www.youtube.com/watch?v=0gibbPqVfww
............................................................................................................




เมื่อครั้งวันบรมราชาภิเษก

ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง พระราชครูวามเทพมุนีถวายพระพรชัยมงคล ด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า

"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายชัย ขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร อันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในสยามรัฐมหามณฑลนี้ ทรงชำนะทั่วปถพีดล ทรงชำนะเหล่าอริราชดัสกร ทุกเมื่อ เทอญ ฯ"


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการตอบพระราชทานอารักขาแด่ประชาชนชาวไทยด้วยภาษาไทยว่า

"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"

จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลา ๖๓ ปีแล้วที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์

.................................................................................................................


โพสต์นี้ขอพูดอะไรวิชาการนิดหน่อย เกี่ยวกับการเลือกอ้างอิงแหล่งข้อมูลมาสนับสนุนข้อโต้แย้งของพวกทวงคืนครับ

แอดมินสังเกตเห็นว่าพวกทวงคืนจะตั้งธงไว้ก่อนว่าข้อมูลของปตท.-กระทรวงพลังงานเชื่อถือไ่ม่ได้ แล้วก็จะพยายามหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆมาแย้งให้ได้ เช่น ของ chevron บ้าง ของ EIA บ้าง นั่นหมายความว่าพวกทวงคืน "เชื่อ" ว่าข้อมูลของแหล่งอื่นเชื่อถือได้มากกว่

พวกทวงคืนไม่รู้หรอก ว่าวิธีการแบบนี้มันย้อนกลับมาแย้งพวกเค้าเอง เพราะข้อมูลจากแหล่งเดียวกันนั้น บางครั้งได้นำเสนอข้อโต้แย้งสิ่งที่พวกทวงคืนนำเสนอเสียด้วยซ้ำ

เช่น เอาข้อมูลของเชฟรอนมาบอกว่าเราผลิตน้ำมันได้มากกกว่าที่ก.พลังงานบอก(ซึ่งจริงๆก็เป็นการเข้าใจข้อมูลผิดด้วยซ้ำ) แต่ในข้อมูลของเชฟรอนเหมือนกันก็ให้ข้อมูลหลายอย่างตรงกับที่ก.พลังงานบอก และแย้งกับสิ่งที่พวกทวงคืนบอก เช่น ระบบการแบ่งผลประโยชน์ ศักยภาพของแหล่งผลิตในไทย

ถามว่า... "ถ้าคุณเืลือกจะเชื่อข้อมูลชุดที่ 1 จากแหล่ง A แต่ถ้ามีข้อมูลชุดที่ 2 จากแหล่ง A นี้เหมือนกัน หักล้างสิ่งที่พวกคุณนำเสนอในประเด็นอื่นๆ พวกคุณจะเชื่อไหม แล้วทำไมไม่เชื่อ? ถ้าคุณเห็นว่าแหล่ง A น่าเชื่อถือ คุณก็ควรเชื่อข้อมูลชุดที่ 2 ด้วยสิ แต่เป็นเพราะข้อมูล 2 มันขัดแย้งกับสิ่งที่คุณเชื่อ คุณเลยเลือกเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างใช่ไหม?"

สุดท้ายแล้ววิธีการของพวกทวงคืนก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนการหาข้อมูลสนับสนุนอย่างเป็นเหตุเป็นผลแม้แต่น้อย จริงๆแล้วก็เป็นแค่การตั้งธงว่าปตท.-ก.พลังงานโกหก แล้วก็จะไปหยิบข้อมูลมาเป็นส่วนๆเพื่อปั่นกระแสสร้างความเข้าใจผิดก็แค่นั้น

................................................................................................................

..............................................................................................................




‘แค่ชอบคงไม่พอ’

แม้จะทำงานเพลงน้อยลงน้อย
แต่คำถามที่ผมมักถูกถามบ่อยเป็นอันดับต้นๆก็คือ
“อะไรชักนำให้ผมมาทำงานศิลปะด้านเสียงเพลง”

ความชอบหรือ?
ฟังคำถามมากๆเข้า ผมก็เลยย้อนถามกลับไปบ้าง
สำหรับคนที่ทำงานทำนองเดียวกัน “ความชอบใช่ไหม?”
หลายคนสารภาพกับผมตรงๆว่า เขาวาดภาพความสำเร็จของตัวเองไว้ที่ปลายสุดของความฝัน
อยากเป็นนักเขียน อยากเป็นนักแต่งเพลง อยากเป็นนักดนตรี ฯลฯ
ลองสำรวจหัวใจตัวเองดู

ผมว่าผมไม่เคยคิดอยากเป็นอะไรอย่างที่ว่าเลย
ที่ผมมาเป็นนักเขียน เพราะผมอยากเขียนไม่ใช่เพราะผมอยากเป็น
สองคำนี้ต่างกันจริงๆหรือว่าแค่เล่นลิ้น?
คนที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเลือกทางเดินคงต้องคิดต่อเอง

ส่วนคำถามที่ถามว่า เพราะชอบหรือ?
บอกได้เลยว่าแค่ชอบยังไม่พอ

เสียงเพลงเสียงดนตรีนี่ใครก็ชอบใครๆก็รักทั้งนั้น ไม่เชื่อไปเดินดูตามร้านคาราโอเกะก็ได้
ที่นั่นมีลูกค้าตั้งแต่รุ่นยังไม่ถึงสิบขวบยันไปถึงรุ่นอายุเจ็ดสิบ
ขึ้นชื่อว่าดนตรีแล้วมีใครไม่ชอบบ้าง

เพื่อนนักเรียนของผมครั้งเรียนมัธยม ก็รักดนตรีและชอบเล่นดนตรีอยู่หลายคน
แต่มีเหลือแทบนับคนได้ที่ยังคงเล่นดนตรีมาถึงทุกวันนี้

ผมเข้ามาทำงานเพลงครั้งแรก แม้จะเป็นงานอย่างที่ทุกวันนี้เขาเรียกกันว่า “อินดี้”
แต่ผมก็โชคดีที่ได้เห็นระดับพระกาฬทำงานอยู่ใกล้ๆข้างหน้าไม่ถึงศอก
พี่ป้อมอัสนี พี่ปราจีน ทรงเผ่า พี่ต๋องเทวัญ ฯลฯ
ผมนั่งดูพี่พวกนั้นทำงานแล้วบอกได้เลยว่า ไม่ใช่แค่ความชอบเท่านั้นที่พวกเขามีต่อ “ดนตรี” ทั้งหมดที่ผมเขามีแสดงออกมาอย่างชัดเจนทั้งความรับผิดชอบและแววตา
พวกเขาไม่เพียงแต่แค่ “ชอบ” พวกเขา “หลงใหล” มันหัวปักหัวปำเลยครับ

มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอยากทำอะไรอย่าเพียงแต่แค่ชอบ ต้องหลงใหลมันอย่างโงหัวไม่ขึ้นเท่านั้น จึงจะสร้างงานชนิดเปลี่ยนโลกได้

และนี่คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามบรรทัดแรก

ประภาส ชลศรานนท์

ขอขอบคุณข้อมูล จาก บทความคุยกับประภาส http://www.prapas.com/doc_detail.php?id=5&page=1&keyword

..........................................................................................................

................................................................................................................




'มังกรสอนลูก'

ผมสอนลูกว่าต่อไปถ้าคุณออกมาทำธุรกิจ เป็นพนักงานธรรมดาก็ดีกว่า
เพราะไม่ลำบากเท่าเรียนหนังสือ

แต่ถ้าคุณจะเป็นผู้นำ คุณต้องเตรียมพร้อมเหมือนกับต้องสอบทุกวัน
คุณต้องขยัน ถึงจะมีโอกาสเป็นผู้นำในธุรกิจ ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆ ไม่
เหมือนเราเรียนเก่ง ความจำเก่งสอบได้ที่ 1 แต่ต่อให้เรียนเก่งอย่างไร
ถ้าออกมาอยู่ในโลกของธุรกิจแล้วคุณต้องทำ

เพราะสิ่งที่คุณทำนั้นคือ “ซอฟท์แวร์” ของตัวเอง ซอฟท์แวร์คือความรู้ ประสบการณ์ ซอฟท์แวร์ของมนุษย์ ไม่มีใครช่วยคุณเขียนได้หรอ
อย่างคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุด เราเอาคนเก่งเป็นหมื่นคนมาช่วยกันเขียนได้
แต่คอมพิวเตอร์ของมนุษย์ จ้างไม่ได้ เรียนก็ยังไม่ได้ ต้องไปสัมผัส
ต้องไปผ่านหนาวผ่านร้อน เคยเสียหาย เพราะไม่มีใครที่ทำงานแล้วไม่ผิด

เราต้องยอมรับ ทำมากผิดมาก ทำน้อยผิดน้อย ไม่ทำไม่ผิด
ผมจะเลือกคนที่ทำผิด แล้วรู้จักผิด
แต่เราไม่มีวันเลือกคนที่ไม่ทำแล้วไม่ผิด
ไม่เช่นนั้นบริษัทจะเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร

ธนินท์ เจียรวนนท์
มองโลก มองไทย สู่ปี 2015

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.phoneth.com/?p=806

............................................................................................................

...................................................................................................................




วันหนึ่งในระหว่างที่กำลังหัดแต่งเพลงอยู่ข้างบันได
ผมฝันถึงอนาคต อยากมีวงดนตรีทีทำกับเพื่อนๆสักวง เล่นเพลงที่แต่งเอง
วันนี้ ผมนึกกลับไปถึงวันที่ผมอยู่ข้างบันได
ความรู้สึกผมยังเหมือนเดิมอยู่เลย

.............................................................................................................

..........................................................................................................

.....................................................................................................................




ข่าวลือ ซอสหอยผสมหมู อย่ากิน

ต้นข่าว
คณะกรรมการได้ยกเลิกเครื่องหมาย ฮาลา
เพราะตรวจพบว่าได้มีส่วนผสมของเนื้อหมู
ช่วยแชร์กันต่อด้วย
ลิงค์ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=127290367465913&set=a.107333446128272.1073741825.100005548510285&type=1&ref=nf

สาบานซิว่านี้เรียกว่าข่าว

กรรมการ กรรมการไหนครับ กรรมการนักเรียนหรือเปล่า

แล้วซอสบ้านใครใส่เนื้อหมูละครับ มั่วจริงๆ

ซึ่งจริงๆแล้ว ข่าวมันก็คือ ซอสหอยใช้ตราฮาลาลโดยที่ไม่ขออนุญาต
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000048720

และเราต้องแยกให้ออกนะครับ ว่าไม่ต่อใบฮาลาล ก็ไม่ใช่ว่าจะฮารอมนะครับ

ซึ่งทางกลุ่มฮีมายะหฺ ก็ได้มีการสรุปนะครับว่า ซอสหอยยี่ห้อนี้ยังทานได้ เพียงแต่ทางบริษัทขาดการต่ออายุฮาลาลในช่วงที่ผ่านมา แต่ตอนนี้กลับมาผ่านการรับรองฮาลาลแล้ว

https://www.facebook.com/halal.club/posts/401853863201261

เลิกเถอะครับ เชื่อข่าวกันง่ายๆ โง่ๆ เกิ๊น มันไม่ดี

............................................................................................................




"ไม่ว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้ง นั่นคือการตัดสินใจของประชาชนและเราควรเคารพมัน"

ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์รองนายกรัฐมนตรีในหนังสือพิมพ์ The Star ประจำวันนี้ค่ะ

ล่าสุดแม้ผลจะยังไม่เป็นทางการแต่ก็ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านและพี่คนขับแท็กซี่ของแอดมินต้องผิดหวังเพราะพรรค Barisan Nasional ของนาจิบ ราซัคได้รับชัยชนะไปแล้วขาดลอย

แต่ในระบอบประชาธิปไตย พรรคที่เราไม่ชอบมาแล้วก็ไป อีก 5 ปีข้างหน้าทุกคนก็กลับมาลงสนามสู้กันใหม่อีกครั้ง และากดูจากแนวโน้มของคะแนนที่ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อน พรรค BN ก็ย่อมจะต้องเร่งทำผลงานมากเท่าๆ กับที่พรรคฝ่ายค้านจะต้องตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มข้นเพื่อชิงชัยกันอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า

................................................................................................................




เพจทวงคืนฯทำภาพมั่วๆออกมาอีกแล้วครับ http://tinyurl.com/bqosq39ไปเอากราฟเปรียบเทียบการบริโภคกับการผลิตของไทยจากเว็บ EIA ของสหรัฐมาเพื่อจับผิดข้อมูลของกระทรวงพลังงาน จะเห็นว่าข้อมูลปริมาณการนำเข้ามันไม่ตรงกัน ประหนึ่งว่าตัวเองจับโกหกกระทรวงพลังงานของไทยได้ หารู้ไม่ว่าปล่อยไก่อีกตามเคย

ก.พลังงานระบุว่าเรานำเข้า "น้ำมันดิบ" หรือ Crude oil ถึงกว่า 85% แต่พวกทวงคืนเค้าบอกว่า "ดูสิๆ กราฟของสหรัฐบอกว่าเรานำเข้าแค่ 60% เอง กระทรวงพลังงานโกหกแน่ๆเลยนะตัวเทอ" แต่กราฟของ EIA ดังกล่าวจะเห็นว่าเค้าใช้คำว่า Oil Production นะครับ เอ๊ะ ถ้าเป็นน้ำมันดิบมันก็ต้องระบุว่า Crude Oil สิจริงมั้ย แล้วคำว่า Oil มันหมายถึงอะไร

เมื่อเราไปเปิดเว็บ EIA ของสหรัฐที่แสดงสถิติปิโตรเลียมของไทยhttp://www.eia.gov/countries/country-data.cfm?fips=TH&trk=m#pet จะเห็นว่าเค้าแยกข้อมูลปริมาณการผลิต Oil กับ Crude oil ออกจากกัน หมายความว่ามันเป็นคนละตัวกันน่ะสิ แล้วถ้าเราเอาเมาส์ไปวางตรงสัญลักษณ์ตัว i มันจะขึ้นนิยามมาให้อ่านครับ สรุปได้ว่า Oil ในความหมายนี้หมายถึง น้ำมันดิบ+คอนเดนเสท+Natural gas plant liquid(รวมแอลพีจี)+ผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นของเหลว เมื่อสังเกตปริมาณจะเห็นว่าแสดงอยู่ที่ประมาณ 400K BOE/D ซึ่งตรงกับกราฟที่พวกทวงคืนนำมาแสดง

แปลว่าอะไรครับ? แปลว่าที่ข้อมูลในกราฟไม่ตรงกับข้อมูลของก.พลังงาน ก็เป็นเพราะมันเป็นข้อมูลคนละชุดนั่นเอง ข้อมูลมันจึงไม่ตรงกันอยู่แล้ว พวกทวงคืนที่เอาข้อมูลนี้มาจับผิดก.พลังงานนี่บอกตรงๆว่ามั่วสุดๆ ประเภทของข้อมูลก็ไม่รู้จักอ่านให้ละเอียด ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อวันละหลายๆหน หวังแต่จะปั่นหัวสาวกเพจตัวเองไปวัน

แต่ไหนๆพวกทวงคืนเอาข้อมูลของ EIA มาแล้ว อยากให้ลองเอาข้อมูล Crude oil production ซึ่งเค้าหมายถึง น้ำมันดิบ+คอนเดนเสท มาเทียบกับปริมาณการผลิตที่ก.พลังงานรายงานดูสิครับว่ามันตรงหรือใกล้เคียงกันมั้ย อันนี้เพจแฉความจริงเราขอท้าเลย ถ้าตรงกันเพจทวงคืนจะยอมเชื่อก.พลังงานได้รึยัง? ไหนๆคุณก็เอาข้อมูลของ EIA มาเทียบแล้วไง แสดงว่าคุณเชื่อถือข้อมูลของ EIA งั้นถ้าข้อมูลของ EIA มาสนับสนุนข้อมูลของไทย คุณก็ต้องเชื่อให้ตลอดด้วยน

ปล.ความหมายของ Natural gas plant liquid ดูได้ตามลิงก์นี้ครับhttp://petrofortune.com/Resources/Glossary/N.aspx

...................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น