ทรงพระเจริญ !
http://www.facebook.com/photo.php?v=635788689768487
เป็นคลิปที่สุดยอดจริงๆ
Kseniya Simonova ศิลปินชาวยูเครน
วาดทรายเล่าเรื่องราวเกี่ยว
เป็นคลิปที่อยากให้คนไทยทุก
Ahiru Ped shot เป่าทรายนี้เว่อโคด
.........................................................................................................................
ชื่อปรีดี พนมยงค์
จักดำรง อยู่คู่ สังคมไทย
คือผู้ อภิวัฒน์ ประชาธิปไตย
คือผู้ ประกาศชัย สามัญชน
ปานจิต จันทรา
11 พฤษภา วันชาตกาลท่านปรีดี พนมยงค์ (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 — 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526)
จักดำรง อยู่คู่ สังคมไทย
คือผู้ อภิวัฒน์ ประชาธิปไตย
คือผู้ ประกาศชัย สามัญชน
ปานจิต จันทรา
11 พฤษภา วันชาตกาลท่านปรีดี พนมยงค์ (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 — 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526)
.....................................................................................................................
11 พฤษภาคม วันคล้ายวันเกิดของท่านอาจา รย์ปรีดี พนมยงค์ แกนนำคณะราษฎรผู้ปฏิวัติสัง คมทำให้ พวกเราที่สำนึกถึงความมีศัก ดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ได้เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าภา ยใต้หลักการประชาธิปไตยอย่า งแท้จริง (หลุดพ้นจากความเป็นทาส ไพร่ฟ้า)
เช้านี้ผมออกไปกินข้าวแถวหอ พัก บริเวณชุมชนประตูจีน อำเภอพระนครศรีอยุธยา วิทยุชุมชนเล่าข่าวเช้าเจ้า ประจำพูดเรื่อง ชีวประวัติของปรีดีและท่านผ ู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ผมฟังตอนที่พอดี ลุงแกเล่าถึง "การไม่ขอรับเกียรติยศใดใด" ของท่านผู้หญิงและเล่าถึงกา รถูก "ใส่ร้ายป้ายสี" ทางการเมืองตลอดชีวิต กระทั่งอ.ปรีดี ต้องหนีไปต่างประเทศจากกรณี ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลั งการ "สวรรคต" ของในหลวงอานันท์ร.8 (แน่นอนจากแผนการของนักการเ มืองพรรคเก่าแก่ ประชาธิปัตย์นั่นเอง)
ผมแปลกใจกับรายการเล่าข่าวเ ช้าของวิทยุชุมชนของผมวันนี ้มากทีเดียว ที่ลุงเอาเนื้อหาสาระของปรี ดีมาเล่าในรายการ แต่ก็คิดว่าคนอยุธยาอย่างไร เสียก็ต้องรู้จักอ.ปรีดี พอสมควร เพราะชื่อของท่านได้ถูกนำมา เป็นชื่อสะพาน "ปรีดีธำรง" และชื่อถนนปรีดี พนมยงค์ และเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ โดยเฉพาะในยุคคณะราษฎรได้มี การบูรณะเกาะเมืองพระนครศรี อยุธยา พัฒนาไปกว่าก่อนหน้ามาก มีศาลากลางหลังเก่าที่สร้าง โดยสถาปัตยกรรมคณะราษฎร , โรงเรียนของจังหวัด คือ อยว. ก็มีห้องเก็บข้าวของเครื่อง ใช้และเรื่องราวของ อ.ปรีดี , มีอนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ ที่ธรรมศาสตร์สร้างขึ้นริมน ้ำใกล้วัดพนมยงค์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้กระมังที่แวดล้ อมบรรยากาศของที่นี่ คนเก่าคนแก่ยังไงก็ยังคงจดจ ำเรื่องราวของท่านได้ แต่เสียดายเวลาผมคุยกับนักศ ึกษาในตอนแรกแทบจะไม่มีใครร ู้จัก "ปรีดี พนมยงค์" ว่าท่านเป็นใครมีความสำคัญอ ย่างไร ถึงเอามาตั้งชื่อสะพาน
หลังจากลุงเล่าเรื่องราวของ อ.ปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุ ขจบ ก็เปิดเพลง "โปรดช่วยรักษาคนดี" ที่แต่งโดยครูสลา คุณวุฒิต่อ ...ผมกินข้าวเช้ามื้อนี้ ด้วยความรู้สึกตื้นตันขึ้นม าทีเดียว คนที่อินก็อินนะครับ คนไม่อินทำไงก็ไม่อิน
เช้านี้ผมออกไปกินข้าวแถวหอ
ผมแปลกใจกับรายการเล่าข่าวเ
หลังจากลุงเล่าเรื่องราวของ
.................................................................................................................................
เชิงบันไดทำเนียบฯ : การยุบโรงเรียน กับบทเรียนของการรับสื่อในโลกไซเบอร์
@เชิงบันไดทำเนียบ
ช่วงนี้ข่าวเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีถูกแฮ็คกำลังเป็นที่สนใจ นักข่าวจึงชวนไปชมสมรภูมิการเมืองในโลกอินเตอร์เน็ตกันบ้าง
กระแสที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาคือ ประเด็น “ยุบโรงเรียนขนาดเล็ก”
กระแสนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 8 พ.ค. จากข่าวซึ่งโพสในสำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง
โดยมีพาดหัวว่า ′พงศ์เทพ′สั่งยุบร.ร.ขนาดเล็กทั่วปท. และโปรยข่าวว่า ′พงศ์เทพ′ สั่งยุบร.ร.ขนาดเล็กทั่วปท. ยันช่วยประหยัดงบฯ-ไม่กระทบนร. พร้อมมอบนโยบาย ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ปรับลดเนื้อหารับเปิดเทอมปี56
วันที่ 9 พ.ค.
ข่าวดังกล่าว นำไปสู่กระแสความโกรธแค้น ชาวเน็ตผู้มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ได้เริ่มออกมาเป็นหัวหอกของการแสดงความคิดเห็น
จ่าพิชิต ขจัดพาลชน ซุปเปอร์เสเลบแห่งโลกไซเบอร์ แอ็ดมินของเว็บรวมข่าวคนทะเลาะกันทั่วโลกไซเบอร์ drama-addict.com เจ้าของวลีประจำตัว “วันนี้ไม่มีดราม่ามันส์ๆ เบย” ได้ออกมา แสดงความคิดเห็นว่า
“มิน่า มันคิดกันอย่างนี้นี่เองถึงจะยุบ รร ขนาดเล็ก เพราะมันมองว่าจำนวนนักเรียนคือตัวชี้วัดคุณภาพของ รร ไสหัวไปตายให้หนอนแทะซะไป๊ไอ้ รมต (เซ็นเซอร์) (ท่าน)เคยเรียน รร ที่ห้องนึงอัดนักเรียนหกสิบคนมั้ย การเรียนการสอน(เซ็นเซอร์)ก็ได้แต่อ่านตำราไปวันๆ ครูสอนนักเรียนไม่ทั่วถึงเพราะนักเรียนอัดจนแทบล้นห้อง เลิกเรียนเด็กก้อต้องไปเรียนพิเศษกันอุตลุด แบบนี้เหรอวะคือ รร ที่มีคุณภาพคับแก้วของ(ท่าน)”
และในวันเดียวกันยังเริ่มเกิดการถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ ซึ่งคลิกอ่านได้ที่นี่(คลิก)
วันที่ 10 พ.ค.
ผู้คนเริ่มแชร์รูปชายซึ่งอ้างว่าเป็น "บิลลี่ โอแกน" กำลังชูกระดาษเขียนข้อความว่า
“เราต่อต้านการยุบโรงเรียน 16000 แห่งทั่วประเทศ โปรดอย่ารังแกเด็ก ที่ต้องการโรงเรียนและการศึกษา รัฐมีหน้าที่จัดหา ไม่ใช่ทำลาย”
หลายคนเริ่มแชร์ข้อความแสดงความคิดเห็นของนักการเมืองบางท่าน ยกตัวอย่างเช่น ความเห็นของรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ คุณติ่ง มัลลิกา บุญมีตระกูล ซึ่งได้โพสลงในเพจ Mallika Boonmeetrakool ของตนว่า
ยุบโรงเรียน : "ฆาตรกรรมอนาคตของเด็กไทยที่ด้อยโอกาส" เหี้ยมจริงไรจริง
นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ยุคนอมินีทักษิณ ยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอทำได้และทำลงไปแล้ว
โรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในข่ายต้องยุบ คือมีนักเรียนน้อย ด้อยคุณภาพ มีโรงเรียนใกล้เคียงที่มีคุณภาพรองรับ เป้าหมายการยุบก็คือ โรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 60 คน รวม 8,962 แห่ง มีเด็กนักเรียนเกี่ยวข้องนับหมื่นคน เหตุผลก็คือ รัฐบาลไม่มีกำลังและงบประมาณพอ
วันนี้กำลังถกเถียงทั้งข้อดี ข้อเสีย กับสื่อมวลชนที่พะเยา 100% ไม่เห็นด้วยและทุกคนบอกว่า "มัลลิกาช่วยทำอะไรสักอย่างได้ไหม" ดิฉันคิดว่ารัฐบาลชุดนี้มีปัญหากับคนจน รังเกียจคนรากหญ้า ไม่เข้าใจปัญหาของชาติ และคงไม่เคยรู้ว่าโรงเรียนที่ถูกยุบเหล่านั้น
"เด็กๆที่ด้อยโอกาส ห่างไกลอยู่แล้ว เขาต้องดิ้นรนหาทางไปโรงเรียนด้วยวิธีใด ต้องหาจักรยานขี่ไปเรียน ไป-กลับ 40 กิโลต่อวันใช่ไหม ทั้งไปไปกลับ พ่อแม่ลำบากไม่มีช่องทางอื่นก็ต้องออกจากโรงเรียน" เอาแบบนั้นใช่ไหม รู้บ้างไหมว่ากำลังทำลายโอกาสคน
การยุบรวมโรงเรียนที่เกิดขึ้น มีการเอาเงินเป็นตัวตั้งเพราะเงินไม่พอ ยิ่งเฉพาะรัฐบาลใช้เงินมหาศาลในสารพัดโครงการก่อสร้าง แต่กลับบอกไม่มีเงินลงทุนด้านการศึกษา
ดิฉันไม่แปลกใจเพราะรู้ถึงวิสัยทัศน์เท่าหางอึ่งของยิ่งลักษณ์และบริวาร ตั้งแต่ตอนเข้ามา 3 เดือนแรกก็ตัดงบประมาณกู้ยืมเรียนของเด็กยากจนไป 50% จากที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งไว้ ที่น่าเศร้าใจ คือ สส.พรรคเพื่อไทยเขตคนยากจน "ยกมือในสภาฯ"ตัดงบเด็ก อย่างไร้มนุษยธรรม
ชาวเน็ตต่างพากันแสดงความโกรธแค้นอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างความเห็นเช่น
“เอาแท็ปเล็ตคืนไป เอาโรงเรียนคืนมา”
“กู้ 2 ล้านๆ แต่บอกว่าไม่มีเงินสร้างโรงเรียน”
“มันกลัวเด็กฉลาด รู้ทันคนโกง”
นอกจากนั้นยังมีการวาดภาพล้อเลียนแชร์ไปกันสนุกสนาน อาทิเช่น
ภาพจาก ห่วยตูน
ภาพจาก เฮ้ย! นี่มันตัดต่อชัด ชัด
กระแสเทไปที่การถล่ม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จนกระทั่ง เพจ Go6 TV Community Page ได้นำข้อความจากผู้ที่ใช้ชื่อว่า Twentytwo moon มาแชร์ ซึ่งจากการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ พบว่าเป็นข้อความจากเฟสบุคของนักข่าวประจำกระทรวงศึกษาธิการของสำนักข่าวแห่งหนึ่งจริงๆ
ข้อความดังกล่าวมีความโดยสรุปว่า ในฐานะที่เป็นผู้ทำข่าวนี้เอง คุณ Twentytwo moonขอบอกว่าข่าวถูกขยายไปจนบิดเบือน จริงๆ เรื่องนี้เป็นประเด็นมานานแล้ว และจะปิดเฉพาะโรงเรียนที่เล็กมากๆ และมีโรงเรียนที่มีมาตรฐานอยู่ใกล้ๆ เพื่อรองรับนักเรียนจากโรงเรียนที่กำลังจะถูกปิดเท่านั้น พร้อมทั้งถามหาจรรยาบรรณของสื่อ ที่เสนอข่าวดังกล่าว
จากนั้นกระแสก็เริ่มกลับทาง...
เพจ ไฟเขียวประเทศไทย ได้โพสกราฟฟิก ซึ่งอ้างข้อความตอนหนึ่งของแถลงการครูรากหญ้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2 ว่า
"...หลายฝ่ายอาจจะอ้างว่า การลงทุนทางการศึกษา เป็นบริการสาธารณะ เป็นการสร้างจิตวิญญาณของคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่ควรคิดถึงความคุ้มทุน แต่ให้คิดถึงการบริการ การให้
แต่ถ้าเราเห็นอยู่ทนโท่ว่า มีวิธีการที่ดีกว่า คุ้มทุนกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า ทำไมไม่ช่วยกันคิดช่วยกันทำให้ดีขึ้น
อย่างกับโรงเรียนที่จังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นข่าวมีนักเรียน 3 คน มีครู 2 คน แต่ไม่มีใครกล้ายุบ รัฐลงทุนต่อหัวไปเท่าไหร่ ต้องบอกว่าบ้ากันทั้งประเทศแล้ว"
เพจ Just another Info. ได้โพสอินโฟกราฟฟิก อธิบาย "แนวคิดปฏิรูปยกระดับโรงเรียนขนาดเล็ก ด้วยการควบรวม" ว่า
1. เพราะปัจจุบันโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน ต่ำกว่า 60 คนครูเพียง 2-3 คน ต้องสองทั้ง ป.1 - 6 ทำให้ต้องสอนรวมกันเป็นห้องเดียว ตามมีตามเกิด ขาดประสิทธิภาพ
2. แนวคิดปฏิรูปยกระดับโรงเรียนขนาดเล็ก ด้วยการควบรวม คือการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก 3-4 โรงเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีนักเรียนโรงเรียนละ 200 กว่าคน สามารถแบ่งเรียนได้ตามรำดับชั้น มีครูดูแลมากกว่า 10 คน และมีอุปกรณ์การศึกษาครบถ้วน
3. จากการสำรวจโรงเรียนที่ควบรวมกันจะไม่ห่างกันมากนัก รัฐบาลจะจัดให้มีรถรับส่งเด็กฟรี
4. นักเรียนทุกคนจะได้เรียนในชั้นเรียนเดิม หลักสูตรเดิม และจะได้รับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พร้อมกันนั้นเพจ เชิญมาเป็นชาว "คิด" ยังได้เผยแพร่เอกสาร "การดำเนินงาน รวมโรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อรองรับการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง" ของสํานักนโยบายและแผน การศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ หรือ สพฐ. (ดูเอกสารคลิกที่นี่)
เมื่ออ่านจากเอกสารดังกล่าว ประกอบกับสัมภาษณ์ รมต.พงศ์เทพในวันที่ 9 ทำให้เราได้ทราบว่าโครงการดังกล่าวเป็นตามที่กราฟฟิกอธิบาย นอกจากนั้นยังระบุชัดในเอกสารว่าโครงการนี้เริ่มขึ้นโดยมติ ครม. วันที่ 27 ตุลาคม 2552
นักข่าวคงไม่จำเป็นต้องบอกว่าสมัยนั้นใครเป็นรัฐบาล... เรื่องนี้นักข่าวจะไม่ยุ่ง... ขอเชิญคุณมัลลิกาไปเคลียร์กับหัวหน้าพรรคให้เรียบร้อย...
กระแสทั้งสองทางยังถูกแชร์อย่างดุเดือดในโลกไซเบอร์ ทั้งดราม่าของคนที่โกรธแค้นรัฐบาลที่คิดสั้นตัดโอกาสการศึกษาของเด็ก และดราม่าจากฝั่งที่โกรธแค้นกับสื่อปั่นกระแสและผู้คนที่รับสารโดยไม่กรองก่อน
โครงการควบรวมโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการจะเดินหน้าไปต่อได้หรือไม่ รัฐมนตรีพงศ์เทพจะอยู่ครบวาระหรือเปล่า ก่อนโพสคุณมัลลิกาได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคบ้างมั้ย และกระแสการเมืองในโลกไซเบอร์จะเป็นอย่างไร ยังต้องจับตามองต่อไป
สุดท้ายนี้อยากจะทิ้งท้ายว่า "(ได้เห็นจ่าล้อฟรี)ดราม่านี้มันส์จุงเบย"
Phon Petklai 555 อย่างว่า ออกข่่าววันแรกเหมือนตั้งใจให้สื่อด่า ไม่มีรายละเอียด ไม่มีหลักการ 2 วันพึ่งมีคนเอามาชี้แจง ด่าไปซะละ 55
.............................................................................................................................
ยังมีความจริงที่เธอไม่รู้ ฉันคงลืมบอกเธอ ....เงิบ
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.452155874878172.1073741827.100002512913494&type=1
.........................................................................................................................
.....................................................................................................................
.............................................................................................................................
http://www.facebook.com/photo.php?v=10200266045244686
ภาพยนตร์แอนิเมชันตัวอย่างเ
จากดำริของดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เมื่อ 4 ปีก่อนท่านได้เดินทางไปชมพร
.................................................................................................................................
..................................................................................................................................
เปรียบเทียบกันไปเลยของ โปรโมชั่น Package Internet 3G ของทั้งสามค่ายไม่ว่า AIS, True move H, และ Dtac รักใครชอบใคร เลือชมและพิิจารณากันเองนะค
http://
.....................................................................................................................
ดีไซเนอร์หัวใสกับรถไอติมสี
รถคันนี้นอกจากจะฝากข้อคิดเ
............................................................................................................................
นิสัยใจคอ...
อมรากุล อินโอชานนท์
การที่คนเราจะชอบพอหรือคบใค รสักคนได้ยาวนานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยใจคอของท ั้งสองฝ่าย แต่ละฝ่ายมีนิสัยที่ตรงใจ จับใจกันและกันมากกว่าส่วนเ สียหรือไม่ รวมทั้งต่างก็ยอมรับและทนกั บ 'นิสัยเสีย' ของอีกฝ่ายได้อย่างไม่ทุกข์ ทรมานเกินไปนัก
ส่วนใหญ่เท่าที่แตกหักกันไป ก็เพราะความรู้สึกไม่อยากจะ ทน และการถือเอาข้อเสียของอีกฝ ่ายมาเป็นเรื่องใหญ่โดยไม่ย อมมองผ่านๆ ไป ที่สำคัญคือ นิสัยส่วนเสียที่ทำให้เกิดค วามเจ็บปวดทางกายหรือทางใจ อย่างเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและ ภรรยาต้องหักสะบั้นลง ถ้าฝ่ายหนึ่งมีนิสัยก้าวร้า ว ชอบลงมือลงไม้จนอีกฝ่ายทนไม ่ไหว หรือมีความก้าวร้าวทางวาจา ที่ฟาดฟันใจให้เจ็บระบมไม่ร ู้วาย หรือสร้างความกดดันใจ จนอีกฝ่ายรู้สึกว่า ความภาคภูมิใจในตนเองถูกลดท อนลงเรื่อยๆ
ดังนั้น การที่จะคบใครสักคนเพื่อเป็ นเพื่อนรักหรือคู่รักก็ตาม ควรเข้าใจทั้งตัวเองและเข้า ใจในตัวอีกฝ่ายหนึ่งให้ถ่อง แท้ ในทางจิตวิทยาจะให้ความสำคั ญกับ 'ความเก่ง' ในการรักษาสัมพันธภาพได้ยาว นาน มากกว่า 'ความเก่ง' ในการสร้างสัมพันธภาพค่ะ เพราะแค่ยิ้มให้กัน พูดทักทาย พูดจาดีๆ ต่อกันก็เป็นการผูกมิตรแล้ว แต่จะผูกพันให้ยาวนานชนิดต่ างคนต่างเรียนจบและจากกันไป หรือเคยทำงานด้วยกันแล้วแยก ย้ายกันไป จะด้วยหางานใหม่ทำ หรือเกษียณอายุก็ตาม แล้วยังคงติดต่อ ส่งข่าวคราว ไปมาหาสู่ ยังคงมีความปรารถนาดีหรือคอ ยช่วยเหลือกันนั้น ต้องอาศัยสายใยรักที่แน่นเห นียวจริงๆ บางคนบอกว่าต้องใช้ใจซื้อใจ ค่ะ แต่การจะได้ใจใครสักคนไม่ใช ่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาพิสูจน์ใจยาวนาน ต้องรู้จักใจของตนเองดีจริง ๆ รวมทั้งเข้าใจหัวจิตหัวใจขอ งคนอื่นด้วย
นายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล จิตแพทย์จากกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงนิสัยพื้นฐานของคนเ ราที่มีความแตกต่างกัน 4 ปัจจัย ได้แก่...
ปัจจัยแรก พื้นฐานของการเป็นคนชอบเข้า สังคม VS ชอบความสันโดษ คนที่ชอบเข้าสังคมจะมีความส ุขกับการพบปะพูดคุยกับคนอื่ นๆ สนใจคนรอบข้าง ชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล ะแสดงอารมณ์ได้อย่างเปิดเผย ในขณะที่คนชอบความสันโดษ มักจะชอบอยู่กับตัวเอง มักเก็บกักความคิดและอารมณ์ ของตนเอง จะเปิดเผยก็กับคนสนิทรู้ใจก ันจริงๆ เท่านั้น ชอบถ่ายทอดด้วยการเขียนมากก ว่าการพูด มีปราการปกป้องตนเองและคอยร ักษาระยะห่างกับผู้อื่นไว้เ สมอ จึงทำให้เข้าถึงยาก
ปัจจัยที่สอง พื้นฐานของนิสัยการรับรู้ข้ อมูลจากสิ่งแวดล้อม VS รับรู้ข้อมูลจากสิ่งที่อยู่ ภายในใจตนเอง พวกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแ วดล้อมภายนอก มักจะเป็นคนช่างสังเกต ใส่ใจกับสิ่งที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดที่ผ่านการพิสูจน์และ การปฏิบัติมาแล้วมากกว่าสิ่ งที่เป็นแค่ความคิดเห็น ในขณะที่คนที่สนใจกับข้อมูล ภายในจะชอบคิดจินตนาการ คิดเชื่อมโยง ชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ และสร้างหลักคิดของตนเอง
ปัจจัยที่สาม พื้นฐานในการตัดสินใจด้วยเห ตุและผล VS การตัดสินด้วยใจ พวกที่ชอบตัดสินด้วยเหตุผลก ็เปรียบเสมือนการใช้หลักกฎห มาย ที่ใช้การคิดวิเคราะห์ เน้นข้อมูล หลักฐาน และหลักการในการตัดสิน ส่วนพวกที่ชอบตัดสินด้วยใจ จะเปรียบเสมือนการใช้หลักรั ฐศาสตร์ คือ คำนึงถึงความรู้สึกของคนเป็ นหลัก ใส่ใจคนมากกว่าปัจจัยภายนอก และมักจะเอาตัวเข้าไปพัวพัน กับเรื่องที่ต้องตัดสินใจจน แยกกันไม่ออก จนบางครั้งก็ไม่สามารถก้าวผ ่านอคติ หรือฉันทาคติของตนเองได้
ปัจจัยที่สี่ พื้นฐานนิสัยในการจัดการกับ ชีวิตอย่างมีระบบ VS จัดการชีวิตแบบไร้รูปแบบ คนที่มีระบบระเบียบในการจัด การกับชีวิต มักมีเป้าหมายชัดเจน มีการวางแผนทั้งแผนหลัก แผนรอง แผนสำรอง ชอบคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วคิด วิธีจัดการเอาไว้เสร็จสรรพ เป็นลักษณะของคนที่ชอบความม ั่นคง ส่วนคนที่จัดการชีวิตชนิดไร ้รูปแบบนั้น เป็นลักษณะของคนที่ชอบความท ้าทาย สนุกกับความแปลกใหม่และมีคว ามยืดหยุ่นในตัวเองสูง เป็นลักษณะของคนที่ชอบใช้ไห วพริบปฏิภาณ
คนเรามีลักษณะพื้นฐานทั้ง 4 แบบ ขึ้นอยู่กับว่ามีแบบไหนมากก ว่ากัน แล้วผสมผสานรูปแบบทั้งสี่ขึ ้นมาเป็นบุคลิกภาพของแต่ละค น ซึ่งแบ่งออกมาเป็นบุคลิกภาพ แบบนักอนุรักษ์ นักผจญภัย นักคิด และนักสร้างสัมพันธ์ แต่ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพแบ บใด แต่ละแบบย่อมมีจุดดี จุดด้อยในตัว เจ้าของบุคลิกภาพต้องรู้วิธ ีเสริมจุดเด่น ขจัดจุดด้อยของตนเอง และรู้กลยุทธ์เชิดชูจุดเด่น และช่วยลดจุดด้อยของคนอื่นด ้วย จึงจะเป็นการคบกันแบบกัลยาณ มิตรค่ะ และการคบกันแบบกัลยาณมิตรนี ่แหละ จะช่วยทำให้สัมพันธภาพยืนยา วและยั่งยืน
คอลัมน์ Happiness, อมรากุล อินโอชานนท์
กรุงเทพธุรกิจ-กายใจ, ๙ มีนาคม ๒๕๕๑
อมรากุล อินโอชานนท์
การที่คนเราจะชอบพอหรือคบใค
ส่วนใหญ่เท่าที่แตกหักกันไป
ดังนั้น การที่จะคบใครสักคนเพื่อเป็
นายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล จิตแพทย์จากกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงนิสัยพื้นฐานของคนเ
ปัจจัยแรก พื้นฐานของการเป็นคนชอบเข้า
ปัจจัยที่สอง พื้นฐานของนิสัยการรับรู้ข้
ปัจจัยที่สาม พื้นฐานในการตัดสินใจด้วยเห
ปัจจัยที่สี่ พื้นฐานนิสัยในการจัดการกับ
คนเรามีลักษณะพื้นฐานทั้ง 4 แบบ ขึ้นอยู่กับว่ามีแบบไหนมากก
คอลัมน์ Happiness, อมรากุล อินโอชานนท์
กรุงเทพธุรกิจ-กายใจ, ๙ มีนาคม ๒๕๕๑
.......................................................................................................................
......................................................................................................................
มาตรวจสอบกันว่า เพื่อนๆมีโอกาสเสี่ยง
เป็น "มะเร้งลำไส้ใหญ่" หรือไม่
รู้ก่อน ปลอดภัยกว่าค่ะ
เครดิตตามภาพ
คลินิกจันทน์ ตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนจี น
https://www.facebook.com/ ChinMed/app_137541772984354
เป็น "มะเร้งลำไส้ใหญ่" หรือไม่
รู้ก่อน ปลอดภัยกว่าค่ะ
เครดิตตามภาพ
คลินิกจันทน์ ตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนจี
https://www.facebook.com/
...........................................................................................................................
.......................................................................................................................
มุมมอง ทูต "มองโกเลีย" ต่อสปีชสุดฮอตของ "นายกฯยิ่งลักษณ์"
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายชิมิดดอร์จ บัตทูเมอร์ (H.E. Mr. Chimeddorj Battumur) เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงกรณีการเยือนมองโกเลียล่าสุดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยว่า สำหรับตนนั้นไม่สามารถให้ความเห็นต่อสปีชของนายกรัฐมนตรีไทยได้ นายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของการประชุม ซึ่งนอกจากนายกฯไทยแล้ว ทางรัฐบาลมองโกเลีย ซึ่งทำหน้าที่ประธานก็ได้เชิญตัวแทนรัฐระดับสูง และนักการเมืองที่มีชื่อเสียงไปร่วมงานด้วย
"แต่แขกสำคัญที่มาร่วมการประชุมเวทีประชาคมประชาธิปไตยเหล่านี้มาพูดถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยในประเทศของตนเอง มาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับประชาธิปไตยร่วมกัน เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาภายในของตนในการเดินไปสู่ประชาธิปไตย ตัวแทนพม่ามาก็บอกสถานการณ์ในประเทศพม่า ไนจีเรียก็พูดเรื่องประเทศของตน จอร์เจียก็พูดสถานการณ์ของเขา เราแค่ต้องการเป็นตัวกลางแชร์ปัญหาเหล่านี้"นายบัตทูเมอร์กล่าว
ต่อประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองของไทยที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศของไทยหรือไม่ ท่านทูตกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่มาเป็นทูตที่นี่ ยังไม่เห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองในไทยจะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศของไทย และไม่คิดว่าเป็นปัญหาต่อการพัฒนาของไทยในเชิงเศรษฐกิจด้วย
"ที่จริงการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเติบโต นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาของระบบประชาธิปไตยที่ต้องมีฝ่ายหนึ่งออกมาวิพากษ์ หรือมีฝ่ายหนึ่งออกมาตรวจสอบหรือถ่วงดุล ระบบจึงจะแข็งแรง"เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทยกล่าว
ส่วนคำแถลงการณ์ตอบโต้ และชี้แจงของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อกรณีคำกล่าวสุนทรพจน์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายชิมิดดอร์จกล่าวว่า ไม่ได้ประหลาดใจอะไรกับเอกสารชี้แจงดังกล่าวที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้เห็นแล้วจากข่าวว่าจะมีจดหมายมาถึง ทั้งนี้ ได้รับเอกสารแล้วตั้งแต่วานนี้ ซึ่งมีเนื้อความ 2 หน้า โดยในจดหมายดังกล่าว ได้ขอให้ทางสถานทูตส่งต่อไปยังรัฐบาลมองโกเลีย และตนก็ได้ส่งเอกสารไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วานนี้ (9 พ.ค.)
ทั้งนี้ เขาระบุว่า มองโกเลีย ภาคภูมิใจในการเป็นประธานการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 4 ของเวทีประชาคมประชาธิปไตยที่ผ่านมามาก ในฐานะประเทศประชาธิปไตย นี่คือหน้าที่ที่สำคัญมาก เพราะได้ต้อนรับแขกระดับสูงจากทั่วโลกมาพูดเรื่องประชาธิปไตยในประเทศของเรา และเป็นเจ้าภาพงานเวทีระดับนานาชาติที่มีคนมาร่วมราว 3,000 คน และมีตัวแทนมาจากประเทศต่างๆ มากถึง 110 ประเทศ
....................................................................................................................
..................................................................................................................
(May 9) คำต่อคำ "ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ผู้ว่าฯธปท.เข้าชี้แจงต่อ กรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ .กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท : หมายเหตุ – นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบั ญญัติ(พ.ร.บ.)ให้อำนาจกระทร วงการคลังกู้เงินเพื่อการพั ฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมน าคมขนส่งของประเทศพ.ศ. ....หรือ พ.ร.บ.การกู้เงินลงทุนโครงส ร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่มีนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐม นตรี เป็นประธาน มีเนื้อหาที่กรรมาธิการของฝ ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านซักถาม และคำตอบจากผู้ว่าการ ธปท.ที่น่าสนใจดังนี้
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถาม – การกู้เงินในระยะเวลา 7ปี เฉลี่ยปีละ 3แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการเริ่มกู้จริงในป ลายปี 2556 ตามที่สำนักงานบริหารหนี้สา ธารณะ (สบน.)บอกว่าไม่กระทบการจัด งบประมาณสมดุลตามแผนที่วางไ ว้นั้น ในมุมมองของธปท.ประเมินผลกร ะทบในเรื่องนี้อย่างไร รัฐบาลจะจัดสมดุลงบประมาณได ้จริงหรือไม่
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถาม – การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจะกระทบต่อสภาพค ล่องในระบบหรือไม่ ถ้าสภาพคล่องเปลี่ยนแปลงจะม ีผลต่ออัตราดอกเบี้ยในปัจจุ บันอย่างไร สมมติฐานภาระดอกเบี้ยของสบน .ที่ 5% ต่อปีจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะในอดีตถ้าเศรษฐกิจมีกา รขยายตัว(จีดีพี)ดีอัตราดอก เบี้ยเงินกู้อาจจะเพิ่มเป็น 8% หรือ9% หรือ 10% ก็ได้ มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่กา รขาดทุนของธปท.จะเพิ่มมากไป ถึง 1 ล้านล้านบาท
นายประสาร ตอบ - การดูแลสภาพคล่องของธปท. ตามหลักจะดูแลปริมาณเงินให้ สมดุลกับเศรษฐกิจจริง เพราะถ้าปล่อยให้ปริมาณเงิน ในระบบเพิ่มมากเกินไป เงินเฟ้อหรือราคาอาจจะเปลี่ ยนแปลง สินค้าจะเพิ่มขึ้น ธปท.จึงต้องดูแลให้เหมาะสม ในทางกลับกันถ้าสภาพคล่องขา ดธปท.ก็จะคลายเงินเข้าสู่ระ บบเศรษฐกิจ ซึ่งธปท.จะทำแบบตั้งรับ คือ ให้น้ำหรือปริมาณเงินในระบบ เอ่อล้นขอบสระ ไม่ใช่ตั้งเครื่องสูบน้ำดูด เพราะธปท.ไม่ใช่ภาคธุรกิจเอ กชนหรือธนาคารพาณิชย์ที่ต้อ งหากำไรเป็นหลัก
ธปท.จะรอจนสิ้นวันธนาคารปิด ดูว่ามีเงินเหลือหรือล้นมาจ ากขอบสระหรือไม่ แล้วค่อยดูดซับสภาพคล่องเฉพ าะส่วนที่ล้นออกจากขอบสระเท ่านั้น โดยการออกพันธบัตร ธปท.มาดูดซับระยะ 7 วัน 3 เดือน ฯลฯ เพื่อไม่ให้สภาพคล่องมีมากเ กินไปจนเกิดผลกระทบต่อเศรษฐ กิจ ปัจจุบันธปท.ก็ดูดซับไว้จำน วนหนึ่ง เพื่อรักษาสมดุล
ถ้ามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิ ดขึ้น มีการลงทุนจริง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อซื้ อสินค้าในประเทศ หรือซื้อสินค้าจากต่างประเท ศที่ต้องนำเข้า ก็มีส่วนช่วยในการดูแลปริมา ณสภาพคล่องในระบบเช่นกัน ยิ่งในช่วงที่ปริมาณเงินไหล เข้ามามากการลงทุนจะช่วยสร้ างสมดุลเงินไหลเข้าได้
แต่กิจกรรมที่พูดถึงนี้ คือ การลงทุนการซื้อไป ต้องเป็นไปเพื่อก่อให้เกิดผ ลิตผล ซึ่งการกู้เงินเพื่อการลงทุ นโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาศักย ภาพการแข่งขันของประเทศเป็น เรื่องที่ดี ในหลักการนี้ธปท.เห็นด้วย แต่การใช้การใช้เงินลงทุนให ้มีประสิทธิภาพก็ต้องดูให้เ กิดประโยชน์สูงสุด ในที่นี้ ในระยะ 10 -50 ปี สมมติฐานดอกเบี้ยที่ 5% จะเป็นไปได้หรือไม่นั้น คงไม่มีใครทายได้แม่นยำ แต่ถ้าจะดูพอเป็นแนวทางก็พอ ดูได้ ซึ่งถามว่าดอกเบี้ยที่สมมุต ิฐาน 5% หากดูจากอัตราผลตอบแทนดอกเบ ี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 48 ปี ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทประกันชี วิตเป็นผู้ลงทุนนั้น มีอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนอยู ่ที่ 4.27% ถ้าวันนี้ซื้อพันธบัตรล็อคด อกเบี้ยผลตอบแทนยาวไว้ 48 ปี ก็จะได้ดอกเบี้ยที่ 4.27%
ฉะนั้น การใช้สมมติฐานดอกเบี้ย 5% ก็พอคิดได้ มีที่มาที่ไป ถ้าถามว่าพอใช้ระยะเวลากู้ 50 ปี ดอกเบี้ยนี้จะเปลี่ยนแปลงได ้หรือไม่ ต้องยอมรับว่ามีโอกาสเปลี่ย นแปลงได้ทั้งสูงขึ้นและต่ำล ง เพราะหากความเชื่อมั่นของนั กลงทุนต่อเศรษฐกิจเปลี่ยนไป กลัวว่าเงินเฟ้อในอนาคตจะสู งขึ้นได้อีก เขาก็อาจจะไม่พอใจดอกเบี้ยท ี่ 4.27% ก็ได้ เพราการซื้อลงทุนยาว 48% เหมือนซื้อสัญญาล่วงหน้าจาก ความเชื่อมั่น แต่ถ้าไม่เชื่อมั่นมันย่อมเ ปลี่ยนแปลงได้
การที่นักลงทุนจะมองดอกเบี้ ยไปในทางสูงขึ้น คือ มองเศรษฐกิจโตดีตามคาด เศรษฐกิจมีวินัยทางการเงิน ก็มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะสูงเ กิน 5% ได้อย่างมากกมาย หรือถ้าตลาดการเงินมีสัญญาณ มากระทบนักลงทุนขาดความน่าเ ชื่อถือในเศรษฐกิจและการคาด การณ์เงินเฟ้อข้างหน้าว่าอา จจะไม่อยู่ในระดับที่คาด ดอกเบี้ยก็อาจจะกระโดดจาก 4.27% ได้เช่นกัน แต่ขอเรียนว่าภาวะการเงินใน ปัจจุบันมีความเชื่อมั่นสูง และตราบใดที่นักลงทุนมีความ เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ โครงสร้างเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยระยะยาวก็อาจจะไม่เ ปลี่ยนแปลงมากนัก
ส่วนดอกเบี้ยนโยบาย 1 วันเป็นดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ส่งสัญญาณต่อตลาดการเงิน แต่ดอกเบี้ยไว้กู้ลงทุนจะเป ็นการดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งการลดดอดเบี้ยระยะสั้นไ ม่ได้แปลว่าดอกเบี้ยระยะยาว จะลดลง ถ้าคำอธิบายไม่ดี เช่น ถ้าเศรษฐกิจร้อนแรงไปลดอัตร าดอกเบี้ยระยะสั้น ถามว่าว่าดอกเบี้ยระยะยาวจะ ลงไหม มันน่าจะขึ้นมากกว่า ฉะนั้น สิ่งสำคัญเราต้องรักษาความเ ชื่อมั่นให้ได้เพราะเป็นสิ่ งที่นักลงทุนมองและให้ความส ำคัญ
นายเจือ ราชสีห์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ถาม - ถ้าเป็นสถาบันการเงินการจะใ ห้กู้โครงการนี้หรือไม่ ดูจากอะไรเป็นสำคัญ และโครงการ 2 ล้านล้านบาท ที่จะเอาไปลงทุนเช่นนี้ ถือว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนหร ือน่าจะให้กู้หรือไม่
นายประสาร ตอบ - การให้กู้เงินสิ่งสำคัญที่ส ถาบันการเงินจะเลือก คือ เลือกเงื่อนไขที่ดีที่สุด ให้ได้เงินคืนและได้ผลตอบแท นที่น่าพอใจ อย่าไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา เงินทุนไหลเข้ามาในไทยเยอะ ถ้าเอาเงินนี้มาใช้ก็น่าจะช ่วยแบ่งเบาภาระการดูแลสภาพค ล่องของธปท.ได้ด้วย แต่การจะเอามากู้ลงทุนหรือไ ม่ คงต้องดูต้นทุนการกู้ที่เหม าะสมด้วย แต่สำหรับผมการจะกู้มาลงทุน หรือไม่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ป ระโยชน์และประสิทธิภาพที่จะ ได้จากการลงทุนที่จะมาเพิ่ม ผลิตภาพและประสิทธิผลของประ เทศ การยกระดับการแข่งขันของประ เทศมากกว่า
ทั้งนี้ ในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจโลกม ีหลายดุลยภาพ พอแบ่งได้ 3 ดุลยภาพ คือ 1.กลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจขย ายตัวในระดับที่ดี เช่น ไทย จีน ที่ยังสามารถเติบโตได้ 2.กลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่เต ิบโต 0% เช่น ยุโรป และ3.กลุ่มประเทศที่เศรษฐกิ จกำลังฟื้นตัว อย่างสหรัฐ และญี่ปุ่น ที่โตระดับ 1-2% ในภาวะนี้ที่โลกมีดุลยภาพที ่แตกต่างกัน
ไทยก็อยู่ในกลุ่มแรกทำให้มี เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลมาไม่ น้อย การจะทำให้เงินทุนไหลเข้ามา น้อยลง การจะให้ดอกเบี้ยรับภาระตรง นี้อาจจะไม่ได้ผล การรับมือควรมีการผสมผสานหล ายเครื่องมือ ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงการคลั งและธปท.ไม่ได้เห็นแตกต่างก ัน เพียงแต่การให้น้ำหนักในแต่ ละเครื่องมือ อาจจะแตกต่างกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้ นได้ทั่วโลก
ในภาวะนี้จะใช้ดอกเบี้ยหรือ มาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้ าเป็นเครื่องมือในการดูแลให ้เกิดสมดุลเงินทุนไหลเข้าออ กไม่ให้กระทบอัตราแลกเปลี่ย นั้น ต้องดูให้เกิดความสมดุล เพราะโลกแยกเป็น 3 ดุลภาพ และดอกเบี้ยถูกใช้ให้รับภาร ะกิจสำคัญในการดูแลดุลยภาพใ นประเทศ การจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโ ยบาย เพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่ านั้น อย่าลืมว่า แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป ็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่จะสามารถใช้ดูแลอัตราแลก เปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ ายได้
แต่ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยมีภา ระหนักที่จะต้องดูแลเศรษฐกิ จในประเทศ และถือเป็นความยากลำบากของค ณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง .) ที่ปัจจุบันต้องพยายามรักษา ดุลยภาพในประเทศ ขณะเดียวกันเงินทุนไหลเข้าก ็ถูกมองให้เป็นภาระหนักของด อกเบี้ยด้วย เพราะต้องไปดูแลเงินทุนไหลเ ข้าด้วย
อย่างไรก็ตาม เงินทุนเคลื่อนย้ายต้องดูจา กหลายปัจจัย ดอกเบี้ยก็เป็นตัวหนึ่งที่ท ำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน แต่มองว่าเรื่องการเข้ามาเก ็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนคิดเป ็นเปอร์เช็นต์ผลตอบแทนเทียบ กับดอกเบี้ยแล้วสูงกว่ามาก
ส่วนการกู้มาลงทุน 2 ล้านล้านบาทควรกู้ในประเทศห รือต่างประเทศนั้น อาจจะไม่แตกต่าง เพราะดอกเบี้ยในประเทศไม่ได ้ต่างจากดอกเบี้ยในต่างปนะเ ทศมากนัก หากต้องบวกการซื้อสัญญาความ เสี่ยงล่วงหน้าจากอัตราแลกเ ปลี่ยนจากความผันผวนของเศรษ ฐกิจโลกเข้าไปด้วย เหมือนที่ธุกิจขนาดใหญ่ยอมซ ื้อป้องกันความเสี่ยงการไปล งทุนในธุรกิจขนาดใหญ่ในสิงค โปร์เป็นต้น ซึ่งคิดว่าการกู้ต้นทุนที่เ หมาะสม สบน.น่าจะดูต้นทุนและทางเลื อกที่เหมาะสมอยู่แล้ว
นายสมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างท ั่วถึงสถาบันเพื่อการพัฒนาป ระเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ถาม – การกู้เงินตามพ.ร.บ.ดังกล่า วนี้จะมีผลต่อสภาพคล่องในระ บบและอัตราดอกเบี้ยอย่างไร และ การเข้าสู่สมดุลตามแผนที่สบ น.ชี้แจงนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะภาระดอกเบี้ยจากการกู้ อาจจะเพิ่มขึ้นได้
นายประสาร ตอบ - สำหรับการกู้เงินจำนวนมากจะ เป็นภาระกับงบประมาณประจำหร ือไม่ ทำให้การจัดงบเข้าสู่สมดุลไ ม่ทำงบขาดดุลได้หรือไม่นั้น ถ้ามีการกู้และใช้งบประจำก็ ยังทำได้ตามแผน แต่ถ้าไม่ได้ตามที่คาดก็อาจ จะเกิดการผิดคาดได้ ส่วนจะเกิดการเบียดแย่งสภาพ คล่องเงินกู้ระหว่างรัฐกับเ อกชนหรือไม่นั้น ธปท.ยังไม่ได้ดูละเอียดต้อง ขอไปดูในรายละเอียดก่อน
สำหรับระดับหนี้สาธารณะ ถ้าดูจากแผนการลงทุนที่จะกู ้เงินเฉลี่ยปีละ 3 แสนล้านบาท ในระยะเวลาประมาณ 7 ปี ตามที่ สบน.บอก ขณะนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ ากังวลอะไร แต่ถ้าเรามีรายจ่ายอื่นในอน าคตที่ไม่ปรากฏหรือที่เรียก การคลังแอบแฝง เช่น การประกันสุขภาพถ้วนหน้าในว ันข้างหน้าอาจจะต้องจัดงบเพ ิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทิภา พการรักษาในส่วนนี้ หรือการที่ให้สถาบันการเงิน เฉพาะกิจของรัฐปฏิบัติตามนโ ยบายรัฐบาล ซึ่งส่วนนี้อาจจะมีงบประมาณ ชดเชยให้ ซึ่งตัวเลขระดับหนี้อาจจะเป ลี่ยนได้ ขณะที่ผลการจัดเก็บงบประมาณ ก็เปลี่ยนได้ ซึ่งปัญหานี้เคยทำให้บางประ เทศมีภาวะคาดไม่ถึงมาแล้วก็ มี เช่น สหรัฐที่เดิมมีหนี้สาธารณะเ พียง 46% ของจีดีพี แต่มีปัญหาเลเมนบาร์เทอร์หน ี้พุ่งเป็นเกิน 80%กว่า จนต้องมีเครื่องมือการเงินพ ิเศษมาใช้ถึงทุกวันนี้
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถาม – หลังจากมีเงินทุนไหลเข้าจำน วนมากแล้ว มีโอกาสหรือไม่ ที่เงินทุนต่างชาติจะไหลออก และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐา นในปัจจุบันที่จะพัฒนาประสิ ทธิภาพการผลิตของประเทศควรล งทุนในด้านใด และธปท.คิดว่าการลงทุนจะช่ว ยมีผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศปี นี้อย่างไร
นายประสาร ตอบ - เงินทุนมีโอกาสเคลื่อนย้ายไ ด้เสมอ เป็นไปตามความเชื่อมั่น ตราบใดที่นักลงทุนยังเชื่อม ั่นเงินทุนอาจจะยังไม่เคลื่ อนย้ายแก ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐ านเพื่อการพัฒนาประเทศมีการ ลงทุนดีๆในหลายด้สย ธปท.อาจจะมีความรู้จำกัด แต่ทุกอย่างที่เพิ่มประสิทธ ิภาพและยกระดับการพัฒนาประเ ทศถือเป็นเรื่องที่ดี เช่น การพัฒนาการศึกษา ระบบขนส่ง ฯลฯ
ส่วนผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศอ าจจะยังไม่เห็นในปีนี้ เพราะโครงการน่าจะเริ่มได้ป ระมาณปลายปี และในปี 2557 ตามที่สบน.บอก เพราะยังอยู่ในช่วงเริ่มดำเ นินการ
นายชัย ชิดชอบ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ถาม - ปัจจุบันเงินสำรองประเทศมีจ ำนวนเท่าไร เพียงพอหรือไม่ ธปท.สามารถอนุมัติเบิกจ่ายไ ด้เท่าไหร่ และมีกฎหมายให้นำเงินสำรองฯ ออกมาใช้ลงทุนทำถนนพัฒนาประ เทศได้หรือไม่ และเงินคงคลังของหลวงตามหาบ ัวฯปัจจุบันมีเท่าไหร่
นายประสาร ตอบ - สำหรับเงินสำรองฯปัจจุบันไม ่รวมภาระซื้อล่วงหน้ามีประม าณ 1.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และทองคำในทุนสำรองมีประมาณ 150 ตัน และทองคำของหลวงตามีประมาณ 13 ตัน การรักษาทุนสำรองประเทศมีกา รลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และถือในสกุลหลัก6 สกุล เพื่อจากเดิมที่ถือ 4 สกุล คือ เงินเหรียญสหรัฐ ยูโร ปอนด์ และเยน และเพิ่มมาถือดอลลาร์ออสเตร ีย และดอลลาร์แคนนาดาด้วย เพราะ 4 สกุลหลักที่ถืออยู่เดิมผลตอ บแทนต่ำ ลงทุนปัจจุบันได้ผลตอบแทนเฉ ลี่ยที่ประมาณ 3%
ส่วนเงินสำรองจะเอามาใช้ได้ หรือไม่นั้น ถ้ามีเงินมาแลกก็เอาไปใช้ได ้ เพราะสินทรัพย์ที่ธปท.ถืออย ู่เป็นสินทรัพย์ต่างประเทศ ปัจจุบันมีกรรมสิทธ์ที่ต่าง ชาติเข้ามาลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือลงทุนโดยตรงรวมทั้งหมดท ี่แลกเป็นเงินบาทเข้ามามีปร ะมาณ 3 แสนล้านบาท ส่วนสำรองที่หนุนหลังธนบัตร ออกใช้มีประมาณ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถามว่าถ้าเกิดวิกฤตจะรับไหว หรือไม่ เข้าใจว่าถ้าเกิดจริงในส่วน ของ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐคงไม่ออก พร้อมกันทันที เพราะส่วนที่เป็นโรงการเป็น ธุรกิจลงทุนโดยตรงที่ต่างชา ติเข้ามคงไม่สามารถขายกิจกา รเอาเงินออกได้ทันที ฉะนั้น เงินออก 1 ใน 3 น่าจะรับ
ส่วนบัญชีเงินสำรองของรัฐบา ลที่เปิดบัญชีฝากไว้ที่ธปท. ส่วนใหญ่จะมีจำนวนที่ค้างไว ้ไม่มาก เพราะเหมือนบัญชีเผื่อเรียก จะเข้ามาฝากมากเฉพาะช่วงที่ มีเก็บภาษีได้มาก
อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินสภาพคล่องหมุนเวี ยนในระบบมีเพียงพอ เพราะถ้าจีดีพีโต 5% บวกเงินเฟ้อที่ 3 % ก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจจริงจะ มีความต้องการเงินเพิ่มขึ้น 8% ซึ่งธปท.จะดูแลให้เพียงพอกั บเศรษฐกิจจริงเท่นั้น เพราะถ้าให้มีมากไปก็กระทบต ่อเศรษฐกิจในอนาคตได้
การช่วยให้ดอกเบี้ยพันบัตรไ ม่เพิ่ม ให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.27% จะช่วยลดต้นทุนรัฐบาลได้มาก ทีเดียว แต่ในความเป็นจริงดอกเบี้ยจ ะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กบความ เชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งสิ่งที่ธปท.ทำได้ คือ รักษาความเชื่อมั่นทางเศรษฐ กิจให้มีความน่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้การคาดการณ์ดอกเ บี้ยหรือเงินเฟ้อในอนาคตเปล ี่ยนแปลงมากเกินไป
อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยจะเป็น อย่างไรขึ้นอยู่กับความสมดุ ลของดีมานด์และซัพพลายของเง ินในอนาคตด้วย ซึ่งถ้านักลงทุนเชื่อมั่น เศรษฐกิจมีวินัย ดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 48 ปี ก็อาจจะอยู่ที่ระดับ 4.27% ได้ แต่โอกาสก็เป็นไปได้น้อย แต่ดอกเบี้ยระดับนี้ถือว่าต ่ำ ถ้าเทียบการเติบโตที่ระดับ 5% และบวกเงินเฟ้อที่ระดับ 3% เพราะเศรษฐกิจมีโอกาสเติบโต ได้ในระยะต่อไป เช่นเดียวกันการที่เศรษฐกิจ ดีค่าเงินบาทก็มีโอกาสที่จะ แข็งค่าขึ้น อย่างเมื่อปี 2539 -2540 ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 50 กว่าบาท แต่ปัจจุบันผ่านไป 15-16 ปี เงินบาทกลับมาอยู่ที่ 28- 29 บาทใกล้ระดับที่เคยอยู่ที่ 27 บาทกว่าๆเมือนก่อนวิกฤตปี 2540 ก็เป็นไปได้ เพราะเงินมันสวิงได้ เปลี่ยนแปลงได้
ไม่แน่ว่าอีก 15 ปีข้างหน้า มีผู้ว่าการคนใหม่ที่ไม่ใช่ ผมแล้วอาจจะมานั่งชี้แจงการ เปลี่ยนของค่าเงินในลักษณะน ี้อีกก็เป็นได้ ดังนั้น สิ่งที่ธปท.ทำได้ดีที่สุดคื อการรักษาความน่าเชื่อถือทา งการเงินเพื่อไม่ให้คนหรือน ักลงทุนคาดการณืไปมากกว่าคว ามจริงจนเกิดการรืเปลี่ยนแป ลงที่รวดเร็วเกินไป
Source: Posttoday
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถาม – การกู้เงินในระยะเวลา 7ปี เฉลี่ยปีละ 3แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการเริ่มกู้จริงในป
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถาม – การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทจะกระทบต่อสภาพค
นายประสาร ตอบ - การดูแลสภาพคล่องของธปท. ตามหลักจะดูแลปริมาณเงินให้
ธปท.จะรอจนสิ้นวันธนาคารปิด
ถ้ามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิ
แต่กิจกรรมที่พูดถึงนี้ คือ การลงทุนการซื้อไป ต้องเป็นไปเพื่อก่อให้เกิดผ
ฉะนั้น การใช้สมมติฐานดอกเบี้ย 5% ก็พอคิดได้ มีที่มาที่ไป ถ้าถามว่าพอใช้ระยะเวลากู้ 50 ปี ดอกเบี้ยนี้จะเปลี่ยนแปลงได
การที่นักลงทุนจะมองดอกเบี้
ส่วนดอกเบี้ยนโยบาย 1 วันเป็นดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ส่งสัญญาณต่อตลาดการเงิน
นายเจือ ราชสีห์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ถาม - ถ้าเป็นสถาบันการเงินการจะใ
นายประสาร ตอบ - การให้กู้เงินสิ่งสำคัญที่ส
ทั้งนี้ ในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจโลกม
ไทยก็อยู่ในกลุ่มแรกทำให้มี
ในภาวะนี้จะใช้ดอกเบี้ยหรือ
แต่ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยมีภา
อย่างไรก็ตาม เงินทุนเคลื่อนย้ายต้องดูจา
ส่วนการกู้มาลงทุน 2 ล้านล้านบาทควรกู้ในประเทศห
นายสมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างท
นายประสาร ตอบ - สำหรับการกู้เงินจำนวนมากจะ
สำหรับระดับหนี้สาธารณะ ถ้าดูจากแผนการลงทุนที่จะกู
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถาม – หลังจากมีเงินทุนไหลเข้าจำน
นายประสาร ตอบ - เงินทุนมีโอกาสเคลื่อนย้ายไ
ส่วนผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศอ
นายชัย ชิดชอบ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ถาม - ปัจจุบันเงินสำรองประเทศมีจ
นายประสาร ตอบ - สำหรับเงินสำรองฯปัจจุบันไม
ส่วนเงินสำรองจะเอามาใช้ได้
ส่วนบัญชีเงินสำรองของรัฐบา
อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินสภาพคล่องหมุนเวี
การช่วยให้ดอกเบี้ยพันบัตรไ
อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยจะเป็น
ไม่แน่ว่าอีก 15 ปีข้างหน้า มีผู้ว่าการคนใหม่ที่ไม่ใช่
Source: Posttoday
.................................................................................................................
จากความเห็น: คุณ Kittima Mekhabunchakij
สำหรับประเด็น เรื่องยุบรวม... เป็นผลมาจากแผนปฎิบัติการ ตั้งแต่ปี 2550 (หน้า 127 ข้อ 4):
แผนพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก... รร.ขนาดเล็ก-ประเภทยุบรวม เพราะ
[1] ประชาชนขาดศรัทธา
[2] ไม่คุ้มทุน
[3] มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
(วิทยานิพนธ์ ป.เอก - รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์สำหรับโรงงเรียนขนาดเล็ก)
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/snamcn/Khattiya_Duangsamran_Doctor/Fulltext.pdf
และมีการศึกษามากมาย ในเรื่องปัญหาและทางเลือกที่ดีกว่า... ที่นี่ค่ะ
http://www.prapasara.co.uk/EducationalAdministrationResearch1.html
-----
การปฏิรูปการศึกษา (Edu Reform) ต้องการ :-
(1) คนคุณภาพ (เพื่อทิศทางที่ดีที่สุด)
(2) ความรอบรู้ (+การแก้ปัญหา เพื่ออนาคตในระยะยาว ที่ implementable)
(3) คนกล้า (โดนด่าก้อยอม.....)
#Catalyst-for-Change ค่ะ (ไม่ใช่ ประเภทที่อ่านสองบรรทัดแล้ว สร้างนิยายเป็นวา เหมือน สองวันที่ผ่านมา.......)
.............................................................................................................................
555++
Medgo Nateeprasittipon คิดอยู่ตั้งนาน ว่าผิดตรงไหน....
0/0 ไม่ใช่จำนวนตรรกยะนี่นา ดังนั้นกำหนดให้ 0/0 = 100-100 / 100-100 ไม่ได้
เพราะว่าจำนวนตรรกยะต้องเขียนในรูปเศษส่วนที่มีตัวส่วนมากกว่า 0 ได้
....รึเปล่าครับ
0/0 ไม่ใช่จำนวนตรรกยะนี่นา ดังนั้นกำหนดให้ 0/0 = 100-100 / 100-100 ไม่ได้
เพราะว่าจำนวนตรรกยะต้องเขียนในรูปเศษส่วนที่มีตัวส่วนมากกว่า 0 ได้
....รึเปล่าครับ
Supapong Wanitpongpan สำหรับจำนวนจริง 0/0 ไม่นิยามอ่ะครับ
แต่เห็นล่าสุดมีเรื่องอะไรจำไม่ได้ละ 0/0 ได้ด้วย
เพิ่มความซับซ้อนขึ้นมาอีก
แต่เห็นล่าสุดมีเรื่องอะไรจำไม่ได้ละ 0/0 ได้ด้วย
เพิ่มความซับซ้อนขึ้นมาอีก
Ahiru Ped ไอ้ตอนที่ใช้ผลต่างกำลังสอง
a2 - b2 = (a + b)(a - b)
มันมีนิยามที่บอกว่า a กับ b ต้องไม่เท่ากันหรือเปล่านิ
a2 - b2 = (a + b)(a - b)
มันมีนิยามที่บอกว่า a กับ b ต้องไม่เท่ากันหรือเปล่านิ
พิชิต แสผักแว่น จากความคิดของผมนะครับ ถ้าดูจากขั้นตอนการทำผมว่าการแทนที่ 0 ด้วย 100-100 น่าจะเป็นไปได้ครับเพราะคำตอบที่ได้เท่ากับ 0 แต่น่าจะผิดในขั้นตอนการตัดตรงบรรทัดที่3มากกว่า เพราะว่า 10.10 - 10.10 มันมันต้องมีวงเล็บเเบบนี้ (10.10) - (10.10) ด้วยรึเปล่า (ผมลองทำไปทำมาก็ไม่ได้ 2 ซะที ถ้ารู้คำตอบช่วยเฉลยด้วยนะครับ) .....แต่หลังจากที่ผมลองใช้วิธีหารยาว(คิดไรไม่ออก) มันก็เลยคิดได้ว่าเป็นไปได้ไหมที่คำตอบจะเป็นอินฟินิตี้เพราะ 0 คูณจำนวนใดๆก็เท่ากับศูนย์ แต่ไม่ทราบว่ามันจะขัดแย้งกับนิยามเลขศูนย์ที่ว่าศูนย์ไม่สามารถเป็นตัวหารได้ รึเปล่า ข้อมูลที่ผมมีเป็นข้อมูลเก่าๆนะครับ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลอะไรไหม่ก็ช่วยบอกด้วยครับ
........................................................................................................................
.........................................................................................................................
โรงเรียนบ้านตาชู โคราช มีนักเรียน 3 ครู 1 ชาวบ้านเผยเต็มใจยุบ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
อึ้ง! โรงเรียนบ้านตาชู โรงเรียนเก่าแก่ อ.คง จ.นครราชสีมา มีนักเรียน 3 คน ครู 1 คน ชาวบ้านบอกเต็มใจยุบ พร้อมทำเรื่องขอพื้นที่ใช้ประโยชน์อื่น ๆ
วานนี้ (10 พฤษภาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.คง จ.นครราชสีมา มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีคุณครูแค่ 1 คน และมีนักเรียนเพียง 3 คนเท่านั้น โดยโรงเรียนดังกล่าวชื่อว่า "โรงเรียนบ้านตาชู"ตั้งอยู่ที่ ม.8 ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในสำกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 มีอาคารเรียน 1 หลัง 4 ห้องเรียน 1 ห้องอนุบาล ในพื้นที่ 3 ไร่เศษ
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ขมโคกกรวด อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านตาชู เผยว่า โรงเรียนแห่งนี้ถือว่าเป็นโรงเรียนเก่าแก่ของตำบล ก่อตั้งเมื่อ 70 กว่าปีมาแล้ว และเมื่อ 30 ปีก่อน โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนราว 150 คน แต่ช่วงหลัง ๆ ผู้ปกครองหลายคนมักส่งลูกหลานไปเรียนที่โรงเรียนที่ใหญ่กว่า ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร เนื่องจากคมนาคมสะดวกสบายกว่าสมัยก่อน จึงทำให้โรงเรียนบ้านตาชู มีจำนวนนักเรียนลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา เหลือนักเรียนเพียง 11 คน และครู 1 คนเท่านั้น ชาวบ้านจึงได้พากันทอดผ้าป่าการศึกษาขึ้น เพื่อหาครูมาสอนพิเศษเพิ่มอีก 1 คน แต่ท้ายที่สุด ในปี 2556 เหลือนักเรียนเพียง 3 คนเท่านั้น เป็นนักเรียนชั้น ป.4, ป.5 และ ป.6 โดยมีคุณครูธวัชชัย ประเสริฐศรี อายุ 52 ปี เป็นครูสอนเพียงผู้เดียว
ผู้ใหญ่บ้านตาชู กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก ตนก็ได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับชาวบ้าน ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยที่จะยุบโรงเรียนบ้านตาชู โดยผู้ปกครองของนักเรียนทั้ง 3 คน ก็พร้อมที่จะส่งลูกไปเรียนต่อที่โรงเรียนใหญ่กว่า คือโรงเรียนหนองบัวทุ่ง ห่างจากบ้านไปเพียง 3 กิโลเมตร มีนักเรียนประมาณ 40 คน ซึ่งโรงเรียนหนองบัวทุ่งแห่งนี้ ชาวบ้านลงมติกันแล้วว่าจะไม่ยุบโรงเรียนโดยเด็ดขาด
ส่วนทางด้านคุณครูธวัชชัย ก็พร้อมที่จะไปสอนยังโรงเรียนดังกล่าวทันที หากทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 6 มีคำสั่งให้ย้าย สำหรับพื้นที่โรงเรียนบ้านตาชู หลังจากที่ยุบโรงเรียนไปแล้ว ชาวบ้านก็อาจจะทำเรื่องขอไปที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อใช้ทำเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์อื่น ๆ
................................................................................................................
..............................................................................................................................
เดี๋ยวนี้คนที่สร้างความเดื
.........................................................................................................................
http://shows.voicetv.co.th/kid-len-hen-tang/69520.html
แม่พลอยคือคนโง่ จากปากคำของ 'ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช'
รายการ คิดเล่นเห็นต่างกับคำผกา ประจำวันที่ 11 พฤษภาคม 2556
ในนวนิยาย เรื่อง สี่แผ่นดิน (Four Reigns) ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของไทย มีเนื้อหาการต่อต้านประชาธิปไตยในช่วงปี 2475 เป็นการสร้างวรรณกรรมเพื่อล้างสมองประชาชนว่ายังไม่พร้อมกับระบอบประชาธิปไตย การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นทำให้สังคมเลวร้ายลงเป็นอันมาก มีการเน้นความจงรักภักดี เชิดชูสถาบัน และสร้างกลุ่มที่เกลียดชังนักการเมือง หลงรักความดี
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ให้สัมภาษณ์กองบรรณาธิการนิตยสารถนนหนังสือ ฉบับที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2528 ว่า " แม่พลอยเป็นคนที่ไม่มีสิทธิของผู้หญิงเลย ไม่เคยเรียก ไม่เคยร้อง แล้วแม่พลอยนี่เป็นคนที่เชยที่สุด คุณจะว่านางเอกก็นางเอก แต่เป็นคนเชยที่สุด แม่พลอยถ้าแกอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แกก็ลูกเสือชาวบ้าน แกจะไปรำละครบ้าๆ บอๆ ถึงขนาดนั้น"
และตอนหนึ่งยังบอกว่า " ที่นี่คนอ่านคนไทย ปลื้มอกปลื้มใจ เห็นแม่พลอยเป็นคนประเสริฐเลิศลอย ก็เพราะคนไทยก็เป็นคนแบบนั้น ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย คนอ่านส่วนมากก็เป็นระดับแม่พลอย โง่ฉิบหายเลย..จะบอกให้..สี่แผ่นดินถึงได้ดัง"
จากบทความของ ชญานิน เตียงพิทยากร ที่ตีพิมพ์ใน Siam Intelligence บอกว่า "พลอย" ถูกยกให้เป็นอุดมคติในฐานะราษฎรไทยผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึงการเป็นแม่ที่ดี เป็นผู้หญิงที่ดี แต่พลอยในอวตารร่างใหม่ สินจัย เปล่งพานิช ใน"สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล" ยังจะใช่พลอยผู้อยู่ในหน้ากระดาษของคึกฤทธิ์หรือไม่ เพราะเธอคนนี้กลับมีจุดยืนที่แข็งขันแน่วแน่ ไม่ว่าเรื่องสังคมการเมืองหรือชีวิตคู่ เช่นในฉากที่คุณเปรมแนะนำ "คุณอ้น" แสดงความไม่พอใจที่คุณเปรมมีลูกติด เธอกลายเป็นผู้เก่ง แกร่ง และบทละครของถกลเกียรติ ได้ให้บทการศรัทธาประชาธิปไตยและคณะราษฎรของอั้น (ลูกชายคนแรกของพลอย) ถูกนำเสนอให้เป็นสิ่งผิด จนถึงกับมีเพลงที่เขาต้องร้องต่อหน้าแม่เพื่อแสดงอาการ "สำนึกบาป" ความสามัคคีปรองดองใน ''สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล'' ฤาจะเป็นความปรองดองจอมปลอมที่บีบบังคับให้ความแตกต่างไม่มีที่ยืน เป็นความสมานฉันท์ที่เรียกร้องให้คนอื่นปรับเข้าหาตนเอง
ในบริบทของสายชล สัตยานุรักษ์ สี่แผ่นดินให้ภาพสมัย ร.6 ว่ามีการกินอยู่อย่างฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อ ซึ่งขัดแย้งความจริงทางประวัติศาสตร์ ในพระราชนิพนธ์ "ประวัติต้นรัชกาลที่ 6" ที่แสดงถึงความแตกร้าวอย่างมากภายในชนชั้นเจ้ามาตั้งแต่สมัย ร.5 และเอกสารในสมัยรัชกาลที่ 7 ระบุว่าราชสำนักรัชกาลที่ 6 เป็นที่เกลียดชังอย่างรุนแรง อย่างเปิดเผยและซ่อนเร้น ถูกล้อเลียน ติเตียน จนนำไปสู่เหตุการณ์ รศ.130
......................................................................................................................
มุมหนังสือของบ้านหลังนี้..
........................................................................................................................
..................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น