» รู้ทัน...นักการตลาด
Case#1
เมื่อลูกค้ารายหนึ่งขับรถเข ้าไปในปั๊มน้ำมัน เขาถามเด็กปั๊มว่า “ของแถมที่ขึ้นป้ายอยู่หน้า ปั๊มยังมีแถมอยู่หรือเปล่า” ก่อนตัดสินใจเติมน้ำมัน เพราะเขาเคยได้ยินคำตอบซ้ำ ๆ จากเด็กปั๊มหลังเติมน้ำมันไ ปแล้ว และถามหาของแถมว่า “ของแถมหมด” ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงจัดราย การส่งเสริมการขาย และทางปั๊มยังขึ้นป้ายโฆษณา ขนาดใหญ่ที่ระบุของแถมอยู่ห น้าปั๊ม
Case#2
เมื่อลูกค้าอ่านโฆษณาเชิญชว นให้สมัครสมาชิกอินเตอร์เน็ ตความเร็วสูงทางหน้าหนังสือ พิมพ์ที่ระบุว่าราคาพิเศษพร ้อมอุปกรณ์ฟรี เขาพยายามสอดส่ายสายตาหาตัว อักษรตัวเล็กๆ หลังเครื่องหมายดอกจัน เพื่อมองหาเงื่อนไขที่นักกา รตลาดระบุไว้ตัวเล็ก ๆ ในโฆษณา
Case#3
เมื่อลูกค้าอ่านบทความในนิต ยสาร เขาเริ่มถามตัวเองว่า บทความที่เชียร์อาหารเสริมย ี่ห้อหนึ่งอย่างออกหน้าออกต าชิ้นนี้ เป็นคอลัมน์ในหนังสือที่น่า เชื่อถือ หรือเป็นโฆษณาของบริษัทผู้จ ำหน่ายอาหารเสริมที่นำเสนอใ นรูปบทความและมองหาที่ด้านล ่างของหน้าเพื่อดูว่ามีข้อค วามระบุว่า “เนื้อที่โฆษณา” อยู่หรือไม่
::::::::::::::::::
Q : เกิดอะไรขึ้นกับ "ลูกค้า" ในวันนี้ ?
ทำไมลูกค้าดูหวาดระแวงในการ ซื้อสินค้าหรือเข้าร่วมในกิ จกรรมส่งเสริมการขาย ที่บรรดานักการตลาดทุ่มกำลั งสมอง ทำวิจัย และวางแผนเพื่อสร้างความพึง พอใจกับลูกค้าให้ได้ดีกว่าข องคู่แข่งขัน
วันนี้ลูกค้าดูจะไว้วางใจนั กการตลาดน้อยลงทุกที มีงานวิจัยในประเทศสหรัฐอเม ริกาเมื่อหลายปีที่แล้ว ซึ่งผู้วิจัยสอบถามผู้บริโภ คว่า ไว้วางใจนักการตลาดมากแค่ไห น
ได้คำตอบที่ไม่น่าตกใจ...เพ ราะลูกค้าเกือบ 80% คิดว่านักการตลาดไม่น่าไว้ว างใจ ถ้ามีโอกาสที่จะเอาเปรียบลู กค้าได้ โดยลูกค้าจับไม่ได้ก็เชื่อไ ด้ว่านักการตลาดจะทำ
ทัศนคตินี้น่ากลัว แต่ถ้าย้อนกลับไปมองสิ่งที่ นักการตลาด(บางส่วน) ทำกับลูกค้าในช่วงหลายปีที่ ผ่านมา...ก็ไม่น่าแปลกใจที่ ทำไมความน่าเชื่อถือที่ลูกค ้ามีต่อนักการตลาดโดยรวมนั้ น ต่ำลงทุก ๆ วัน
::::::::::::::::::
จากการรวบรวมสิ่งที่นักการต ลาดทำ...แล้วนำไปสู่ความไม่ ไว้วางใจของลูกค้า สรุปได้ 5 ข้อ ดังนี้...
A. การพยายามทำข้อเสนอธรรมดา ๆ ให้เป็นข้อเสนอพิเศษ
ในการโฆษณาหรือจัดรายการส่ง เสริมการขาย นักการตลาดในยุคนี้ชอบตีปี๊ บให้ดัง ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่า เป็นข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ในรอ บ 10 ปี ไม่เคยมีใครให้มาก่อน เป็นข้อเสนอที่ลูกค้าจะไม่ไ ด้พบที่ไหนอีก พลาดไม่ได้
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค ้าตัดสินใจเร็วขึ้น จากนั้นไม่นานลูกค้าจะพบกับ ข้อเสนอที่ว่า แทบไม่ได้ต่างจากข้อเสนอของ รายอื่นที่ให้กันอยู่ในตลาด
ที่แย่กว่านั้นก็คือ ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ทางบริษัทก็เสนอส่วนลดหรือข ้อเสนอที่ดีกว่าขึ้นมาอีก
วันนี้นักการตลาดเอาทองมาแจ กลูกค้ามูลค่าแค่ 5 ล้านบาท แต่ทุ่มโฆษณารายการส่งเสริม การขายด้วยงบเกือบ 50 ล้าน ค่าสื่อเป็น 10 เท่าของมูลค่าของที่แจกให้ล ูกค้า บางทีของแถมมีต้นทุนแค่ 5 บาท ทำรีทัชให้ของที่เห็นในโฆษณ าดูดี ดูมีค่าหลายร้อย
ข้อเสนอที่เป็นราคาคุยแบบนี ้ สร้างความคาดหวังให้กับลูกค ้าสูงกว่าสิ่งที่นักการตลาด ให้กับลูกค้าได้จริง ซึ่งตามทฤษฎีการสร้างความพึ งพอใจของลูกค้าแล้วถือว่าเป ็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงเ พราะทำให้ลูกค้าผิดหวัง (สู้ไม่หวังแล้วได้ จะทำให้ลูกค้าพอใจมากกว่า)
::::::::::::::::::
B. Good Promotion but bad Operation
คือ รายการส่งเสริมการตลาดที่ดี เกิดมาด้วยความตั้งใจดีของน ักการตลาดแต่ลืมคิดถึงตอนดำ เนินการหรือดำเนินการได้ไม่ ดี (บางครั้งอาจเกิดจากการตอบร ับของลูกค้าสูงกว่าที่คาดไว ้มาก) ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและคิดว่ ากำลังโดนหลอก
Ex1 : ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่จ ัดรายการโปรโมชั่นแสนเร้าใจ ให้โทรฟรี โทรถูกแสนถูก แต่โทรไม่ค่อยติดเพราะรายกา รส่งเสริมการขายไปกระตุ้นให ้เกิดการใช้งานที่สูงเกินกว ่าที่ระบบจะรองรับได้ดี
Ex2 : “ของแถมหมด” เป็นอีกคำพูดหนึ่งที่ทำให้ล ูกค้ารู้สึกว่า นักการตลาดไม่มีความรับผิดช อบ ไม่รักษาคำพูด และหลายคนรู้สึกว่ากำลังโดน หลอกอยู่
ทำไมห้างใหญ่ ๆ ที่ มีระบบการจัดการที่ดี สินค้าแทบไม่เคยขาดจากชั้นว างสินค้า แต่ก็ไม่เคยจัดหาของแถมได้พ อดีกับสินค้า ทำให้เมื่อจ่ายเงินไปแล้วลู กค้าไม่ได้รับของแถมที่ตนคา ดหวังไว้ว่าจะต้องได้รับ
ร้านค้าปลีกหลายแห่งในสหรัฐ อเมริกามีนโยบายให้คูปองสำห รับลูกค้ากลับมารับของแถมภา ยหลัง หากของแถมหมด โดยลูกค้าสามารถมารับได้ถึง แม้จะสิ้นสุดรายการส่งเสริม การขายนั้นแล้วก็ตาม แต่ในเมืองไทย...ยังไม่เคยเ ห็นใครใช้นโยบายนี้อย่างจริ งจัง
จริง ๆ ปัญหานี้ก็น่าเห็นใจนักการต ลาด...เพราะกลยุทธ์และกิจกร รมทางการตลาด นักการตลาดเป็นคนคิด แต่ตอนแจกแถมสินค้าให้ลูกค้ าจริง ๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับฝ่ายอื่ น ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมขอ งนักการตลาด
บางที...โรงงานที่ผลิตของแถ มผลิตของให้ไม่ทัน ทำให้ของขาด บางทีคนกลางในช่องทางจำหน่า ยอมของแจกแถม เก็บไว้เองเพื่อนำไปแยกจำหน ่าย ทำให้ของแถมที่ให้ไปไม่พอดี กับสินค้า แต่นั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่น ักการตลาดจะปฎิเสธความรับผิ ดชอบ
::::::::::::::::::
C. เงื่อนไขที่ซ่อนไว้ในข้อเสน อ ในโฆษณา และสัญญาขาย
สินค้าในปัจจุบัน ดูจะมีหมายเหตุด้านล่างหรือ ดอกจัน ประกอบเยอะมาก ด้วยตัวอักษรที่เล็กจนแทบอ่ านไม่ออก ขณะที่ข้อเสนอที่ใช้เป็นเคร ื่องจูงใจลูกค้าใช้ตัวอักษร ขนาดมหึมา สีสดใส ชัดเจน
อย่างโฆษณาบ้านจัดสรร ที่ลงรูปบ้านใหญ่โตสวยงาม พร้อมราคาตัวใหญ่ๆ ว่า 2.5 ล้านบาท แต่มีดอกจันตัวเล็ก ๆ ว่า เป็นราคาเริ่มต้น เมื่อลูกค้าไปถึงที่โครงการ พร้อมถือหนังสือพิมพ์ที่โฆษ ณาลงไป จะพบว่าบ้านราคา 2.5 ล้านในโครงการ มีขนาดเล็กกว่าที่เห็นในโฆษ ณา ถ้าจะเอาแบบที่เห็นในโฆษณา ราคาก็โดดขึ้นไปเป็น 4 ล้านกว่า
ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ บัตร Prep aid แต่ละรายก็จะมีเงื่อนไขการใ ช้ที่จุกจิกมาก จนลูกค้าสับสน เหล่านี้นำไปสู่ความรู้สึกท ี่ไม่ดีและไม่ไว้วางใจนักกา รตลาด
::::::::::::::::::
D. โฆษณาที่พยายามทำให้ลูกค้าไ ม่รู้สึกว่าเป็นโฆษณา
โดยหลักการแล้วนักการตลาดรู ้ดีว่า ข้อความข่าว หรือบทความในหนังสือหรือในร ายการโทรทัศน์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อถือไ ด้ดีกว่าโฆษณา
ปัจจุบันจึงมีการทำโฆษณาในร ูปบทความหรือสารคดีสั้น หรือกระทั่งการนำสินค้าเข้า ไปนำเสนอในรูปเชิญผู้บริหาร ของบริษัทเป็นแขกรับเชิญไปส นทนากับพิธีการรายการในลักษ ณะการสนทนาเพื่อเชียร์สินค้ ากันมาก
ทางรายการหรือเจ้าของสื่อก็ ได้รับเงินค่าโฆษณา ทางเจ้าของสินค้าก็ได้นำเสน อสินค้าอย่างน่าเชื่อถือ แต่สำหรับลูกค้าล่ะ เขาได้อะไร ?
ในอดีต สื่อจะแยกส่วนของเนื้อหาออก จากโฆษณาอย่างชัดเจน แต่ปัจจุบันนักการตลาดก็พยา ยามนำผลิตภัณฑ์หรือบริการขอ งตนเข้าไปแทบเป็นส่วนหนึ่งข องเนื้อหา
ในรูป Cover Story บทสัมภาษณ์พิเศษ โฆษณาในรูปบทบรรณาธิการหรือ บทความ โดยหนังสือบางฉบับยังแยกให้ ลูกค้าเห็นความแตกต่างโดยกา รระบุที่มุมหน้านั้น ๆ ว่า “เนื้อที่โฆษณา”
ซึ่งนักการตลาดก็ดูจะไม่ค่อ ยชอบใจเท่าไรนัก เพราะที่พยายามหารูปแบบตัวอ ักษร วิธีการเขียนให้คล้ายคอลัมน ์ในหนังสือนั้น ๆ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกค้ารู้ ว่าเป็นโฆษณา
จนเดี๋ยวนี้นิตยสารและหนังส ือพิมพ์หลายฉบับตีพิมพ์บทคว ามโฆษณาโดยไม่ระบุแล้วว่าเป ็น “เนื้อที่โฆษณา”
เจ้าของหนังสือบางรายยังช่ว ยให้นักการตลาดหาวิธีนำเสนอ สินค้าแฝงในคอลัมน์ประจำของ หนังสือด้วย
ตัวลูกค้าเองในฐานะผู้เสียเ งินซื้อหนังสือพิมพ์หรือนิต ยสารจะรู้สึกอย่างไร เมื่อรู้ว่าบทความหรือเนื้อ หาข่าวที่เขาอ่านอยู่ไม่ได้ ถูกเขียนโดยอิสระ แต่ถูกเขียนตามสคริปต์เพื่อ ขายสินค้า
::::::::::::::::::
E. งานวิจัยที่ไม่หวังแค่ผลวิจ ัย แต่ต้องการนำชื่อ-ที่อยู่ ของลูกค้าไปทำ Direct Marketing ต่อด้วย
ทุกวันนี้มีนักการตลาดที่ใช ้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือใน การหารายชื่อลูกค้าและคัดเล ือกลูกค้าเพื่อนำไปใช้ในการ ทำการตลาดทางตรง
เช่น การโทรมาเสนอขายสินค้าหรือน ำชื่อ-ที่อยู่ ผู้ตอบแบบสอบถามไปขายให้กับ บริษัทอื่นเพื่อทำ Direct Mail หรือ Tele Marketing โดยไม่ขออนุญาตจากลูกค้า
ทำให้ลูกค้าทุกวันนี้ไม่ค่อ ยไว้ในในการให้ข้อมูลในการต อบแบบสอบถามเท่าที่ควร
::::::::::::::::::
ที่ยกมา 5 ข้อ ...เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น
ที่เราพบกันในโลกการตลาดวัน นี้...ยังมีอีกหลายประเด็นท ี่นำไปสู่การที่ลูกค้าลดควา มไว้วางใจนักการตลาดลง ทั้งกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และกับแบรนด์เล็ก ๆ ที่เพิ่งแจ้งเกิด
นักการตลาดจะเรียกร้องให้ลู กค้าเชื่อใจ ไว้ใจได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่ท่านทำกับลูก ค้าวันนี้ บ่อยครั้งเป็นคำสัญญาที่ทำไ ด้บ้างไม่ได้บ้าง
ท่านเลือกพูดความจริงเพียงค รึ่งเดียวให้ลูกค้าฟัง
ท่านซ่อนเงื่อนไขบางอย่างไว ้ หลังเครื่องหมายดอกจัน โดยคิดว่าลูกค้าส่วนใหญ่คงจ ะไม่อ่าน
แน่นอนว่า คงมีนักการตลาดหลายท่านแย้ง ว่า...บริษัทของท่านไม่ได้ท ำเช่นนี้
ใช่ เชื่อว่าในบ้านเรามีนักการต ลาดที่มีมาตรฐานสูงด้านความ รับผิดชอบต่อลูกค้า
แต่ก็เห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้...ด้วยสภา พการแข่งขันที่รุนแรงและเน้ นกันที่เป้าการขายและกำไร มากกว่าความรู้สึกของลูกค้า ที่มีต่อตรายี่ห้อ
โดยไปมองว่า...การสร้างแบรน ด์เป็นเรื่องของการสื่อสารก ารตลาดที่ไว้ใจให้บริษัทโฆษ ณามืออาชีพมาดูแล โดยลืมนึกถึงความรู้สึกจริง ๆ ของลูกค้าเมื่อต้องการติดต่ อกับบริษัทที่ผ่านบุคลากรอย ่างพนักงานขาย, Call Center หรือฝ่ายรับประกัน...เมื่อส ินค้ามีปัญหา
ลองคิดดูนะครับว่า ท่านจะอยู่ได้อย่างไร...ถ้า ลูกค้าไม่ไว้ใจ !?
::::::::::::::::::
Credit : รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล | Marketeer บทความ "เมื่อลูกค้าไม่ไว้ใจนักการ ตลาด
Case#1
เมื่อลูกค้ารายหนึ่งขับรถเข
Case#2
เมื่อลูกค้าอ่านโฆษณาเชิญชว
Case#3
เมื่อลูกค้าอ่านบทความในนิต
::::::::::::::::::
Q : เกิดอะไรขึ้นกับ "ลูกค้า" ในวันนี้ ?
ทำไมลูกค้าดูหวาดระแวงในการ
วันนี้ลูกค้าดูจะไว้วางใจนั
ได้คำตอบที่ไม่น่าตกใจ...เพ
ทัศนคตินี้น่ากลัว แต่ถ้าย้อนกลับไปมองสิ่งที่
::::::::::::::::::
จากการรวบรวมสิ่งที่นักการต
A. การพยายามทำข้อเสนอธรรมดา ๆ ให้เป็นข้อเสนอพิเศษ
ในการโฆษณาหรือจัดรายการส่ง
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค
ที่แย่กว่านั้นก็คือ ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ทางบริษัทก็เสนอส่วนลดหรือข
วันนี้นักการตลาดเอาทองมาแจ
ข้อเสนอที่เป็นราคาคุยแบบนี
::::::::::::::::::
B. Good Promotion but bad Operation
คือ รายการส่งเสริมการตลาดที่ดี
Ex1 : ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่จ
Ex2 : “ของแถมหมด” เป็นอีกคำพูดหนึ่งที่ทำให้ล
ทำไมห้างใหญ่ ๆ ที่ มีระบบการจัดการที่ดี สินค้าแทบไม่เคยขาดจากชั้นว
ร้านค้าปลีกหลายแห่งในสหรัฐ
จริง ๆ ปัญหานี้ก็น่าเห็นใจนักการต
บางที...โรงงานที่ผลิตของแถ
::::::::::::::::::
C. เงื่อนไขที่ซ่อนไว้ในข้อเสน
สินค้าในปัจจุบัน ดูจะมีหมายเหตุด้านล่างหรือ
อย่างโฆษณาบ้านจัดสรร ที่ลงรูปบ้านใหญ่โตสวยงาม พร้อมราคาตัวใหญ่ๆ ว่า 2.5 ล้านบาท แต่มีดอกจันตัวเล็ก ๆ ว่า เป็นราคาเริ่มต้น เมื่อลูกค้าไปถึงที่โครงการ
ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ บัตร Prep aid แต่ละรายก็จะมีเงื่อนไขการใ
::::::::::::::::::
D. โฆษณาที่พยายามทำให้ลูกค้าไ
โดยหลักการแล้วนักการตลาดรู
ปัจจุบันจึงมีการทำโฆษณาในร
ทางรายการหรือเจ้าของสื่อก็
ในอดีต สื่อจะแยกส่วนของเนื้อหาออก
ในรูป Cover Story บทสัมภาษณ์พิเศษ โฆษณาในรูปบทบรรณาธิการหรือ
ซึ่งนักการตลาดก็ดูจะไม่ค่อ
จนเดี๋ยวนี้นิตยสารและหนังส
เจ้าของหนังสือบางรายยังช่ว
ตัวลูกค้าเองในฐานะผู้เสียเ
::::::::::::::::::
E. งานวิจัยที่ไม่หวังแค่ผลวิจ
ทุกวันนี้มีนักการตลาดที่ใช
เช่น การโทรมาเสนอขายสินค้าหรือน
ทำให้ลูกค้าทุกวันนี้ไม่ค่อ
::::::::::::::::::
ที่ยกมา 5 ข้อ ...เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น
ที่เราพบกันในโลกการตลาดวัน
นักการตลาดจะเรียกร้องให้ลู
ท่านเลือกพูดความจริงเพียงค
ท่านซ่อนเงื่อนไขบางอย่างไว
แน่นอนว่า คงมีนักการตลาดหลายท่านแย้ง
ใช่ เชื่อว่าในบ้านเรามีนักการต
แต่ก็เห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้...ด้วยสภา
โดยไปมองว่า...การสร้างแบรน
ลองคิดดูนะครับว่า ท่านจะอยู่ได้อย่างไร...ถ้า
::::::::::::::::::
Credit : รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล | Marketeer บทความ "เมื่อลูกค้าไม่ไว้ใจนักการ
..................................................................................................................
.........................................................................................................................
ดูเหมือนว่าพี่บิณฑ์จะยังไม
|
Ice Nachai อืม ผมเข้าใจทั้งพี่บิณฑ์และพี่พงศ์นะ แต่ข้อที่สี่ "ถ่ายรูปแล้วก็ฟินว่านี่แหละคือวิธีที่ดีกว่า 30 บาท ผมว่าแม่งปัญญาอ่อนเหี้ยๆ อ่ะครับ คุณไม่เอา 30 บาทก็ได้"
ผมว่าพี่บิณฑ์เค้าไม่ได้ล่มระบบ เพื่อมาช่วยเป็นคนๆนะครับ
เค้าแค่มีโอกาสช่วยคน จากที่ผมอ่านเค้าไม่โจมตีระบบ
เค้าโจมตีเป็นกลุ่มคนที่ละเลยการดูแลผู้ป่วยมากกว่า
เค้าอาจจะประสบเหตุอะไรมาเราก็ไม่รู้ได้ ที่มันอาจจะแย่ๆก็ได้
ผมว่าพี่บิณฑ์เค้าไม่ได้ล่มระบบ เพื่อมาช่วยเป็นคนๆนะครับ
เค้าแค่มีโอกาสช่วยคน จากที่ผมอ่านเค้าไม่โจมตีระบบ
เค้าโจมตีเป็นกลุ่มคนที่ละเลยการดูแลผู้ป่วยมากกว่า
เค้าอาจจะประสบเหตุอะไรมาเราก็ไม่รู้ได้ ที่มันอาจจะแย่ๆก็ได้
.................................................................................................................
ถ้าเป็นคุณจะเลือกใครเข้าทำ งาน
ในการสัมภาษณ์งานเพื่อหาผู้ จัดการแผนกคนใหม่ของบริษัทแ ห่งหนึ่ง
CEO ของบริษัทมาสัมภาษณ์ด้วยตนเ อง โดยมีปัญหาเชาว์ง่าย ๆ ว่า
...
"สอง กับ สอง เป็นเท่าไร?"
คนแรก เป็นนักหนังสือพิมพ์ คิดสักครู่ แล้วจึงตอบอย่างตรงไปตรงมาอ ย่างมืออาชีพ
"ยี่สิบสองครับ"
คนที่ 2 เป็นวิศวกร ควักเครื่องคิดเลขกดผิดกดถู กสักครู่แล้วตอบว่า
"คำตอบอยู่ระหว่าง 3.9 กับ 4.1 โดยมีระดับความเชื่อมัน 95% ตามหลักวิชาสถิติครับ"
คนถัดไปเป็นนักกฎหมาย พูดช้า ๆ ว่า
"จากข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำ กัด และความกำกวมของภาษา ผมขอตั้งสมมติฐานว่า คำว่า กับ หมายถึง บวก
ดังนั้น สองกับสอง ก็คือ สองบวกสองซึ่งเท่ากับสี่ครั บ"
คนสุดท้ายเป็นนักบัญชี พอถูกถามคำถามเดียวกันก็สบต า CEO แล้วก็ลุกไปปิดประตู แล้วกลับมานั่งที่เดิม
โน้มตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย แล้วถามกลับเบา ๆ แต่หนักแน่นว่า
"ท่านประธานต้องการให้เป็นเ ท่าไรล่ะครับ?"
คงทราบนะครับว่าใครจะได้งาน นี้ไป
@Chatree C.Sinsup
ในการสัมภาษณ์งานเพื่อหาผู้
CEO ของบริษัทมาสัมภาษณ์ด้วยตนเ
...
"สอง กับ สอง เป็นเท่าไร?"
คนแรก เป็นนักหนังสือพิมพ์ คิดสักครู่ แล้วจึงตอบอย่างตรงไปตรงมาอ
"ยี่สิบสองครับ"
คนที่ 2 เป็นวิศวกร ควักเครื่องคิดเลขกดผิดกดถู
"คำตอบอยู่ระหว่าง 3.9 กับ 4.1 โดยมีระดับความเชื่อมัน 95% ตามหลักวิชาสถิติครับ"
คนถัดไปเป็นนักกฎหมาย พูดช้า ๆ ว่า
"จากข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำ
ดังนั้น สองกับสอง ก็คือ สองบวกสองซึ่งเท่ากับสี่ครั
คนสุดท้ายเป็นนักบัญชี พอถูกถามคำถามเดียวกันก็สบต
โน้มตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย แล้วถามกลับเบา ๆ แต่หนักแน่นว่า
"ท่านประธานต้องการให้เป็นเ
คงทราบนะครับว่าใครจะได้งาน
@Chatree C.Sinsup
Friedrich Wilhelm Nietzsche, German writer (1844-1900)
"การเป็นคนลึกซึ้งและแสร้งเ
ภาพ: unnaturaldesirez.blogspot.
ขอบคุณ Don Buapradit สำหรับการแนะนำข้อความนี้ด้
.........................................................................................................................
การสร้างพระกันมากมาย ทำให้คนยิ่งโง่งมงาย
เวลานี้เกิดพระเล็กๆขึ้นมาก มาย หล่อกันขายกันเพื่อสร้างนั่ นสร้างนี่ ใครจะสร้างอะไร เอ้า! หล่อพระขาย เพราะว่าคนชอบอย่างนั้นมีอย ู่มาก ที่มีมากเพราะอะไร? เพราะเราไม่อธิบายให้คนเข้า ใจ ไม่สอนให้เขารู้อะไรเป็นอะไ ร ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ ทิ้งไว้ให้โง่ต่อไป จะได้ไถ่สตางค์กันต่อไป ก็เลยทำพระขายกันบ่อยๆ
วัดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ นี่...หลายวัดกลายเป็นสำนัก ผลิต "วัตถุ" ขายกัน พระนั้นพระนี่ ขายกันเรื่อยๆ อาตมาไม่ค่อยชอบเรื่องนี้ แอนตี้เรื่อย บางทีท่านผู้ใหญ่บอกว่า "ระวัง เดี๋ยวฝ่ายตรงข้ามรู้จะเอาไ ปเทศน์อีก" ความจริงอาตมาก็นั่งอยู่ตรง นั้นท่านจะว่าอาตมา แต่ไม่กล้าพูด "ระวังท่านปัญญาจะเอาไปเทศน ์อีก" ไม่กล้าว่า แต่กลับว่าฝ่ายตรงข้าม ตรงกันข้ามแต่มันข้ามไปในด้ านดี ด้านบริสุทธิ์ ด้านปัญญา ท่านผู้ผลิตไม่ใช่ด้านปัญญา ... ด้านที่ทำให้คนโง่งมงาย กลัวฝ่ายด้านปัญญาจะติเอา
ท่านว่า"ระวังนะ เดี๋ยวฝ่ายตรงข้ามจะเอาไปติ อีก"อาตมาก็นั่งยิ้มอยู่ในใ จว่า "พิโธ่เอ๋ย! รู้แล้วว่ามันโง่ แล้วจะทำไปทำไมกัน ...ทำให้คนโง่หลงทำไมกัน" เราก็เข้าใจผิดกันอย่างนั้น คือนึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็น ศิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัตถุมงคล เอานามพระพุทธเจ้ามาอ้างว่า "ได้เสก" ได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้
ถ้าพูดกันไม่เกรงใจใครก็เรี ยกว่า "มันไม่ได้เรื่องทั้งนั้น" ไม่ต้องเสกอะไร ไม่ต้องทำอะไร... ถ้าจะทำเป็นรูปพระก็ทำเป็นร ูปงามๆดีๆ แล้วก็แจกไป...แจกฟรี เอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจนะ นึกถึงพระบ่อยๆ ถ้ามีพระอยู่กับเนื้อกับตัว ก็อย่าไปฆ่าใคร อย่าไปมัวเมาในกามารมณ์ อย่ามัวไปเล่นการพนัน อย่าไปเที่ยวกลางคืน อย่าคบเพื่อนชั่วเพื่อนร้าย สอนให้เขาประพฤติธรรมดีกว่า ที่จะบอกว่า โอ้! นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อองค์นั้นก็เสก หลวงพ่อองค์นี้ก็มาเสก มันไม่ได้เรื่องอะไร คนก็ไม่ดีขึ้นเพราะไม่สอนคน ให้เข้าไปถึงเนื้อแท้ของพระ พุทธเจ้า แต่ไปติดอยู่กับสิ่งนั้น
เลิกเชื่อไร้เหตุผล พึ่งตนและพึ่งธรรมะ หลวงพ่อปัญญานันทภิขุ
หน้า ๒๓๑- ๒๓๒
เวลานี้เกิดพระเล็กๆขึ้นมาก
วัดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ นี่...หลายวัดกลายเป็นสำนัก
ท่านว่า"ระวังนะ เดี๋ยวฝ่ายตรงข้ามจะเอาไปติ
ถ้าพูดกันไม่เกรงใจใครก็เรี
เลิกเชื่อไร้เหตุผล พึ่งตนและพึ่งธรรมะ หลวงพ่อปัญญานันทภิขุ
หน้า ๒๓๑- ๒๓๒
...........................................................................................................................
บางเรื่องที่วิทยาศาสตร์อธิ
ต้นฉบับ
http://i.imgur.com/
............................................................................................................................
อย่าแค่งดบุหรี่ในวันงดสูบบ เราควรช่วยกันกำจัดเพื่ออนา |
ทำไมต้องส่งเรื่องสั้นก่อน?
(โพสนี้อยู่ในหมวด การดำเนินเรื่อง จ้ะ)
ความจริง ถ้ามีใครมาถามถึงวิธีเริ่มต ้นเขียนเรื่อง ผมมักจะแนะนำให้ไปเขียนการ์ ตูน 4 ช่องจบ หน้าเดียวจบ เสียด้วยซ้ำครับ (ฮา) ซึ่งคำอธิบายจะอยู่ในภาพทั้ งหมดครับ
กราฟนี้ได้มาจากคุณชาติผู้เ ขียน Joe Seacret Agent พี่เขาเรียกว่ากราฟความสนุก ครับ จะสังเกตได้ว่าความสนุกจะค่ อยๆ เพิ่มไปจนถึงจุดที่สนุกที่ส ุดหรือที่เรียกว่าไคลแมกซ์น ั่นเอง
ช่วงอินโทร
วิธีเล่าก็แล้วแต่สไตล์นักเ ขียน จุดสำคัญก็คือการเล่าถึงสภา พแวดล้อมของเรื่อง และกำหนดเป้าหมาย (ซึ่งมักเป็นไคลแม็กซ์ )ของเรื่องให้เร็วที่สุด เช่น เล่าว่าพระเอกเป็นกุ๊ยขาใหญ ่ประจำโรงเรียน แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนขี ้อาย เขาแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง และให้คำมั่นกับตัวเองว่าวั นนี้จะเข้าไปจีบเธอให้ได้
ช่วงดำเนินเรื่อง
เป็นการดำเนินเรื่องให้ไปให ้ถึงไคลแมกซ์ พร้อมๆ กับค่อยๆ บิ๊วท์อารมณ์ผู้อ่านให้คล้อ ยตามเนื้อเรื่องไปด้วย เดี๋ยวข้างล่างจะบอกอีกทีว่ าจะทำยังไงให้กราฟค่อยๆ ไต่ขึ้น
ช่วงไคลแมกซ์
ก็คือส่วนที่พีคที่สุดของเร ื่อง เป็นบทสรุปของเป้าหมายที่เร าบิ๊วท์มาตลอดทั้งเรื่อง เช่นถ้าเป็นการ์ตูนเกี่ยวกั บการแข่งขันก็จะได้ผู้ชนะ ถ้าเป็นการ์ตูนสืบสวนก็จะโช ว์ปิดคดี ถ้าเป็นการ์ตูนโป๊ก็... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ซึ่งเราอาจจะเลือกให้คนอ่าน ฟิน หรือจะหักหลังคนอ่านอย่างเล ือดเย็นก็ได้ (ฮา การ์ตูนแก๊กนี่ตัวหักหลังเล ยแหละ)
ช่องเอาท์โทร
เป็นช่วงเก็บตกปมที่เรายังไ ม่ได้คลี่คลาย แต่ถ้าหากไคลแมกซ์ทำได้เคลี ยร์แล้วก็อาจจะไม่มีส่วนนี้ หรืออาจจะใช้เปิดปมใหม่เพื่ อบิ๊วท์ให้ผู้อ่านอยากอ่านต ่อ เช่น มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา มีปัญหาที่ใหญ่กว่าเกิดขึ้น มา (สำหรับการ์ตูนซีรี่ย์)
จะทำอย่างไรให้กราฟไต่ขึ้น ?
อันนี้เราก็ต้องมีสกิลของนั กอ่านติดตัวมาบ้างล่ะ ซึ่งกราฟความสนุกนี้ ก็อาจจะหมายถึงความน่าติดตา มของเรื่องได้เหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้อ่านอยา กติดตามก็ไม่มีชัดเจน ขึ้นอยู่กับแนวเรื่องด้วย
หลักๆ ที่พอจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ก ็อย่างเช่น
1. ผู้อ่านต้องรู้ได้ตลอดเวลาว ่าเนื้อเรื่องไปถึงไหนแล้ว เป้าหมายปัจจุบันคืออะไร
2. ผู้อ่านต้องรู้สึกว่าเนื้อเ รื่องได้เข้าใกล้เป้าหมายมา กขึ้นเรื่อยๆ (เนื้อเรื่องคืบหน้าแบบเนื้ อๆ )
3. ผู้อ่านเอาใจช่วยตัวละครให้ ไปถึงเป้าหมาย (ทำให้ผู้อ่านตกหลุมรักตัวล ะคร )
4. อนึ่ง อาจใช้กฎ what (อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้) how (ตัวละครจะทำอย่างไรให้ไปถึ งเป้าหมายได้-เรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นได้อย่างไร) who (ใครคือคนร้าย) หรืออะไรทำนองนี้เป็นคีย์ให ้ผู้อ่านอยากติดตามต่อได้ แต่ก็อย่าลืม 3 ข้อแรกที่บอกไป
5. ถ้ายังคิดไม่ออก ให้ใช้วิธี "ปั่นให้เรื่องวุ่นวาย" ครับ หาอุปสรรคมาขัดขวางตัวละครข องเราเรื่อยๆ ดูพวกหนังปล้นธนาคาร-คาสิโน สิ เป็นแบบนี้ตลอด ไม่เคยเป็นไปตามแผนสักที ;_;b
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขียนจนจบแล้ว ไอ้คนเขียนเองก็อาจจะมัวแต่ หลงภูมิใจจนมองข้ามข้อผิดพล าดไปได้ ทางที่ดีเมื่อเขียนเสร็จแล้ ว ให้เก็บใส่ลิ้นชักสักวันสอง วัน (เห็นว่าบทภาพยนตร์เขาเก็บก ันครึ่งปี...) หลังจากเคลียร์สมองเสร็จแล้ วก็กลับมาอ่านอีกครั้ง ก็จะช่วยให้เราพบจุดบกพร่อง ที่เรามองข้ามไปได้ (ของแบบนี้ยิ่งใช้เวลานานก็ ยิ่งดีครับ)
หรือไม่อย่างนั้นก็ให้คนอื่ น เช่น เพื่อน หรือ บก. มาช่วยอ่านงานของเราอีกรอบไ ด้
อย่าลืมว่า แก้บท เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนเร ื่องนะจ๊ะ XD
กลับมาที่กราฟ ผมแสดงให้เห็นถึงจังหวะ อินโทร-ดำเนินเรื่อง-ไคลแมก ซ์-เอาท์โทร ที่คล้ายกันของการ์ตูน 4 ช่องจบ 1 หน้าจบ และ 1 ตอนจบ ทำให้ผมมักแนะนำให้หน้าใหม่ เขียนสั้นๆ ก่อน เพื่อฝึกกระบวนการนี้ให้คล่ อง ก่อนจะเล่นของสูง เดินเรื่องยาว (ซีรี่ย์) *w*
เพราะกราฟความสนุกของเรื่อง ยาวจะเป็นดังภาพล่างสุดครับ ซึ่งมันก็คือการ์ตูนเรื่องส ั้นจบในตอนที่เอามาต่อๆ กันนั่นเอง !!!
(โพสนี้อยู่ในหมวด การดำเนินเรื่อง จ้ะ)
ความจริง ถ้ามีใครมาถามถึงวิธีเริ่มต
กราฟนี้ได้มาจากคุณชาติผู้เ
ช่วงอินโทร
วิธีเล่าก็แล้วแต่สไตล์นักเ
ช่วงดำเนินเรื่อง
เป็นการดำเนินเรื่องให้ไปให
ช่วงไคลแมกซ์
ก็คือส่วนที่พีคที่สุดของเร
ช่องเอาท์โทร
เป็นช่วงเก็บตกปมที่เรายังไ
จะทำอย่างไรให้กราฟไต่ขึ้น ?
อันนี้เราก็ต้องมีสกิลของนั
หลักๆ ที่พอจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ก
1. ผู้อ่านต้องรู้ได้ตลอดเวลาว
2. ผู้อ่านต้องรู้สึกว่าเนื้อเ
3. ผู้อ่านเอาใจช่วยตัวละครให้
4. อนึ่ง อาจใช้กฎ what (อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้) how (ตัวละครจะทำอย่างไรให้ไปถึ
5. ถ้ายังคิดไม่ออก ให้ใช้วิธี "ปั่นให้เรื่องวุ่นวาย" ครับ หาอุปสรรคมาขัดขวางตัวละครข
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขียนจนจบแล้ว ไอ้คนเขียนเองก็อาจจะมัวแต่
หรือไม่อย่างนั้นก็ให้คนอื่
อย่าลืมว่า แก้บท เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนเร
กลับมาที่กราฟ ผมแสดงให้เห็นถึงจังหวะ อินโทร-ดำเนินเรื่อง-ไคลแมก
เพราะกราฟความสนุกของเรื่อง
เห็นฮาวทูเขียนเรื่องสั้นขอ งคุณ Plustina ก็เลยนึกได้ว่าตัวเองได้ไปใ ห้ความหวังกับชาวบ้านไว้เยอ ะเหมือนกัน ;_; ขอโต้ดก๊าบ
ก็ตามคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี ้นะครับ ค่อยๆ โพสสั้นๆ วันละนิด เผื่อมีคำถามเพิ่มเติมจะได้ อธิบายเพิ่มในโพสถัดๆ ไป *w*
ภาพทางซ้าย (หรือบน) เป็นสิ่งที่ผมใช้บรรยายชาวบ ้านเกี่ยวกับการเขียนเรื่อง ครับ นั่นก็คือ 3 องค์ประกอบสำคัญในการสร้างเ รื่องนั่นเอง
ในที่นี้ขอกล่าวสรุปแต่ละหั วข้อสั้นๆ ก่อนนะครับ
3 องค์ประกอบสำคัญสำหรับผมในก ารเขียนเรื่องได้แก่ Character Theme และ Plot ครับ
Character หมายถึง ตัวละคร
การกระทำของตัวละครเป็นส่วน สำคัญที่ทำให้เกิดเนื้อเรื่ องต่างๆ หากเรากำหนดคุณสมบัติต่างๆ ของตัวละครได้ดีพอ (เช่น ชื่อ เพศ ฐานะ อาชีพ นิสัย สำนวนการพูด ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ภูมิหลัง ฯลฯ) สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การเข ียนเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่ น เพราะเราไม่ได้สร้างบทบาทให ้ตัวละคร แต่เป็นตัวละครที่เล่นตามบท บาทของมันเอง
Theme หมายถึง ธีมของเรื่อง
สภาพแวดล้อม หรือกฎเกณฑ์ ที่ถูกกำหนดไว้เพื่อเป็นขอบ เขต (เริ่มต้น) ของเนื้อหาในการ์ตูน เช่น ธีมเกี่ยวกับการทำครัว ธีมเกี่ยวกับจักรยาน ธีมเกี่ยวกับการแข่งขันเกม ธีมเกี่ยวกับชีวิตบ้าๆ บอๆ ของคุณพ่อลูกสาม ธีมเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ อาจเพิ่มกฏปลีกย่อยอีกเช่นเ ป็นโลกเวทมนตร์ที่ถูกปกครอง โดยเห็ดโคน ซึ่งการกำหนดธีมไว้แต่แรกจะ ช่วยให้เนื้อเรื่องของเราไม ่หลุดโฟกัส ไม่ออกทะเล
Plot หมายถึง โครงเรื่องคร่าวๆ
ประโยคสั้นๆ แสดงทิศทางการเล่าเรื่องคร่ าวๆ อาจมีประโยคสำคัญเขียนแทรกไ ว้ โดยส่วนใหญ่จุดเริ่มต้นกับไ คลแมกซ์ของเรื่อง (หรือของตอนสำหรับการตูนซีร ี่ย์) จะสมบูรณ์ก่อน ส่วนกลางเรื่องผมมักลงไม่ลึ ก ปล่อยให้ตัวละครลื่นไหลไปตา มบทบาทเอง
อีกอย่างที่ผมเพิ่มเติมขึ้น มาก็คือ
Director (คำนึกภาษาอังกฤษดีๆ ไม่ทัน) หมายถึง ความสามารถในการเล่าเรื่อง
เป็นสกิลที่สำคัญที่สุดของน ักเขียนเรื่อง เพราะนี่คือการเล่นกับคนอ่า นว่าเราจะนำเสนอเนื้อเรื่อง ตรงจุดไหน ลำดับการเล่าเรื่องอย่างไร ถือเป็นทักษะเฉพาะตัว ดังคำกล่าวที่ว่า พล็อตเรื่องเดียวกัน นักเขียน 10 คน เขียนออกมาไม่เหมือนกันสักค น XP
วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน โปรดติดตามรายละเอียดลึกๆ ได้ในโอกาสหน้าจ้ะ _(;3 j L)_
ก็ตามคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี
ภาพทางซ้าย (หรือบน) เป็นสิ่งที่ผมใช้บรรยายชาวบ
ในที่นี้ขอกล่าวสรุปแต่ละหั
3 องค์ประกอบสำคัญสำหรับผมในก
Character หมายถึง ตัวละคร
การกระทำของตัวละครเป็นส่วน
Theme หมายถึง ธีมของเรื่อง
สภาพแวดล้อม หรือกฎเกณฑ์ ที่ถูกกำหนดไว้เพื่อเป็นขอบ
Plot หมายถึง โครงเรื่องคร่าวๆ
ประโยคสั้นๆ แสดงทิศทางการเล่าเรื่องคร่
อีกอย่างที่ผมเพิ่มเติมขึ้น
Director (คำนึกภาษาอังกฤษดีๆ ไม่ทัน) หมายถึง ความสามารถในการเล่าเรื่อง
เป็นสกิลที่สำคัญที่สุดของน
วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน โปรดติดตามรายละเอียดลึกๆ ได้ในโอกาสหน้าจ้ะ _(;3 j L)_
เพราะพลังแฝงของพระเอกจะปล่
มีความสุข ... สนุกในทุกวันของชีวิต
กิจกรรมหนึ่งที่ผมชอบทำทุกค รั้งที่เปิดเฟสบุ๊คก็คือ ดูว่าวันนี้เป็นวันเกิดใครบ ้าง และจะให้เวลากับการเขียนอวย พรเพื่อนๆทุกคน ด้วยประโยคเดิมๆ เหมือนกันในทุกครั้ง นั่นคือ ...
"Happy Birthday มีความสุข สนุกในทุกวันของชีวิตนะครับ "
ผมเชื่อว่าชีวิตคนเรานั้นใน แต่ละจังหวะ ในแต่ละช่วงเวลา มีดีมีร้ายผ่านเข้ามา หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไป ไม่มีใครโชคดีตลอด และในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครโชคร้ายทุกวัน
และด้วยเหตุที่ชีวิตคนเราไม ่ได้ยาวนานอะไรนัก ผมจึงถือว่า การทำให้ตัวเองมีความสุข และรู้สึกสนุกได้ตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คนเรา ควรนึกถึงในทุกวันตราบเท่าท ี่ยังมีลมหายใจ
สำหรับผม ผมชอบมองสิ่งต่างรอบตัวเป็น เหมือน "เกม" สักเกมหนึ่ง ที่น่าเล่น น่าลุ้น น่าลอง และท้าทาย ชนะก็ดีใจ แพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะเรายังไม่ตาย พรุ่งนี้ก็เล่นใหม่ได้อีก
อย่างเวลาจะเปิดธุรกิจใหม่ใ ห้ทำเงิน ผมก็จะมานั่งคิดและวางแผนว่ า จะทำอย่างไรให้คนมารักมาชอบ สินค้าและบริการของเรา เล่นเกมทายใจกับกลุ่มลูกค้า เป้าหมายว่าเค้าคิดอะไรและช อบอะไร
เวลาเลี้ยงลูก ผมก็คิดว่ามันเป็นเกมที่ต้อ งหลอกล่อให้ลูกอยากเรียน และอยากรู้ในสิ่งที่เราอยาก ให้เค้าได้รู้ เช่น ก่อนนอนผมชอบเล่านิทานที่แต ่งเอง จินตนาการไปเรื่อยๆ แล้วแอบซ่อนเกมบวกเลข และทายคำศัพท์เข้าไปในนิทาน เสมอ
" 5 + 4 เท่ากับเท่าไหร่ ถ้าตอบไม่ได้ข้าจะกินเจ้าสอ งพี่น้อง" เสียงหมาป่าคำรามขู่สองพี่น ้องออกัสและจัสติน
หรือแม้กระทั่งตอนที่ครอบคร ัวผมเป็นหนี้หลายสิบล้าน ผมก็คิดว่ามันเป็นเกม ที่มีผมเพียงคนเดียวที่จะปก ป้องครอบครัวจากปีศาจสินเชื ่อเหล่านั้นได้ ทุกครั้งที่ปิดบัญชีหนี้ได้ 1 รายการ Level เราก็ up แล้วก็ได้ของวิเศษไปจัดการห นี้ก้อนต่อไป (หลังๆมีกดสูตร 555)
การมองอะไรๆ รอบตัวเป็นเกม ... ทำให้ชีวิตผมสนุก และมีความสุขอยู่เสมอ แม้ว่าปัญหานั้นจะหนักหนาสา หัสแค่ไหนก็ตาม
ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเก ิดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าจะมีวันพรุ่ง นี้สำหรับตัวเองหรือเปล่า ดังนั้น จงอย่าปล่อยเวลาให้ชีวิตจมอ ยู่กับความทุกข์
เจอปัญหาครั้งต่อไป บอกกับตัวเองด้วยหน้าที่เปื ้อนยิ้ม และหัวใจที่เข้มแข็งว่า
"ได้เวลาสนุกกับเกมใหม่อีกแ ว้วว นะฮ๊าฟ"
กิจกรรมหนึ่งที่ผมชอบทำทุกค
"Happy Birthday มีความสุข สนุกในทุกวันของชีวิตนะครับ
ผมเชื่อว่าชีวิตคนเรานั้นใน
และด้วยเหตุที่ชีวิตคนเราไม
สำหรับผม ผมชอบมองสิ่งต่างรอบตัวเป็น
อย่างเวลาจะเปิดธุรกิจใหม่ใ
เวลาเลี้ยงลูก ผมก็คิดว่ามันเป็นเกมที่ต้อ
" 5 + 4 เท่ากับเท่าไหร่ ถ้าตอบไม่ได้ข้าจะกินเจ้าสอ
หรือแม้กระทั่งตอนที่ครอบคร
การมองอะไรๆ รอบตัวเป็นเกม ... ทำให้ชีวิตผมสนุก และมีความสุขอยู่เสมอ แม้ว่าปัญหานั้นจะหนักหนาสา
ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเก
เจอปัญหาครั้งต่อไป บอกกับตัวเองด้วยหน้าที่เปื
"ได้เวลาสนุกกับเกมใหม่อีกแ
เมื่อสื่อตะวันตกมอง"การศึกษาไทย"ฝังราก"ระบบทหารกับเด็ก"-"นักเรียน"เริ่มท้าทาย-รบ.ล้างระบบ"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369822099&grpid=01&catid&subcatid..................................................................................................................
ยุคนี้เป็นยุคออน์ไลน์ ไม่ปล่อยให้คนทำผิดลอยนวลได ้อีกต่อไป ภาพรถคันนี้ ถูกตำรวจจราจรใช้กล้อง DSLR ถ่าย ขณะปาดรถคันอื่นที่แยกพัฒนะ และถูกออกหมายเรียกพร้อมส่ง ภาพไปดำเนินคดีถึงบ้านพัก เจ้าของรถจะไปต่อทะเบียนที่ กรมการขนส่งทางบก ปรากฏว่าถูกขึ้นอายัดทะเบีย นตัวแดงโร่ ต้องมาเสียค่าปรับที่สถานีต ำรวจ โดยเจ้าของรถแจ้งว่าไม่ทราบ เพราะลูกน้องเป็นคนขับแล้วเ อาหมายไปเก็บไว้ไม่บอกเจ้าน าย และถูกดำเนินคดีไปตามขั้นตอ นของกฏหมาย ซึ่งในวันนี้ได้มีการประชุม ผ่านทางระบบคอนเฟอเรนซ์แจ้ง ไปยังตำรวจจราจรทั้งกรุงเทพ ฯ ให้ใช้กล้องในการตรวจจับกุม ผู้กระทำผิดกฏจราจร โดยเฉพาะพวกนักปาด นักเบียด นักแทรก ซึ่งกำลังมีการฝ่าฝืนกันอย่ างมากทั่วกรุงเทพมหานคร และส่งภาพพร้อมหมายเรียกไปจ ัดการตามกฏหมาย ถ้าไม่ยอมมาถูกดำเนินคดี อายัดทะเบียนไปยังกรมการขนท างบกตามขั้นตอน เวลาไปต่อทะเบียน จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ยุคนี้เป็นยุคที่มีการออน์ไ ลน์ทั่วประเทศไทย จะลอยนวลกันแบบสมัยก่อนไม่ไ ด้แล้วครับ
7 หลักการโฆษณาชวนเชื่อ
อ้างอิง :
http:// terasphere.exteen.com/ 20080923/entry?n=y
http://en.wikiquote.org/
http://en.wikipedia.org/ wiki/Propaganda
http:// www.holocaustresearchprojec t.org/holoprelude/ nazprop.html
กิติมา สุรสนธิ. การสื่อสารสาธารณมติ. คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารม วลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2550.
อ้างอิง :
http://
http://en.wikiquote.org/
http://en.wikipedia.org/
http://
กิติมา สุรสนธิ. การสื่อสารสาธารณมติ. คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารม
- Supapong Wanitpongpan บัวมีหลายเหล่านะครับ
พวกที่รับสื่อแล้วเชื่อเลยก็มาก
ใช้อคตินำจนขาดการวิเคราะห์แยกแยะก็เยอะ
ไม่ถูกหรือครับ
..............................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
................................................................................................................
...................................................................................................................
ความรู้สึกดีๆ บางทีก็ให้เปล่า
(อาจไม่ซาบซ่าอย่างใครๆ แต่ก็ทำให้เธอชื่นใจได้เหมื
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น