» วิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งของแร งจูงใจ (เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยื นขององค์กร)
เรื่องแรงจูงใจ หรือทฤษฎีแรงจูงใจ (Motivation) เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญท ี่สุดในทุกวงการ ทุกศาสตร์ ทางด้านการพัฒนาองค์กร
เพราะ... Motivation is what gets you started. Habit is what keeps you going.
ที่อยากแบ่งปันวันนี้...เนื ่องจากทีมงานเราได้ชมคลิปวิ ดีโอของ TED.com ตอน : "Dan Pink: The puzzle of motivation"
http://www.ted.com/talks/ dan_pink_on_motivation.html
พบว่า...เนื้อหาที่ Dan Pink ถ่ายทอดนั้นเป็นสิ่งที่น่าท ึ่ง และเราเชื่อว่าจะเป็นประโยช น์มาก ๆ หากองค์กรไหน click กับเรื่องนี้...
::::::::::::::::::
เมื่อสี่สิบปีก่อน มีการทดลองง่าย ๆ ให้ผู้เข้าทดลองแก้ปัญหาง่า ย ๆ โดยแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรก...บอกว่า นี่พวกคุณช่วยแก้ปัญหานี้หน ่อย เราจะเอาเวลาที่คุณแก้ปัญหา ได้ ไปเป็นมาตรฐานของคนอื่นๆ
ส่วนอีกกลุ่ม...บอกว่า ถ้าคุณอยู่ในกลุ่ม 25% แรกที่แก้ปัญหานี้ได้เร็วที ่สุด คุณจะได้เงิน 5 ดอลล่าร์ แต่ถ้าคุณเป็นคนแก้ปัญหานี้ ได้เร็วที่สุด คุณจะได้รางวัลถึง 20 ดอลล่าร์ คิดดู เงินจำนวนนี้เมื่อ 40 ปีก่อน มันมากมายขนาดไหน
สิ่งที่คาดกันก็คือ...กลุ่ม ที่สอง ซึ่งได้แรงจูงใจเป็นเงิน น่าจะแก้ปัญหาได้เร็วและสร้ างสรรค์กว่ากลุ่มแรก แต่รูปการณ์กลับตรงข้าม!
โดยเฉลี่ย...กลุ่มที่มีการก ำหนดค่าตอบแทนเป็นเงินกลับแ ก้ปัญหาได้ช้ากว่ากลุ่มแรก โดยเฉลี่ยสามนาทีครึ่ง เรื่องนี้มีการทดลองซ้ำ ๆ นับร้อยครั้ง กว่า 40 ปี
ตลอดเวลามีการทดลองแบบนี้ใน งานต่างๆ 99% เกิดผลลบ ...ถ้าให้ผลตอบแทนเป็นเงิน
แต่ก็เจอเหมือนกัน 1% ว่าให้เป็นเงินแล้วได้ผล มันคืองานที่ไม่ต้องใช้ความ คิดซับซ้อน มีกฏชัดเจน เช่น
ลองยกถุงจากจุด A ไปจุด B ถ้าเจอสิ่งกีดขวางให้หลบ นี่แหละครับ งานที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว ่างานใช้แรง (Mechanistics) ที่มีเป้าหมายเฉพาะหน้า เห็นๆ เห็นกับตาเท่านั้น ถ้าเพิ่มแรงจูงใจด้วยเงิน จะทำให้คนทำงานได้เร็วกว่า
แต่เงินจะไม่ได้ผลกับงานที่ เริ่มต้องใช้สมองแก้ปัญหา (Cognitive) มีการทดลองที่ MIT สถาบันชั้นนำของโลก เมื่อไม่นานมานี้ก็ยืนยันคร ับ นักวิจัยแบ่งงานให้ให้นักศึ กษาทำ เป็นงานที่ใช้ทักษะการเคลื่ อนไหว (ไม่ต้องคิด) กับงานที่ต้องใช้หัวคิด
ปรากฏว่า...แรงจูงใจให้ผลกั บงานที่ใช้ทักษะการเคลื่อนไ หว (แบบไม่ต้องคิด) เท่านั้น ส่วนงานคิดสร้างสรรค์ เงินกลับบั่นทอนผลงาน
::::::::::::::::::
น่าตกใจมากที่เรื่องนี้ถูกล ะเลยมาตลอด ทำไมครับ สังคมทั้งโลกเชื่อว่าหากต้อ งการให้คนแสดงความคิดสร้างส รรค์ สร้างผลงานดีๆ ต้องให้เงินเดือน แรงจูงใจเป็นโบนัสเยอะ ๆ แต่จริง ๆ แล้วตรงข้าม
ผลการศึกษาในด้านเศรษฐศาสตร ์ การเงิน ที่ทำโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำข องโลกเช่น London School of Economics ที่ผลิตนักเศรษฐศาสตร์ระดับ รางวัลโนเบิลไพร๊ซ์กว่า 11 ท่าน ศึกษางานวิจัยที่โยงผลตอบแท นที่เป็นเงินเข้ากับการทำงา น ค้นพบเช่นเดียวกันว่า...
การโยงผลตอบแทนเป็นเงินเข้า กับการทำงาน ให้ผลที่เป็น “ลบ”
คุณแดน พิงค์ คนพูดเรื่องนี้ถึงกับพูดว่า ... ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่บนซาก ปรักหักพัง สหรัฐกำลังจะแย่เพราะว่า โลกธุรกิจ ที่ต้องพยายามเอาชนะการแข่ง ขันด้วยความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ใช้สมมติฐานที่ผิดในการกระต ุ้นความคิดสร้างสรรค์และผลง าน เพราะใช้เงินเป็นแรงจูงใจ
แดนบอกว่างานในศตวรรษที่ 21 เป็นงานใช้สมอง เพราะฉะนั้นต้องการอะไรที่ม ากกว่าเงิน เพราะถ้าเอาเงินมาเป็นรางวั ลและการลงโทษ นั่นคือหายนะของธุรกิจ และหมายถึงหายนะของประเทศ
::::::::::::::::::
Q : แล้วอะไรคือทางออก?
จากการศึกษาของนักวิทยาศาสต ร์ พบว่า ต้องใช้แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) ที่ประกอบด้วย 3 คำ คือ...
1. Autonomy (ความอิสระ ความอยากที่จะควบคุมชีวิตตน เอง)
2. Mastery (ความปราถนาที่ทำงานให้ดีขึ ้นเรื่อยๆ )
3. Purpose (ความปรารถนาที่จะอะไรที่มี ความหมาย มากกว่าการทำอะไรเพื่อตนเอง )
แนวคิดนี้ เป็นพื้นฐานของวิชาการพัฒนา องค์กร (OD - Organization Development) คุณแดนได้ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Atlassianhttp://www.atlassian.com/
ที่นั่นจะให้เวลาหนึ่งวัน ต่อสัปดาห์ให้พนักงานไปทำอะ ไรก็ได้ที่ไม่ใช่งานประจำ คือประมาณ 20% ของเวลาทำงานทั้งเดือนนั่นเ อง
ปรากฏ...กลับเป็นวันที่พนัก งานคิดอะไรเจ๋ง ๆ ได้ และสามารถสร้างผลงานจนอยู่เ บื้องหลังบริษัทดัง ๆ ของโลกได้
แนวคิด 20% นี้ Google ก็ใช้ คือ ให้พนักงานทำอะไรก็ได้ที่ไม ่ใช่งานประจำ เลือกงาน เลือกทีม เลือกเทคนิคเอง และก็ค้นพบว่า 50% ของผลิตภัณฑ์ที่ Google คิดได้ มาจาก 20% ของเวลาที่ให้อิสระกับพนักง านนั่นเอง
ตอนนี้มีกลุ่มบริษัทอยู่ 12 บริษัท ที่หันมาเน้นองค์ประกอบสามอ ย่างนี้ เรียกชื่อกันเองว่า ROWE หรือ Result Only Working Environment
ไม่นาน...ก็พบว่ามีผลผลิตสู งขึ้น พนักงานมีความผูกพันกับองค์ กรมากยิ่งขึ้น
::::::::::::::::::
จากแนวความคิดนี้ ทำให้เราเห็นหายนะกำลังคืบค ลานเข้ามา ในรูปของสิ่งล่อ คือ ตัวเงิน ที่ถูกนำไปผูกกับ KPI
ยิ่งทำแบบสำรวจความผูกพันใน องค์กร ยิ่งพบว่า... องค์กรที่จ่ายหนัก ผลออกมาชัดเจน ...ความผูกพันกลับต่ำจนน่าใ จหาย
สรุปแล้ว...การให้สิ่งจูงใจ เป็นตัวเงินอย่างเดียว คือสิ่งที่แต่ละองค์กรต้องพ ึงระวังมาก ๆ เพราะมันจะสร้างผลเชิงลบกับ องค์กรในระยะกลางถึงยาว
และควรหันมาพัฒนา Autonomy, Mastery และ Purpose ให้กับพนักงานในองค์กรอย่าง จริงจัง
แล้วจะทำอย่างไร ?
ลองใช้วิชาด้านการพัฒนาองค์ กร ที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ ได้แก่
- Appreciative Inquiry
- Action Research
- Learning Organization
- Knowledge Management
- Dialogue
หรือ...เรียกรวม ๆ ว่า จิตตปัญญาศึกษา (Contemplative Science)
เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะช ่วยพัฒนา Autonomy, Mastery และ Purpose โดยตรง สามารถใช้ผสมผสานกันได้
สุดท้าย...เราเชื่อว่าจะมีอ งค์กรไทยอีกนับร้อย ที่สามารถเติบใหญ่ก้าวไกลไป ถึงระดับโลกได้ทัน ภายในชาตินี้... (ก่อนบอลไทยไปบอลโลก!)
ด้วยความปรารถนาดี
ทีมงาน Life 101
::::::::::::::::::
Credit : ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
เรื่องแรงจูงใจ หรือทฤษฎีแรงจูงใจ (Motivation) เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญท
เพราะ... Motivation is what gets you started. Habit is what keeps you going.
ที่อยากแบ่งปันวันนี้...เนื
http://www.ted.com/talks/
พบว่า...เนื้อหาที่ Dan Pink ถ่ายทอดนั้นเป็นสิ่งที่น่าท
::::::::::::::::::
เมื่อสี่สิบปีก่อน มีการทดลองง่าย ๆ ให้ผู้เข้าทดลองแก้ปัญหาง่า
กลุ่มแรก...บอกว่า นี่พวกคุณช่วยแก้ปัญหานี้หน
ส่วนอีกกลุ่ม...บอกว่า ถ้าคุณอยู่ในกลุ่ม 25% แรกที่แก้ปัญหานี้ได้เร็วที
สิ่งที่คาดกันก็คือ...กลุ่ม
โดยเฉลี่ย...กลุ่มที่มีการก
ตลอดเวลามีการทดลองแบบนี้ใน
แต่ก็เจอเหมือนกัน 1% ว่าให้เป็นเงินแล้วได้ผล มันคืองานที่ไม่ต้องใช้ความ
ลองยกถุงจากจุด A ไปจุด B ถ้าเจอสิ่งกีดขวางให้หลบ นี่แหละครับ งานที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว
แต่เงินจะไม่ได้ผลกับงานที่
ปรากฏว่า...แรงจูงใจให้ผลกั
::::::::::::::::::
น่าตกใจมากที่เรื่องนี้ถูกล
ผลการศึกษาในด้านเศรษฐศาสตร
การโยงผลตอบแทนเป็นเงินเข้า
คุณแดน พิงค์ คนพูดเรื่องนี้ถึงกับพูดว่า
แดนบอกว่างานในศตวรรษที่ 21 เป็นงานใช้สมอง เพราะฉะนั้นต้องการอะไรที่ม
::::::::::::::::::
Q : แล้วอะไรคือทางออก?
จากการศึกษาของนักวิทยาศาสต
1. Autonomy (ความอิสระ ความอยากที่จะควบคุมชีวิตตน
2. Mastery (ความปราถนาที่ทำงานให้ดีขึ
3. Purpose (ความปรารถนาที่จะอะไรที่มี
แนวคิดนี้ เป็นพื้นฐานของวิชาการพัฒนา
ที่นั่นจะให้เวลาหนึ่งวัน ต่อสัปดาห์ให้พนักงานไปทำอะ
ปรากฏ...กลับเป็นวันที่พนัก
แนวคิด 20% นี้ Google ก็ใช้ คือ ให้พนักงานทำอะไรก็ได้ที่ไม
ตอนนี้มีกลุ่มบริษัทอยู่ 12 บริษัท ที่หันมาเน้นองค์ประกอบสามอ
ไม่นาน...ก็พบว่ามีผลผลิตสู
::::::::::::::::::
จากแนวความคิดนี้ ทำให้เราเห็นหายนะกำลังคืบค
ยิ่งทำแบบสำรวจความผูกพันใน
สรุปแล้ว...การให้สิ่งจูงใจ
และควรหันมาพัฒนา Autonomy, Mastery และ Purpose ให้กับพนักงานในองค์กรอย่าง
แล้วจะทำอย่างไร ?
ลองใช้วิชาด้านการพัฒนาองค์
- Appreciative Inquiry
- Action Research
- Learning Organization
- Knowledge Management
- Dialogue
หรือ...เรียกรวม ๆ ว่า จิตตปัญญาศึกษา (Contemplative Science)
เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะช
สุดท้าย...เราเชื่อว่าจะมีอ
ด้วยความปรารถนาดี
ทีมงาน Life 101
::::::::::::::::::
Credit : ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
http://www.blognone.com/node/44624
...........................................................................................................................
...........................................................................................................................
มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับตั ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:SPARK https://www.facebook.com/ |
เพราะว่า 'LIKE' ช่วยชีวิตไม่ได้
http://fuse.in.th/blogs/trend/4593..............................................................................................................................
.............................................................................................................................
............................................................................................................................
การเป็นคนตรงไปตรงมาอาจทำให
John Lennon : The Beatles
...........................................................................................................................
อย่าบิดเบือน ได้โปรด....ถ้าจะเอ่ยชื่อ หรือข้อมูล ของ วาส รบกวน แชร์ มาทั้งหมด นะคะ อย่าเอาแต่รูปมา แล้วมาเขียนเอง สรุปเอง แบบนี้.. วาส ไม่ได้เขียนเรื่องพระบรมฉาย
|
จะว่าไปครูหลายท่านก็เป็นแบ
ประมวลเหตุการณ์วันที่19-05-53 by CTW
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.573573436021273.1073741830.570561686322448&type=1................................................................................................................
.........................................................................................................................
ผมชอบเวอร์ชั่นนี้ ^_^
http://www.youtube.com/watch?v=084xqCjVR6A
........................................................................................................................
.....................................................................................................................
Carbon aerogels วัสดุน้ำหนักเบาที่สุดในโลก
มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้เผยแพร่ภาพก้อนวัสดุสีดำ ที่มีน้ำหนักเบา ที่สามารถตั้งอยู่บนก้านเกส รดอกไม้โดยไม่เอนเอียง โดยระบุว่า ก้อนวัสดุนี้คือ "คาร์บอน แอร์โรเจล" วัสดุที่เบาที่สุดในโลก สามารถนำไปใช้ป้องกันและแก้ ไขปัญหากรณีมลพิษรั่วไหล ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดูดซ ับสารพิษและน้ำมันที่รั่วไห ลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศาสตราจารย์เกา เชา หัวหน้าคณะวิจัยพัฒนา กล่าวว่า ในอนาคตวัสดุใหม่ คาร์บอน แอร์โรเจล สามารถดูดซับน้ำมันรั่วไหลไ ด้อย่างรวดเร็ว ขนาด 1 กรัม สามารถดูดซับน้ำมันได้วินาท ีละ 69 กรัม นอกจากนี้ยังดูดซับได้ในปริ มาณที่มากถึง 900 เท่าของน้ำหนักวัสดุ เปรียบเทียบกับวัสดุซึ่งใช้ ดูดซับน้ำมันในปัจจุบันสามา รถดูดซับได้เพียง 10 เท่าของน้ำหนักวัสดุเท่านั้ น
http://www.nextsteptv.com/ ?p=2860
มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้เผยแพร่ภาพก้อนวัสดุสีดำ
ศาสตราจารย์เกา เชา หัวหน้าคณะวิจัยพัฒนา กล่าวว่า ในอนาคตวัสดุใหม่ คาร์บอน แอร์โรเจล สามารถดูดซับน้ำมันรั่วไหลไ
http://www.nextsteptv.com/
ไอ้เรื่องนินทาคนอื่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นสมัยนี้หรือสมั
//
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น