วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

24/05/2556 #2



"ถ้าให้เลือกระหว่างการเป็นเจ้าของบริษัทที่ดี มีผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม ในธุรกิจมีการแข่งขันหนักหน่วงรุนแรง ในอุตสาหกรรมที่สลับซับซ้อน กับบริษัทที่น่าเบื่อ มีผู้บริหารที่ฝีมือธรรมดา ในธุรกิจที่ธรรมดา และไม่มีการแข่งขัน ผมจะเลือกบริษัทหลัง"
- ปีเตอร์ ลินซ์ -

"If it's a choice between owning stock in a fine company with excellent management in a highly competitive and complex industry, or a humdrum company with mediocre management in a simpleminded industry with no competition, I'd take the latter."
- Peter Lynch -
.................................................................................................................................



ความอดทน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก พอเจออุปสรรค หลายคนถอดใจกลางทาง หลายคนยอมแพ้แบบง่ายดาย หลายคนล้มแล้วไม่สามารถจะอดทนลุกขึ้นสู้ต่อไปอีกครั้งได้
ผมเชื่อว่าใครที่มีความอดทน สักวันจะประสบความสำเร็จได้อย่างคนที่เข้มแข็งกว่าใครๆ
..........................................................................................................................



ประเด็นหลักในโพสต์นี้ก็คือ ในการถกเถียงไม่ว่าเรื่องใดๆ จงระมัดระวังให้เหตุผลด้วยการอุปมาเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบนั้นมักทำให้ผู้ฟังเข้าใจประเด็นของตนได้ง่ายขึ้น นำไปสู่การเชื่อตามการอ้างเหตุผลในการถกเถียง แต่ที่บอกว่าให้ระวังนั้นเพราะการเปรียบเทียบนั้นจะเอาไปเปรียบกับอะไรก็ได้ ความเป็นจริงกับอุปมานั้นไม่จำเป็นต้องมีลักษณะของข้อเท็จจริงตรงกันก็ได้

ดังตัวอย่างที่ยกมานั้นทั่นส.ว.แกเถียงกับสมาชิกท่านหนึ่งเรื่องสัมปทานปิโตรเลียม ก็ตามสไตล์ที่ส.ว.จะบอกว่าระบบของไทยไม่ดี และยกของโบลีเวียมาเทียบ จากนั้นก็ "อุปมา" เรื่องสวนผลไม้นี้ขึ้นมา ปัญหาของมันก็คือสิ่งที่แกยกมานั้นมันไม่อาจเอามาเปรียบกันได้ เพราะผลไม้ไม่เหมือนกับปิโตรเลียม สวนผลไม้ถือว่าเป็นทรัพย์ของเจ้าของสวน แต่ปิโตรเลียมนั้นอยู่ใต้พิภพ เราไม่อาจนับว่าปิโตรเลียมที่ยังไม่ได้สำรวจและขุดพบนั้นเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน นอกจากนั้นแล้วการได้มาซึ่งปิโตรเลียมกับผลไม้ก็เทียบกันไม่ได้ เพราะต้นทุนต่างกันมาก องค์ประกอบอื่นๆก็ต่างกันชนิดฟ้ากับเหว การเปรียบเช่นนี้จึงผิดฝาผิดตัวและชวนให้ไขว้เขวจากความเป็นจริง

อีกประเด็นหนึ่งก็คือการเปรียบเทียบโดยมากเป็นการลดทอนความซับซ้อน (Simplify) เพื่อให้คนเข้าใจง่าย แต่การลดทอนนี้เองที่ทำให้การเปรียบเทียบนั้นคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ดังตัวอย่างข้างต้นนั้นทั่นส.ว.พยายามจะโยงไปกับประเทศโบวีเลียที่(อ้างว่า)ได้ส่วนแบ่งถึง 82% แต่การเปรียบเทียบเรื่องผลไม้นี้เป็นเหมือนกับดักของคนพูด เพราะมันไม่ได้ให้รายละเีอียดที่รอบด้าน เนื่องจากสภาพการณ์การผลิตปิโตรเลียมของไทยกับโบลีเวียต่างกันมาก สภาพทางธรณีวิทยา ต้นทุนการผลิตก็ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญสัดส่วนกำลังการผลิตต่อดีมานด์ในประเทศก็มากกว่าประเทศไทยอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าจะมาเปรียบเป็นสวนผลไม้เหมือนๆกันอย่างนี้

โดยสรุปแล้วในการถกเถียง ขอให้ระวังการอุปมาเพื่อชักจูงให้หลงเชื่อ แม้ว่ามันจะฟังดูเข้าใจง่ายและน่าเชื่อก็ตาม แต่จริงๆแล้วนั่นอาจเป็นกับดักทางความคิดของผู้ไม่หวังดีก็เป็นได้

ปล.ไปตามอ่านคอมเมนท์ต้นทางได้ที่ลิงก์นี้ครับhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=460713004005268&set=a.340522252691011.76552.236945323048705&type=1&ref=nf
........................................................................................................................


บรรดาแกะดำเคยตั้งคำถามไหมครับว่า ร้านอาหารที่ขายอาหารในบรรยากาศหรู ๆ ทำไมราคาอาหารสำหรับการ Dine in กับ Take home ถึงมีราคาเท่ากัน

ถ้าเป็นผม ผมจะตั้งราคาของ Take home ถูกกว่าราคา Dine in เพราะลูกค้าที่ Take home ไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ ที่เจ้าของร้านลงทุนไปเป็นมูลค่าหลายล้านบาท ผมจะ Discount ต้นทุนอันนี้ออกจากราคาขาย

นี่เป็นสิ่งที่ผมบอกว่าเวลาผมเดินออกจากบ้านผมจะเห็นเศษเงินตกตามพื้นถนนเต็มไปหมด เก็บกันไม่หวัดไม่ไหว

จะมองเห็นเศษเงินบนที่หล่นตามพื้นถนนได้ ต้องคิดแบบแกะดำ
.......................................................................................................................

จาก Status: ขอกูพูดบ้างเหอะ

"มาดูว่า ปตท.กำไรน้ำมันขนาดไหน สรุปให้ ได้ลิตรละตั้ง 50 สตางค์. ครับ ขูดรีดฝุดๆ

อย่างกรณี กำไร 1 แสนล้านบาท ที่ถูกโจมตีเป็นอย่างแรก ผมว่าน่าจะเคลียร์กันระดับนึงว่า กำไรนี้มาจากยอดขายรวมทั้งหมด 2.79 ล้านล้านบาท คิด Net Profit Margin แล้วจะได้แค่เพียง 4.25% พอๆกับอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น (ความหมายคือเงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มขึ้น) เรียกได้ว่าน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มบริษัทน้ำมัน (ปิโตรนาสได้ 22%) ทีนี้ลองเอางบการเงินที่ตรวจสอบโดย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มาดูกันจะพบว่า กำไรก่อนหักภาษีเงินได้จากการขายน้ำมันขายปลีกของ ปตท. ในปี 2555 มีเพียงแค่ 13,000 ล้านบาท จากยอดขายจำนวน 17,000 ล้านลิตร แปลว่า ได้กำไรก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย อยู่ ลิตรละ 75 สตางค์ และกำไรในส่วนนี้เป็นส่วนของธุรกิจ Non-Oil หรือพวก อเมซอน จิฟฟี่ เซเว่น และให้พื้นที่ร้านค้าเช่า กว่า 30% แสดงว่า กำไรที่เป็นเนื้อน้ำมันจริงๆอยู่ที่ 70% ของ 75 สตางค์นี้ เหลือประมาณลิตรละ 53 สตางค์ แล้วหักภาษีเงินได้ แล้วจะเหลือลิตรละเท่าไร แสดงว่า การขายน้ำมันของ ปตท. นั้น แทบเรียกว่าไม่เหลือกำไรแล้วครับ แล้วทุกๆวันนี้ต้องกู้เงินมาลงทุนเพื่อจัดหาพลังงานให้กับประเทศไทย ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ปตท.มีหนี้สินสูงถึง 900 ล้านบาท ยังต้องมาภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอีกด้วย

กำไรส่วนใหญ่ของ ปตท.นั้นมาจากบริษัทลูก โดยเฉพาะ ปตท.สผ. ที่มีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกกว่า 11 ประเทศครับ ถึงแม้กำไรหลักจะมาจากในประเทศ ซึ่งกำไรจำนวนนี้ ต้องเก็บเอาเพื่อใช้ลงทุนต่อเพื่อแสวงหาพลังงานให้กับประเทศ อย่างที่ทราบว่า การลงทุนของ ปตท.สผ. ใช้เม็ดเงินมหาศาล โดยการลงทุนครั้งล่าสุดการซื้อแหล่งก๊าซของ Cove Energy ไม่มีเงินทุนเพียงพอ จนถึงขั้นต้องเพิ่มทุน เพราะมีสัดส่วนหนี้สินต่อผลกำไรสูงเกินกว่าที่จะรับได้ ทุกๆท่านก็ทราบข่าวแล้ว

ไม่สังเกตกันบ้างหรือครับว่า เงินปันผลของบริษัท ปตท. อยู่ที่ 2-3% เท่านั้น ถือว่าต่ำมากๆ (ฝากประจำได้เยอะกว่า ปกติเค้าจะลงทุนกันระยะยาวเพื่อหวัง capital gain) เพราะส่วนใหญ่ต้องเอาเงินไปลงทุนหาพลังงานต่อให้ประเทศชาติ

แต่ถ้าทุกคนอยากให้ ปตท. ไม่มีกำไรเลย และ ปตท ช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันทั้งหมด ที่ประเทศไทยใช้ทั้งปีประมาณ 50,000 ล้านลิตร กำไรแสนล้านบาทนั้น ก็จะช่วยลดราคาน้ำมันได้เพียงลิตรละ 2 บาท และทำให้ธุรกิจของ ปตท ไม่เติบโต และอ่อนแอ ในปีถัดๆไป ก็ไม่สามารถทำกำไรได้เพิ่มอีก ขณะที่ความต้องการพลังงานของประเทศชาติสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยจะลดลง ต้องพึ่งบริษัทน้ำมันต่างชาติมากขึ้น สุดท้าย ปตท.ไม่มีกำไรก็ต้องใช้ภาษีของประชาชน (รวมภาษีของคนที่ไม่ได้ใช้รถด้วย) มาอุดหนุนกิจการของบริษัทแทนที่จะทำกำไรแล้วส่งเงินเข้ารัฐ และต้องใช้น้ำมันราคาสูงขึ้น เพราะบริษัทน้ำมันต่างชาติจะครองตลาด และสามารถกำหนดราคาน้ำมันได้

งบการเงินของ ปตท. ประจำปี 2555 ตรวจสอบโดย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ฉบับสมบูรณ์ ลิงค์นี้ครับ"


http://ptt-th.listedcompany.com/misc/FS/20120511-PTT-FS1Q2012-TH.pdf
..............................................................................................................................

............................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น