วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

23/05/2556



» "หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม...รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ"
» เบื้องหลังเพลง `เพราะอะไร´

พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังเพลง "เพราะอะไร"
เพลงที่ผมชื่นชอบเพลงหนึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ไว้ในหนังสือ "ประโยคย้อนแสง" ว่า...

::::::::::::::::::::


"หรือเป็นเพียงรอยยิ้มรอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ"

ไม่น่าเชื่อ เส้นโค้งเล็ก ๆ ที่มุมปาก ทำให้ทั้งชีวิตเปลี่ยนแปลงได้

ข้างหลังเพลง "เพราะอะไร"...เพลงนี้เกร็ดเยอะ ทั้งที่มาของเพลงและเรื่องราวกว่าจะได้บันทึกเสียง รวมไปถึงน่าจะเป็นเพลงของผมเพลงหนึ่งที่ถูกนำไป บันทึกเสียงไว้หลากหลายเวอร์ชั่นที่สุด

มันเริ่มจากแรงบันดาลใจง่าย ๆ ผมถามลูกชายเมื่อครั้ง เขายังตัวเล็ก ๆ อยู่ เราคุยกันประสาพ่อที่ติดลูก เล่นกับลูก

ผมถามเขาว่ารักพ่อไหม ถามไปแบบไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรเป็นพิเศษหรอก

เขาก็ตอบว่า....รัก

พ่อก็ดันถามต่อว่า....รักเพราะอะไร

เขาก็ตอบไปแบบเด็ก ๆ ว่า...ไม่รู้

จากคำตอบที่ว่าไม่รู้แบบเด็ก ๆ แค่นี้ ผมก็เกิดความคิดว่า...ผมจะแต่งเพลงรักขึ้นเพลงหนึ่ง ความรักมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

มันตอบยากนะว่ารักเพราะอะไร มันมีปัจจัยอะไรไม่รู้กี่อย่างต่อกี่อย่างที่ทำให้คนเรารักกัน

บางทีมันอาจจะเป็นแค่รอยยิ้ม ที่ยิ้มให้กันเมื่อแรกพบ หรือการหมั่นไส้กันในครั้งแรกที่เจอ

แต่ในใจผมนี่...ผมรู้ว่าผมจะเขียนอะไรเป็นคำตอบว่า...ทำไมฉันถึงรักเธอ

แล้วผมก็เขียนเพลงนี้ไปแบบยังไม่รู้ว่าจะให้ใครร้อง เขียนจากแรงบันดาลใจแท้ ๆ เหมือนสมัยที่เขียนเพลงชุด อื่น ๆ อีกมากมาย

::::::::::::::::::::


วันหนึ่ง จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง โทร.มาถามว่า ข่าวคราวด้วยความคิดถึงกัน และบอกว่ากำลังจะทำอัลบั้มใหม่อยู่

ผมก็บอกว่า ผมมีอยู่เพลงหนึ่ง...เอาไหม
เขาก็บอกว่า...เอา
ผมก็ว่าถ้าอย่างนั้นมาเจอกันที่ช่องเจ็ด ซึ่งผมกำลังจะไปพอดี แล้วเขาก็มาหาตามนัด

พอเจอกันผมก็ส่งกระดาษเนื้อเพลงให้ เขาก็นั่งดู ๆ อยู่
แต่ด้วยอารามที่ไม่ได้เจอกันนานก็เลยคุยเรื่องอื่นเสียสนุก
แต่ก็เห็นว่าจุ้ยเขาเอาเนื้อเพลงสอดเข้าไปในนิตยสารเล่มหนึ่ง
ที่เขาถือมาด้วย

เราคุยกันไปพักใหญ่ แล้วผมก็ขอตัวไปทำงานต่อในห้องส่ง จุ้ยกลับไปตอนไหนผมไม่ทันสังเกต พอตอนค่ำ ๆ ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถ ก็มีแม่บ้านที่ดูแลกองถ่ายวิ่งมาถามว่า... ผมลืมนิตยสารเล่มนี้ไว้หรือเปล่า

ผมก็จำได้ว่าเป็นเล่มที่จุ้ยถือมา ผมก็รีบเปิดดูข้างในแล้วก็พบว่า...กระดาษที่เขียนเนื้อเพลงยังอยู่ในหนังสือ

ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็กลับบ้าน

ผ่านไปหลายเดือนเหมือนกัน จุ้ยก็ไม่เห็นโทร.มาถามเรื่องเพลง ไม่รู้เขาลืมหรือเปล่า ผมก็อนุมานได้ว่า เขาคงไม่ชอบ แต่เกรงใจเรา ผมก็เก็บเพลงนั้นไว้ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ลืม ๆ มันไปเสียสนิทด้วยนิสัยส่วนตัวของตัวเอง

::::::::::::::::::::


แล้ววันหนึ่งผมเจอป้างที่จุฬาฯ รู้สึกว่า เขากำลังเดะบอลอยู่ เขาวิ่งมาหาเลย แล้วเขาก็บอกว่า เขาอยากให้ผมแต่งเพลงให้เขาเพลงหนึ่ง เขาอยากได้

ผมก็บอกป้างไปว่าผมก็ชอบฝีมือ ชอบงานของเขาอยู่นะ งั้นก็เอาสิ เดี๋ยวจะเขียนให้

แล้วเวลาก็ผ่านไป ผมลองไปรื้อเพลง `เพราะอะไร´ ที่เขียนไว้มาดูอีกที ผมว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็น่าจะร้องได้

มันไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นบุคลิกของใครโดยเฉพาะ ผมแก้คำอีกนิดหน่อย เพราะบางคำ บางประโยค มันซนแบบเฉลียงไปหน่อย

แล้วก็ส่งไปให้ป้าง จากนั้นป้างก็ทำดนตรีมาให้ฟัง รวมไปถึงเขาได้เสนอความคิดมาว่า ประโยคสุดท้ายน่าจะร้องซ้ำ และเปลี่ยนคำจากคำว่า "ก็เจอแต่สิ่งดีงาม" เป็น "ได้เจอแต่สิ่งที่ดีงาม" อีกที

ซึ่งผมชอบมาก ... แค่เพิ่มประโยคที่เปลี่ยนจากคำว่า "ก็" เป็นคำว่า "ได้" มันเพิ่มกาลเวลาของความรักขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ใครว่าภาษาไทยไม่มี Tense นี่มัน Present Perfect แท้ ๆ มันทำให้รู้สึกว่าคนร้องเพลงนี้กับคนรักของเขารักกันมานานแล้ว ...แล้วจะยังรักกันอยู่ตลอดไป

ป้างร้องเพลงนี้ออกเหงานิด ๆ เสียงเครือ ๆ แต่หนักแน่นของเขา ทำให้เพลงนี้น่าสนใจมากกว่าที่จะร้องแบบหวาน ๆ อย่างเดียว

ถ้าพูดแบบขาร็อกก็ต้องบอกว่า ฟังแล้วมันจริงใจดี


"เพราะอะไร" - ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์

http://www.youtube.com/watch?v=snOtT0unfVo


::::::::::::::::::::


หลังจากนั้นผมก็เจอจุ้ย จุ้ยถามผมว่าเพลงที่ป้างร้องนั้นคือเพลงที่ผมเคยให้เขาใช่หรือเปล่า

ผมก็บอกว่าใช่

ผมนึกในใจ แสดงว่าผมคาดผิดที่คิดว่าเขาไม่ชอบ ไม่อย่างนั้นเขาจะจำเนื้อหามันได้หรือ

ผมก็เลยบอกเขาว่า...มันคงเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขาไม่ได้ร้องเพลงนี้เป็นคนแรก แล้วก็บอกเขาว่่าเขาจะเอาไปร้องที่ไหนเมื่อไรก็ยินดี


ในที่สุด...ผมก็ได้ฟังจุ้ยร้องเพลงนี้ครั้งแรกในคอนเสิร์ตของเขา
จุ้ยร้องไม่เหงาเท่าป้าง แต่อ้อนกว่า ฟังแล้วดูความรักเป็นของนุ่ม ๆ
น่าทะนุถนอมมาก


"เพราะอะไร" - จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง + ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์

http://www.youtube.com/watch?v=-nUwq_xodvQ

::::::::::::::::::::


เพลงนี้ถูกนำมาร้องอีกครั้งโดย...อัยย์ เพื่อเป็นเพลงประกอบละคร เวอร์ชั่นของอัยย์ย้ำให้เพลงนี้สดใสขึ้นมาก...เป็นความรักที่เบิกบาน

"เพราะอะไร" - อัยย์

http://www.youtube.com/watch?v=Nk7PjhWoGLo


::::::::::::::::::::


และก็อีกครั้งหนึ่งที่ถูกนำมาทำใหม่แบบออร์เคสตราเพื่อประกอบหนัง คราวนี้ป๊อดเป็นคนร้อง เวอร์ชั่นของป๊อดนี่ต้องบอกว่า...ฟังแล้วเหมือนเรากำลังมองเห็นคนรักของเราอยู่เลย

ท่อนที่แผงไวโอลินโหมขึ้นนี่ น้ำตาพานจะไหลเอาได้


"เพราะอะไร" - ป๊อด โมเดิร์นด็อก

http://www.youtube.com/watch?v=GL5KXs1scHc



::::::::::::::::::::


แล้วเพลงนี้ก็เป็นที่รู้จักอีกครั้งเมื่อดีแทคนำเพลงนี้มาเป็นเพลงโฆษณา

คราวนี้เขาตีความเพลงนี้แบบน่ารัก ดนตรีมีจังหวะจะโคนเร็วขึ้น ร้องโดยผู้บริหารคนหนึ่งของดีแทค ชื่อ คุณปืน


"เพราะอะไร" - DTAC

http://www.youtube.com/watch?v=ju9Hfv8sJGA


::::::::::::::::::::


จากนั้นก็มี ใหม่ เจริญปุระ และศรัณย่า นำไปร้อง

ถามว่า ถ้าถูกขอเพลงไปทำแบบอื่นอีกจะยินดีไหม ไม่รู้สิ ...ผมชอบการตีความที่แปลกไปของศิลปินนะ

ถึงปีนี้เพลงนี้มีอายุ ๑๕ ปีแล้ว




"เพราะอะไร" - Piano by Bankiiz

http://www.youtube.com/watch?v=yT_KVICKPwo



"เพราะอะไร" - Piano Solo เพลงแบบประภาส

http://www.youtube.com/watch?v=c_I7OXzlLog


::::::::::::::::::::


เนื้อเพลง "เพราะอะไร"



เธอเคยถามกับฉัน ที่ฉันรักเธอ ว่าอยากจะรู้รักเพราะอะไร
กลับไปคิดไปค้น ใคร่ครวญมากมาย ไม่เจอ...คำตอบ
ที่ผ่านมานั้นไม่คิดอยากรู้ที่มา และไม่เคยหาเหตุผลใดๆ
แค่ตัวฉันเพียงรู้ ว่าเป็นสุขใจเมื่ออยู่เคียงกัน

อาจจะฟังแล้วไร้เหตุผล ว่าสิ่งที่ทำให้คนรักกัน
หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ
หากจะหาเหตุผลสักคำ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ
นั่นเป็นเพราะตัวฉันมาเจอ เจอสิ่งดีงาม

อาจจะฟังแล้วไร้เหตุผล ว่าสิ่งที่ทำให้คนรักกัน
หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ
หากจะหาเหตุผลสักคำ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ
นั่นเป็นเพราะตัวฉันมาเจอ เจอสิ่งดีงาม

ตั้งแต่วันฉันพบเธอ ก็เจอแต่สิ่งดีงาม

ตั้งแต่วันฉันพบเธอ ได้เจอแต่สิ่งดีงาม


...........................................................................


Credit : หนังสือ "ประโยคย้อนแสง" | ประภาส ชลศรานนท์
.............................................................................................................



หลายคนถามว่า คืนสู่เหย้าปีนี้ต้อง "ซื้อบัตร"หรือ "ซื้อโต๊ะ" ไหม? -- ไม่ต้องนะครับ อาหารเครื่องดื่มจัดไว้บริการเช่นทุกปีครับ (แต่งานใหญ่ขึ้น!) นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมระลึกความหลังต่าง ๆ ที่คณะฯ ตั้งแต่บ่ายโมงด้วยครับ
มากันเยอะ ๆ ครับ มากันเป็นหมื่นเลยก็ยังได้ครับ
.......................................................................................................................



คุณค่าของธุรกิจครอบครัว

ตอนนี้ผมอายุ25 เป็นช่วงที่มีไฟ อยากที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ ผมไม่ได้เป็นคนเดียวแต่หลายๆคนในรุ่นผมคิดเช่นนี้
ลูกที่เห็นพ่อแม่ทำธุรกิจมา มักจะเบื่อหน่ายในธุรกิจที่พ่อแม่ทำ คิดว่ามันเป็นอะไรที่จำเจ เบื่อต่อการบงการของพ่อแม่ อยากที่จะไปตามกระแสของสังคม และธุรกิจที่ครอบครัวทำอยู่นั้นก็ดูไม่เท่ในสายตาเพื่อนๆ

มีข้อมูลอย่างหนึ่งที่นักการตลาดเคยสำรวจกันมา คือ ในทุกๆปี จะมีธุรกิจเปิดใหม่ต้องปิดกิจการไปเหลือแค่ 40% ปีที่สองเหลือ30% และปีที่สามเหลือ20%หรือน้อยกว่านั้น แต่หลังจากสามปีขึ้นไป หากธุรกิจอยู่รอด ก็จะมีโอกาศปิดกิจการน้อยมาก เราเรียกหลักนี้ว่า Last Man Standing

การเติบโตของบริษัทต่างๆนั้น จะมีคุณค่ามากขึ้นตามเวลาที่นานมากขึ้น ทั้งนี้ อาจจะไม่ได้ว่าแค่เรื่องของกำไร แต่อาจจะเป็นองค์ความรู้ แบรนด์ วิธีการจัดการ บางธุรกิจอาจจะไม่สามารถเติบโตได้เพราะตลาดมันเต็มแล้ว เช่น ตลาดติวนายร้อยตำรวจ และบางตลาดเองก็อยู่ในช่วงขาลง เช่น ตลาดหนังสือ ตลาดซีดี ตลาดทีวี

การที่แนวโน้มของรายได้ลดลงหรือการไม่สามารถเติบโตในตลาดได้อีก บริษัทนั้นจะไม่มีคุณค่ามากพอที่คนรุ่นที่สองจะทำอีกใช่หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ

กลับกันการเติบโตอาจจะไม่เพิ่มมากเท่ากับบริษัทที่มีกำไร แต่มันเพิ่มตลอดครับ สิ่งที่ทำให้บริษัทมีคุณค่าคือ ตัวองค์ความรู้การจัดการต่อธุรกิจนั้นๆซึ่งสามารถต่อยอดได้ในอนาคต ซึ่งหากบ้านคุณทำซีดีเพลงขาย แต่แนวโน้มการเติบโตของตลาดลดลง ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะไม่มีค่าแล้ว การตีเป็นตัวเงินจะมีค่าน้อยลงที่ตอนนี้ แต่คุณค่าอื่นยังอยู่ องค์ความรู้การจัดการแผ่นซีดีที่จะเอาไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้ อย่างน้อยคุณก็เข้าใจรสนิยมของลูกค้า ซึ่งคุณค่าของมันมากกว่าตัวเงินเยอะมากนัก ด้วยตัวรสนิยมของลูกค่านั้นเอง ทำให้คุณสามารถต่อยอดและขยายธุรกิจไปในอุตสาหกรรมอื่นได้ หรือเพิ่มนวัตกรรมดึงลูกค้ากลับมาใหม่ได้

ความจริงแล้ว เคล็ดลับของธุรกิจครอบครัวอยู่ที่รุ่นที่สองครับ บริษัทจะเติบโตหรือไม่เติบโตอยู่ที่รุ่นที่สองครับ ทุกบริษัทแทบจะบอกได้ในโลก มักจะเติบโตมาจากรุ่นที่สอง ในไทยก็อย่างเช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ที่รุ่นที่หนึ่งคือ สองพี่น้อง เจี่ย เอ็กซอ และ เจี่ย เซี่ยวฮุย จากซัวเถาเดินทางมาเปิดร้านขายเมล็ดพันธุ์ผักคุณภาพบนถนนทรงสวัสดิ์ ชื่อร้าน เจี่ยไต๋จึง รุ่นที่หนึ่งต่อยอดมาเรื่อยๆ โดยมีลูกชายคนโตของ เจี่ย เอ็กซอ คือ จริญ แซ่เจียมาช่วยบริหารต่อ จากร้านขายเมล็ดพันธุ์ผัก จรัญมองเห็นว่าธุรกิจที่น่าจะไปได้ดีคือ อาหารสัตว์ จึงคิดเปิดโรงงานอาหารสัตว์ จึงตั้งบริษัทเพื่อดำเนินกิจการทางการเกษตรให้กับลูกค้าในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะ ใน ชื่อ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือ การได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท Arbor Acres ของสหรัฐอเมริกา ที่เชี่ยวชาญเรื่องไก่มากๆ มาตั้งฟาร์มไก่ในไทย ซึ่งต่อมา ไก่และไข่ จึงกลายเป็นฐานของซีพี จนมาถึงน้องสี่คือ เซี่ยกั๋วมินหรือ เจริญ เจียรวานนท์ ที่เรารู้จัก จบการศึกษาจากฮ่องกง มาช่วยงาน และพาซีพีขยายบริษัทจากเน้นด้านการเกษตร มาจับค้าปลึก คือ นำแม็คโคร โลตัส และเซเว่นเข้ามา และด้วยคอนเน็กชั่นในจีนของ เจ้าสัวธนินทร์สมัยเรียนที่ซัวเถา ทำให้ซีพีเป็นบริษัทต่างชาติบริษัทแรกที่จดทะเบียนในจีนหลังเปิดประเทศ และลงทุนอย่างมหาศาลในจีน (รายได้ส่วนใหญ่ของซีพีมากจากจีน) ทั้งธุรกิจ เกษตร ค้าปลึก อสังหารฯ บันเทิง รถยนต์ ซีพีทำเยอะมากในจีน ในไทยเองก็เช่นกัน ซึ่งทุกคนรู้จักซีพีเพราะไข่กับไก่ แต่รายได้จริงๆของซีพี มาจากอุตหกรรมอื่น เช่น ค้าปลีก อย่างเซเว่นฯ โทรคมนาคมอย่าง ทรู ร่วมถึงธุรกิจพลังงานและโรงกลั่นน้ำมันซีพีก็ทำ ทั้งหมดนี้เกิดจากรุ่นที่สองครับ

ไม่ใช่แค่ซีพีเท่านั้น แต่ทั้ง ชินคอร์ป ไทยเบฟ เซ็นทรัล เดอะมอลล์ เติบโตจากรุ่นที่สองหมด ดังนั้นธุรกิจจะเติบโตจริงๆต้องมาจากรุ่นที่สองครับ

เราไม่จำเป็นต้องเดิมตามรุ่นที่1 เราสามารถเลือกเดิมทางที่แต่งต่างได้ แต่เราจำเป็นต้องเข้าใจคุณค่าของบริษัทอย่างถ่องแท้ แล้วค่อยเดินต่อไปได้ บริษัทครอบครัว หากมองให้เล็กมันก็เล็ก จะให้ใหญ่เราต้องทำ แน่นอนอุปสรรค์จากคนรุ่นเก่าย่อมมี แต่หากจะให้มันใหญ่และเติบโต เราต้องข้ามผ่านมันให้ได้ใช่ไหม?
.........................................................................................................................

n China, the future of foreign language education may be online. About 1,000 primary school children in China's coastal area of Fujian are paying to play online games and learn English. WSJ's Eva Tam takes us to 3-D English Adventureland.
http://www.youtube.com/watch?v=idCOgNR8U-g
........................................................................................................................



[13+] ขอรบกวนพื้นที่ตรงนี้สักครู่นะเจ้าคะ
ท่านใดต้องการความดีเสริมง่ายๆ จากที่บ้าน 30,000 - 50,000 ความดีต่อเดือน
มากดไลค์กดแชร์ และทำตามภาพนี้กันค่ะ

/หนูดาชาฤทธิ์ จัง

กำโทด หนูดาชาพิมพ์ _(:3 j L)_

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่จ้ะ - https://www.facebook.com/photo.php?fbid=575715605796685
เป็นกรณีที่ไต้หวัน ซึ่งการแต่งเรื่องยกตัวเองให้เป็นคนดี (โดยการโจมตีคนอื่น) แต่เกิดเรื่องราวบานปลายจนต้องมีการพิสูจน์ความจริงกันจ้ะ

แต่บ้านเราไม่ค่อยเห็นการพิสูจน์เรื่องแต่งบนอินเตอร์เน็ตแบบนี้เลยแฮะ ทั้งๆ ที่โจมตีกันแทบเป็นทบตายทุกวัน *w*
เอาเป็นว่าหลังจากนี้ เรามาฝึกรับข้อมูลแบบฟังหูไว้หูละกัน จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของนักแต่งเรื่องคนดี XP
 
...................................................................................................................



RIP คนคาบขนมปังครับ
.................................................................................................................



ภาพประวัติศาสตร์
ศาลาพระเกี้ยว พ.ศ.2518
...
สมเด็จพระเทพฯเมื่อครั้งยังคงศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ เสด็จทอดพระเนตรละครถาปัดเรื่องโรมีโอแอนด์จูเลียต
ละครเวทีเรื่องแรกก่อนกำเนิดยุคละครถาปัดอันลือเลื่อง
...
ในภาพ นักแสดงออกมาส่งเสด็จหลังจากละครแสดงจบ
ซ้ายมือสุดคือ พระเอกโรมีโอ แสดงโดย สมเกียรติ ติลกเลิศ ปัจจุบันท่านเป็นกัปตันการบินไทย.
ที่สองจากซ้าย เพื่อนพระเอกเมอร์คิวซิโอ หน้าคุ้นๆไหมครับ คุณปัญญา นิรันดร์กุล นั่นอย่างไร
...
ตัวผมเองไม่ทันละครเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้สอบเข้าไปเรียนคณะสถาปัตย์ และก็ไม่ได้มีโอกาสดูละครเรื่องนี้ด้วย เพราะยังเป็นเด็กบ้านนอกอยู๋ต่างจังหวัดอยู่เลย

นำภาพนี้มาลงเป็นที่ระลึก เพราะวันนี้ที่ศาลาพระเกี้ยว ที่เดียวกัน คณะสถาปัตย์กำลังจัดงานครบรอบ80ปีที่นั่น

สุขสันต์วันเกิดวันเกิด สถาปัตย์จุฬาฯ
....................................................................................................................


ภาพนี้ขอมาจากคุณครู @Badan Suk บอกว่าอยากเตือนใจให้ครูไทย (บางท่าน) ให้ใส่ใจกับนักเรียน ให้เหมือนอย่างที่เราอยากให้ลูกเราได้เรียนกับครูแบบนั้น ไม่ใช่แบบเข้าสาย ท้ายว่าง อ้างป่วย ให้นักเรียนช่วยถอนหงอก ประมาณนั้นครับ ^^
........................................................................................................................



ติดตามกันต่อไป (:


"ศาลอังกฤษตัดสินให้นักธุรกิจขาย GT200 มีความผิดฐานต้มตุ๋น"
http://prachatai.com/journal/2013/04/46375

"ไก่อูรับสิ้นไส้กลางศาลผังล้มเจ้ามั่วทั้งดุ้น โยนบาปสื่อหรือใครนำไปขยายผลก็ซวย พ่นพิษธาริตงานเข้า"
http://thaienews.blogspot.com/2011/05/19.html

"คำสั่งรักษาด่านศอฉ.ใช้ "พลแม่นปืน" หากผู้ก่อเหตุปะปนผู้ชุมนุม - หากยิงไม่ได้ให้ใช้ "สไนเปอร์"
http://prachatai.com/journal/2012/08/42125
...........................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น