วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

30/05/2556



ความหยิ่งยะโส ไม่เคยทำให้คนรอบตัวเคารพรั
คนถ่อมตัว ไม่ถือตนเองเป็นใหญ่ มีความนอบน้อม ก็มักจะมีคนเคารพรักและนับถือ จะทำการใด ก็จะมีคนคอยสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่เสมอ
อย่าอวดเบ่งในยศ อายุ ฐานะ หรือการศึกษา เพราะสิ่งที่ตัวเองมัวแต่คิดว่าสูงกว่า มันจะทำให้เราต่ำลง โดยอัตโนมัติ
 
..............................................................................................................................



ต่อไปนี้ปัญหาเรื่องโทรศัพท์แบตหมดจะไม่ใช่ปัญหาระดับชาติอีกต่อไปแล้วค่ะ อิอิ
เพราะมีคนคิดค้น การชาร์ตไฟด้วยเวลาเพียง 30 วินาที มาแล้วค่ะ (〜 ̄▽ ̄)〜

คนๆนั้นคือ Eesha Khare เด็กสาวอายุ 18 ปีจากแคลิฟอร์เนีย ผลงานนี้ชื่อว่า supercapictor โดยชนะเลิศรางวัล Intel Foundation Young Scientist Award จากงาน Intel International Science & Engineering Fair อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็ก ชาร์จใหม่ได้ถึง 10,000 รอบ แถมใช้ได้หลากหลายสำหรับป้ายโฆษณา แบตเตอรี่ ไฟฉาย LED และ gadget อื่นๆค่ะ

ไม่รู้ว่าต่อไปจะได้ผลิตออกมาใช้จริงๆรึเปล่า แต่ต้องชื่นชมสำหรับคนคิดค้นมากค่ะ ยกนิ้วให้เลย ^^b

http://bit.ly/10VMfU0
.........................................................................................................................



แบบนี้สงสัยโดนกันถ้วนหน้า

Pipat Posawad ตอนนี้อารมณ์นี้เลยครับ 555

............................................................................................................................



(May 30) ถอน 'คิวอี'เอเชียเสี่ยงฟองสบู่แตก-หนี้ท่วม : นับตั้งแต่ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาเผยต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่า ในอนาคตข้างหน้าอาจตัดสินใจลดการใช้มาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ (คิวอี)เดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐลง ถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในอนาคตปรับตัวดีขึ้นรัฐบาลและนักลงทุนทั่วโลกต่างก็หันมาจับตามองภาวะความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

ความกังวลว่าเฟดอาจลดการใช้มาตรการคิวอียิ่งได้รับการตอกย้ำหนักขึ้นไปอีกขั้น เมื่อดัชนีเอสแอนด์พี/เคสชิลเลอร์ ซึ่งเป็นผลสำรวจราคาอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐระบุว่า ราคาบ้านในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีการปรับตัวขึ้นถึง 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการบวกที่พุ่งทะยานมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ปี 2006 พร้อมกันนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ค. ก็เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยอยู่ที่ 76.2 จุด จาก69 จุด ในเดือนก่อนหน้า

แนวโน้มดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างก็ฟันธงกันไปแล้วว่า เฟดจะต้องลดหรือถอนการใช้มาตรการคิวอีค่อนข้างแน่ ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น ซึ่งภาวะดังกล่าวย่อมนำไปสู่การแห่ถอนทุนกลับคืนสู่อ้อมอกของสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ไหลไปลงในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอย่างในเอเชีย

ดังนั้น จึงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ ฮ่องกง สิงคโปร์อินโดนีเซียและ อินเดียที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะเงินร้อนมหาศาลจากการอัดฉีดของเฟดที่หลั่งไหลเข้าไปสู่เอเชีย เพื่อเก็งกำไรส่วนต่างผลตอบแทนและการเติบโตที่สูงกว่า ในขณะที่หลายชาติเอเชียใช้นโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อป้องกันภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวด้วยนั้นได้กลายเป็นตัวบิดเบือนและกัดกร่อนพื้นฐานความแข็งแกร่งของเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียอย่างหนัก โดยเห็นได้จากภาวะฟองสบู่สินทรัพย์และหนี้ทั้งภาคครัวเรือน เอกชน และหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นอย่างหนัก จนทำให้หลายประเทศต่างตกอยู่ในอาการปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างหนักในขณะนี้

ยืนยันได้จากข้อมูลของแม็คคินซีย์ แอนด์ โคเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์วอลสตรีต เจอร์นัลว่าหนี้ในทุกภาคส่วนของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต่อจีดีพีในเอเชีย ณ ปัจจุบัน ได้พุ่งทะยานขึ้นไปจนสูงกว่าระดับหนี้ในปี 1997 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งแล้ว โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีหลังที่ผ่านมาที่มีการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่ระดับ 133% ต่อจีดีพีทั้งหมดในปี2008 ขึ้นไปอยู่ที่ 155% ในช่วงกลางปี 2012

นอกจากนั้น จากการที่เงินกู้ยืมนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ก็ยิ่งทำให้หลายชาติตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมีหนี้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว หากเกิดภาวะ "ถอนทุนกลับ"ซึ่งจะดันให้เงินเหรียญสหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และดันให้ปริมาณหนี้ของเอเชียในรูปของสกุลเงินต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น

ฮ่องกงซึ่งพบสัญญาณฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ขั้นสาหัสนั้น นับเป็นเขตเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่แตกมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย หลังจากนโยบายตรึงค่าเงินฮ่องกงกับเงินเหรียญสหรัฐส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของฮ่องกงขาดความยืดหยุ่น และกลายเป็นเป้านิ่งรับทุนร้อนจากต่างประเทศที่เข้ามาเก็งกำไร ค่าเงินอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ

ปัจจุบันราคาบ้านในฮ่องกงพุ่งสูงขึ้นถึง128%นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2008 ด้วยเหตุนี้หากเฟดยุติคิวอีขึ้นมา ก็จะส่งผลให้เกิดการถอนทุนกลับ นำไปสู่การปรับฐานของตลาดทุนครั้งใหญ่ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดการตึงตัวของสินเชื่อและอาจนำไปสู่ความวุ่นวายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ตามมา

ในอดีตนั้น ฮ่องกงเคยมีบทเรียนมาแล้วในช่วงวิกฤตการณ์ภาคการเงินเอเชีย ปี 1997 เมื่อฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่สั่งสมมานานแตกตัวในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง นำไปสู่ภาวะการบริโภคที่ตกต่ำลงทั่วเกาะฮ่องกง ซึ่งก็ได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของฮ่องกงเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างหนัก อีกทั้งยังเกิดภาวะเงินฝืดเข้าซ้ำเติมอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความหวั่นเกรงกันว่าการยุติการใช้มาตรการคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่แตกรอบ 2 ในฮ่องกงได้ ซึ่งในปัจจุบัน สิงคโปร์ก็กำลังมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องเผชิญปัญหาในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าที่ผ่านมาทางการสิงคโปร์จะผลักดันมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวบ้างแล้วก็ตาม

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ ก็ออกมาเตือนว่า การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วจะนำไปสู่ปัญหางบดุลของครัวเรือนเนื่องจากบรรดาภาคครัวเรือนต่างคิดและเชื่อมั่นไปก่อนแล้วว่า ราคาบ้านจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทว่าความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ไม่เพียงเฉพาะแต่ฮ่องกงและสิงคโปร์เท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบจากการยุติการใช้คิวอีของเฟด แต่ยังรวมไปถึงอินเดียและอินโดนีเซียเนื่องจากปัจจุบันทั้งสองประเทศนี้มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างหนัก หรืออยู่ในสภาวะที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดังนั้น การที่นักลงทุนต่างชาติแห่ถอนเงินออกไปจากการถอนมาตรการคิวอีของเฟด ก็ยิ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศต้องหันมาพึ่งการขายสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อหาเงินทุนมาใช้พึ่งพาตนเองหนักขึ้นไปอีก

"การถอนทุนออกของนักลงทุนต่างชาติทั้งในรูปแบบของตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ถือเป็นความเสี่ยงต่อค่าเงินของเอเชียอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่มีการดำเนินนโยบายดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล หรือมีการเกินดุลเพียงเล็กน้อย อย่างอินเดียและอินโดนีเซีย" รายงานของบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ ระบุ

กรณีของ อินโดนีเซีย นั้น ดูท่าว่าจะหนักหนาสาหัสมาก เพราะการหลั่งไหลของทุนที่ออกจากแดนอิเหนาจะยิ่งกลายเป็นแรงกดดันต่อภาวะดุลบัญชีเดินสะพัดมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังค่าเงินรูเปียห์ของประเทศที่อ่อนค่าลงอยู่แล้วให้ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ แรงกดดันจากภาวะเงินทุนที่ไหลออกอย่างหนักหากว่าเฟดยุติการใช้คิวอี จะกลายเป็นตัวบีบคั้นให้ธนาคารกลางของอินโดนีเซียอาจต้องตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเม็ดเงินต่างชาติเอาไว้ทว่าในทางกลับกันก็จะไปขัดขวางการบริโภคและการลงทุนในประเทศแทน

ขณะที่ อินเดียนั้น ก็คาดว่าจะต้องเผชิญกับค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก ขณะเดียวกันตลาดทุนในอินเดียก็เสี่ยงที่จะต้องได้รับความผันผวนไปด้วย ขณะเดียวกันเงินทุนที่ไหลเข้ามาน้อยอย่างกะทันหันก็ยิ่งกลายเป็นปัจจัยที่ทำลายการลงทุนในประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ ในปีที่แล้วเงินทุนต่างชาติที่ไหลทะลักเข้าสู่อินเดียทั้งหมดอยู่ที่ 8.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากการใชนโยบายอัดฉีดของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐ

เหล่าบรรดาผู้กำหนดนโยบายในเอเชียจึงควรต้องจับตาและเตรียมมาตรการรับมือกับภาวะการถอนสมอคิวอีของเฟดเอาไว้ให้ดีเพราะเอเชียมีสิทธิเจ็บตัวหนักกว่าใครในยามที่อีกซีกโลกเขากำลังฟื้นตัว

Source: Posttoday
By พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์
....................................................................................................................


เดิมเขือนแม่วงก์ไม่ควรถูกสร้างในป่าอุทยานแห่งชาติ แต่ควรสร้างในพื้นที่ถัดออกมาที่อีกแนวเขาหนึ่ง ดังรูป จะได้เขื่อนเบ้อเริ่มเลย แต่เจรจาผลประโยชน์ที่ดินนักการเมืองท้องถิ่นไม่ลงตัว เลยสร้างไม่ได้จนเวลาผ่านมามีคนเข้าไปจับจองที่ดินป่าสงวนที่ถูกสัมปทาน จนกลายเป็นชุมชน ย้ายออกไม่ได้แล้ว เลยต้องสร้างเขื่อนในป่า ได้น้ำไม่มากพอ และลดประสิทธิภาพของการลดน้ำท่วมจากกราฟสีแดงลงเป็นสีน้ำเงิน แล้วงี้รัฐบาลยังจะเอามาไว้ในแผนน้ำท่วมอีก
.........................................................................................................................



ผมชอบเพจ "เกลียดยิ่งลักษณ์สำหรับประชากรที่มีสมาธิ" นะ ... เป็นเพจให้ความบันเทิงชั้นดีเลยสำหรับผม ...

เช้านี facebook หลายอันก็หยิบที่นายกยิ่งลักษณ์ อ่าน 3.10 ว่า "สิบจุดสิบ" กะ 3.11 ว่า "สามจุดสิบเอ็ด" ไปด่ากันอย่างเมามัน สนุกสนาน

ยิ่งไปนั่งอ่าน comment ในเพจ "เกลียดยิ่งลักษณ์ฯ" นี่แล้ว แม่งผมขำก๊าก บันเทิงสัส ๆ เวลาเห็น มีคนมานั่งด่าแบบ
"โง่ชิบหาย ไม่ได้เรียนประถมหรือไง"
"อีโง่ ง่าย ๆ ขนาดนี้ไม่รู้"
"แค่นี้ก็อ่านผิดปัญญาอ่อนรึเปล่า"
.... และอีกมากมาย
บอกได้คำได้ว่า "ตลกร้ายสัส ๆ "

ทำไมเหรอครับ ...
คือแม่ง นายกฯอ่านถูกแล้วว่ะครับ การใช้จุดมีวิธีอ่านดังนี้
1. ถ้าเป็นตัวเลขเฉย ๆ เช่น 3.23 นี่ก็อ่าน "สามจุดสองห้า" หรือ 9.45 นาฬิกา ก็ต้องอ่านว่า "เก้าจุดสี่ห้า"
2. ถ้าเป็นหัวข้อย่อย เช่น 10.10 ต้องอ่านว่า "สิบจุดสิบ"
ซึ่งถ้าไปฟังในคลิปนี้จะเห็นว่า นายกฯแม่งพูดหัวข้ออยู่ว่ะครับ

คนซาดิสต์อย่างผมเลย มีความสุขมาก กะการเห็นคนมาด่าคนอื่นว่าอีโง่ ประถมไม่ได้เรียนหรือไง ฯลฯ คือ ป่านนี้รู้ยังว่ะ ว่าไอ้ที่ด่าไปนี่แม่ง เข้าตัวหมด

อันนี้คลิป https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=MVr9Gbi0W-4

Phon Petklai ก็เป็นเพจนึงที่ตาบอดมัว ไม่รู้อะไรถูกอะไรผิด เข้าข้างฝั่งนึงซะจนเกินพอดี เป้าหมายชัดเจน และตอแหลในบางทีซะจนน่ารังเกียจ แต่บางอันก็จริงนะ ^^"
.............................................................................................................

'เชลล์'ขึ้นน้ำมันเบนซิน-ดีเซลถ้วนหน้า 'ปตท.'ยังตรึง
http://www.thairath.co.th/content/eco/348100
...........................................................................................................

ใครเคยได้อ่านพ่อรวยสอนลูกจะพบว่า
พ่อจนสอนให้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้
พ่อรวยสอนให้หาได้มากกว่าที่จ่าย

เหมือนเล่นคำแต่ความจริงแล้ว Concept แตกต่างกันอย่างมากมาย ^_^



คนไม่รวยเพราะ "เล่นเกมรับ"
คือ ประหยัดรายจ่าย!

แต่คนจะรวยต้อง "เล่นเกมรุก"
คือ หารายได้ให้มาก!!

คนที่จน เพราะ รายจ่ายเยอะ รายได้น้อย
จึงแพ้หมดทุกเกม!!

คนที่รวย เพราะ รายจ่ายน้อย รายได้เยอะ
จึงชนะทุกเกม!!

- โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ -
FB : Coach Siriluck Tansiri


** อยากขนะเกมการเงิน อ่านที่นี่ **


http://www.facebook.com/photo.php?fbid=457220747689532&set=a.132314420180168.31291.126493324095611&type=1&theater
...........................................................................................................................



[ความเด็ดเดี่ยว]

ความเด็ดเดี่ยวหมายความว่า ถ้าตั้งใจจะทำอะไร เมื่อคิดว่าดีแล้วชอบธรรมแล้ว ก็ต้องทำให้ได้ แม้จะต้องเสี่ยงต่อความยากลำบาก เสี่ยงต่ออันตราย เสี่ยงต่อเสียงติฉินนินทาเย้อหยัน ก็ต้องมานะอดทนทำไป โดยหวังประโยชน์ถาวรแก่ส่วนรวม ความเด็ดเดี่ยวเป็นคาถาที่แม่ให้ไว้ ทั้งทางวจีกรรมและกายกรรม ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นด้วย ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญไม่ใช่ความบ้าบิ่น การเสี่ยงภัยโดยไร้ประโยชน์คือความบ้าบิ่น ความขลาดและความบ้าบิ่นเป็นลักษณะที่ควรหลีกเลี่ยง

ป๋วย อึ๊งภากรณ์
(ผู้หญิงในชีวิตของผม-แม่, ๒๕๑๕)


ภาพโดย ประยูร จรรยาวงศ์
...............................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น