.................................................................................................................................
ความอดทน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก พอเจออุปสรรค หลายคนถอดใจกลางทาง หลายคนยอมแพ้แบบง่ายดาย หลายคนล้มแล้วไม่สามารถจะอด
ผมเชื่อว่าใครที่มีความอดทน
ประเด็นหลักในโพสต์นี้ก็คือ ในการถกเถียงไม่ว่าเรื่องใด ๆ จงระมัดระวังให้เหตุผลด้วยก ารอุปมาเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบนั้นมักทำให้ ผู้ฟังเข้าใจประเด็นของตนได ้ง่ายขึ้น นำไปสู่การเชื่อตามการอ้างเ หตุผลในการถกเถียง แต่ที่บอกว่าให้ระวังนั้นเพ ราะการเปรียบเทียบนั้นจะเอา ไปเปรียบกับอะไรก็ได้ ความเป็นจริงกับอุปมานั้นไม ่จำเป็นต้องมีลักษณะของข้อเ ท็จจริงตรงกันก็ได้
ดังตัวอย่างที่ยกมานั้นทั่น ส.ว.แกเถียงกับสมาชิกท่านหนึ่งเรื่องสัมปทานปิโตรเ ลียม ก็ตามสไตล์ที่ส.ว.จะบอกว่าร ะบบของไทยไม่ดี และยกของโบลีเวียมาเทียบ จากนั้นก็ "อุปมา" เรื่องสวนผลไม้นี้ขึ้นมา ปัญหาของมันก็คือสิ่งที่แกย กมานั้นมันไม่อาจเอามาเปรีย บกันได้ เพราะผลไม้ไม่เหมือนกับปิโต รเลียม สวนผลไม้ถือว่าเป็นทรัพย์ขอ งเจ้าของสวน แต่ปิโตรเลียมนั้นอยู่ใต้พิ ภพ เราไม่อาจนับว่าปิโตรเลียมท ี่ยังไม่ได้สำรวจและขุดพบนั ้นเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน นอกจากนั้นแล้วการได้มาซึ่ง ปิโตรเลียมกับผลไม้ก็เทียบก ันไม่ได้ เพราะต้นทุนต่างกันมาก องค์ประกอบอื่นๆก็ต่างกันชน ิดฟ้ากับเหว การเปรียบเช่นนี้จึงผิดฝาผิ ดตัวและชวนให้ไขว้เขวจากควา มเป็นจริง
อีกประเด็นหนึ่งก็คือการเปร ียบเทียบโดยมากเป็นการลดทอน ความซับซ้อน (Simplify) เพื่อให้คนเข้าใจง่าย แต่การลดทอนนี้เองที่ทำให้ก ารเปรียบเทียบนั้นคลาดเคลื่ อนไปจากความเป็นจริง ดังตัวอย่างข้างต้นนั้นทั่น ส.ว.พยายามจะโยงไปกับประเทศ โบวีเลียที่(อ้างว่า)ได้ส่ว นแบ่งถึง 82% แต่การเปรียบเทียบเรื่องผลไ ม้นี้เป็นเหมือนกับดักของคน พูด เพราะมันไม่ได้ให้รายละเีอี ยดที่รอบด้าน เนื่องจากสภาพการณ์การผลิตป ิโตรเลียมของไทยกับโบลีเวีย ต่างกันมาก สภาพทางธรณีวิทยา ต้นทุนการผลิตก็ไม่เหมือนกั น ที่สำคัญสัดส่วนกำลังการผลิ ตต่อดีมานด์ในประเทศก็มากกว ่าประเทศไทยอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าจะมาเปร ียบเป็นสวนผลไม้เหมือนๆกันอ ย่างนี้
โดยสรุปแล้วในการถกเถียง ขอให้ระวังการอุปมาเพื่อชัก จูงให้หลงเชื่อ แม้ว่ามันจะฟังดูเข้าใจง่าย และน่าเชื่อก็ตาม แต่จริงๆแล้วนั่นอาจเป็นกับ ดักทางความคิดของผู้ไม่หวัง ดีก็เป็นได้
ปล.ไปตามอ่านคอมเมนท์ต้นทาง ได้ที่ลิงก์นี้ครับhttps://www.facebook.com/ photo.php?fbid=460713004005 268&set=a.340522252691011. 76552.236945323048705&type =1&ref=nf
ดังตัวอย่างที่ยกมานั้นทั่น
อีกประเด็นหนึ่งก็คือการเปร
โดยสรุปแล้วในการถกเถียง ขอให้ระวังการอุปมาเพื่อชัก
ปล.ไปตามอ่านคอมเมนท์ต้นทาง
.......................................................................................................................
จาก Status: ขอกูพูดบ้างเหอะ
"มาดูว่า ปตท.กำไรน้ำมันขนาดไหน สรุปให้ ได้ลิตรละตั้ง 50 สตางค์. ครับ ขูดรีดฝุดๆ
อย่างกรณี กำไร 1 แสนล้านบาท ที่ถูกโจมตีเป็นอย่างแรก ผมว่าน่าจะเคลียร์กันระดับนึงว่า กำไรนี้มาจากยอดขายรวมทั้งหมด 2.79 ล้านล้านบาท คิด Net Profit Margin แล้วจะได้แค่เพียง 4.25% พอๆกับอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น (ความหมายคือเงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มขึ้น) เรียกได้ว่าน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มบริษัทน้ำมัน (ปิโตรนาสได้ 22%) ทีนี้ลองเอางบการเงินที่ตรวจสอบโดย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มาดูกันจะพบว่า กำไรก่อนหักภาษีเงินได้จากการขายน้ำมันขายปลีกของ ปตท. ในปี 2555 มีเพียงแค่ 13,000 ล้านบาท จากยอดขายจำนวน 17,000 ล้านลิตร แปลว่า ได้กำไรก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย อยู่ ลิตรละ 75 สตางค์ และกำไรในส่วนนี้เป็นส่วนของธุรกิจ Non-Oil หรือพวก อเมซอน จิฟฟี่ เซเว่น และให้พื้นที่ร้านค้าเช่า กว่า 30% แสดงว่า กำไรที่เป็นเนื้อน้ำมันจริงๆอยู่ที่ 70% ของ 75 สตางค์นี้ เหลือประมาณลิตรละ 53 สตางค์ แล้วหักภาษีเงินได้ แล้วจะเหลือลิตรละเท่าไร แสดงว่า การขายน้ำมันของ ปตท. นั้น แทบเรียกว่าไม่เหลือกำไรแล้วครับ แล้วทุกๆวันนี้ต้องกู้เงินมาลงทุนเพื่อจัดหาพลังงานให้กับประเทศไทย ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ปตท.มีหนี้สินสูงถึง 900 ล้านบาท ยังต้องมาภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอีกด้วย
กำไรส่วนใหญ่ของ ปตท.นั้นมาจากบริษัทลูก โดยเฉพาะ ปตท.สผ. ที่มีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกกว่า 11 ประเทศครับ ถึงแม้กำไรหลักจะมาจากในประเทศ ซึ่งกำไรจำนวนนี้ ต้องเก็บเอาเพื่อใช้ลงทุนต่อเพื่อแสวงหาพลังงานให้กับประเทศ อย่างที่ทราบว่า การลงทุนของ ปตท.สผ. ใช้เม็ดเงินมหาศาล โดยการลงทุนครั้งล่าสุดการซื้อแหล่งก๊าซของ Cove Energy ไม่มีเงินทุนเพียงพอ จนถึงขั้นต้องเพิ่มทุน เพราะมีสัดส่วนหนี้สินต่อผลกำไรสูงเกินกว่าที่จะรับได้ ทุกๆท่านก็ทราบข่าวแล้ว
ไม่สังเกตกันบ้างหรือครับว่า เงินปันผลของบริษัท ปตท. อยู่ที่ 2-3% เท่านั้น ถือว่าต่ำมากๆ (ฝากประจำได้เยอะกว่า ปกติเค้าจะลงทุนกันระยะยาวเพื่อหวัง capital gain) เพราะส่วนใหญ่ต้องเอาเงินไปลงทุนหาพลังงานต่อให้ประเทศชาติ
แต่ถ้าทุกคนอยากให้ ปตท. ไม่มีกำไรเลย และ ปตท ช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันทั้งหมด ที่ประเทศไทยใช้ทั้งปีประมาณ 50,000 ล้านลิตร กำไรแสนล้านบาทนั้น ก็จะช่วยลดราคาน้ำมันได้เพียงลิตรละ 2 บาท และทำให้ธุรกิจของ ปตท ไม่เติบโต และอ่อนแอ ในปีถัดๆไป ก็ไม่สามารถทำกำไรได้เพิ่มอีก ขณะที่ความต้องการพลังงานของประเทศชาติสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยจะลดลง ต้องพึ่งบริษัทน้ำมันต่างชาติมากขึ้น สุดท้าย ปตท.ไม่มีกำไรก็ต้องใช้ภาษีของประชาชน (รวมภาษีของคนที่ไม่ได้ใช้รถด้วย) มาอุดหนุนกิจการของบริษัทแทนที่จะทำกำไรแล้วส่งเงินเข้ารัฐ และต้องใช้น้ำมันราคาสูงขึ้น เพราะบริษัทน้ำมันต่างชาติจะครองตลาด และสามารถกำหนดราคาน้ำมันได้
งบการเงินของ ปตท. ประจำปี 2555 ตรวจสอบโดย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ฉบับสมบูรณ์ ลิงค์นี้ครับ"
http://ptt-th.listedcompany.com/misc/FS/20120511-PTT-FS1Q2012-TH.pdf
..............................................................................................................................
............................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น