..........................................................................................................................
.........................................................................................................................
"ผู้นำทางการเมืองของเรา อย่างน้อยที่สุด
จำต้องมีระดับความรู้ทางวิท ยาศาสตร์อย่างพอเพียง
ซึ่งปัจจุบันยังขาดอยู่อย่า งมากที่สุด"
- อี โอ วิลสัน
ชาตินี้เราจะต้องได้เห็นนัก การเมืองทะเลาะกันด้วยค่าสั มประสิทธิ์ความแปรผัน กล่าวในที่ประชุม "ท่านประธานที่เคารพครับ ตัวแปรนั้น มัธยฐานนี้..." เห็นคนออกมาประท้วงเรียกร้อ งเผยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ถามด้วยคำถามแบบโสกราตีส ฟันแทงกันด้วยใบมีดโกนของ occam!
ชมวีดีโอพร้อมซับไตเติลภาษา ไทยได้ที่:
http://www.ted.com/talks/ lang/th/ e_o_wilson_advice_to_young_ scientists.html
แปลโดย Unnawut Leepaisalsuwanna
ทบทวนโดย Kelwalin Dhanasarnsombut
จำต้องมีระดับความรู้ทางวิท
ซึ่งปัจจุบันยังขาดอยู่อย่า
- อี โอ วิลสัน
ชาตินี้เราจะต้องได้เห็นนัก
ชมวีดีโอพร้อมซับไตเติลภาษา
http://www.ted.com/talks/
แปลโดย Unnawut Leepaisalsuwanna
ทบทวนโดย Kelwalin Dhanasarnsombut
........................................................................................................................
...................................................................................................................
การ์ตูนสร้างชาติ
...
ใครที่ไปเคยญี่ปุ่นคงสังเกต เหมือนที่ผมเห็น ที่นั่นเป็นมหานครแห่งการ์ต ูนอย่างแท้จริง เดินเหินไปที่ไหนในประเทศนั ้น เราจะเห็นตัวการ์ตูนต่างๆเต ็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทาง โฆษณาขนม กระดานเมนูร้านกาแฟ ในห้าง ในส้วม สถานีรถไฟ หรือแม้แต่ป้ายเตือนเด็กๆให ้ระวังทางรถไฟก็เขียนเป็นกา ร์ตูน
ญี่ปุ่นใช้การ์ตูนเป็นวรรณก รรมสู่เยาวชนแล้วก็แทรกเรื่ องราวดีๆลงไปในความสนุก เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เต็มไปด้วยการบ่มเพาะให้ผู้คนนึก ถึงส่วนรวม ให้ผู้คนลุกขึ้นสู้กับอุปสร รคอย่างไม่ท้อแท้ และหลายๆเรื่องมักสอนให้รู้ จักรับผิดเมื่อตัวเองผิด ภาพตัวเอกนั่งคุกเข่าขมาเป็ นภาพที่เท่มากภาพหนึ่ง
นอกจากสอนใจแล้วการ์ตูนญี่ป ุ่นยังวาดฝันวาดอนาคตให้คนญ ี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง
ตัวอย่างการ์ตูนเรื่องนี้คร ับ กัปตันซึบาสะ Captain Tsubasa การ์ตูนที่เขียนขึ้นเมื่อปี 2524 โดย โยอิจิ ทาคาฮาชิ
ผมยังจำได้ว่าตอนที่อ่านถึง ตอนที่ว่า ซึบาสะจะพาทีมญี่ปุ่นไปบอลโ ลกให้ได้ อ่านตอนนั้นนึกอย่างไรก็นึก ไม่ออกว่าทีมชาติญี่ปุ่นจะไ ปบอลโลกได้อย่างไร สมัยนั้นนะฝีมือนี่สู้บอลไท ยยังไม่ค่อยได้เลย
แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรละครั บ ซึบาสะวาดฝันจนเป็นจริง ทุกวันนี้ญี่ปุ่นเข้ารอบบอล โลกแล้ว รวมไปถึงนักบอลระดับซูเปอร์ สตาร์ของเขาก็ค้าแข้งอยู่ใน ลีกระดับโลกหลายคน
ภาพนี้มาจากป้ายโฆษณาอันหนึ ่ง กับตันซึบาสะกอดคอกับ มาโคโตะ ฮาเซเบะ กัปตันทีมฟุตบอลทีมชาติญี่ป ุ่นตัวจริง ผมเห็นแล้วยิ้มเลยครับ ผมยืนมองอยู่ตั้งนาน มันเป็นภาพง่ายๆก็จริง แต่ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจครับ ถ้าทะลุเวลากลับไปตอนนั้นได ้ ตอนที่การ์ตูนเรื่องนี้เพิ่ งออกใหม่ๆ ไปบอกใครต่อใครว่า ญี่ปุ่นจะไปบอลโลกจากแรงบัน ดาลใจเรื่องนี้ จะมีคนหาว่าผมสติไม่สมประกอ บหรือเปล่าหนอ
ผลงานบางส่วนในเรื่องซึบาสะ นี้ ได้มีการเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ ์ของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาด ้วย ตอร์เรส ดาวยิงของสเปนก็ให้สัมภาษณ์ ว่าซึบาสะเป็นแรงบันดาลใจใน วัยเยาว์ของเขา ซึบาสะทำให้เขาก้าวมาสู่อาช ีพนี้
ผู้ใหญ่ไทยทุกวันนี้ ให้ความสำคัญกับการ์ตูนน้อย มาก ทั้งๆที่คนไทยเขียนการ์ตูนม าพร้อมๆกับคนญี่ปุ่น สมัยรัชกาลที่ 5-6 เราก็เขียนการ์ตูนกันแล้ว
แม้แต่ในส่วนของศิลปะในประว ัติศาสตร์ ภาพเขียนบนผนังวัด ลองสังเกตภาพชีวิตผู้คนที่ศ ิลปินวาดเป็นส่วนประกอบในภา พดู นั่นก็ศิลปะในแบบการ์ตูนอย่ างแท้จริง
แม้แต่หนังตะลุงของไทยก็คือ อนิเมชั่นดีๆนี่เอง
การ์ตูนคือวัฒนธรรมอย่างหนึ ่ง เราปฏิเสธไม่ได้ และเราต้องยอมรับว่ามันเป็น วัฒนธรรมที่เข้าถึงเยาวชนได ้ง่ายและเร็วที่สุด มันมีเสน่ห์ให้ผู้คนรักในตั วละคร ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ ่
และวัฒนธรรมก็คือเครื่องมือ ที่ทรงพลังที่สุดในการสร้าง ชาติ
(หมายเหตุู ...IRON MAN ที่กวาดเงินคนทั้งโลกสูงสุด อยู่ทุกวันนี้ก็มาจากวัฒนธร รมการ์ตูนของอเมริกา)
.......................... .......................... ...
...
ใครที่ไปเคยญี่ปุ่นคงสังเกต
ญี่ปุ่นใช้การ์ตูนเป็นวรรณก
นอกจากสอนใจแล้วการ์ตูนญี่ป
ตัวอย่างการ์ตูนเรื่องนี้คร
ผมยังจำได้ว่าตอนที่อ่านถึง
แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรละครั
ภาพนี้มาจากป้ายโฆษณาอันหนึ
ผลงานบางส่วนในเรื่องซึบาสะ
ผู้ใหญ่ไทยทุกวันนี้ ให้ความสำคัญกับการ์ตูนน้อย
แม้แต่ในส่วนของศิลปะในประว
แม้แต่หนังตะลุงของไทยก็คือ
การ์ตูนคือวัฒนธรรมอย่างหนึ
และวัฒนธรรมก็คือเครื่องมือ
(หมายเหตุู ...IRON MAN ที่กวาดเงินคนทั้งโลกสูงสุด
..........................
............................................................................................................
"อลงกรณ์" โอดผู้ใหญ่"ปชป."ให้ข่าวบิดเบือน-ดิสเครดิต กล่าวหาข้อเสนอปฎิรูปขัดอุดมการณ์พรรค
วันที่ 15 พฤษภาคม นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว (@alongkornpb) ถึงพิมพ์เขียวปฏิรูป ใจความว่า "หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า แหล่งข่าวอาวุโสในพรรคอ้างว่า ท่านชวน หลีกภัย โกรธมากที่ข้อเสนอการปฏิรูปพรรคของผมขัดอุดมการณ์พรรคเน้นประชานิยม แหล่งข่าวอาวุโสในพรรคให้ข่าวหนังสือพิมพ์แบบบิดเบือนหลังจากที่ผมเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา การกล่าวหาว่า "ข้อเสนอปฏิรูปพรรค" ขัดอุดมการณ์พรรค-เน้นประชานิยม-เลียนแบบพรรคเพื่อไทย" นั้น นับว่าบิดเบือนและเป็นการดิสเครดิต
"ผมรักษาวินัยโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อใดๆ หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่กลับมีบางคนให้ข่าวใส่ร้ายบิดเบือนการปฏิรูป การอ้างคำพูดท่านชวน ที่ผมให้ความเคารพแบบจงใจพูดโกหก "ขาวเป็นดำ" เช่นนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย จะทำร้ายผมได้ แต่อย่าทำร้าย การปฏิรูป
22 ปี ไม่เคยไปไหน พรรคให้เป็นประธานตรวจสอบทุจริตยุคทักษิณเรืองอำนาจสูงสุด 5 ปี เต็ม เสี่ยงคุกเสี่ยงตาย คนแบบนี้ไม่มีอุดมการณ์หรือ ท่านชวนเป็นต้นแบบต่อต้านการซื้อเสียงและคอร์รัปชั่น ผมก็ต่อสู้พวกซื้อเสียงพวกทุจริต และไม่สนับสนุนนโยบายประชานิยมแบบมอมเมา ผมเชื่อมั่นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งตนเอง ท่านชวน-ดร.อาทิตย์ ให้ทำเรื่องเอทานอล ผมก็ทุ่มเททำงานจนวันนี้มีแก๊สโซฮอลขายทั่วประเทศ ท่าน "บัญญัติ-อภิสิทธิ์" ให้ผมเป็นประธานตรวจสอบทุจริตสมัยทักษิณมีอำนาจสูงสุด 5 ปีเต็ม (ปี45-49) จนโดนฟ้องโดนแจ้งความเกือบ 20 คดี ท่านอภิสิทธ์ ให้ผลักดันนโยบาย "เศรษฐกิจสร้างสรรค์และโลจิสติกส์"
ตอนเป็น "รมช.พาณิชย์" ก็บริหารจนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและอาเซียน ท่านอภิสิทธิ์ ให้ผมปฏิรูปราชการ เพราะขีดความสามารถประเทศลดลงโดยเฉพาะ "การเริ่มต้นธุรกิจในไทย" ก็สามารถลดเวลาจาก 4 วันเหลือ 60 นาที ผมเชื่อเรื่องปฏิรูปเพราะการปฏิรูปราชการที่ว่ายาก ยังสามารถปรับปรุงระบบและพัฒนาคนจนสำเร็จทำให้กรมพัฒนาธุรกิจได้รางวัลที่ 1 ของประเทศ
ผมนำร่องปฏิรูปภาคกลางเช่นจัดอบรมแกนนำสมาชิกตั้งแต่ต้นปีกว่า 1,200 คน เน้นปลูกฝังอุดมการณ์สร้างวิสัยทัศน์ "คิดเก่ง-ทำเก่ง" ตัวอย่างที่ยกมาเพื่อให้พิจารณาเปรียบเทียบกับ "การกล่าวหาใส่ร้าย" ว่า "ผมเป็นคนไร้อุดมการณ์ ไร้หลักการ" จริงหรือไม่ หรือการกล่าวหาใส่ร้ายเกิดขึ้นเพราะผมและเพื่อนๆ เสนอ "พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรค" และ "ความพ่ายแพ้ซ้ำซาก 21 ปี" แบบตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้บิดเบือนใส่ร้ายข้อเสนอการปฏิรูปพรรคอีกต่อไป จึงต้องเผยแพร่ "พิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคปชป." ตั้งแต่ตอนที่17"
........................................................................................................................
อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว: อันตรายจากผังเมืองรวม กทม
ดร.โสภณ พรโชคชัย
บทสัมภาษณ์ของ กทม. เรื่องผังเมือง บอกไม่หมด พูดแต่ด้านดี ที่ไม่ได้ดีจริง สื่อมวลชนไม่ควรช่วย "โฆษณา" แต่ควรให้ความเป็นกลางในการ เสนอข่าวอย่างรอบด้านเพื่อป ระโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จ ริง
ตามที่หนังสือพิมพ์ประชาชาต ิธุรกิจ ฉบับเช้าวันพุธที่ 15 พฤษภาคม ศกนี้ ได้สัมภาษณ์คุณปัญญภัสสร์ นพพันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือ ง กรุงเทพมหานคร ในเรื่อง "ตอบโจทย์ผังเมือง กทม ผู้บริโภคได้อะไร" ผมไม่เห็นด้วยกับบทสัมภาษณ์ นี้เพราะไม่สอดคล้องกับความ เป็นจริง ผมจึงขออนุญาตให้ข้อมูลในอี กด้านหนึ่ง ดังนี้:
1. ผังเมืองไม่มีแผนการที่ชัดเ จนและมีประสิทธิผลต่อการป้อ งกันปัญหาภัยพิบัติดังอ้าง ยิ่งกรณีการลดโลกร้อน ยิ่งไม่เป็นความจริง มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมามุ่งกีดกันการพัฒนา และเพียงปัดปัญหาให้ออกไปจา กกรุงเทพมหานคร สู่ปริมณฑลเท่านั้น นี่จึงไม่ใช่การวางแผนที่ดี สวนสาธารณะที่อ้างอิงถึง ก็ไปนับรวมสวนในโครงการจัดส รรเอกชน ค่ายทหาร พื้นที่ปลูกต้นไม้ในเกาะกลา งถนน ฯลฯ การสร้างใหม่แทบจะไม่มีจริง
2. ที่บอกว่าจะตัดถนนใหม่ 140 สายนั้น เป็นเพียงแผนเท่านั้น หลายสายวางไว้ตั้งแต่ผังเมื องฉบับก่อน ๆ แล้ว ที่สำคัญยังไม่มีงบประมาณกา รก่อสร้างจริงแต่อย่างใด
3. ที่อ้างว่าจะส่งเสริมเขตมีน บุรี ให้เป็นพื้นที่ศูนย์ชุมชนชา นเมือง ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรถไฟฟ้าสีชมพูและสีส้ม ที่อ้างถึงว่าจะผ่านบริเวณด ังกล่าว ก็ไม่รู้จะสร้างเมื่อใด เป็นไปได้ที่ผังเมืองหมดอาย ุไปแล้ว ก็ยังไม่ได้สร้าง และในพื้นที่ธุรกิจดังกล่าว ก็ให้สร้างได้อย่างจำกัด กทม. ควรคิดใหม่ให้ศูนย์ธุรกิจชา นเมืองสามารถสร้างได้อย่างห นาแน่น (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowded) เพื่อไม่ให้เมืองเติบโตแบบร าบ ๆ ไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่น ที่วางผังไว้นี้
4. ผังเมืองนี้ซึ่งมีสถานะเป็น เพียงประกาศกระทรวงมหาดไทย กลับควบคุมอาคารยิ่งกว่ากฎห มายระดับพระราชบัญญัติที่มี อยู่แล้ว เช่น ตาม พรบ.ควบคุมอาคาร กำหนดให้ก่อสร้างอาคารขนาดใ หญ่ได้บนถนนที่มีความกว้าง 10 เมตร กทม. ก็ไปกำหนดเป็น 12 เมตร 16 เมตร หรือแม้แต่ 30 เมตร จึงจะสร้างอะพาร์ตเมนต์ทีมี ขนาด 1,000 ตรม.ขึ้นไปได้ ส่วน พรบ.จัดสรรที่ดินกำหนดให้สร ้างทาวน์เฮาส์ได้ในขนาดที่ 16 ตารางวา กทม.กลับกำหนดให้ทาวน์เฮาส์ ในหลายบริเวณต้องมีขนาด 20 ตารางวา หรืออาจต้องมีขนาดใหญ่กว่าน ั้นในบางแห่ง
5. กรณีการให้โบนัสเพิ่มเติม เช่น อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ก็ต้องเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ใ ช้งานแล้ว ไม่ใช่ที่กำลังก่อสร้าง ที่บอกให้โบนัสหากใช้ประโยช น์สาธารณะ เป็นมาตรการที่เป็นไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ได้โบนัสจริง เป็นแค่ "ราคาคุย" เท่านั้น
6. ที่ กทม. คุยว่าจะให้พื้นที่โล่งมากม ายแก่ประชาชนนั้น เป็นการเอาพื้นที่ของเอกชนไ ปนับรวม "ตู่" เอาไปเฉย ๆ ในพื้นที่สีเขียวบางแห่ง ประชาชนเรียกร้องอย่างต่อเน ื่องมาหลายผังเมืองแล้ว ขอให้แก้ไข แต่ไมได้รับการแก้ไข กทม. อ้างว่าต้องการกันพื้นที่รอ บนอกให้เป็นสีเขียว เป็น Buffer Zone กับจังหวัดปริมณฑล แต่ปรากฏว่า ในจังหวัดปริมณฑลกลับพัฒนาไ ด้โดยไม่มีข้อจำกัด ถือเป็นการรอนสิทธิประชาชนแ ละสร้างความไม่เท่าเทียม
7. เรื่องการส่งเสริมความปลอดภ ัยในชีวิตและทรัพย์สิน กทม. มักอ้างว่าหากให้สร้างอาคาร ชุดขนาดใหญ่ในซอยสุขุมวิท จะไม่ปลอดภัยเพราะเสี่ยงต่อ ไฟไหม้ แต่ความจริงไฟไหม้อาคารสูงน ้อยมากและลดลงตามลำดับ ข้ออ้างนี้จึงไม่เป็นความจร ิง ส่วนกรณีที่การก่อสร้างอาคา รใหญ่ไปสร้างปัญหาเพื่อนบ้า น อยู่ที่การจัดการของ กทม. ที่ควรรักษากฎหมายโดยเคร่งค รัด ในความเป็นจริง ใช่ว่าเจ้าของที่ดินในสุขุม วิทส่วนใหญ่จะต้องการรักษาใ ห้มีสภาพเป็นบ้านเดี่ยว เจ้าของที่ดินจำนวนมากทยอยส ร้างอาคารขนาดใหญ่ การออกผังเมืองอย่างนี้เป็น การรอนสิทธิของเจ้าของที่ดิ น
8. ที่ว่าคนในเขตกรุงเทพมหานคร จะได้อะไรต่าง ๆ มากมายจากผังเมือง ล้วนไม่เป็นความจริง มีแต่เสีย เพราะต้องระเห็จออกไปอยู่นอ กเมือง ประชากรกรุงเทพมหานครลดลงโด ยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเพราะมาตรการผัง เมืองที่ปัดความรับผิดชอบต่ อประชากรของตนเองออกไปนอกเม ือง
ผมออกมาเคลื่อนไหวเรื่องผัง เมืองนี้ ไม่ใช่เพราะมีผลประโยชน์ส่ว นตัวใด ๆ เลย ผมไม่ได้ทำธุรกิจพัฒนาที่ดิ น ไม่ได้ทำธุรกิจนายหน้า เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน และศูนย์ข้อมูลที่เป็นกลาง ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบค ุมของนักพัฒนาที่ดิน นายธนาคารหรือหน่วยราชการใด ๆ โดยถือเป็นอิสระอย่างแท้จริ ง ขอสื่อมวลชนต่าง ๆ โปรดนำเสนอถึงอันตรายของผัง เมืองรวม กทม. ฉบับนี้ และแง่คิดที่จะเป็นประโยชน์ แก่ประชาชนนี้ด้วยเถิด
ดร.โสภณ พรโชคชัย
บทสัมภาษณ์ของ กทม. เรื่องผังเมือง บอกไม่หมด พูดแต่ด้านดี ที่ไม่ได้ดีจริง สื่อมวลชนไม่ควรช่วย "โฆษณา" แต่ควรให้ความเป็นกลางในการ
ตามที่หนังสือพิมพ์ประชาชาต
1. ผังเมืองไม่มีแผนการที่ชัดเ
2. ที่บอกว่าจะตัดถนนใหม่ 140 สายนั้น เป็นเพียงแผนเท่านั้น หลายสายวางไว้ตั้งแต่ผังเมื
3. ที่อ้างว่าจะส่งเสริมเขตมีน
4. ผังเมืองนี้ซึ่งมีสถานะเป็น
5. กรณีการให้โบนัสเพิ่มเติม เช่น อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ก็ต้องเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ใ
6. ที่ กทม. คุยว่าจะให้พื้นที่โล่งมากม
7. เรื่องการส่งเสริมความปลอดภ
8. ที่ว่าคนในเขตกรุงเทพมหานคร
ผมออกมาเคลื่อนไหวเรื่องผัง
........................................................................................................................
ระบบทุนนิยมมันอนุญาตให้ตลา ดหุ้นสร้าง “ตัวคูณ” ให้กับสินทรัพย์และรายได้ เพื่อให้เกิด “ความมั่งคั่ง” อีกระนาบหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเป็นความมั่งคั่งในระดั บ “อภิมหา” หรือ Super Rich
Warren Buffet ก็ใช้วิธีการนี้มาตั้งแต่แร กและใช้มาก่อนใครเพื่อน นั่นเป็นเพราะเขาค้นพบความล ับของ “ตัวคูณ” มาตั้งแต่เขายังเรียนหนังสื ออยู่กับ Ben Graham ที่โคลัมเบียเมื่อยังเด็ก
ดังนั้น เมื่อเขาได้ของมีค่ามา แม้ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร โรงงาน กิจการ หรือธุรกิจที่มีกำไร กระแสเงินสด และมีศักยภาพแห่งรายได้ เขาย่อมไม่ “กั๊ก” ไว้เอง เขาย่อมใส่เข้าไปใน Berkshier Hathaway หมด เพื่อสร้างตัวคูณให้กับหุ้น Bershire แล้วค่อยรอกินจาก “ยอด” นั้น ซึ่งวิธีนี้สำหรับเขา มันพิสูจน์ให้เห็นตำตาแล้วว ่ามันได้โป่งขึ้นเป็นแสนเท่ า
...
ไม่แปลกที่ Buffet จะมีความสามารถพิเศษในการ “เล่าเรื่อง” หรือ “Tell Stories” เพราะเขาจำต้องสร้างความคาด หวังให้กับนักลงทุนและตลาดห ุ้น เขาต้องสร้างภาพในใจคนเหล่า นั้น ให้เห็นว่าวิธีการที่เขาทำอ ยู่ (ที่สามารถชักชวนเอากิจการด ีๆ ภายใต้ผู้บริหารที่เก่งกาจ ที่มีศักยภาพที่จะสร้างกระแ สเงินสดจำนวนมากฉีดเข้ามาใน พอร์ตของ Berkshire อยู่ตลอดเวลา) จะนำไปสู่การเพิ่มพูนความมั ่งคั่งให้กับ Berkshire Hathaway ในอนาคต
ยิ่งนักลงทุนและตลาดมีความค าดหวังสูงมากเพียงใด ยิ่งภาพที่ผุดขึ้นในใจคนเหล ่านั้นเริดหรูเพียงใด “ตัวคูณ” ของหุ้น Berkshire ในปัจจุบันย่อมสูงตามไปด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของกระบวนก ารสร้างภาพให้กับตัวเอง เพราะนักเล่าเรื่องหรือนักเ ล่านิทานที่จะให้คนเชื่อได้ ย่อมต้องมี “ความน่าเชื่อถือ” เป็นเบื้องแรก
ในรอบ 30 ปีมานี้ Buffet ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ขอ งตัวเองสูงมาก เขาวางตำแหน่งตัวเองให้ดู “ไม่โลภ” (แม้จะหากินกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มาตลอดชีวิต) เพราะเขาเข้าใจโลกสันนิวาศ ว่าถ้าถูกมองเป็นคนโลภมากเส ียแล้ว ความน่าเชื่อถือก็จะน้อย พูดอะไร ทำอะไร ก็จะไม่มีน้ำหนัก
...
พอร์ตโฟลิโอของ Birkshire นั้นมีสองชั้น คือชั้นในสุด ที่เป็น Core หรือเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจจ ริง สร้างกระแสเงินสดจริงให้กับ Birkshire (ซึ่งก็มีกลุ่มประกันเป็นหล ัก และยังมีกลุ่มการค้าอุตสาหก รรม กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและไฟ ฟ้า และกลุ่มไฟแนนซ์ล้อมรอบอยู่ ) และชั้นนอก ที่เป็น Marketable Securities อย่างเช่นหุ้นของ Coke, Wal-Mart, Proctor & Gamble, American Express, ConocoPhillips, Johnson & Johnson, Tesco, Wells Fargo, ฯลฯ
ที่ Buffet ชอบโม้ว่าหุ้นตัวเองซื้อแล้ วไม่ขาย ย่อมเป็นหุ้นในกลุ่ม Core นั่นเอง ส่วนหุ้นในกลุ่มหลัง ย่อมต้องซื้อเข้าขายออกเป็น ธรรมดา ตามประสานักเล่นหุ้น...ท่าน ผู้อ่านหลายคนมักเข้าใจประเ ด็นนี้ผิด คือไปเข้าใจว่า Value Investment นั้นต้องถือยาว และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับตราสา รอนุพันธ์เลยแม้แต่น้อย...ผ ิดครับ เพราะในพอร์ตของ Bershire นั้น มีทั้ง Credit Default Contracts, Equty Index Put Option Contracts, และ ฯลฯ
...
สำหรับผม สิ่งที่ผมได้จากการศึกษาบัฟ เฟตมิใช่สไตล์หรือหลักการลง ทุนของเขา เพราะผมคิดว่ามัน Unique มากเกินไปจนยากที่ใครจะเลีย นแบบได้ ทว่า สิ่งที่สะกิดใจผม กลับเป็นสไตล์การจัดการของเ ขาเอง
ผมว่า Buffet นอกจากจะเป็นนักลงทุนที่เก่ ง เป็นพวกตามีแวว ที่รู้จักแสวงหาเพชรในตม (Undervalued Assets) รู้จักเจรียนัยเพชร รู้จัก Tell Story รู้จักสร้างภาพ และเล่นกับจิตวิทยามวลชนแล้ ว เขายังเป็นนักบริหารที่เก่ง
สไตล์การลงทุนของเขา มีลักษณะของ “การสร้างอาณาจักร” เขา เหมือนเจงกิสข่านที่คอยยกทั พไปตีเมืองเพื่อเอามาเป็นเม ืองขึ้น แต่เขาจะให้ลูกน้องอยู่รักษ าเมือง หรือบริหารเมืองนั้น และเขาก็จะเดินทัพเพื่อตีเม ืองต่อไปที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ... การจะทำแบบนี้ได้ เขาต้องรู้จักใช้คน ต้องตามีแวว รู้ว่าใครมีข้อดีข้อเสียอะไ ร จะพัฒนาคนอย่างไร และต้องกล้า “ลงทุนในคน”
...
ผมไม่แปลกใจ ที่บัฟเฟตจะเขียนย้ำอยู่เสม อว่า เขายังคงแข็งแรง ยังบริหารได้ และยังแฮปปี้ที่จะทำงานต่อไ ป แม้จะอายุอานามจะปาเข้าไปกว ่า 79 ปีแล้ว และเขาก็ต้องตะโกนให้ได้ยิน ดังๆ อยู่เสมอว่า Berkshire Hathaway นั้นไม่ขาดแคลนผู้บริหาร และต้องมีตัวตายตัวแทน โดยเขาได้คิดเรื่องการสืบทอ ดไว้แล้วอย่างรอบคอบ นั่นเป็นเพราะ ตัวเขาเองก็ตระหนักดีว่า “ความเสี่ยง” ของเขาอยู่ที่ใด
-------------------------- ----------
* ส่วนหนึ่ง * จากบทความเก่าปี 2553 "ลอกคราบ วอเรน บัฟเฟต (Warren Buffet)" โดยคุณทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว... ซึ่งวิเคราะห์ตัวตนในด้านกา รทำงานของปู่ Buffett ได้รอบด้านที่สุดบทความหนึ่ งเท่าีที่เคยอ่านมา ... มีทั้งด้านชม ด้านจิกกัด ด้านจี้ใจดำ และด้านเข้าอกเข้าใจ
หากใครได้อ่านด้วยใจเปิดกว้ างอยากได้ความรู้ เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ไม่น ้อยครับ
www.sme-talk.com/webboard/ viewtopic.php?f=16&t=6
และหากจะมีคำถามหรือข้อแย้ง ใดๆ เกี่ยวกับข้อมูล หรือมุมมอง สามารถยิงตรงไปที่เว็บเจ้าข องบทความได้เลยนะครับ
ขอขอบคุณเพจ Indy Investor Forum ที่เริ่มต้นแนะนำบทความนี้ค รับ
Warren Buffet ก็ใช้วิธีการนี้มาตั้งแต่แร
ดังนั้น เมื่อเขาได้ของมีค่ามา แม้ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร โรงงาน กิจการ หรือธุรกิจที่มีกำไร กระแสเงินสด และมีศักยภาพแห่งรายได้ เขาย่อมไม่ “กั๊ก” ไว้เอง เขาย่อมใส่เข้าไปใน Berkshier Hathaway หมด เพื่อสร้างตัวคูณให้กับหุ้น
...
ไม่แปลกที่ Buffet จะมีความสามารถพิเศษในการ “เล่าเรื่อง” หรือ “Tell Stories” เพราะเขาจำต้องสร้างความคาด
ยิ่งนักลงทุนและตลาดมีความค
ในรอบ 30 ปีมานี้ Buffet ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ขอ
...
พอร์ตโฟลิโอของ Birkshire นั้นมีสองชั้น คือชั้นในสุด ที่เป็น Core หรือเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจจ
ที่ Buffet ชอบโม้ว่าหุ้นตัวเองซื้อแล้
...
สำหรับผม สิ่งที่ผมได้จากการศึกษาบัฟ
ผมว่า Buffet นอกจากจะเป็นนักลงทุนที่เก่
สไตล์การลงทุนของเขา มีลักษณะของ “การสร้างอาณาจักร” เขา เหมือนเจงกิสข่านที่คอยยกทั
...
ผมไม่แปลกใจ ที่บัฟเฟตจะเขียนย้ำอยู่เสม
--------------------------
* ส่วนหนึ่ง * จากบทความเก่าปี 2553 "ลอกคราบ วอเรน บัฟเฟต (Warren Buffet)" โดยคุณทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว... ซึ่งวิเคราะห์ตัวตนในด้านกา
หากใครได้อ่านด้วยใจเปิดกว้
www.sme-talk.com/webboard/
และหากจะมีคำถามหรือข้อแย้ง
ขอขอบคุณเพจ Indy Investor Forum ที่เริ่มต้นแนะนำบทความนี้ค
...........................................................................................................................
..................................................................................................................
» “ ความเป็น...ฮีโร่ ”
วิทยาศาสตร์เก่านั้นจะเชื่อ ความเป็นฮีโร่ นิยมความเป็นฮีโร่ เพราะภายใต้กรอบคิดแบบนิวตั นนั้น (F=ma) การออกแรงมากย่อมเกิดการเคล ื่อนที่มาก ออกแรงน้อยย่อมเกิดการเคลื่ อนที่น้อย ฮีโร่คือคนที่สามารถออกแรงไ ด้มาก
สังคมจึงต้องการฮีโร่เพื่อม าขับเคลื่อนสังคมให้เคลื่อน ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ต้องการผู้นำที่เข้มแข็งอะไ รประมาณนั้น
แนวคิดเรื่องนี้ไม่ได้ผิด แต่เป็นความถูกต้องเฉพาะกับ `วัตถุ´
และมีข้อแม้อีกหนึ่งข้อก็คื อ... วัตถุชิ้นนั้นจะต้องเป็นวัต ถุที่มีความเร็วไม่มากไปกว่ าความเร็วของแสงเท่านั้น ทั้งยังใช้ไม่ได้กับวัตถุเล ็กๆ ในระดับอะตอมอีกด้วย
มีข้อสังเกตตรงนี้ว่า “คนและสังคมเป็นสิ่งมีชีวิต ”...การใช้แนวคิดแบบกลไกนี้ กับคนและสังคมจึงอาจจะใช้ไม ่ได้
::::::::::::::::::::
วิทยาศาสตร์ใหม่โดยเฉพาะทฤษ ฎีไร้ระเบียบนั้นบอกว่า...
ในระบบที่มีความไร้ระเบียบน ั้นจะสามารถเกิดการเปลี่ยนแ ปลงทั้งระบบได้โดยเกิดจากกา รเปลี่ยนของจุดเล็กๆ ในระบบ ผ่านวงจรขยาย (Amplify Loop) คล้ายๆ กับเครื่องขยายเสียง เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่เรียก ว่า “Butterfly Effect”
หรือคำพูดที่หลายท่านอาจจะเ คยได้ยินบ่อยๆ ว่า “ผีเสื้อขยับปีกที่ปักกิ่งแ ล้วทำให้เกิดพายุทอร์นาโดที ่ฟลอริด้า”
ตามแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์ใหม ่การเปลี่ยนแปลงของระบบจึงไ ม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ฮีโร่” แต่จะขึ้นอยู่กับจุดเล็กๆ ที่เชื่อมโยงกันเป็นชุมชนแล ้วขยายผลตามเหตุตามปัจจัยที ่เหมาะสม
::::::::::::::::::::
ยกตัวอย่างเช่น...
กำแพงเบอร์ลินที่พังทลายลงไ ด้ มิใช่เพราะฮีโร่แบบปัจเจก หากแต่เป็นเพราะชุมชนเล็กๆ ในเยอรมันเกิดการรวมตัวกัน
กฎหมายที่ให้สิทธิ์เท่าเทีย มกันเรื่องผิวสีในสหรัฐอเมร ิกาเกิดขึ้นมาได้ในช่วงทศวร รษ 60 ก็มิใช่เพราะฮีโร่ แต่เป็นเพราะผู้หญิงผิวดำบ้ านนอกธรรมดาๆ คนหนึ่ง!
เธออาศัยอยู่ในรัฐทางตอนใต้ ของสหรัฐอเมริกาตัดสินใจไม่ ยอมลุกขึ้นให้ที่นั่งกับคนข าวบนรถเมล์ในวันหนึ่ง...แล้ วเกิดการรวมตัวของคนผิวดำจำ นวนมากมายที่ลุกขึ้นต่อสู้เ พื่อสิทธิและศักดิ์ศรีแห่งค วามเป็นมนุษย์
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต และปรากฏการณ์อื่นๆ ในธรรมชาติล้วนแล้วแต่เป็นห ลักฐานเป็นเครื่องพิสูจน์ถึ งความจริงในข้อนี้ได้เป็นอย ่างดี
วิทยาศาสตร์ใหม่จึงไม่ได้ให ้ความสำคัญกับ “ฮีโร่” มากไปกว่าการเป็นสมาชิกคนหน ึ่งของสังคม
::::::::::::::::::::
นอกจากนี้ ถ้าเราดูดีๆ การปรากฏตัวของ “ฮีโร่” กลับจะเป็นการรบกวนและอาจจะ ถึงขั้นทำลายกระบวนการที่คว รจะเป็นไปในระบบตามที่ควรจะ เป็นไปด้วยซ้ำ
เพราะ “ฮีโร่” มักจะใช้อำนาจ เมื่อใช้อำนาจก็ย่อมเกิดควา มไม่เท่าเทียม รบกวนระบบและยังจะทำให้เกิด ปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นตามมา มากมาย
ในมุมมองแบบนี้การก่อเกิด “ความเป็นผู้นำ” จึงไม่ใช่อยู่ที่ “ตัวตน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนใดคน หนึ่ง หากแต่จะอยู่ที่ “พลังงานของกลุ่ม”
เป็น “พลังงานที่ซ่อนเร้นอยู่” ที่พลังงานเหล่านี้สามารถ “ผุดบังเกิด” หรือ “โผล่ปรากฏ” ออกมาได้ก็ต่อเมื่อมี “กระบวนการ” ที่เหมาะสม ได้แก่
1. การอยู่กับปัจจุบัน
2. การใคร่ครวญร่วมกัน
3. การรับรู้และรับฟังกันอย่าง ลึกซึ้ง
4. ความเท่าเทียม
5. การแขวนการตัดสิน
::::::::::::::::::::
ด้วยความเข้าใจแบบนี้ ความเป็นผู้นำแบบวิทยาศาสตร ์ใหม่จึงแตกต่างอย่างสิ้นเช ิงกับ “ฮีโร่” ในความหมายแบบเก่าที่เข้าใจ กันมาตลอด
ด้วยความเข้าใจใหม่แบบนี้เร าก็จะมองเห็นได้ว่า “ความเป็นผู้นำ” ไม่จำเป็นจะต้องอาศัย “ฮีโร่” (ที่มีแรงมากเพื่อออกแรงมาก ) อีกต่อไป
หากแต่ต้องการ “ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันแล ะกัน” แล้วไว้ใจให้ “สาระสำคัญของความเป็นผู้นำ ” ผุดบังเกิดออกมาในเวลาที่เห มาะสม
เราได้มาถึงยุคที่จะต้องใช้ วิทยาศาสตร์ใหม่ให้เหมาะสมก ันแล้ว มิเช่นนั้นเราก็คงจะมิอาจแก ้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย ถ้ายังคงมีกรอบคิดแบบเดิมแล ะใช้อำนาจแบบฮีโร่ในสมัยก่อ น
::::::::::::::::::::
Credit : นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์
วิทยาศาสตร์เก่านั้นจะเชื่อ
สังคมจึงต้องการฮีโร่เพื่อม
แนวคิดเรื่องนี้ไม่ได้ผิด แต่เป็นความถูกต้องเฉพาะกับ
และมีข้อแม้อีกหนึ่งข้อก็คื
มีข้อสังเกตตรงนี้ว่า “คนและสังคมเป็นสิ่งมีชีวิต
::::::::::::::::::::
วิทยาศาสตร์ใหม่โดยเฉพาะทฤษ
ในระบบที่มีความไร้ระเบียบน
หรือคำพูดที่หลายท่านอาจจะเ
ตามแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์ใหม
::::::::::::::::::::
ยกตัวอย่างเช่น...
กำแพงเบอร์ลินที่พังทลายลงไ
กฎหมายที่ให้สิทธิ์เท่าเทีย
เธออาศัยอยู่ในรัฐทางตอนใต้
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต และปรากฏการณ์อื่นๆ ในธรรมชาติล้วนแล้วแต่เป็นห
วิทยาศาสตร์ใหม่จึงไม่ได้ให
::::::::::::::::::::
นอกจากนี้ ถ้าเราดูดีๆ การปรากฏตัวของ “ฮีโร่” กลับจะเป็นการรบกวนและอาจจะ
เพราะ “ฮีโร่” มักจะใช้อำนาจ เมื่อใช้อำนาจก็ย่อมเกิดควา
ในมุมมองแบบนี้การก่อเกิด “ความเป็นผู้นำ” จึงไม่ใช่อยู่ที่ “ตัวตน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนใดคน
เป็น “พลังงานที่ซ่อนเร้นอยู่” ที่พลังงานเหล่านี้สามารถ “ผุดบังเกิด” หรือ “โผล่ปรากฏ” ออกมาได้ก็ต่อเมื่อมี “กระบวนการ” ที่เหมาะสม ได้แก่
1. การอยู่กับปัจจุบัน
2. การใคร่ครวญร่วมกัน
3. การรับรู้และรับฟังกันอย่าง
4. ความเท่าเทียม
5. การแขวนการตัดสิน
::::::::::::::::::::
ด้วยความเข้าใจแบบนี้ ความเป็นผู้นำแบบวิทยาศาสตร
ด้วยความเข้าใจใหม่แบบนี้เร
หากแต่ต้องการ “ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันแล
เราได้มาถึงยุคที่จะต้องใช้
::::::::::::::::::::
Credit : นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์
.......................................................................................................................
Curry onsen ... ไอเดียดีๆในจานอาหาร ทำให้ชีวิตรื่นรมย์ขึ้นเยอะ
..............................................................................................................................
...........................................................................................................................
iTem นี้ยอดเยี่ยมมาก เหมาะสำหรับคนชอบ Gadget ล้ำๆ และคนรักสีเขียว เพราะมันเป็นปลั๊ก ที่ให้เราใช้พลังงานจากแสงอ
............................................................................................................................
เมื่อก่อนแอดมินก็ไม่เข้าใจ
...................................................................................................................
หลากหลายวิธี นำแกนกระดาษชำระกลับมาใช้งา นใหม่
- ม้วนการ์ดอวยพรแผ่นใหญ่ ๆ ไว้ในแกนกระดาษชำระ จะช่วยให้การ์ดหรือกระดาษนั ้นไม่ยับยู่ยี่เมื่อถึงมือผ ู้รับ
- ตัดแบ่งเป็นท่อนเล็ก ๆ แล้วตกแต่งตามใจชอบ สามารถใช้เป็นห่วงสำหรับใส่ ผ้าเช็ดปากบนโต๊ะอาหารได้
- หนังยางรัดของที่มักเก็บรวม กันไว้อย่างกระจัดกระจายในล ิ้นชัก ให้นำทั้งหมดมารัดรอบแกนกระ ดาษชำระ ก็จะทำให้ดูเป็นระเบียบเรีย บร้อยขึ้น
- วางแกนกระดาษชำระรวมกันในลั งในแนวตั้ง แล้วใส่สายไฟหรือสายชาร์จอุ ปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายซึ่งพันแล้ว เก็บลงในแกนกระดาษชำระแกนละ สาย จะช่วยทำให้คุณเก็บสายไฟได้ อย่างมีระเบียบ และหยิบใช้ง่าย
- ใช้วางแบ่งช่องสำหรับเพาะเม ล็ดพืชได้ โดยจัดวางเรียงให้เป็นแถวใน ภาชนะที่ใช้เพาะต้นกล้า
- ใส่กระดาษหนังสือพิมพ์อัดเข ้าไปในแกนกระดาษชำระ ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงเวลาจุด เตาถ่านหรือก่อกองไฟได้
ขอบคุณ : Kapook, Lisa
- ม้วนการ์ดอวยพรแผ่นใหญ่ ๆ ไว้ในแกนกระดาษชำระ จะช่วยให้การ์ดหรือกระดาษนั
- ตัดแบ่งเป็นท่อนเล็ก ๆ แล้วตกแต่งตามใจชอบ สามารถใช้เป็นห่วงสำหรับใส่
- หนังยางรัดของที่มักเก็บรวม
- วางแกนกระดาษชำระรวมกันในลั
- ใช้วางแบ่งช่องสำหรับเพาะเม
- ใส่กระดาษหนังสือพิมพ์อัดเข
ขอบคุณ : Kapook, Lisa
...............................................................................................................................
Todd Akin คือ สส. จากรัฐมิสซูรี สังกัดพรรครีพับลิกัน เขาเป็นผู้ต่อต้านนโยบายทำแ ท้งมายาวนาน จนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมปี 2012 ที่ผ่านมา เขาได้รับเลือกจากพรรครีพับ ลิกัน (Republic primary) ให้เป็นตัวแทนลงแข่งขันเลือ กตั้ง สว. และเพียง 2 สัปดาห์จากนั้นเขาก็ได้กล่า ววาทะที่ทำให้เขาโด่งดังไปท ั่วโลก โดยเขาให้สัมภาษณ์รายการโทร ทัศน์แห่งนึงว่า
“เขาได้เรียนรู้จาก "แพทย์" ว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืนโดยช อบธรรม (Legitimate Rape) นั้นมีโอกาสน้อยมากที่จะตั้ งท้อง เนื่องจากในกรณีนี้ร่างกายข องผู้หญิงจะมีกลไกต่อต้านกา รตั้งท้องได้โดยธรรมชาติ”
First of all, from what I understand from doctors, that's really rare. If it's a legitimate rape, the female body has ways to try to shut that whole thing down.
แทบจะทันทีที่วาทะนี้หลุดออ กไป เขาก็กลายเป็นตัวตลกระดับชา ติและระดับโลก กลุ่มสตรีมากมายออกมาก่นด่า เขาว่าอะไรคือ “การข่มขืนโดยชอบธรรม”
นักการเมืองฝ่ายเดโมแครตได้ จังหวะขี่แพะไล่กระซวกเขาใน ทางการเมืองอย่างสนุกสนาน และแน่นอนว่าพรรครีพับลิกัน เสียเครดิตไปมากจากกรณีนี้
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ ณ ขณะนั้นพรรครีพับลิกันก็กำล ังส่ง มิตต์ รอมนีย์ มาเป็นคู่แข่ง บารัค โอบามา ในสนามเลือกตั้งประธานาธิบด ีเช่นกัน และรีพับลิกันเองก็เป็นรองเ ดโมแครตอยู่แล้ว จึงอาจเรียกได้ว่า Todd Akin เป็นตัวซวยทำให้รีพับลิกันเ สียคะแนนแบบโง่ๆก็ว่าได้
มิตต์ รอมนีย์ กล่าวประนามวาทะนี้ว่า “ไม่อาจแก้ตัวได้, เหยียดหยาม, และพูดตรงๆได้ว่า ผิด” (inexcusable, insulting, and frankly, wrong)
กระแสก่นด่า Todd แพร่ขยายออกไปจนสมาชิกพรรคร ีพับลิกันเองก็ทนไม่ไหว หมดปัญญาจะช่วยแก้ต่างให้ใน ทางการเมือง หลายคนรวมทั้ง มิตต์ รอมนีย์ เองก็ออกมากดดันให้ Todd ถอนตัวออกจากการแข่ง สว. ทันที
อย่างไรก็ตาม Todd ตัดสินใจไม่ถอนตัว เขาลงทุนทำโฆษณาทีวีแก้ต่าง ให้ตัวเองไปทั่วประเทศ แต่สุดท้ายเขาก็แพ้เลือกตั้ งในกับเดโมแครตในที่สุด
==================
เรื่องราวของ Todd Akin สอนให้เราเห็นว่าทุกพรรคการ เมืองมีทั้งคนโง่และคนฉลาด
คนที่ติดตามการเมืองโดยเชื่ อใน “ระบบ” จะไม่ยึดติดกับ “ข้าง” เสียจนมืดบอดโง่เขลา เพราะการเมืองที่เชื่อใน “ระบบ” เชื่อใน “พรรค” มันจะอยู่เหนือตัวบุคคล มันคือเรื่องของนโยบาย เรื่องของปรัญญา เรื่องของหลักคิด และเรื่องของไอเดีย ในการบริหารพัฒนาประเทศ
ฝ่ายตรงข้ามเราก็สามารถทำเร ื่องดีๆได้ เช่นเดียวกับที่คนฝ่ายเราก็ สามารถทำเรื่องโง่บรมได้เช่ นกัน
คนที่มีสติสัมปชัญญะที่ดี จะไม่มีปัญหาใดๆกับการก่นด่ า “พวกตัวเอง” ที่ทำตัวโง่ๆ เพราะสุดท้ายการทำตัวโง่เง่ านั้น มันจะเป็นผลเสียต่อ “พรรค” ที่พวกเขาสนับสนุน
ใครที่สามารถมองการเมืองที่ ไอเดียได้ ก็จะหลุดพ้นจากตัวบุคคลได้เ องโดยธรรมชาติ
ไม่ต้องเดือดร้อนเวลามีคนคอ ยเหน็บแนมว่า “ดูสิ พวกเอ็งน่ะทำตัวโง่เง่ามากน ะ”
เพราะเราก็พูดได้เต็มปากเช่ นกันว่า “จริง ... แม่งโง่ชิบหายเลยว่ะ”
แต่สำหรับคนที่ยังยึดติดกับ ตัวบุคคลอยู่ ก็คงไม่อาจเข้าใจได้หรอกว่า เราจะด่าคนพวกเดียวกันได้อย ่างไร
“เขาได้เรียนรู้จาก "แพทย์" ว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืนโดยช
First of all, from what I understand from doctors, that's really rare. If it's a legitimate rape, the female body has ways to try to shut that whole thing down.
แทบจะทันทีที่วาทะนี้หลุดออ
นักการเมืองฝ่ายเดโมแครตได้
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ ณ ขณะนั้นพรรครีพับลิกันก็กำล
มิตต์ รอมนีย์ กล่าวประนามวาทะนี้ว่า “ไม่อาจแก้ตัวได้, เหยียดหยาม, และพูดตรงๆได้ว่า ผิด” (inexcusable, insulting, and frankly, wrong)
กระแสก่นด่า Todd แพร่ขยายออกไปจนสมาชิกพรรคร
อย่างไรก็ตาม Todd ตัดสินใจไม่ถอนตัว เขาลงทุนทำโฆษณาทีวีแก้ต่าง
==================
เรื่องราวของ Todd Akin สอนให้เราเห็นว่าทุกพรรคการ
คนที่ติดตามการเมืองโดยเชื่
ฝ่ายตรงข้ามเราก็สามารถทำเร
คนที่มีสติสัมปชัญญะที่ดี จะไม่มีปัญหาใดๆกับการก่นด่
ใครที่สามารถมองการเมืองที่
ไม่ต้องเดือดร้อนเวลามีคนคอ
เพราะเราก็พูดได้เต็มปากเช่
แต่สำหรับคนที่ยังยึดติดกับ
..................................................................................................................
"ชายชุดดำ"
ไม่รู้คำไทยว่าไง แต่ฝรั่งเค้าว่า "Like a boss!!!"
............................................................................................................................
"ระบบคมนาคมที่พัฒนาขึ้น จะทำให้เกิดโอกาสใหม่ ที่ชัดเจนคือ ธุรกิจ e-commerce จะโตขึ้น ธุรกิจนี้มีเงินหมุนเวียนกว
.............................................................................................................................
การเปรียบเทียบแนวคิดเกี่ยว
ข้อมูลอ้างอิง
ฝั่งซ้ายมือจาก แนวคิดของคณะนิติราษฎร์
ฝั่งขวามือจาก แนวคิดของ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา สมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 และกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์
..............................................................................................................
มาเปลี่ยนจากใครๆก็ก๊อปกัน มาเป็นใครๆก็บลัสกันดีกว่าค ่ะ
ใครทำคอนเท้นท์บนเพจด้วยตัว เองแล้วโดนก๊อบ ก็เข้าไปรีพอทลิงค์นี้ได้เล ยจ้า
https://www.facebook.com/ help/ contact_us.php?id=208282075 858952
หนูระบุไปแค่ว่าภาพที่โดนก๊ อปเป็นภาพที่หนูวาดอัพลงในเ พจของหนู แล้วมันเอาไปโดยไม่ได้รับอน ุญาต พร้อมแนบลิงค์ภาพต้นฉบับไปใ ห้พร้อมบอกว่าเช็ควันเวลาอั พดูได้
มาร์คเลยจัดการบลัสให้หนูไป สี่รายเลยงุ หนูลองมาละ ก๊ากกกกๆกๆกๆกๆกๆกๆกๆ มาร์คก็ทำอะไรดีๆนอกจากบลัส ปลาดุกกับกระต่ายหมายจันทร์ เหมือนกันนะ
พิมพ์ภาษาไทยก็ได้ อิ้งลิซยิ่งดี
ใครทำคอนเท้นท์บนเพจด้วยตัว
https://www.facebook.com/
หนูระบุไปแค่ว่าภาพที่โดนก๊
มาร์คเลยจัดการบลัสให้หนูไป
พิมพ์ภาษาไทยก็ได้ อิ้งลิซยิ่งดี
..............................................................................................................
เติมน้ำใสใส่หัวใจ
มีจุดหนึ่งของการเกิดมาในคร อบครัวตะวันออกที่ผมมองไม่เ ห็น จนกระทั่งไปใช้ชีวิตในตะวัน ตก นั่นคือการที่ผู้ใหญ่เอ่ยคำ ขอโทษ คำชม และคำขอบคุณต่อเด็กไม่เป็น (นี่เป็นเพียงข้อสังเกตจากป ระสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น)
หลายคนพูดจากับคนแปลกหน้าไพ เราะกว่าพูดกับสมาชิกในครอบ ครัว ยิ้มให้กับคนที่เราไม่รู้จั กกันดีอย่างดี แต่ไม่ยิ้มให้คู่ครองที่อยู ่ด้วยกันมานานยี่สิบ สามสิบปี
แปลกไหม?
ธอมัส เมอร์ตัน ชาวตะวันตกคนหนึ่งที่ลุ่มหล งชีวิตตะวันออก เขียนในหนังสือปรัชญาเต๋าเล ่มหนึ่งว่า เมื่อเราเดินไปในตลาดพลุกพล ่าน เผลอเหยียบเท้าใครคนหนึ่ง เรารีบเอ่ยว่า "ขอโทษ" และให้เหตุผล แต่เมื่อเหยียบเท้าลูก เรากลับเงียบกริบ
นี่อาจเป็นพฤติกรรมที่ฝังรา กมาจากความเชื่อที่ว่า ผู้ใหญ่ย่อมไม่ผิด ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน
บางครั้งการเอ่ยคำ "ขอโทษ" นั้นยากเย็นยิ่ง เหมือนกับศักดิ์ศรีของตนถูก ลดทอน หรือเป็นการเผยว่าตนเองโง่เ ง่าจนผิดพลาด
ทว่าการพลาดพลั้งยังดีกว่าก ารไม่เคยพลั้งพลาด และการกล้ายอมรับว่าตนผิดย่ อมดีกว่าการดื้อดึง เพียงเพื่อรักษาหน้าตาหรือศ ักดิ์ศรี
มารยาทที่แท้ย่อมรักษาความส ม่ำเสมอ และไม่มีข้อแม้ใด ๆ
หลายปีนี้ผมเรียนรู้อย่างหน ึ่งว่า บางครั้งการชิงเอ่ยคำ "ขอโทษ" ก่อน ทั้งที่เราไม่ผิด ช่วยลดอุณหภูมิความเครียดระ หว่างสองฝ่ายได้อย่างอัศจรร ย์
การเอ่ยคำชมและบอกรักคนอื่น ก็อยู่ในข่ายเดียวกัน
คนจำนวนมากรู้สึกเขินเมื่อต ้องบอกรักผู้อื่น คนอีกไม่น้อยมองไม่เห็นว่าท ำไมต้องชมคนอื่น บางคนบอกว่าชื่นชมในใจก็พอแ ล้ว
พวกเขาลืมไปว่า ไม่มีใครได้ยินคำชมที่อยู่ใ นใจ
คำชมและคำบอกรักเป็นของฟรี ให้คนอื่นมากเท่าไร ก็ไม่มีวันหมดจากคลังหัวใจ
ภาษิตฝรั่งบอกว่า Don't wait until people are dead to give them flowers.
รู้จักชมคนบ้าง เพราะบางครั้งการชมผู้อื่นม ีค่ามากกว่าสินจ้างรางวัล
การบอกรักผู้อื่น โดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษคือ ความพิเศษอย่างหนึ่ง
สัมมาวาจาก็เช่นน้ำเย็น พรมใส่ต้นไม้ นอกจากจะสร้างความชุ่มฉ่ำต่ อใบหรือดอก ยังไหลย้อยลงดินเป็นอาหารแก ่ราก
ชีวิตมีความงดงามก็ตรงที่เร ารู้จักเติมน้ำดีใส่ลงไปในห ัวใจอยู่เรื่อย ๆ
วินทร์ เลียววาริณ, 13 พฤศจิกายน 2547
มีจุดหนึ่งของการเกิดมาในคร
หลายคนพูดจากับคนแปลกหน้าไพ
แปลกไหม?
ธอมัส เมอร์ตัน ชาวตะวันตกคนหนึ่งที่ลุ่มหล
นี่อาจเป็นพฤติกรรมที่ฝังรา
บางครั้งการเอ่ยคำ "ขอโทษ" นั้นยากเย็นยิ่ง เหมือนกับศักดิ์ศรีของตนถูก
ทว่าการพลาดพลั้งยังดีกว่าก
มารยาทที่แท้ย่อมรักษาความส
หลายปีนี้ผมเรียนรู้อย่างหน
การเอ่ยคำชมและบอกรักคนอื่น
คนจำนวนมากรู้สึกเขินเมื่อต
พวกเขาลืมไปว่า ไม่มีใครได้ยินคำชมที่อยู่ใ
คำชมและคำบอกรักเป็นของฟรี ให้คนอื่นมากเท่าไร ก็ไม่มีวันหมดจากคลังหัวใจ
ภาษิตฝรั่งบอกว่า Don't wait until people are dead to give them flowers.
รู้จักชมคนบ้าง เพราะบางครั้งการชมผู้อื่นม
การบอกรักผู้อื่น โดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษคือ ความพิเศษอย่างหนึ่ง
สัมมาวาจาก็เช่นน้ำเย็น พรมใส่ต้นไม้ นอกจากจะสร้างความชุ่มฉ่ำต่
ชีวิตมีความงดงามก็ตรงที่เร
วินทร์ เลียววาริณ, 13 พฤศจิกายน 2547
..................................................................................................................
การทำร้ายทางจิตใจ (Emotional abuse)
น่าจะเป็นรูปแบบที่โหดร้ายท ี่สุด และส่งผลกระทบยาวนานที่สุด
การทำร้ายทางจิตใจด้วยคำพูด พฤติกรรมดูหมิ่น หรือการเพิกเฉย คือ การทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตัว เองมีคุณค่าลดลงอย่างเป็นระ บบ และพฤติกรรมเหล่านี้มักเป็า พฤติกรรมต่อเนื่อง ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งใดครั้ งหนึ่ง
การทำร้ายจิตใจมีผลร้ายต่อเ ด็กที่กำลังอยู่ในวัยที่จะเ รียนรู้คุณค่าของตัวเองและเ ป็นเหยื่อได้ง่ายมากที่สุด ผลของการทำร้ายจิตใจจะลดแนว คิดรวบยอดเกี่ยวกับตัวเอง (self concept=อัตมโนทัศน์ แนวคิดรวบยอดเกี่ยวกับตนเอง -การตรวจสอบและการรับรู้ตนใ นด้านค่านิยม ความสามารถ จุดมุ่งหมายและคุณค่าของตน) ของเด็กลง จนถึงจุดที่เด็กที่ตกเป็นเห ยื่อคิดว่า ตัวเองไม่ทีคุณค่า (Unworthy) เช่น ไม่มีค่าควรที่จะใครจะยอมรั บ ไม่มีค่าควรที่ใครจะเป็นเพื ่อน ไม่มีค่าควรได้รับความรักแล ะการคุ้มครอง
ตัวอย่างประโยคทำร้ายจิตใจ แกมันโง่ แกมันคิดไม่เป็น แกมันไม่มีหัวคิด แกอ้วน แกดำ แกมันน่าเกลียด หรือการเปรียบเปรย เช่น แกไม่มีทางจะได้ดีเหมือนพี่ แกร้อก ทำไมถึงทำแบบนี้ ฉันอายที่มีแกเป็นลูกจริงๆ
และการทำร้ายจิตใจอาจจะมาจา กการโดนทอดทิ้ง เพิกเฉย ไม่แสดงความรักก็ได้ การทำเช่นนี้พ่อแม่เหมือนไม ่ได้ทำร้ายอะไร แต่นี่คือการทำลายล้างที่มี ผลไม่น้อยไปกว่าคำพูด และหากลงมือทำทั้ง 2 อย่างจะส่งผลเสียเป็นทวีคูณ
การทำร้ายทางจิตใจ หรือด้วยคำพูด หรือด้วยการเพิกเฉย มักทำให้คนที่ถูกทำร้ายได้ร ับความเจ็บปวดพอๆกับการทำร้ ายร่างกาย แต่ความเจ็บปวดมักจะอยู่นาน กว่า
เด็กบางคนที่โดนทำร้ายจากพ่ อแม่ นอกจากจะไม่ได้รับการปลอบโย นจากพี่น้องแล้วยังกลายเป้า หมายของการระบายอารมณ์ของคน ในครอบครัวอีก เด็กๆ มักเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี ้ได้อย่างรวดเร็ว แทนที่จะได้เรียนรู้พฤติกรร มที่ดีจากผู้ใหญ่ เช่น ความเห็นใจ การดูแลปกป้องคนอื่น พวกเขาจะได้เรียนรู้พฤติกรร มการโขกสับคนอื่นที่เลวร้าย ซึ่งอาจถูกนำติดตัวไปด้วยเม ื่อเป็นผู้ใหญ่ สร้างวงจรที่เลวร้ายของการเ ลี้ยงลูกแบบนี้ต่อไป
การทำร้ายจิตใจเด็ก เป็นการทารุณเด็กที่เกิดมาก ที่สุด แต่เป็นที่เข้าใจ/ รับรู้ น้อยที่สุด และผู้ใหญ่มักคิดว่า มันจะหายไปเองเมื่อเขาโตขึ้น - การทำร้ายจิตใจนั้นจะเป็นบา ดแผลในหัวใจ ทำลายจิตวิญญาณ ต้องได้รับการดูแลรักษา แต่ความจริงความเจ็บปวดไม่ไ ด้หยุดเมื่อพวกเขาโตขึ้น บางคนกลับรู้สึกเจ็บปวดมากข ึ้นด้วย
ไม่ว่าจะโดนแบบไหน เด็กที่เป็นเหยื่อมักต่อสู้ ดิ้นรนเพื่อหาคำอธิบายว่าทำ ไมพ่อแม่ผู้ปกครองหรือครู ถึงได้ทำแบบนั้นกับเขา ส่วนใหญ่คำอธิบายจะจบลงแบบท ี่ทำให้ตัวเองอยู่รอดต่อไปใ นครอบครัวนั้นๆว่า "เป็นความผิดของเขาเอง ไม่ใช่ความผิดผู้ที่ทำร้ายเ ขา"
การทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดและ พฤติกรรมมีลักษณะพิเศษมากตร งที่มันได้รับการออกแบบมาให ้เหยื่อเป็นฝ่ายรู้สึกว่าตน ผิด ทำให้คนที่ทำร้ายคนอื่นยังค งมีพฤติกรรมซ้ำซากต่อไปจนเป ็นนิสัย และมันเป็นเรื่องที่เลียนแบ บได้ง่ายมากด้วย
นอกจากนี้ผู้ใหญ่ที่ทำ มักไม่ตระหนักว่าตนเองทำร้า ยจิตใจเด็ก และมักไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ตน ทำ เพราะคิดว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป ็นการทำผิดอะไร
การจะเยียวยาบาดแผลจากการถู กทำร้ายทางจิตใจไม่ใช่อยู่ท ี่การให้อภัยผู้ที่ทำร้ายจิ ตใจคุณ แต่อยู่ที่คุณต้องให้อภัยตั วเอง ว่าคุณไม่ใช่คนผิด จึงไม่จำเป็นต้องสำนึกผิดใน สิ่งที่คนใกล้ชิดเป็นผู้ทำร ้ายจิตใจคุณ
การให้อภัยตนเองเป็นเรื่องท ี่ทุกคนมีสิทธิทำได้ การที่คุณจะเยียวยาตัวเอง และเอาชนะความเจ็บช้ำในอดีต ได้ คุณต้องตระหนักว่าคุณมีค่าค วรได้รับความรัก และความนับถือจากคนอื่น และคุณกล้าที่จะพิสูจน์ตัวเ องในเรื่องนี้
: ท้ายสุด
คุณอาจเห็นคนแสดงความคิดเห็ นที่พยายามกดทับคนอื่น
ให้ร้ายคนอื่น ลดคุณค่าของคนอื่นเต็มไปหมด ในโพสท์ต่างๆ
ก็ให้เข้าใจเบื้องต้นได้เลย ว่า เขาเหล่านั้นเป็นคนน่าสงสาร ...
เราอาจต้องให้โอกาสและช่วยเ หลือเขา
ให้เขาก้าวพ้นความเจ็บปวดใน จิตใจของตนเอง
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะเราจะมาร่วมกันคิด
เพื่อสร้างแนวทางการสื่อสาร ที่สร้างสรรค์
ไม่ใช่การลดทอนคุณค่าของผู้ อื่น
(เลิกเรียกคนอื่นว่า ควาย เหี้ย โง่ สลิ่ม คลั่งเจ้า ล้มเจ้า แมลงสาป ฯลฯ กันเถอะ แล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดอย่ างสร้างสรรค์กันนะ)
เรียบเรียงใหม่โดยแอดมิน
อ้างอิง Andrew Vachss
จิตวิทยาวัยรุ่น : วิทยากร เชียงกูร
โพสท์ครั้งแรก 26 ม.ค.56
https://www.facebook.com/ bethethinker/posts/ 497983540252679
น่าจะเป็นรูปแบบที่โหดร้ายท
การทำร้ายทางจิตใจด้วยคำพูด
การทำร้ายจิตใจมีผลร้ายต่อเ
ตัวอย่างประโยคทำร้ายจิตใจ แกมันโง่ แกมันคิดไม่เป็น แกมันไม่มีหัวคิด แกอ้วน แกดำ แกมันน่าเกลียด หรือการเปรียบเปรย เช่น แกไม่มีทางจะได้ดีเหมือนพี่
และการทำร้ายจิตใจอาจจะมาจา
การทำร้ายทางจิตใจ หรือด้วยคำพูด หรือด้วยการเพิกเฉย มักทำให้คนที่ถูกทำร้ายได้ร
เด็กบางคนที่โดนทำร้ายจากพ่
การทำร้ายจิตใจเด็ก เป็นการทารุณเด็กที่เกิดมาก
ไม่ว่าจะโดนแบบไหน เด็กที่เป็นเหยื่อมักต่อสู้
การทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดและ
นอกจากนี้ผู้ใหญ่ที่ทำ มักไม่ตระหนักว่าตนเองทำร้า
การจะเยียวยาบาดแผลจากการถู
การให้อภัยตนเองเป็นเรื่องท
: ท้ายสุด
คุณอาจเห็นคนแสดงความคิดเห็
ให้ร้ายคนอื่น ลดคุณค่าของคนอื่นเต็มไปหมด
ก็ให้เข้าใจเบื้องต้นได้เลย
เราอาจต้องให้โอกาสและช่วยเ
ให้เขาก้าวพ้นความเจ็บปวดใน
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะเราจะมาร่วมกันคิด
เพื่อสร้างแนวทางการสื่อสาร
ไม่ใช่การลดทอนคุณค่าของผู้
(เลิกเรียกคนอื่นว่า ควาย เหี้ย โง่ สลิ่ม คลั่งเจ้า ล้มเจ้า แมลงสาป ฯลฯ กันเถอะ แล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดอย่
เรียบเรียงใหม่โดยแอดมิน
อ้างอิง Andrew Vachss
จิตวิทยาวัยรุ่น : วิทยากร เชียงกูร
โพสท์ครั้งแรก 26 ม.ค.56
https://www.facebook.com/
....................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น